'เพื่อไทย' อัด ‘บิ๊กตู่’ แก้ปัญหาของแพงล้มเหลว แนะถอยได้แล้ว ก่อนประชาชนลุกฮือไล่

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศตกทุกข์ได้ยากอย่างแสนสาหัส จากการที่รัฐบาลนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพ ในภาวะที่ประชาชนตกงาน เรียนจบไม่มีงานทำมาตั้งแต่ปี 63 จนถึงสิ้นปี 64 รวมมากกว่า 2 ล้านคน ขณะที่ในเดือนนี้รัฐทยอยเลิกอุดหนุนค่าพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นลิตรละ 2 บาท กระทบกับต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก๊าซหุงต้มราคาปรับขึ้นอีก 15 บาทต่อถัง (15 กก.) และจะปรับขึ้นอีกในเดือนมิ.ย. อีก 15 บาท ทำให้ราคาอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ส่วนค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนนี้จนถึงส.ค.จะปรับขึ้นอยู่ที่หน่วยละ 4 บาทเป็นค่าไฟที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต้นทุนการใช้ชีวิตของประชาชนแพงขึ้นทั้งหมด ปัญหากำลังทับถมรุมเร้าคนไทยให้จนมุม ไม่สามารถจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แม้ทำงานมีรายได้ต่อวันหรือทำการเกษตร ก็ล้วนต้องทำมาเพื่อจ่ายไป ซ้ำที่หามาได้ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าอาหารต่อวันด้วยซ้ำ ขณะที่รัฐบาล คณะรัฐมนตรีหรือแม้แต่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ตามปกติ 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพมี 2 วิธี ทำได้ทันที คือ 1.) ปรับลดกำไรของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 3 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟน.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ลง โดยในปี 63 กฟผ. มีกำไรสุทธิ 31,311 ล้านบาท ปี 64 กำไรอยู่ที่ 33,486 ล้านบาท ส่วน กฟน. มีกำไรในปี 62 อยู่ที่ 5,356 ล้านบาท ปี 63 กำไรเพิ่มขึ้น 5,922 ล้านบาท ส่วน กฟภ.มีกำไรในปี 63 อยู่ที่ 9,986 ล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 15,694 ล้านบาท 

2.) กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปบริหารจัดการราคาสินค้าที่ปลายทางซึ่งมีราคาสูง ขณะที่ผู้ผลิตอย่างเกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวน หรือผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขายส่งสินค้าได้ในราคาที่ต่ำ ถูกกดราคา เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นยุคคนผลิตขายจน คนซื้อของแพง

“รัฐบาลไม่เคยบริหารจัดการราคาสินค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งที่วิกฤตโรคระบาด วิกฤตเศรษฐกิจ ล้วนเกิดจากน้ำมือการบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จนทำให้ของแพงทั้งแผ่นดิน ประชาชนถูกรัฐทอดทิ้งลอยแพให้มีชะตากรรมที่ต้องพึ่งพากันเองเสมือนไร้รัฐ หากทำได้เพียงเท่านี้ ท่านควรถอยไป ปลดปล่อยชีวิตประชาชนให้เป็นอิสระพ้นพันธนาการจากรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพโดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะลุกฮือ เพราะทนไม่ไหวกับชีวิตที่ถูกกดต่ำ แล้ววันนั้นรัฐบาลอย่าอ้างว่าเป็นความขัดแย้ง อ้างเหตุทำรัฐประหารอีกครั้ง” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว