Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

“ผบ.ทบ.” เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา สานสัมพันธ์ ความร่วมมืองานความมั่นคง

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะ เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา อย่างเป็นทางการในฐานะแขกของ กองทัพบกกัมพูชา ระหว่าง 3-4 ก.พ. 2565  นับเป็นการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มอาเซียนครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่ง ในโอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้เข้าเยี่ยมคำนับผู้นำประเทศและผู้บริหารระดับสูงของกองทัพกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา, สมเด็จพิชัยเสนาเตียบันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา, พล.อ.วงษ์ ปิเซน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา และพบปะแลกเปลี่ยนประสานความร่วมมือกับ พล.อ.ฮุน มาเน็ต ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา  

โดยเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และสานต่อความร่วมมือของกองทัพบกทั้งสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดนและด้านสิ่งแวดล้อม การฝึกศึกษา การแลกเปลี่ยนการเยือนของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ประเทศไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เป็นมิตรแท้ที่จริงใจต่อกัน ความสามัคคีและความร่วมมือถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้ทั้งสองประเทศ สามารถเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ได้อย่างมั่นคง รวมทั้งกองทัพบกจะผลักดันและส่งเสริมในความร่วมมือต่างๆตามกลไกที่มีอยู่ต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ทั้งเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือการพัฒนาหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ป่วยเจ็บตามแนวชายแดน เป็นต้น 

“ผบ.ทร.” ประณามนายทหารชั้นยศนาวาตรี สังกัดกองทัพเรือ ซ่อนกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ลงโทษให้ถึงที่สุด

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกำลังพลกองทัพเรือชั้นยศ “นาวาตรี” ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง ภายในสำนักงาน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อประกอบด้วยข้าราชการพนักงานลูกจ้างและนักเรียนฝึกงาน โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรีไปแล้วนั้น
     
พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ภายหลัง มีผู้พบกล้อง 2 ตัวติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำ ในสำนักงานของหน่วยงานราชการในสังกัดกองทัพเรือ  ขณะทำการซ่อมแซมระบบสายไฟ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามีการซ่อน กล้องต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของ ว่าที่ นาวาตรีเกียรติกร มั่งคั่ง สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์

พบหลักฐานคลิปวีดีโอของผู้เสียหายขณะทำภารกิจส่วนตัวซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558  ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดของ ว่าที่ นาวาตรี  เกียรติกรทได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ทำการกักควบคุมตัว ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกูล เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ ไปข่มขู่ผู้เสียหายและมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนเบี้องต้นพบว่า ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรกระทำความผิดจริง 

นักอ่านแถลงการณ์คณะปฏิวัติชื่อดัง ถาม!! ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูนายพล-นายร้อยคือใคร?

นายอาคม มกรานนท์ อดีตพิธีรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และอดีตผู้ประกาศข่าวและผู้อ่านประกาศแถลงการณ์คณะปฏิวัติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Akhom Makaranond’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูของนายพลกับนายร้อย คือ ใคร?”

คำถามนี้ยาวหน่อย ส่วนตอบจะยาวหรือสั้นไม่ทราบ ขอย้อนหลังเล่าเรื่องเก่าให้ฟัง แล้วช่วยกันคิดก็แล้วกันว่า มันพอจะเป็นไปได้ไหม? ถ้าฟังแล้วคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ

พรรคพลังประชารัฐ มีหลายคนบอกว่าเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจ ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับอำนาจรัฐของรัฐบาล คสช. จะเดินหน้าต่อไปหรือจะล่มสลาย คำถามนี้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในสังคมไทย

วันที่พรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อมสามจังหวัดติดต่อกันอย่างหมดศักดิ์ศรีของการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล

หลายคนที่ติดตามสถานการณ์ภายในพรรคนี้ ต่างทราบดีว่ามีความแตกแยกอย่างหนักเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่เหตุที่พรรคยังไม่ถึงกับแตกละเอียด ก็เพราะยังมีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือของนายกรัฐมนตรีและกลุ่ม ๓ ป.

คนที่เขามองพรรคอย่างเข้าใจเนื้อแท้ย่อมทราบดีว่า แม้ ๓ ป.จะประกาศว่ารักใคร่กลมเกลียวกันก็ตาม แต่ ป.ป้อม กับ ป.ประยุทธ์ ก็งัดกันมาในทีเป็นประจำ แต่ก็สู้อุตส่าห์กล้ำกลืนฝืนทนกอดคอกันมาได้ เพราะทุกๆ ป. รู้ซึ้งอยู่แก่ใจว่า หากแตกแยกกันวันใด จะต้องตกบัลลังก์แห่งอำนาจ และเมื่อหล่นแล้ว อำนาจก็จะถูกศัตรูที่ตนเคยรัฐประหารเขามา กลับมาเล่นงานอย่างหนัก

เพราะฉะนั้น ทั้ง ๓ ป. จึงต้องทนอยู่บนหลังเสือต่อไป เพราะไม่ต้องการลงมาแล้ว ต้องกลายเป็นศพไม่สวย

เห็นหรือยังว่า ฉากการเมืองแห่งความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๙ กับนายร้อยนอกประจำการ ผู้เต็มไปด้วยบาดแผลเต็มตัว และข้อรังเกียจจากสังคมที่มีต่อตัวของผู้กองนอกราชการคนนี้ และเป็นอดีตแกนนำคนสำคัญของพรรค 

นี่คือฉากการเมืองที่คอการเมืองไทยรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่า มันคือภาพของความขัดแย้งระหว่างนายพลกับนายพล คนหนึ่งหนุนหลังผู้กองนอกราชการมาตลอด แล้วเมื่อวันที่ผู้กองเดินออกจากพรรคไป พร้อมกับ ส.ส. อีก ๒๐ คน ทำให้ภาพความแตกแยกระหว่างนายพลกับนายพลเด่นชัดขึ้น จนไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป แล้วก็ทำให้ทุกคนรู้ด้วยว่า วันที่ผู้กองคนนี้กล้าต่อกรกับคนเป็นนายกฯ ในวันลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดนั้น มีภาพของนายพลอีกคนอยู่เบื้องหลังการแสดงบทกร้าวของผู้กอง

วันนี้ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย อาจจะยังรักนายกฯ ประยุทธ์ฯ เพราะเห็นว่าเป็นคนซื่อมือสะอาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่มองว่า ท่านนายกฯ คนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้แห่งอำนาจได้ ก็เพราะมีแรงหนุนจากพี่ใหญ่และ ส.ส.ในส่วนของพี่ใหญ่ 

ทีนี้เมื่อพี่ใหญ่เปิดภาพการเมืองออกมา โดยสั่งให้ผู้กองยอดรักและก๊วนออกไปอยู่พรรคอื่น (หลายคนมองว่าเป็นพรรคของพี่ใหญ่) ก็หมายความว่า นี่คือการเปิดศึกฉากสำคัญ เพื่อโจมตีนายกฯ โดยตรงนั่นเอง

“ไผ่" เผย “พรรคเศรษฐกิจไทย” จ่อแถลงเปิดตัวเร็วนี้ โว ฟัง “ธรรมนัส” หนุน “บิ๊กตู่” ต่อหรือไม่ 

การเมือง/ 3 กพ./ 

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงการเข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย ภายหลังจากถูกขับออกจากพรรคพปชร. ว่า ขณะนี้มี ส.ส.จำนวน 18 คน ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ซึ่งขั้นตอนขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  จะส่งเรื่องไปยังสภาผู้แทนราษฎรเมื่อไหร่

ส่วนเรื่องร้องเรียนกระบวนการขับออกจากพรรคพลังประชารัฐที่อาจจะไม่ถูกต้องนั้น ส่วนตัวไม่กังวล เพราะคิดว่าน่าจะถูกต้องและจบแล้ว ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่จะมาสังกัดพรรคเดียวกันหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ซึ่งนายสมศักดิ์เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะ หัวหน้าพรรคพปชร. ยืนยันว่าขั้นตอนการขับออกจากพรรคนั้นจบไปแล้ว ซึ่งคิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน รวมถึงนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส. ขอนแก่น อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกัน 

เมื่อถามถึง แนวทางพรรคเศรษฐกิจไทย ที่จะทำงานให้กับประชาชนนั้นจะเป็นอย่างไร นายไผ่  กล่าวว่า จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และที่ผ่านมาได้ทำถูกต้องมาตลอด แต่ต้องดูถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ส่วนการโหวตลงมติในสภา รวมถึงการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตอนนี้ยังไม่ขอตั้งธงว่าจะต้องโหวตเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผู้อภิปรายต้องบอกว่าไม่ดีตรงไหน เช่นเดียวกับกฎหมายงบประมาณ ที่ต้องดูตามหน้างาน เพราเรื่องงบประมาณจะเอามาเป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงบประมาณไปทำประโยชน์ให้กับประชาชน 

"จุติ" นำทีม พม. ช่วย "โกดังชาบู" ดึง เชฟชุมพล สอนเมนูใหม่ สู้ชีวิตอีกรอบ!!!

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทีมผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ พม. ลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหาครอบครัวนางสาวมธุรา  อดเหนียว (แก้ว) อายุ 31 ปี เจ้าของร้านโกดังชาบู ย่านตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. ซึ่งออกมาไลฟ์สดปิดกิจการทั้งน้ำตา หลังเปิดมานานกว่า 4 ปี และพยายามทำทุกทางเพื่อให้ร้านได้ไปต่อ เนื่องจากได้รับผลกระอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตโควิด-19  ทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก อีกทั้งต้องดูแลสามีที่มีอาการป่วยเป็นซึมเศร้า ลูกเล็กวัยเรียน 2 คนและคนงานอีก 7 คน

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่ร้านโกดังชาบู เพราะเห็นข่าวจากสื่อออนไลน์  โดยทราบว่าปัญหาลักษณะนี้มีมากมายทั่วประเทศ แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออกทางแก้เสมอ มันไม่ง่ายแต่ชีวิตต้องสู้  ซึ่งตนเห็นความเป็นนักสู้ของน้องแก้วและสามีที่มีภาระหนัก ซึ่งวันนี้ ตนมาในฐานะตัวแทนรัฐบาล เพื่อมาช่วยเหลือประชาชน  ขณะนี้ รัฐบาลมีโครงการประนอมหนี้ โดยให้ธนาคารของรัฐและเอกชน เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้งนี้  รัฐบาลอยากให้ทุกท่านรู้ว่า ท่านไม่ได้อยู่คนเดียว  เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  และพร้อมให้โอกาสคนที่ทำงานโดยสุจริต เมื่อเศรษฐกิจฟื้นจากสถานการณ์โควิด-19 ก็จะทำให้ชีวิตเดินต่อไปได้

นายจุติ กล่าวว่า กระทรวง พม. มีความเป็นห่วงในเรื่องครอบครัว  เพราะลูกทั้ง 2 คนที่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่เครียดจากปัญหาที่เกิดขึ้น ด้านคุณพ่อเครียดจากภาระหนี้สิน แต่มีคุณแม่ที่สู้ต่อและบอกให้โลกรู้ว่าจะสู้ต่อไป ดังนั้น กระทรวง พม. ได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้เท่ากับเราได้ช่วยอีก 11 ชีวิต รวมไปถึงลูกจ้างที่ไม่มีที่อยู่ ไม่มีงานทำ โดยเฉพาะช่วยให้เด็กๆ สามารถไปโรงเรียนได้

รวมไปถึงสามีให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม นับว่าเป็นการสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง ไม่ให้ครอบครัวเปราะบาง ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญตามนโยบายรัฐบาลว่า เราจะดูแลทุกครอบครัวให้เข้มแข็ง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกับปัญหาทุกครอบครัวที่มี มันไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหา ถ้าหากเจ้าตัวไม่สู้  ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือ เมื่อสู้แล้ว ต้องมีสติ ทักษะ และด้วยสองมือที่ไม่ย่อท้อ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปได้

ศบค. เผย WHO ห่วงที่หลายประเทศผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมมากเกินไป หวั่นยอดติดเชื้อทำยอดตายพุ่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทยตอนหนึ่งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ห่วงที่หลายประเทศที่กำหนดนโยบายผ่อนคลายโควิด19 มากจนเกินไป โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดอีกต่อไป ซึ่ง WHO ค่อนข้างเป็นห่วง

จึงออกมาย้ำเตือนว่าการแพร่ระบาดที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนั้นจะหมายถึงมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโอมิครอนที่รายงานที่แรกที่แอฟริกาเมื่อ 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดติดเชื้อไปแล้ว เกิน 90 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งปีของปี 63 จึงมีทิศทางที่ไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายมากเกินไป ซึ่งประเทศที่ผ่อนคลายชัดเจนคือ เดนมาร์ก ที่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาได้ยกเลิกมาตรการสาธารณสุขที่จำเป็นหลายอย่าง ทั้งเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รวมทั้งในแง่การดำเนินชีวิตมีการกำหนดว่า

พท. จี้ ทปอ. รับผิดชอบทำข้อมูลเด็ก TCAS รั่ว เหน็บเก็บค่าสอบแพง แต่คุณภาพเก็บข้อมูลต่ำ

พท. จี้ ทปอ. รับผิดชอบทำข้อมูลเด็ก TCAS ปี 64 รั่ว 2.3 หมื่นรายการ เหน็บเก็บค่าสอบแพง ต้องลงทุนระบบไอทีความปลอดภัยสูงด้วย

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก TCAS หลุดกว่า 23,000 รายการ และแฮกเกอร์นำไปประกาศขายว่า ถือเป็นการตอกย้ำความเสื่อมเสียของ TCAS อีกครั้ง ที่ทำให้ข้อมูลของเด็กที่สมัครสอบ TCAS ปี 2564 ในรอบ 3 หลุดไปจำนวนมากมายขนาดนี้ แม้ ทปอ. จะออกมาระบุว่าได้ประสานงานกับตำรวจในการสืบหาผู้กระทำความผิดที่ทำให้ข้อมูลหลุด แต่ยังไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะข้อมูลที่หลุดมีทั้งชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน และข้อมูลอื่นๆ สิ่งที่ ทปอ. ควรทำ คือ ต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลที่หลุดออกมา เพื่อป้องกันการเกิดกรณีที่มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในการหลอกลวงต่อ เพื่อสร้างความเสียหายให้กับเด็กและครอบครัวในอนาคต 

เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 เปิด 2 วันแรกผู้ใช้สิทธิจองห้องพักแล้วเกินกว่า 1 แสนสิทธิ 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ได้เปิดระบบให้ประชาชนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนในโครงการเราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เฟสที่1-3 ได้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิแล้ว โดยระบบได้เปิดให้ลงทะเบียนในเวลา 06.00-21.00 น. ของทุกวัน  

ส่วนผู้ที่เคยลงทะเบียนในเฟสที่ผ่าน ๆ มาแล้วไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่สามารถกดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อรับสิทธิในเฟส 4 จํานวน 10 สิทธิ หรือใช้ได้ 10 คืน และเริ่มใช้สิทธิในการจองห้องพักได้เลย   

‘ทิพานัน’ ชงท่าเรือเล็กเชื่อมรถ-ราง-เรือ ใต้ BTS วุฒากาศ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยนักท่องเที่ยว 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการที่นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำบริเวณคลองฝั่งธนบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ตนต้องขอขอบคุณกรุงเทพมหานครที่ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำบริเวณคลองฝั่งธนบุรี ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวชุมชน โดยเฉพาะคลองด่าน และคลองบางขุนเทียน ในเขตจอมทอง ซึ่งตนได้พยายามขับเคลื่อนให้พี่น้องประชาชนในชุมชนและนอกชุมชนเห็นสำคัญ สร้างความรู้ ความเข้าใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟู รวมทั้งข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ในพื้นที่ ด้วยการจัดโครงการ ‘เดิน ล่อง ท่อง คลอง’ ไป เมื่อเร็วๆ นี้ โดยเชื่อว่าเมื่อมีการเดินหน้าอย่างจริงจังจะได้ประโยชน์ทั้งการระบายการจราจร การรักษาสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ทำให้พี่น้องประชาชนในชุมชนริมคลองในพื้นที่จอมทอง-ธนบุรี และพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

'หญิงหน่อย' ติวเข้ม!! ว่าที่ผู้สมัคร ‘ส.ก.-ส.ส.’ กทม. ชูแนวทาง 5 พลัง 3 ปลดปล่อย เพื่อดูแลคนเมือง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย จัดประชุมนัดสำคัญในส่วนของผู้สมัคร ส.ส. และ ผู้สมัคร ส.ก.กรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมรับมือการเลือกตั้งกรุงเทพฯ โดยได้เน้นย้ำถึงนโยบายของพรรคที่ว่า... 

‘สร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นบ้านแห่งความสุขของคนกรุงทุกคน’ ด้วย 5 พลังสร้าง Empower ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น... 

>> การสร้างเศรษฐกิจ สร้างโอกาสทำมาหากิน 
>> สร้างโรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน 
>> สร้างสุขภาพดี 
>> สร้างการเดินทางที่สะดวก 
>> สร้างสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ทั้งการแก้ไขปัญหา PM 2.5 การแก้ไขปัญหาขยะ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และแสงไฟส่องสว่างสวนสาธารณะ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top