Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

บีโอไอ ฟุ้งต่างชาติลงทุนในไทยพุ่ง โชว์ยอดขอส่งเสริมทะลุ 6.4 แสนล้านบาท โต 59%

บีโอไอโชว์ปี 64 ยอดขอส่งเสริมทะลุ 6.4 แสนล้านบาท โต 59% ชี้ FDI หนุนเพิ่มขึ้นกว่า 163% ด้านบอร์ดไฟเขียวมาตรการส่งเสริมภาคเกษตร หนุนไทยสู่ ไบโอ ฮับภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมศูนย์การค้าผลผลิตทางการเกษตรระบบดิจิทัล

4 ก.พ. 65 นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า สถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 642,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนโครงการรวม 1,674 โครงการ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการแพทย์ มีอัตราการขยายตัวสูง จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 783 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 455,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเทศที่ยื่นขอรับการส่งเสริมที่มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น มีมูลค่าเงินลงทุน 80,733 ล้านบาท รองลงมา คือ จีน มีมูลค่าเงินลงทุน 38,567 ล้านบาท และสิงคโปร์ มีมูลค่าเงินลงทุน 29,669 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีมูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้น 340,490 ล้านบาท คิดเป็น 53% ของมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม ขณะที่สำหรับพื้นที่เป้าหมายอีอีซี มีการขอรับการส่งเสริมจำนวน 453 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 220,500 ล้านบาท โดยจังหวัดระยองมีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 112,740 ล้านบาท รองลงมาเป็นจังหวัดชลบุรี มูลค่าเงินลงทุน 74,550 ล้านบาท และจังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่าเงินลงทุนรวม 33,210 ล้านบาท

นอกจากนี้กิจการในกลุ่ม BCG ซึ่งครอบคลุมในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG ในปี 2564 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 152,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนโครงการ 746 โครงการ เพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตั้งแต่ปี 2558 - 2564 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG มีมูลค่ารวม 675,781 ล้านบาท รวม 2,996 โครงการ

นางสาวดวงใจ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนภาคเกษตร และเปิดประเภทกิจการใหม่ ได้แก่ กิจการศูนย์การค้าผลิตผลทางการเกษตรระบบดิจิทัล และกิจการนิคมหรือเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และทบทวนสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขสำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ไบโอ ฮับตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

‘ปลัดแรงงาน’ ประชุมร่วมภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ส่งเสริมให้แรงงานมีรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2565 พิจารณากำหนดแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงาน การขยายตลาดแรงงาน และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งกำหนดแนวทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ  ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ กล่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายผลักดันการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีงานทำ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาการว่างงาน ส่งเสริมการมีงานทำ ให้มีทางเลือกของพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งการออกไปทำงานต่างประเทศ ไม่เพียงแค่ส่งเงินกลับมา แต่เป็นการนำวิทยาการ ทักษะฝีมือ ในเทคโนโลยีใหม่ๆ กลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศด้วย ทั้งนี้ แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างต่างประเทศ เนื่องจากแรงงานไทยมีวินัยในการทำงานและมีทักษะฝีมือดี ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
 

ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน (ชิวสี่) ประจำปี 2565 สวดชัยมงคลคาถา(พะเก่ง) เฮง เฮง เฮง ตลอดปีขาล

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565 ในวันชิวสี่ หรือวันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน  ซึ่งเป็นวันที่ประกอบพิธีอัญเชิญ (รับ) เทพเจ้าลงจากสวรรค์ และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) สะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา โดยคณะสงฆ์ฝ่ายอนัมนิกาย ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 65 โดยขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทุกท่าน  “สักการะหลวงปู่ไต้ฮง” ขอพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ ลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา หรือ “พะเก่ง” เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้ครอบครัวมีสุข เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตาเสริมความมั่นคงสถาพร ตลอดปี 

พร้อมรับประทาน สาคูสิริมงคล  เพื่อความกลมเกลียวและอยู่เย็นเป็นสุข  รับฮู้ (ยันต์) ของหลวงปู่ไต้ฮง  ติดหน้าบ้านหรือพกติดตัวเพื่อคุ้มครอง  เคาะระฆังทอง ให้ก้องกังวานเพื่อให้ชีวิตสดใส การงานรุ่งเรืองระบือไกล และร่วมขอพรเทพยดาฟ้าดินเนื่องในวันประสูติ (ทีกงแซ)  ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ก.พ. 65  ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้หลวงปู่ไต้ฮง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ  ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ (โดยในวันที่ 31 มกราคม และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดบริการโต้รุ่ง)

‘โค้ชเช’ ปลื้ม!! ได้สัญชาติไทย ชื่อใหม่ ‘ชัชชัย’ หลัง ‘บิ๊กตู่’ ลงนามมอบสัญชาติให้ตามคำขอ

ได้เป็นคนไทยซักที สำหรับ ‘โค้ชเช’ หรือ ‘นายยอง ซอก เช’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย หลังจากเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า... 

วันนี้ได้ลงนามคำสั่งมอบสัญชาติไทยเพิ่มเติมประจำปีตามวาระ ซึ่งวันนี้ ‘โค้ชเช’ หรือ นายยอง ซอก เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ก็ได้รับสัญชาติไทยเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นคนไทยตามที่เขาข้อร้องมา เพราะเขาดูแลการกีฬาให้ประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร

‘โค้ชเช’ จะใช้ชื่อภาษาไทยว่า ‘ชัชชัย’ ที่สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นคนตั้งให้

กพร. คุมเข้ม!! ‘อัคราฯ’ หลังรีสตาร์ตเหมืองแร่ทองคำ ต้องอยู่ใต้กม. พร้อมอุ้มชุมชน-ชาวบ้านกระทบทุกมิติ

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงกรณีภาคประชาชนขอให้ตรวจสอบ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) รวมถึงความบกพร่องในกระบวนการต่างๆ หลังเตรียมเปิดกิจการเหมืองแร่ทองคำในจังหวัดพิจิตรอีกครั้ง โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้...

1.) กรณีขาดการมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่การต่ออายุประทานบัตรจำนวน < แปลงของบริษัท อัคราฯ เป็นการอนุญาตให้ประกอบกิจการ ในพื้นที่เดิม ไม่ได้มีการเพิ่มหรือขยายพื้นที่ใหม่แต่อย่างใด แม้การต่ออายุประทานบัตรตาม พ.ร.บ.แร่ 2560 ไม่ได้กำหนดให้ต้องจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในพื้นที่ แต่เนื่องจาก กพร. ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็น ความต้องการ และความเดือดร้อนของประชาชนบริเวณรอบพื้นที่เหมืองแร่ของบริษัท อัคราฯ ในรัศมี 500 เมตร และในรัศมี 500 เมตร - 3 กิโลเมตรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ในช่วงปี 2558 - 2564 รวม 5 ครั้ง ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่าง เพื่อให้ทุกหลังคาเรือนมีโอกาสได้มีส่วนร่วมเท่าๆ กัน ซึ่งผลปรากฏว่าส่วนใหญ่ต้องการให้เหมืองเปิดดำเนินการ

นอกจากนี้ กพร. ยังได้มอบนโยบายให้บริษัท อัคราฯ ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ทั่วถึงมากขึ้น และกำชับให้บริษัทฯ ส่งเสริม ช่วยเหลือ ดูแล และพัฒนาชุมชน เพื่อให้การประกอบกิจการได้รับการยอมรับมีความสัมพันธ์ที่ดี และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

2.) การเตรียมงบประมาณเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาชุมชนเพียงร้อยละ 0.1 อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ต่างประเทศ ต้องเตรียมงบฯ ดังกล่าวร้อยละ 0.9 นอกจากการดำเนินโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทดำเนินการด้วยความสมัครใจแล้วบริษัทยังต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของทางราชการ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท อัคราฯ ได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อการฟื้นฟูพื้นที่โครงการมากกว่า 600 ล้านบาท และนำเงินเข้ากองทุนประกันความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตปีละ 10 ล้านบาท ปัจจุบันมีเงินคงเหลือสะสม 80 ล้านบาท และตามกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำ 2560 และ พ.ร.บ.แร่ 2560 กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุน จำนวน 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ กองทุนฟื้นฟูพื้นที่เหมืองแร่ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ และกองทุนประกันความเสี่ยง ซึ่งบริษัทต้องนำเงินเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ 21 ของค่าภาคหลวงแร่ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ การจัดเก็บค่าภาคหลวงย้อนหลัง 6 ปี (ปี 2554 - 2559) กพร. จัดเก็บค่าภาคหลวงทองคำและเงินในอัตราก้าวหน้าหรือประมาณร้อยละ 10 ของมูลค่าแร่ จากบริษัท อัคราฯ ได้มากกว่าปีละ 500 ล้านบาท สามารถประมาณการเงินที่บริษัทต้องนำเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ล้านบาท ดังนั้น เงินที่จะถูกจัดสรรไปเพื่อการพัฒนาชุมชนจึงมีมากกว่าร้อยละ 1.0 ของมูลค่าแร่ นอกจากนี้ เงินค่าภาคหลวงที่จัดเก็บได้จะถูกจัดสรรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดร้อยละ 50 เพื่อใช้ในการพัฒนาชุมชนอีกด้วย

สวีเดน เตรียมบอกลามาตรการสกัดโควิด หวังให้ปชช. ใช้ชีวิตร่วมกับโอมิครอน

สวีเดนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) จะยกเลิกข้อจำกัดสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกือบทั้งหมดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ในขณะที่โรคระบาดใหญ่เข้าสู่ "ระยะใหม่หมด" จากตัวกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก แต่ก่ออาการเจ็บป่วยแค่เล็กๆ น้อยๆ

ในบรรดาข้อจำกัดภายในประเทศที่จะมีการยกเลิก คือ มาตรการปิดบาร์และร้านอาหารตอน 23.00 น. และจำกัดจำนวนการรวมกลุ่มทางสังคม

บัตรรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในร่มจะไม่มีการบังคับใช้อีกต่อไป เช่นเดียวกับคำแนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัยบนระบบขนส่งสาธารณะ

"โรคระบาดใหญ่ยังไม่จบ แต่เรากำลังเข้าสู่ระยะใหม่ทั้งหมด" แมกดาลีนา อันเดอร์สสัน นายกรัฐมนตรีสวีเดนบอกกับผู้สื่อข่าว "เรามีองค์ความรู้เกี่ยวกับโอมิครอนมากขึ้น ผลการศึกษาหลายการศึกษาเผยให้เห็นว่าโอมิครอนนำมาซึ่งอาการเจ็บป่วยรุนแรงน้อยลง"

ในขณะที่การแพร่ระบาดของโอมิครอน นำมาซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อในสวีเดนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ล้นระบบสาธารณสุขของประเทศ

สำนักงานสาธารณสุขของสวีเดนระบุในเวลาต่อมา ว่า พวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการตรวจเชื้อ โดยบอกว่าประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเชื้ออีกต่อไป แม้ป่วยแสดงอาการก็ตาม

"ในด้านศักยภาพการตรวจเชื้อนั้น เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นอย่างเต็มกำลังไปที่กลุ่มต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำการตรวจเชื้ออย่างแท้จริง" อันเดอร์ส เทกเนลล์ นักระบาดวิทยาของรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าว พร้อมระบุว่า ควรมุ่งเน้นทรัพยากรต่างๆ ไปยังเจ้าหน้าที่และคนไข้ภายในระบบสาธารณสุขมากกว่า

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขสวีเดนยังเผยด้วยว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐบาล ร้องขอให้เลิกกำหนดให้โควิด-19 เป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขอีกต่อไป

"ตอนนี้เรามองโควิด-19 ในฐานะโรคๆ หนึ่งและโรคระบาดใหญ่หนึ่งๆ ซึ่งมีลักษณะที่ต่างจากโรคและโรคระบาดใหญ่ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง และเพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีเหตุผลอีกต่อไปที่จะกำหนดให้มันเป็นภัยคุกคามของสังคม" เทกเนลล์ ระบุ

เวลานี้มีประชาชนชาวสวีเดนอายุ 12 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 83% และได้รับเข็มที่ 3 แล้วเกือบ 50%

“บิ๊กตู่” ร่ายยาว 25 นาที ลั่นพร้อมสู้ทุกดอก ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ชี้ ไม่ขอพูดนั่งเก้าอี้หัวหน้า พปชร. “เย้ย” สภาต้องไม่ล่มถ้าอยากเลือกตั้ง ปัดตอบเบื่อการเมืองหรือไม่ ไม่สนคนเตะถ่วง ขอทำงานหนักขึ้นอีก 2-3 เท่า ยอมรับร้อนใจมากกว่าร้อนแดด 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาต้องขอบคุณทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานในการร่วมมือและขับเคลื่อนโยบายของรัฐบาลเพื่อไปถึงมือประชาชนโดยรวม เราคือคนไทยด้วยกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมุ่งไปที่ประเทศชาติและประชาชนที่ต้องได้รับประโยชน์สูงสุด
  
“วันนี้การเมืองมีทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ถ้าเรามัวแต่ว่ากันไปกันมาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น อะไรที่มันช่วยได้ เป็นข้อมูลที่จะเตือนหรือบอก รัฐบาลก็พร้อมทำความเข้าใจให้ตรงกัน ทุกอย่างก็จะแก้ได้ ซึ่งวันนี้ก็ต้องไปดูแลในเรื่องงบประมาณปี 66 เพราะถือเป็นสิ่งที่เป็นความเป็นความตายของประเทศและประชาชน เรามีโอกาสมากมาย เพราะฉะนั้นอย่าทำลายโอกาสของเรา ด้อยค่าในการทำงานที่ดีๆ บางทีมันไม่เหมาะสมแต่ผมก็ว่าใครไม่ได้อยู่แล้ว ผมห้ามความคิดคนไม่ได้ แต่ก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังต้องทำอยู่ ขอบคุณทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

เมื่อถามว่าก่อนหมดวาระในตำแหน่งมีปัญหาและเรื่องใดที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่าเร่งหรือคำว่าเสร็จจะต้องมีการวางแผนดำเนินการเป็นขั้นตอน อะไรคือความเร่งด่วน กลุ่มใดเรื่องใดควรมาก่อนหรือหลัง หรืออาจจะต้องทำพร้อมกันทั้งหมด แต่คนเดือดร้อนมากที่สุดจะต้องได้รับการดูแลมากและเร็วหน่อย วันนี้มีทั้งคนที่ล้มไปแล้วแล้วกำลังจะล้ม รัฐต้องทำอย่างไรให้คนเหล่านี้พยุงเพื่อให้อยู่ได้ก่อน วันนี้หลายมาตรการของรัฐบาลจึงได้ออกมามาก และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ยืนยันว่าไม่ใช่การหาเสียง เป็นการทำเพื่อประชาชน เมื่อจำเป็นก็ต้องทำ รัฐบาลไหนที่เข้ามาก็ต้องทำแบบนี้ เป็นการทำด้วยความสุจริตใจ จะปล่อยให้หมักหมมต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ยืนยันว่านายกฯไม่เคยหยุดแก้ปัญหาตรงนี้ 
  
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เช้าวันเดียวกันนี้ได้เชิญที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมาหารือก็มีหลายประเด็นที่เป็นห่วง รัฐบาลจำเป็นต้องศึกษาหาแนวทางเพื่อสู่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมและทยอยมาตรการออกมาเรื่อยๆ บางอย่างจะให้ผลีผลามมากก็ไม่ได้เพราะจะส่งผลกระทบไปกันทั้งหมด
  
“ ขอให้ทุกคนเข้าใจและขอเพียงอย่างเดียวความรักความสามัคคีในวันนี้ ในส่วนของประชาชนและส่วนต่างๆ ถ้าเราไม่ร่วมกันมันแก้อะไรไม่ได้ทั้งหมด อย่าลืมว่าเราคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราไม่ใช้ศัตรูกัน”นายกฯกล่าว
  
เมื่อถามถึงความคืบหน้าประเด็นการสร้างความปรองดองที่รัฐบาลชูนโยบายต้งแต่เข้ามาถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะไม่ถึงไหน ตรงไหนได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ที่ผ่านมาวันก่อนมันเกิดอะไรขึ้น มีทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว การใช้อาวุธ การตีกัน แล้วที่ผมอยู่มามันก็ไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่หรือ มีแค่การประท้วงการร้องเรียน ผมก็เข้าไปคลี่คลาย ส่งคณะทำงานไปพูดคุยและนำเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ปัญหา แล้วจะมาบอกว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยได้อย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการระดมสมองในการแก้ไขปัญหา

ขณะเดียวกันก็มีการไปทำให้คนไปคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งผมไม่ต้องการให้คนไทยแบ่งเป็นฝ่าย จะรักผมหรือไม่รักผม ชอบหรือไม่ชอบ สิ่งนี้คืออันตรายที่สุด ท้ายที่สุดท่านไม่รักผมแต่ขอให้รักประเทศชาติของท่าน รักคนไทยเพื่อนพี่น้องร่วมชาติของท่าน ทุกคนต้องคิดแบบที่ผมคิดแบบนี้ ผมคิดแบบนี้มาตลอดผมถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะผมมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นตรงนี้ หลายคนก็เป็นห่วงสุขภาพก็ต้องขอขอบคุณ ผมคิดว่าผมยังมีแรงที่จะทำตรงนี้ได้อยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่มีการทุจริตหรือเรียกรับผลประโยชน์ ผมยืนยันตรงนี้ว่าผมเองทำอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง”
  
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุสภาล่มบ่อยจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะกฎหมายลูกที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้มันมีอยู่แล้วในโซเชียลก็มีสามารถไปเปิดดูได้ว่ามีสมาชิกเข้าไปประชุมกี่คน ก็จะเห็นได้ว่ามีพรรคไหนเข้ามาบ้าง บางคนมาไม่ได้เพราะติดกักตัว แต่บางพรรคมาแล้วไม่ลงชื่อ แบบนี้มันเป็นวิธีทางการเมืองหรือเปล่าตนไม่รู้ ในส่วนของกฎหมายลูกส่วนตัวก็อยากให้จบได้เร็วตามกำหนดการที่กำหนดไว้ แต่ตนไม่สามารถไปสั่งใครได้เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา

ทุกคนก็ต้องร่วมมือและเข้าไปร่วมกันพิจารณา ถ้าล่มอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของนายกฯคนเดียวคงไม่ใช่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อะไรก็ตามหากร่วมมือกันทุกอย่างก็ไปได้หมด ทุกคนอยากจะเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าอยากเลือกตั้งก็ต้องทำให้กฎหมายลูกเสร็จ โดยสภาต้องไม่ล่ม ยืนยันว่ากฎหมายสำคัญที่รัฐบาลออกไปทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้นและต้องผ่านให้ได้ ถ้าทุกอย่างรวนไปหมดก็จะแก้อะไรไม่ได้และกลับไปสู่ที่เดิม กลับไปสู่ความวุ่นวายมหาศาล อย่าลืมว่ามีบทเรียนมาแล้วในทุกเรื่องเหมือนสึนามิ 
  
“ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรมีอะไรดีขึ้นบ้าง อะไรที่ต้องแก้ไขผมก็รับผิดชอบทั้งหมด ก็ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว เมื่อถามว่าจากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯซึ่งยังไม่ชัดเจนในเรื่องการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงว่ายังมีโอกาสความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยังไม่ตอบอะไรทั้งนั้น มีปัญหาอะไรหรือ อะไรที่ยังไม่จำเป็นผมก็ยังไม่ต้องพูด เป็นเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจของผมเอง” เมื่อถามว่านอกจากการตัดสินใจของตัวเองต้องขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “คุณถามไม่รู้จะตอบอย่างไร และสื่อก็ไปคุยกับพล.อ.ประวิตรเองก็แล้วกัน
  
"สิ่งสำคัญวันนี้เราต้องสร้างการรับรู้ให้กับสังคมและประชาชน เพราะวันนี้สิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนไปจากเดิมคุยกันปากต่อปาก วันนี้ลองไปเปิดโทรศัพท์ดูมีการสร้างความขัดแย้งสร้างความไม่เข้าใจ 80%อยู่ในนั้น จริงบ้างไม่จริงบ้างสิ่งที่เป็นเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ผมก็รับมา อันไหนไม่เป็นประโยชน์ผมก็ไม่รู้จะไปอ่านทำไม ถ้าอ่านแล้วทำให้เราไม่สบายใจอย่าไปอ่านมันดีกว่า และอะไรที่มันไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็อย่าไปเปิดมันเลย อะไรที่พูดมาแล้วเชื่อถือไม่ได้ บางคนเครดิตไม่ควรจะพูดอะไรออกมาก็ไปเผยแพร่แบบนี้ แล้วบ้านเมืองมันจะจบหรือไม่ บ้านเมืองต้องการความสงบสุขไม่ใช่หรือ ต้องการความรักความสามัคคีไม่ใช่หรือ ผมไม่จำเป็นต้องสงวนเป็นนายกฯไปตลอดชาติ ตลอดชีวิตผมไปเมื่อไหร่เล่า ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้ ฉะนั้นไม่ต้องมากังวลว่าผมอยากจะมีอำนาจต่อไป ผมมีอำนาจเพื่ออะไร เพื่อผลประโยชน์หรือ ผมยืนยันไม่เคยมีผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่อยู่ 7-8 ปี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
  
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วแต่เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์เป็นสิ่งชี้วัดให้เห็นว่าอะไรดีหรือไม่ดี ถ้าเราไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็จะไม่รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ถ้าทุกคนไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติว่ามาจากไหน ศาสน์ กษัตริย์ มาอย่างไร ก็จะไม่รู้ว่าตัวเองคือคนไทยมาได้อย่างไร แล้วจะรักประเทศไทยของท่านได้หรือไม่ ขอถามแค่นี้ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นใครมาก่อน วันนี้ต้องมีการปรับและเปลี่ยนแปลงซึ่งทุกประเทศเป็นเช่นนี้ ไปดูบ้างว่าต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและโลกเป็นอย่างไร สงครามโลกแต่ละครั้งเป็นอย่างไรและวันนี้เกิดอะไรขึ้นในสงครามสมัยใหม่ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสงครามต่างๆมันพร้อมที่จะเกิดขึ้น แต่โลกก็มีบทเรียนมาแล้ว คนไทยอยู่ในประเทศที่มีศักยภาพซอฟพาวเวอร์ แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความปลอดภัย 
  
“เวลาไปต่างประเทศทุกคนเจอผม หรือแม้แต่ในประเทศไทยทุกคนรักประเทศไทย และพูดถึงประเทศไทยในทางที่ดีในทุกเรื่อง เขาจะหลอกผมไปทำไม แล้วทำไมเขาจึงอยากตั้งโรงงานที่ประเทศไทย ก็เพราะบ้านเมืองเราเรียบร้อยดูแลดี”นายกฯกล่าว
  
เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองวันนี้เตะถ่วงการทำงานของนายกฯและรัฐบาลหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ถ่วงผมไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเขาดึงผมไว้ผมก็จะทำงานให้หนักขึ้น 2-3 เท่า ผมไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นภาระที่จะต้องมานั่งสู้ ผมไม่สนใจเสียเวลาผม มีคนทำหน้าที่อยู่แล้วก็ปล่อยให้เขาทำไป หน้าที่ของผมคือการบริหารบ้านเมืองให้ดีที่สุด บรรเทาความเดือดร้อนให้ดีที่สุด ถือเป็นเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นของผม อะไรที่จะทำให้มีปัญหาบางทีผมก็ไม่รับ เพราะกลไกมันมีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องให้นายกฯทำทุกเรื่อง”

กอ.รมน. หนุนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เตรียมรับแรงงานต่างด้าวเข้าไทย เสริมความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ call center 1374 พร้อมบริการประชาชน รับแจ้งเหตุตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าใช้จ่าย

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสธ.ทบ./เลขาธิการ กอ.รมน. ประธานประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันผ่านระบบออนไลน์กับหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน โดย เลขาธิการ กอ.รมน. ได้เน้นย้ำในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ที่รัฐบาลมีแผนดำเนินการในปีนี้ ให้ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมลงพื้นที่สำรวจปัญหา ประชุมติดตามสถานการณ์ เพื่อปรับแก้และนำหนี้เข้าสู่ระบบ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

ขณะที่การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศของรัฐบาล ทั้งกระบวนการนำเข้าเพื่อจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่นำร่องกลุ่มแรกใน จ.สระแก้ว เมื่อ 1 ก.พ.65 ที่ผ่านมา และการผ่อนผันขยายเวลาทำงานในประเทศให้กับแรงงานต่างด้าวเดิมที่ลงทะเบียนอยู่ในระบบถึง 13 ก.พ.66 นั้น ให้ กอ.รมน. ส่วนภูมิภาค อำนวยการประสานร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด ภาคเอกชน สถานประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามขั้นตอนนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ในช่องทางที่กำหนดอย่างถูกต้อง และมีการคัดกรองป้องกันโควิด-19 ตามแนวทางกรมควบคุมโรคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, พัฒนาระบบจ้างงานในประเทศ และเพื่อให้ภาคธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆ มีแรงงานที่เพียงพอ ได้รับสวัสดิการและสิทธิตามกฎหมาย เพิ่มการผลิต เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับนโยบายการเปิดประเทศต่อไป

ส่องหลายประเทศ เริ่มคลายล็อก-ใช้ชีวิตกับโควิดเร็ว ความน่ากังวล ‘ยอดป่วย-ตาย’ ขยับหวนคืน

ปัจจุบันหลายประเทศกำลังผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด เพื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตปกติ ล่าสุดนิวซีแลนด์ประกาศเปิดประเทศ ยกเลิกกักตัวคนเดินทาง ส่วนบริษัทใหญ่เกาหลีใต้ขอให้พนักงานตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงาน หรืองดมาทำงาน 2 สัปดาห์ ขณะที่บังกลาเทศขยายการปิดโรงเรียนต่อไปอีก เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

แม้ในความเป็นจริง การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 จะยังคงดำรงอยู่ แต่ขณะนี้มีหลายชาติเพิ่มมากขึ้นที่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนกลับไปใช้ชีวิตด้วยการปาร์ตี้ในไนต์คลับ นั่งดูภาพยนตร์ติดกัน และไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกครั้ง

แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งประเทศจำนวนมากค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด ท่ามกลางความหวังว่าการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนน่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว ซึ่งอาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งหลังการแพร่ระบาดที่ยาวนานเกือบสองปี และอาจนำไปสู่การรับมือกับโควิดในวิธีเดียวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัด

ยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดมานานหลายเดือน มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มมากที่สุด ไม่ว่าจะในอังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงหลายประเทศที่ได้ยุติหรือผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม เช่นเดียวกับในสหรัฐฯ ที่หลายเมืองได้มีการยุติคำสั่งให้ผู้คนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แต่ยังบังคับให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียนและระบบขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกมากกว่า 370 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5.6 ล้านคน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศยกเลิกข้อบังคับให้ผู้คนเข้ารับการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงนิวซีแลนด์รวมถึงเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับเสียงตอบรับด้วยความยินดีจากชาวนิวซีแลนด์หลายพันคนที่ยังคงติดค้างอยู่ในต่างประเทศ และเฝ้ารอที่จะเดินทางกลับบ้าน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 นิวซีแลนด์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดมากที่สุด โดยผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องกักตัวในโรงแรมที่กำกับดูแลโดยทหารเป็นเวลา 10 วัน

ขณะที่บริษัทใหญ่ในเกาหลีใต้บางแห่งใช้มาตรการสกัดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการขอให้พนักงานตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงานในวันนี้ หรืองดมาทำงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากคนจำนวนมากเพิ่งกลับจากการเดินทางวันหยุดปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ตัวอย่างเช่น กาเกาคอร์ป บริษัทแอปพลิเคชันแชตรายใหญ่ ห้ามพนักงานเข้าสำนักงานจนถึงวันที่ 18 ก.พ. โดยจะยกเว้นให้เป็นบางกรณี ซึ่งต้องตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในพื้นที่ที่จัดไว้และมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น และหลังจากวันที่ 18 ก.พ. พนักงานต้องตรวจหาเชื้อก่อนมาทำงาน ด้านเอสเคอินโนเวชัน บริษัทด้านพลังงาน และแอลจีเอเนอร์จีโซลูชัน ผู้ผลิตแบตเตอรี ได้แจกชุดตรวจให้พนักงานตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และขอให้ตรวจก่อนกลับมาทำงานตั้งแต่วันนี้ ขณะที่หน่วยงานรัฐบาลเกาหลีใต้ก็ใช้มาตรการลักษณะเดียวกัน

'กระทรวงแรงงาน' เตือน 'แรงงานไทย' อย่างหลงเชื่อนายหน้าเถื่อนแอบอ้างพาทำงานซาอุฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการ กรมการจัดหางาน แนะวิธีเดินทางทำงานต่างประเทศถูกกฎหมาย หลังนายหน้าเถื่อน ระบาดเหนือ – อีสาน หลอกคนหางาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการร่วมคณะกับท่านนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย และได้มีการเจรจาหารือ เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานไทยได้เดินทางไปทำงาน ซึ่งทางการของซาอุดีอาระเบียให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยที่ซาอุดีอาระเบียมีความต้องการแรงงานจากต่างชาติเข้าไปทำงานถึง 8 ล้านคน

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือด้านการจัดส่งแรงงาน ในส่วนของประเทศไทย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน มีการพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ หากได้ข้อสรุปก็จะมีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม แห่งซาอุดีอาระเบีย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

“การดำเนินการเพื่อให้เกิดการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานซาอุดีอาระเบีย เป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญมาก เพราะถือเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย และแรงงานไทยจำนวนมากที่ต่างรอคอยการเดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพ ฉวยโอกาสหลอกลวงคนหางานว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ โดยกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้กำลังระบาดมากแถบภาคเหนือและอีสาน ซึ่งล่าสุดได้สั่งการกรมการจัดหางานประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการหลอกลวงดังกล่าวในทุกช่องทาง”

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มอบหมาย  นายสันติ นันตสุวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ประชุมการเตรียมความพร้อมในการจัดส่งคนหางานไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และแนวทางป้องกันการหลอกลวง รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องกลวิธีที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชนคนหางาน ร่วมกับกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กองบริหารแรงานไทยไปต่างประเทศ สำนักงานจัดหางานจังหวัดภาคเหนือและสำนักงานจัดหางานจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทุกจังหวัด

โดยเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน จะลงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงสูง เพื่อให้คำแนะนำ และชี้แจง ให้ความรู้กับประชาชนที่สนใจการไปทำงานต่างประเทศ และผู้นำท้องถิ่นให้มีความเข้าใจขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง ทราบถึงกลวิธีการหลอกลวงของกลุ่มผู้หลอกลวงคนหางาน โดยเป็นการสร้างแนวร่วมระหว่างชุมชนกับหน่วยราชการเพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลให้ แก่ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนสอดส่องดูแล แจ้งข้อมูล เบาะแส พฤติการณ์ของสาย / นายหน้าเถื่อน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top