Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

“แรมโบ้” แนะ ปชช. จำชื่อส.ส.ทำสภาล่ม คราวหน้าอย่าเลือก เปลืองงบฯ เปลืองภาษี ไล่เอาปี๊บคลุมหัว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับกรุงเทพโพลที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยกับโครงการคนละครึ่งเฟส 4” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.4 จะเข้าร่วม โครงการคนละครึ่งเฟส 4 และอยากให้มีโครงการ คนละครึ่งต่อไป ร้อยละ 69.3 อยากให้มีต่อไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะหายไป 

นายเสกสกล กล่าวว่าโครงการส่วนใหญ่ของรัฐบาล เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนที่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19  ดังนั้นจึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศอยากให้มีโครงการออกมาและอยากเข้าร่วมโครงการของทางภาครัฐ ตนเองยังได้รับคำชื่นชมจากพ่อค้าแม่ค้า ว่าอยากให้รัฐบาลทำโครงการคนละครึ่งอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของคึกคัก แม้ว่าราคาสินค้าบางรายการจะมีราคาที่แพงขึ้น แต่สามารถนำโครงการคนละครึ่งไปซื้อได้

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวนายกฯและรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าแพง และจะหามาตรการใหม่ๆ ออกมาให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่านายกฯไม่ทอดทิ้งประชาชนในเวลาที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน นายกฯมีความจริงใจตั้งใจทำงาน ช่วยเหลือเยียวยาคนทุกกลุ่ม จนเป็นที่พอใจของพี่น้องประชาชน 

นายเสกสกล กล่าวว่า จะมีก็เพียงพรรคฝ่ายค้านที่นายกฯทำอะไรก็จะออกมาด่าทอใส่ร้ายโจมตี ไม่เคยชื่นชมในสิ่งที่นายกฯทำดี เล่นการเมืองมากจนเกินไปโดยไม่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เพียงเพื่อล้มนายกฯ ล้มรัฐบาล หวังกลับมามีอำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง นักการเมืองประเภทนี้สุดท้ายประชาชนจะพิพากษาลงโทษเอง ยังเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าไม่มีความคิดสร้างสรรค์

#INTERLINK ขอบคุณลูกค้าคนพิเศษภาคใต้ ณ โรงแรมเชอราตัน สมุย

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ ต้อนรับกลุ่มลูกค้าคนพิเศษในงาน "INTERLINK THANK YOU VIP 2022" สำหรับลูกค้ากลุ่มภาคใต้ เพื่อตอบแทนที่ให้การสนับสนุน เชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์ LINK ในบรรยากาศริมทะเล ฟังดนตรีสบาย ๆ ริมชายหาด และพูดคุยเทรนด์เทคโนโลยี พร้อมกิจกรรมแจกของรางวัลมากมาย อีกทั้งตอนเช้ายังได้นิมนต์พระมาให้ทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรริมหาดเฉวง ทั้งอิ่มบุญ และอิ่มใจไปพร้อม ๆ กัน

"เทพไท" โวย แก้ กม.ให้ส.ส.-สว.หาเสียงให้ท้องถิ่นได้ไม่พอ ต้องแก้ให้มี สข.กับคน กทม.ด้วย จี้ สภาเร่งแก้กฎหมายท้องถิ่นให้เร็วทันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-สก.-สข.ไปพร้อมกัน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า จากกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอเลื่อนระเบียบวาระการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ทันกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเมืองพัทยา ซึ่งเป็นการแก้ไข มาตรา 34 เปิดโอกาสให้ข้าราชการการเมือง ส.ส. สว. หรือผู้มีตำแหน่งทางการเมือง เข้าไปร่วมกิจกรรมหาเสียงกับผู้สมัครสภาท้องถิ่นได้

ทั้งนี้หากกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบ จะทำให้พรรคการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วม กับการเมืองท้องถิ่น ส่งเสริมการเมืองท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยจะมีการนำเรื่องดังกล่าว เสนอเพื่อขอมติจากวิปรัฐบาล เสนอเลื่อนวาระการพิจารณาต่อที่ประชุมสภาฯ ในวันพุธที่ 9 ก.พ.นี้ เพื่อสามารถพิจารณาได้ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.พ.

ถ้าหากร่างพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ฉบับที่…พ.ศ…..ที่กล่าวอ้างนั้น เป็นฉบับเดียวกับที่เสนอโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะเสนอ จะเป็นเรื่องที่ดีมาก   เพราะร่างพระราชบัญญัติฉบับนั้น มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดให้มีสมาชิกสภาเขต (สข.)ด้วย ซึ่งถูกตัดออกไปในยุคของ คสช. ปรับเปลี่ยนเป็น คณะกรรมการประชาคมเขต ที่มาจากการแต่งตั้งของผู้อำนวยการเขต ซึ่งขัดกับหลักการปกครองท้องถิ่น ที่สมาชิกสภาเขต (สข.) ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง 

โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” ยินดีโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 กระตุ้น - ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริงและต่อเนื่อง คาดติมเม็ดเงินในระบบสะพัดกว่า 7 หมื่นล้านบาท  เตือนร้านค้า-ประชาชนใช้จ่ายตามเงื่อนไข ห้ามแลกเงินสดผิดกฎหมาย ตรวจพบตัดสิทธิ์ทันที 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกเมื่อวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าการใช้จ่ายล่าสุด (ข้อมูล วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565) มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 24.99 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 8,886.93 ล้านบาท

โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้ 1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 15.88 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 7,084.1 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 3,584.4 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 3,499.7 ล้านบาท 2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 8.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,691.26 ล้านบาทและ 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 0.57 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 111.57 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ว่า เป็นไปตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังได้ตรวจสอบพบหลักฐานผู้ประกอบการกระทำความผิดเงื่อนไขโครงการฯ ในลักษณะไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริง

โดยได้มีการระงับสิทธิผู้ประกอบการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ไม่หวังดีที่เสนอจะช่วยหาประโยชน์จากโครงการฯ โดยไม่ได้ทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริงอย่างเด็ดขาดเพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิด ด้วย

'ศ.ดร.กนก' ชี้! ทางรอดเศรษฐกิจไทย กระจายเม็ดเงินจากทุนสู่รากหญ้า ปลดล็อกสุราพื้นบ้าน ให้โอกาสทุกคนบนนโยบายที่เท่าเทียม วอน ส.ส.ทุกพรรค ประคองสภา อย่าให้ล่มแล้วล่มอีก เร่งออกกฎหมายเพื่อชาวบ้าน 

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันว่าการจะคืนคงจะเป็นเรื่องยากและรัฐบาลคงไม่สามารถใช้เงินแจกไปได้ตลอด ถึงเวลาที่ต้องกลับมาคิดที่จะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ กระจายเม็ดเงินที่เคยหมุนเวียนขนาดใหญ่ มาถึงมือคนตัวเล็กตัวน้อยให้ได้มากที่สุด

ให้โอกาสกับทุกคนบนนโยบายที่เท่าเทียม ถึงเวลาให้ชาวบ้านต้มสุราพื้นบ้านได้แล้ว เพราะสุราพื้นบ้านที่ชาวบ้านผลิตมี”เอกลักษณ์”ของตัวเอง ทั้งรสชาต กลิ่น และคุณภาพที่สามารถแข่งขันได้ นี่คือกลไกใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และ SME ในชนบท

สุราพื้นบ้านคือกุญแจดอกแรกที่จะช่วยแก้ไข”ความเหลื่อมล้ำ”ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย พราะสุราพื้นบ้านจะสร้างรายได้มหาศาลให้เกษตรกรตัวเล็กตัวน้อยที่จะช่วยลดช่องว่างของรายได้ 

จีนเสนอ “เรือดำน้ำมือสอง” 2 ลำมาแล้ว คาดให้ฟรีในฐานะมิตรประเทศ แต่ต้องปรับคืนสภาพให้พร้อมใช้งาน ทร. อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจะไปเจรจาหรือไม่ 

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.มีรายงานว่า จากกระแสข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมอบเรือดำน้ำชั้น Song (ซ่ง) ให้ไทย 2 ลำ แต่ไม่มีคำยืนยันจากกองทัพเรือ และ กระทรวงกลาโหมของไทยในเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาทางบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนซึ่งรับหน้าที่บริหารเรือดำน้ำมือสองที่กำลังปลดประจำการในกองเรือดำน้ำกองทัพเรือจีน  ได้ประสานงานเพื่อแจ้งความประสงค์ผ่านสำนักผู้ช่วยฑูตทหารประจำกรุงปักกิ่ง ว่าทางบริษัททีเรือดำน้ำมือสองจำนวนหลายลำ ที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพเรือไทย หากสนใจในโครงการดังกล่าวให้แจ้งความประสงค์ในการหารือในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุว่าเป็นการให้เปล่า หรือเป็นการซื้อในราคามิตรภาพ  
 
แหล่งข่าวจากกองทัพเรือ ระบุว่า  เป็นครั้งแรกที่มีการแสดงเจตนารมณ์อย่างเป็นทางการ เพราะก่อนหน้านี้เป็นเพียงกระแสข่าวว่าทางการจีนได้มีการพูดคุยกับคณะทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  และจะให้เรือดำน้ำฟรี 2 ลำ แต่ไม่มีการยืนยันข่าวจากฝั่งของ พล.อ.ประวิตร แต่อย่างใด ทั้งนี้  ทางพล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ จะได้นำข้อเสนอของบริษัทฯ ไปพิจารณาร่วมกับ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์  เสนาธิการทหารเรือ  ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ทร. ว่าจะไปพูดคุยในรายละเอียดหรือไม่ และถ้าสรุปว่าจะพูดคุย ก็ต้องดูรายละเอียดว่ามีข้อเสนออย่างไร  ซึ่งจะเป็นการให้เปล่า หรือ เป็นการซื้อในราคามิตรภาพ ยังไม่มีการยืนยัน
 
อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบเรือดำน้ำ ชั้น Ming(หมิง)ให้กับกองทัพเรือเมียนมาร์ เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ ทร.เมียนมาร์มีเรือดำน้ำเข้าประจำการแล้ว 2 ลำ จึงคาดว่าข้อเสนอของจีนจะเป็นเสนอแบบให้เปล่ากับไทยในฐานะมิตรประเทศเช่นกัน   ซึ่งต้องดูในรายละเอียดว่าจะต้องซ่อมปรับคืนสภาพ และ ต้องใช้งบประมาณในนำเข้าประจำการเท่าใด รวมถึงมีข้อเสนออื่นๆ ที่ ทร.ไทยจะได้รับเพิ่มเติมหรือไม่ 

'ราเมศ' ชี้ ประธาน 'ชวน' ทำหน้าที่สมบูรณ์ ซัด พิเชษฐ์' ย้อนดูตัวเอง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีองค์ประชุมในสภาไม่ครบ จนเป็นเหตุให้สภาล่มไม่สามารถประชุมต่อไปได้นั้นว่า

ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ที่สุด ในการดำเนินการเพื่อให้สภาเดินหน้าประชุมต่อไปได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ
หลักการสำคัญเรื่ององค์ประชุมโดยแท้ที่จริงเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทุกคน จริงอยู่ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงข้างมากมีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมเสียงในสภาให้ได้ แต่ ส.ส.ทุกพรรค ทุกฝ่ายก็ต้องยึดหลักประโยชน์ของ ปชช และประเทศเป็นที่ตั้งด้วย ถ้าจะเอาทุกเรื่องมาเล่นการเมืองทั้งหมดก็จะเกิดความเสียหายตามมา ไม่ส่งผลดีต่อภาพรวมต่อการทำงานในสภา เวลาของสภาเหลือไม่มากทุกฝ่ายควรตั้งหลักมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อประชาชน

นายราเมศกล่าวต่อว่า กรณีที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.จังหวัดเชียงราย ลุกขึ้นประท้วงแล้วกล่าวหาประธานว่าทำหน้าที่แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นนั้น เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่มากล่าวหาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และไม่ตรงกับความจริง ถ้านายชวนเป็นคนเช่นนั้น ไม่อยู่ในทางการเมืองมาได้จนถึงวันนี้แน่นอน การทำหน้าที่ที่ผ่านมาในฐานะประธานสภา เห็นได้ชัดว่าทำได้อย่างสมบูรณ์ ตรงไปตรงมา เป็นกลาง ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง นายพิเชษฐ์ ก็ต้องย้อนกลับไปดูตัวเอง พรรคพวกตัวเอง แล้วจะรู้ความจริงชัดขึ้นว่าใครเป็นอย่างไร บางคนความดีก็ไม่เอาใส่ตัว แถมยังชี้หน้าว่าคนอื่นชั่ว คิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง พฤติกรรมที่แย่ๆแบบนี้ประชาชนมองดูการทำหน้าที่ของตัวแทนเขาอยู่ แต่ท้ายที่สุดก็มีการขอโทษประธานสภาแต่ที่ต้องหยิบยกมาพูดเพื่อชี้ให้เห็นว่าการพูดจาในเรื่องใดด้วยอารมณ์ก็ต้องระมัดระวัง

นายราเมศกล่าวตอนท้ายว่า ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นแบบอย่างในการทำหน้าที่ ความน่าเชื่อถือไม่ใช่เกิดจากการเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลแต่ความน่าเชื่อถือเกิดจากการตระหนักในหน้าที่และได้ปฏิบัติงานอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาได้ย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอด

“จุรินทร์” นำทีมเปิดตัว 3 เลือดใหม่ ชิง ส.ส. นครศรีธรรมราช 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส. ร่วมกันเปิดตัวเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ 

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมการสำหรับการเฟ้นตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งได้มีการดำเนินการมาโดยลำดับอยู่แล้ว ซึ่งในการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา จ.นครศรีธรรมราช มีการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 8 เขต มีผู้แทนราษฎร 8 ท่าน และในการเลือกตั้งครั้งหน้าตามที่ กกต. ได้จัดเตรียมไว้ จะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีก 1 เขต รวมเป็น 9 เขต  

สำหรับวันนี้เป็นความคืบหน้าในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีเลือดใหม่ที่มีศักยภาพอย่างน้อย 3 ท่าน ที่ได้แสดงความจำนง และมีความสนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช และถือว่าได้ผ่านกระบวนการการพิจารณาเบื้องต้นของผู้บริหารพรรค แต่ยังมีขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค และเป็นไปตามกฎหมายอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งเลือดใหม่ 3 ท่าน ดังกล่าว ประกอบด้วย 
1. นายราชิต สุดพุ่ม อดีตนายอำเภอเมือง นครศรีธรรมราช และอดีตปลัดจังหวัด ตำแหน่งล่าสุดคือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้รับรางวัลจากผลงานที่ได้รับการยกย่องคือเป็นนายอำเภอดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2550 และเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น รางวัลครุฑทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2550 
2. นางอวยพรศรี เชาวลิต จบปริญญาโท และเป็นสมาชิก อบจ. 3 สมัย เป็นประธานสภาสตรี อ.ท่าศาลา ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน และเคยได้รับรางวัลสตรีดีเด่นของ จ.นครศรีธรรมราช พ.ศ. 2553 นอกจากนั้นยังเคยดำรงตำแหน่งรองประธานสภา อบจ. นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี 2555-2563 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภา อบจ. ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน 
3. นายพิทักษ์เดช  เดชเดโช เป็นคนรุ่นใหม่ อายุเพียง 30 ปี เป็นนักกฏหมาย จบปริญญาตรี และปริญญาโท นิติศาสตร์บัณฑิต และนิติศาสตร์มหาบัณฑิต เป็นกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 6 นครศรีธรรมราช และเป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาการดำเนินงานในการบริหารจัดการสินทรัพย์ และบริหารจัดการหนี้ ปัญหาหนี้สินจากบังคับคดี และปัญหาหนี้นอกระบบ 

“ทั้ง 3 ท่านนี้ถือว่าเป็นเลือดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาของผู้บริหารเบื้องต้น ที่จะเป็นผู้สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. นครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งครั้งหน้า” นายจุรินทร์กล่าว 

พร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ได้สอบถามว่า การเปิดตัวผู้สมัครในครั้งนี้ เป็นการเตรียมการเลือกตั้งจะมีขึ้นเร็วๆ นี้หรือไม่ จากการสัมภาษณ์ล่าสุดของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า การยุบสภาต้องมีการหารือกับพรรคร่วมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการพูดคุยกับนายกฯ เรื่องยุบสภาแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพูดคุยกับตน และนายกฯ กับตนยังเคยไม่คุยกันเรื่องยุบสภาว่าจะมีหรือไม่ เป็นอย่างไร เมื่อไหร่ ไม่มีครับ แต่การเปิดตัวผู้ที่สนใจ เปิดตัวเลือดใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค เราทำมาโดยต่อเนื่องอยู่แล้วภายใต้แคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ”

วันนี้ถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ว่า และพรรคประชาธิปัตย์มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร และผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคมาโดยลำดับอยู่แล้ว เพียงแต่เที่ยวนี้ถึงคิวนครศรีธรรมราช ถัดจากนี้ก็ตั้งใจว่าหากเป็นไปได้ก็จะเป็นจังหวัดกระบี่ และจะไปจังหวัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับในภาคใต้ ขณะนี้ผู้สมัครมีความพร้อมเกือบครบทั้งหมดแล้ว ยังขาดเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่มีผู้สมัครเกินจำนวน และยังไม่ได้เคาะ แต่ส่วนใหญ่เบื้องต้นได้มีการเคาะกันไปแล้ว 

'รองโฆษก ปชป.' ชี้ เหตุสภาล่มประชาชนเสียหาย ซัดฝ่ายค้านหยุดเอาองค์ประชุมมาเป็นเกมการเมือง วอนช่วยกันรักษาภาพลักษณ์สภา

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่องค์ประชุมสภาไม่ครบทำให้ต้องปิดการประชุมเมื่อวานนี้ ว่า ไม่ใช่เป็นการดิสเครดิตรัฐบาล แต่เป็นการสร้างเสียหายให้กับประชาขน และภาพลักษณ์ของสภา เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าขณะนี้มี ส.ส.หลายคนโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ระหว่างการรักษาตัว และอยู่ระหว่างกักตัวของกลุ่มเสี่ยง

โดยระเบียบวาระการประชุมเมื่อวานนี้รายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งก็เป็นผลงานที่ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้ร่วมกันพิจารณา ไม่ใช่กฎหมายของรัฐบาล ดังนั้น ส.ส.ฝ่ายค้านน่าจะเข้าใจสภาวะโควิด และน่าจะช่วยกันทำภารกิจให้เสร็จสิ้นไป โดยที่ไม่มองเป็นเกมการเมือง

“การที่สภาล่มนั้น ความเสียหายไม่ได้เกิดกับรัฐบาล แต่เกิดกับพี่น้องประชาชน และกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภา เพราะประชาชนเขาเฝ้ารอดูการทำงานของผู้แทนของเขาอยู่ และเขาจะตำหนิเอาได้ว่า ส.ส.มัวแต่เล่นเกมการเมืองกันมากเกินไป จนไม่สนใจผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ” นายอัครเดช กล่าว 

'บิ๊กตู่' กำชับ 'ททท.' ตรวจสอบโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4  เตือน อย่าช่วยโอกาสขึ้นราคา ย้ำ พบผิดเข้มกฎหมาย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน มีกรณีร้องเรียนว่า โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ปรับราคาขึ้นสูงกว่า 40% นั้น พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามและสั่งการให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นอย่างที่เป็นกระแสในโซเชียล เนื่องจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4  ไม่ได้เปิดรับผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อเข้าร่วมโครงการในเฟสนี้ 

นายธนกร กล่าวว่า ดังนั้น โรงแรมต่างๆ ยังต้องใช้จำนวนห้องพักและราคาห้องพักเดิมที่แจ้งไว้ตั้งแต่เฟส 3 จะไม่สามารถปรับราคาได้ ที่ประชาชนพบว่ามีราคาที่สูงขึ้น อาจเกิดเนื่องจากจำนวนห้องที่ทางโรงแรมสมัครเข้าระบบอาจจะเต็มในช่วงเวลานั้นๆ ทำให้ต้องปรับประเภทของห้องพักที่อาจราคาสูงขึ้นได้ ซึ่ง นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม อย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา เพราะทุกโครงการที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน หากพบการกระทำที่เข้าข่ายผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที 

นายธนกร กล่าวว่า ครม. ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2565 โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก 40% สูงสุด 3,000 บาท/ห้อง/คืน คนละไม่เกิน 10 ห้อง คูปองส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600 บาทต่อห้องต่อคืน ประชาชนจะชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง  และค่าโดยสารเครื่องบิน จำนวน 6 แสนสิทธิ เป็นโครงการที่เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top