Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

“รัชดา” เผย รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมออมรายย่อย ผ่านกอช. วันละ30บาท สะสมบำนาญ 3พัน แจง สมาชิกที่หยุดส่งเงินจากเหตุโควิด -19 ไม่เสียสิทธิ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำหนดให้การออมเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงในบั้นปลายชีวิต สร้างวินัยการออมในทุกช่วงวัย โดยมีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นกลไกส่งเสริมการออมของประชาชนรายย่อย ผ่านการสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งจะได้บำนาญเมื่อสมาชิกมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้กับผู้ที่นำส่งเงินออมตามระดับอายุของผู้เป็นสมาชิก และเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินสะสม  ซึ่งในช่วงปี 2561 จนถึงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 มีอัตราการเติบโตของสมาชิกและการนำเงินส่งออมเข้ากองทุนฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 จาก 6.1 แสนคน ปัจจุบัน  2ล้านกว่าคน แต่ด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้สมาชิกมีรายได้ลดลง ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หยุดการนำส่งเงินเข้ากองทุน ทั้งนี้  รัฐบาลขอย้ำให้ประชาชนสบายใจว่า หากสมาชิกไม่สามารถส่งเงินออมสะสมทุกเดือน หรือไม่สามารถส่งได้เท่ากันในทุกเดือน กอช.จะคงสิทธิความเป็นสมาชิก เพียงแต่จะไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐ และเมื่อมีรายได้เพียงพอต่อการออมขอให้กลับมาส่งเงินสะสม เพื่อชดเชยส่วนที่ได้ขาดส่งไป เพราะหากมีเงินออมน้อยจะทำให้ได้รับเงินบำนาญน้อย

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในปี 2565 กอช. จะเดินหน้าขับเคลื่อนวาระการออมแห่งชาติ ผ่านการแก้กฎหมายเพื่อจูงใจให้สมาชิกเข้ามาออมเพิ่ม โดยประเด็นสำคัญคือ การขยายอายุให้สมาชิกเข้ามาออมได้จาก 60 ปี เป็น 65 ปี และแก้กฎหมายให้ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 40 สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกกอช. ได้ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการออมได้มากขึ้น และรองรับสังคมสูงวัยอีกด้วย โดยขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกอช.แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาในระดับนโยบายต่อไป นอกจากนี้ ยังจะมีการแก้กฎหมายให้สมาชิกที่เกษียณอายุและเกิดการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย สามารถเลือกรับบำเหน็จได้ จากเดิมกฎหมายระบุให้รับบำนาญได้อย่างเดียว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับประชาชนผู้ประกอบการอาชีพอิสระ หรือเยาวชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นการออม รัฐบาลขอเชิญชวนให้มาเริ่มต้นการออมกับกอช.ตัวอย่างผลตอบแทนที่น่าสนใจ อาทิ วัยทำงานเริ่มออมเมื่ออายุ 30 ปี วันละ 30 บาท จะมีเงินออมรวมประมาณปีละ 10,800 บาท พร้อมได้รับเงินสมทบจาก กอช. เพิ่มตามช่วงอายุ 600 บาท สูงสุด 1,200 บาทต่อปี หากคิดเงินสมทบเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยได้รับเพิ่มโดยประมาณ 3.5% ต่อปี  เมื่ออายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับบำนาญตลอดชีพประมาณเดือนละ 3,000 บาท  

“บิ๊กป้อม” เผย สั่งจนท.ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวถ้ำนาคา 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างบนถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติ ภูลังกา จ.บึงกาฬ จะบริหารจัดการอย่างไร ว่า ตนได้บอกให้ดูแลความปลอดภัยประชาชนทั้งไปและกลับ โดยต้องให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมทุกคน และย้ำเจ้าหน้าที่ในการดูแลตนสั่งการเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่ก็ยังเห็นคนไปจำนวนมากก็เป็นห่วง เมื่อถามว่ากรณีมีนักท่องเที่ยวบางคนใช้เส้น เพื่อให้ได้ขึ้นไปก่อน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้มีการออกระเบียบใหม่ 

"จุรินทร์" ยัน ไม่ใช้โครงการ ก.พณ. หาเสียงล่วงหน้า ให้ว่าผู้สมัครผู้ว่า กทม.ปชป. ชี้ กมธ.ปปช. ดิสเครดิต "ดร.เอ้"  พร้อมปัดตอบปม รมต.ภท. โดดประชุม ครม.ยกทีม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสมในการไปร่วมโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์กำกับดูแล ว่า ตนไม่ทราบประเด็นดังกล่าว

แต่ในกรณีของโครงการร้านข้าวแกง 20 บาท ถูกใจชุมชน เป็นสิ่งที่ นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ประสานงานกับภาคเอกชน และจัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อช่วยให้ประชาชนในชุมชนต่างๆได้ซื้อข้าวแกงในราคาถูก ซึ่งมีร้านข้าวแกงหลายร้านที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นกรณีนี้เป็นเรื่องความร่วมมือของอดีต ส.ส.กับภาคเอกชนให้ช่วยจัดหาวัตถุดิบไปให้ร้านข้าวแกงนำไปปรุงอาหารมาจำหน่ายในราคาถูก ซึ่งโครงการแบบนี้เป็นเรื่องที่ใครก็ทำได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้มีการจับจ้องที่โครงการพาณิชย์ลดราคา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายให้ประชาชน ปรากฎว่ามีว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปร่วมกิจกรรมพร้อมแจ้งว่าเป็นผู้ประสานงานร่วมกับ นายสุชัชวีร์ให้นำมาจำหน่ายในชุมชน และติดรูปนายสุชัชวีร์ด้วย นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการพาณิชย์ลดราคาเป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่แล้วและมีการกำหนดวันเวลาและสถานที่ในการนำโครงการนี้ไปตามชุมชนต่างๆ ซึ่งได้มีการประกาศลงในเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนที่อยากซื้อสินค้าราคาถูกสามารถไปตามเวลาและสถานที่ได้ เป็นเรื่องที่รับทราบกันอยู่แล้วทั้งประชาชน ผู้สมัคร หรือใครก็ตาม ส่วนใครทราบเรื่องแล้วจะนำไปประชาสัมพันธ์ต่อก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่แต่ละคนจะไปดำเนินการ 

เมื่อถามว่าการที่มีภาพของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ และรูปนายสุชัชวีร์ ไปติดอยู่ในบูธจัดโครงการดังกล่าว ทำให้ถูกมองว่าเป็นการนำโครงการของรัฐบาลหรือกระทรวงมาหาเสียงล่วงหน้าให้ตัวเอง นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีประเด็นตรงไหนอย่างไร แต่ยืนยันว่าโครงการพาณิชย์ลดราคาเป็นไปตามกำหนดการที่ได้ทำไว้ล่วงหน้า ส่วนจะมีประชาชนหรือใครก็ตามเข้าไปร่วมงานด้วยก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดำเนินการในทางที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง พรรคการเมืองไหนก็ได้ถ้าอยากเข้ามาร่วมก็สามารถเข้ามาได้ จะพาชาวบ้านมาซื้อสินค้าราคาถูกในบูธโครงการนี้ก็ได้ ไม่ได้มีการจำกัดว่าพรรคไหนพาชาวบ้านมาซื้อของไม่ได้ และยืนยันว่าโครงการนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการหาเสียง 

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าเป็นเกมการเมืองในการพยายามเล่นงานนายสุชัชวีร์ โดยมีการนำหลายๆเรื่องเข้ามาโจมตีใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็ต้องเข้าโหมดการเลือกตั้ง ทั้งนี้ เราก็เห็นชัดในหลายกรณีที่นำไปเกี่ยวโยงกับนายสุชัชวีร์ เพื่อดิสเครดิตทางการเมือง อาทิ กรณีคณะกรรมาธิการ ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่อยู่ๆมาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายสุชัชวีร์ ทั้งที่ต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

'ไตรศุลี' ชี้ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรค หลังสะพัด รมต.ภูมิใจไทยโดดประชุมต้านขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ด้าน 'วิษณุ' ปัด ไม่รู้ ไม่ทราบ ปม รมต.ภท. ไม่เข้าครม. จะกระทบ ถก สายสีเขียวหรือไม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากไม่เห็นด้วยกรณีกระทรวงมหาดไทยจะเสนอให้ครม. เห็นชอบการต่อสัมปทานขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า ขณะนี้ยังไม่รับรายงานและไม่มีข้อมูลว่าใครลาประชุมบ้าง และจะทราบเมื่อถึงเวลาการประชุมว่าใครขาดประชุม 

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าเหตุผลที่ไม่เข้า เนื่องจากไม่เห็นด้วยการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว น.ส.ไตรสุรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่และครม. ส่วนตัวตนยังไม่ทราบเรื่อง

กระทรวงอุตฯ X ดีแทค เชื่อมภูมิปัญญาท้องถิ่น ยกระดับสู่ ‘หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์’

กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือกับดีแทคเน็ตทำกิน นำดิจิทัลเชื่อมต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นยกระดับ “หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” จำนวน 152 หมู่บ้าน จาก 76 จังหวัด พร้อมฟื้นฟูการท่องเที่ยววิถีใหม่ ตั้งเป้ารายได้กว่า 250 ล้านบาท

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า “เราตระหนักในความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อนำชุมชนร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน กระทรวงอุตสาหกรรมได้วางแผนและตั้งเป้าหมายในการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) ที่มีศักยภาพจำนวน 152 หมู่บ้าน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภคเศรษฐกิจระดับชุมชน (Local Economy) โดยการพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนและปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยวสร้างและพัฒนาไกด์ชุมชน (Local Guide) สร้างและพัฒนานักขายชุมชน ถอดรหัสผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นเชิงอัตลักษณ์สู่สากล และเตรียมความพร้อมพื้นที่สร้างกิจกรรมการท่องเที่ยว แต่ทั้งหมดจะทำได้ยั่งยืนก็ต่อเมื่อทุกชุมชนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่อมาสร้างคุณค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ 

กระทรวงจึงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ “ดีแทค เน็ตทำกิน” ที่จะร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงฯ ช่วยเสริมศักยภาพการทำการตลาดออนไลน์ การสร้างตัวตนดิจิทัลเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในชุมชน โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 250 ล้านบาท (เป็นรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ รายได้จากการขายของที่ระลึก รายได้จากการท่องเที่ยวเช่น ค่าที่พัก อาหาร อื่นๆ) สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่  อันจะเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ”

ปัจจุบันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดผลกระทบไปถึงการชะงักงันของเศรษฐกิจการค้า การทำงานผลิต อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โรงแรม ร้านอาหาร รวมทั้งส่งผลโดยตรงกับภาคเศรษฐกิจและบางกลุ่มประชากร ยังน่าเป็นห่วงว่าอาจได้รับผลกระทบที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ซึ่งส่งผลโดยตรงกับรายได้จากการท่องเที่ยวของหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่มีรายได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 70 และหากมีการถูกกระทบอีกระลอกจะเป็นความเสี่ยงต่อเนื่องที่ภาครัฐควรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อที่จะสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพและกระจายรายได้อย่างสมดุล สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมสร้างมูลค่าเศรษฐกิจภูมิปัญญาท้องถิ่นของหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) ดีแทคเห็นในศักยภาพที่โดดเด่นของภูมิปัญญาชุมชนที่ตกผลึกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น จนมีอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ เมื่อนำภูมิปัญญาของชุมชนผสานกับดิจิทัลจะติดปีกให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา ดีแทคมองเห็นช่องว่างทางดิจิทัลในการปรับตัวของคนไทย จึงได้ดำเนินโครงการดีแทค เน็ตทำกิน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างทักษะการทำธุรกิจยุคดิจิทัลให้กับคนตัวเล็กที่สุดในสังคม ที่ผ่านมาพบว่าผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการดีแทค เน็ตทำกินมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 40-50% และเพื่อสร้างโอกาสหาเลี้ยงชีพใหม่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทีมดีแทคเน็ตทำกินจะเริ่มฝึกทักษะให้กับ 20 หมู่บ้านนำร่องจาก 152 หมู่บ้าน ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมนี้ พร้อมขยายผลลงพื้นที่ให้ครอบคลุมทั้ง 152 หมู่บ้านภายใน 1-2 ปีนับจากนี้”

“โฆษกรัฐบาล” ระบุ “นายกฯ” มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ยกระดับการแข่งขัน - พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญการแข่งขันของประเทศ โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรากฐานสำคัญ ด้านคมนาคมทุกมิติ ทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญครอบคลุมพื้นที่ สามารถรองรับความต้องการของประชาชนในระดับครัวเรือน อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และส่งผลต่อยอดเชื่อมโยงเครือข่ายในระดับประเทศ

นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม เปิดเผยแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 1,673 กิโลเมตร โดยแผนในปี 2565 ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร และแผนลงทุนระยะยาว ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร เส้นทางหัวหิน - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 424 กิโลเมตร และเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 335 กิโลเมตร

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯติดตามความคืบหน้ามาตลอด รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ โดยสั่งการให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน อาทิ ปัญหา PM 2.5 สำรวจความต้องการพื้นฐานของประชาชน และอำนวยความสะดวกในการให้บริการสาธารณะที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้นแก่ประชาชน

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง​ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือโครงการติดตาม แนะนำช่วยเหลือเด็กและเยาวชน

(7​ ก.พ.65)​ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค​ 7 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือโครงการติดตาม แนะนำ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนเข้าฝึกประสบการณ์ทักษะอาชีพในสถานประกอบการ ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยมี พันตำรวจโทวรรพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมลงนามในครั้งนี้   

โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันส่งเสริมเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของศาลเยาวชนและครอบครัวกับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจตลอดจนศูนย์ฝึกและอบรม ให้ได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพตามความถนัดหรือความสนใจ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เด็กและเยาวชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพพึ่งพาอาศัยตนเองและเลี้ยงครอบครัวได้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น โดยได้รับการแก้ไขอย่างครบวงจร เพื่อคืนเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพสู่สังคมและลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำของเด็กและเยาวชน

‘ธรรมนัส’ แจงแล้ว!! หลังสื่อลือสะพัด ขอ ‘มท.1’ ให้ ‘ลุงป้อม’ แลกหนุน รบ.

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า ตามที่มีข่าวจากสำนักข่าวบางสำนัก เผยแพร่ข่าวว่าผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้มีการประชุมกันที่ภูเก็ตและได้มีมติว่า “ทางพรรคจะร่วมรัฐบาลโดยขอต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ”

จีนซ้อมปิดประเทศ !!! เพื่อลดพึ่งพาต่างชาติ หันมายืนบนขาตัวเอง

จีนซ้อมปิดประเทศ !!! เพื่อลดพึ่งพาต่างชาติ หันมายืนบนขาตัวเอง

วิกฤตโควิด-19 หยิบยื่นโอกาสให้จีนได้ “ซ้อมปิดประเทศ” จีนโนแคร์ 🇨🇳 จีนใช้นโยบาย Zero COVID ปิดบ้านมาร่วม 2 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจจีนก็ไม่พัง จีนทำได้อย่างไร

ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน ได้วิเคราะห์ในเฟซบุ๊ก ดังนี้
https://www.facebook.com/1037140385/posts/10224661185970534/?d=n

ผลจากวิกฤติโควิด-19 นานกว่า 2 ปี จีนอยู่กันเอง จีนผลิตเอง จีนกินเอง จีนเที่ยวกันเอง แต่เศรษฐกิจจีนก็ไม่พัง แล้วยังไปต่อได้อย่างมีเสถียรภาพ 
.
ปี 2021 เศรษฐกิจจีนโตกว่า 8% จีนทำได้อย่างไร ?  

ไม่ใช่บัญชาจากสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องของเทวดาฟ้าดิน แต่มันคือ ผลของการวางแผนล่วงหน้า Well-planned การออกแบบ "นโยบายแก้ปัญหาได้ตรงจุด" และป้องกันปัญหา ก่อนจะลุกลาม กล้าตัดสินใจเฉียบขาด หลายเรื่องเจ็บแต่จบ รวมทั้งเน้นการขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ Strategic Delivery จีนขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆ อย่างจริงจัง มีความเป็นเอกภาพของระบบ มีผลงานเป็นรูปธรรม (ไม่ใช่แค่ลูบหน้าปะจมูก โรยผักชีไปวันๆ) ใครบกพร่องในหน้าที่หรือใครทำผิด ต้องถูกลงโทษ  

ระบบแบบจีน การเมืองนำเศรษฐกิจได้อย่างลงตัวค่ะ

ที่สำคัญ โมเดลใหม่ของจีน Dual Circulation Model เศรษฐกิจวงจรคู่ คือ ส่วนหนึ่งของคำตอบค่ะ

จีนลดพึ่งพาโลกแต่โลกต้องพึ่งพาจีน 

จีนใช้นโยบาย Zero Covid เข้มงวดต่างชาติเดินทางเข้าจีน จีนยังไม่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ จีนไม่สนใจผลกระทบ เพราะจีนมั่นใจกับตลาดภายในของตัวเอง จีนเน้น Internal Circulation #เศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ  

'นายกฯ' มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ 17,997,636 บาท ส่งมอบขวัญกำลังใจถึงผู้ประสบสาธารณภัยและครอบครัว ที่เกิดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 17,997,636 บาท ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ให้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากสาธารณภัยเพิ่มเติม นอกจากการช่วยเหลือตามปกติของส่วนราชการแล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบสาธารณภัยและครอบครัวผู้ประสบสาธารณภัยที่เกิดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศ

โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรี ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 17,997,636 บาท ให้แก่ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธ์รัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับมอบแทนผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ เพื่อมอบและส่งต่อความห่วงใยไปยังผู้ประสบสาธารณภัยและครอบครัวผู้ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ สมุทรสาคร อ่างทอง อุทัยธานี และขอนแก่น จำนวน 38 ราย จำนวนเงิน 7,924,141 บาท

2. การให้ความช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากเหตุช้างป่า ในจังหวัดระยอง และจันทบุรี จำนวน 4 ราย จำนวนเงิน 120,000 บาท

3. การให้ความช่วยเหลือกรณีบ้านเรือนเสียหายจากเหตุอุทกภัย พายุโซนร้อน “ปาบึก” เพิ่มเติม ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 274 หลังคาเรือน จำนวนเงิน 3,987,512 บาท

4. การให้ความช่วยเหลือ กรณีบ้านเรือนของผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสที่ครอบครัวมีฐานะยากจน เสียหายจากเหตุอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. 2563 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 156 หลังคาเรือน จำนวนเงิน 3,835,983 บาท 5. การให้ความช่วยเหลือกรณีราษฎรอาสาปฏิบัติงานลาดตระเวนไฟป่า เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 ราย จำนวนเงิน 30,000 บาท

6. การให้ความช่วยเหลือกรณีท่อก๊าซธรรมชาติรั่ว และเกิดอัคคีภัย เพิ่มเติม ในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 51 ราย จำนวนเงิน 800,000 บาท 7. การให้ความช่วยเหลือ กรณีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย เป็นเงิน 1,300,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top