‘จเรตำรวจ’ ฟัน ‘ตำรวจท่องเที่ยว’ ตระเวนเก็บส่วย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกชุด ฉก.ปกครองบุกจับ

จเรตำรวจแห่งชาติ ฟันตำรวจท่องเที่ยว ใช้รถหลังตระเวนเก็บส่วย หลังชุด ฉก.ปกครองบุกจับ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์องค์กร

เมื่อวันที่ (8 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุม ด.ต.ภูวเมศร์ หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และนายมานัส สุขสอง ได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขต อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ขณะที่ทั้งสองได้ขับรถยนต์มาตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในเขตจังหวัดนนทบุรี โดยใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว สั่งการให้ตนดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพราะว่าเป็นการกระทำความผิดอย่างชัดเจนจนถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างมาก โดยในเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเลยว่า หากตำรวจคนใดกระทำผิดกฎหมายเสียเองก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว จึงได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมายน ผบช.ทท. ให้รีบดำเนินการทางวินัยในทันที โดยให้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยไม่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้มีคำสั่งให้ ด.ต.ภูวเมศร์ ออกจากราชการไว้ก่อนโดยเร็วที่สุด สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีอาญานั้นตนได้กำชับให้ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ลงไปกำกับดูแลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ให้ดำเนินคดีนี้อย่างรัดกุม รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้สังคมเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิดในลักษณะนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้ตนกำชับไปยัง ผบช.ทท. ให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ภูวเมศร์ ที่บกพร่องในการปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนทำให้มาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ต้องมีการตรวจสอบการนำรถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวซึ่งเป็นรถยนต์ของทางราชการมาใช้ในการกระทำผิดนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ด.ต.ภูรเมศร์ ด้วยว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นความบกพร่องของผู้ใดก็ให้ดำเนินการทางวินัยในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน  

 พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า หากพบว่ามีตำรวจนายใดออกนอกแถวไปกระทำผิดในลักษณะนี้อีก จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย