ทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังแย้งเรื่องอุดมการณ์ 'ชัชชาติ' ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' ให้กำลังใจ ไม่เห็นด้วยกับพวกถล่มด่า

(4 ก.ค. 65 ) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อผมฟังคำอธิบายเรื่องค่าโดยสารสีเขียวของอาจารย์ชัชชาติ และเห็นว่าวิธีคิดของแก คือ นีโอลิเบอรัลที่เน้นการแข่งขันเอกชน และให้เอกชนดำเนินการเป็นหลัก รัฐแทบไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคม ทันใดนั้น ผมก็โดนทัวร์ลงทันที

วัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำให้คนจำนวนมาก “เลือก” ที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยงทำให้ “ทัวร์ลง”

ต่อไป เมื่อมีกลุ่มบุคคลทำหน้าที่ชี้เป้าให้ “ทัวร์ลง” มากขึ้น ก็ทำให้คนที่ต้องการวิจารณ์เรื่องใด เลือกที่จะไม่วิจารณ์ในที่สาธารณะ เกิดการเซนเซอร์ตนเองมากขึ้น

สังคมนี้ มีเครื่องมือจำกัดแสดงความเห็น ตั้งแต่ ขนาดเบา คือ “ทัวร์ลง” ตามมาด้วย “ล่าแม่มด” ไปไกลก็ “ฟ้องคดีใช้กฎหมายปิดปาก”

นายปิยบุตรยังตอบคอมเม้นต์ว่า ถ้าวัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำงานได้ดีในโลกโซเชียล ประกอบกับพื้นที่โซเชียลบีบให้คนต้องพูดสั้น เขียนสั้น สื่อต้องพาดหัวหวือหวาเพื่อเรียกยอดไลค์ยอดวิว และคนส่วนใหญ่มักอ่านแต่พาดหัว

สภาพเช่นนี้ ต่อไป ปัญญาชนหรือบุคคลสาธารณะจะเลือกไม่แสดงความคิดเห็นที่แหลมคมแต่อาจพาไปสู่การถกเถียงหรือ controversial มากขึ้น เลือกที่จะไม่แสดงออกซึ่งความเห็นที่ แม้ฝ่ายเดียวกัน ฟังแล้วอาจจะแสลงหู เพราะ ความเห็นแบบนี้ เสียงต่อโดนทัวร์ลง และเสียการยอมรับนับถือ หรือความนิยมไป

นอกจากนี้ ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ Bow Nuttaa Mahattana นักเคลื่อนไหวสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คอมเม้นต์ว่า เห็นใจอาจารย์นะคะครั้งนี้ สิ่งที่อาจารย์พูด เรื่องการยกพวกถล่มด่าหรือที่เรียกว่าทัวร์ลง และ cancel culture ต่าง ๆ คือสิ่งที่โบว์เคยพูดมาก่อนแล้วเป็นปี ๆ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบนั้นมาก่อน โดยไม่เคยมีการท้วงติงใด ๆ จนวันนี้ ภายใต้คำว่าเสรีภาพในการพูด

วันนี้ทุกคนก็ต้องมาอยู่ในบรรยากาศของมลพิษนั้นโดยถ้วนหน้ากัน ดีใจที่อาจารย์พูดขึ้นมา

นายปิยบุตรจึงตอบกลับว่า ขอบคุณครับคุณโบ ผมยืนยันจะแสดงความเห็นที่อาจแสลงหูไม่ว่าฝ่ายใดต่อไป

จริง ๆ ประเด็นแนวคิดทางเศรษฐกิจของอาจารย์ชัชชาติ มีหลายคนแสดงความเห็นในโลกโซเชียลกันเยอะครับ แต่ยังไม่เป็นข่าวเท่าไร และผมเดาว่าหลายคนคงกลัวโดนทัวร์ลงกันด้วย

เรื่องแบบนี้ ไม่เห็นต้องกังวลอะไร มันไม่ใช่การด่าใครว่าชั่วเลว โกง แต่มันคือการเถียงเรื่องอุดมการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งในอนาคต เรื่องพวกนี้จะแบ่งเฉดสีให้พรรคการเมืองไทยมากขึ้น ไม่ใช่แบ่งหยาบ ๆ แบบปัจจุบันที่ เอาไม่เอารัฐประหาร เอาไม่เอาประยุทธ์ ก็นำมาวัดความเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้

ขณะที่ โบว์ แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า บทสนทนาแห่งความคิดต่างจะงอกงามได้บนดินที่มีการรู้จักให้เกียรติกันอยู่ แต่ช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมามันมีการใส่มลพิษแห่งความเกลียดชังลงไปเยอะมาก นานแค่ไหนแล้วที่การถกเถียงยาว ๆ ด้วยเหตุผลเกิดขึ้นไม่ได้ มีแต่การแคปตัดตอนไปเสียบด่ากัน

เป็นความจริงที่ว่าหลายคนเริ่มหยุดเขียนอะไรยาว ๆ ที่มาจากความคิดละเอียด ๆ ไปนานแล้ว เพราะคนสนุกกับคำด่าหยาบ ๆ สั้น ๆ กันมากกว่า


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/173995/