Friday, 17 May 2024
Hard News Team

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.สอบเลือกตั้งเทศบาลลำสามแก้ว จ.ปทุมธานี กรณีทำให้เข้าใจว่าพรรคการเมืองส่งสมัคร พร้อมให้สอบปมแจกขันน้ำ "บิ๊กป้อม"

เมื่อวันที่ 7 เมษายน  2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำชาวเทศบาลเมืองลำสามแก้ว จ.ปทุมธานี เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. หลังจากพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกเทศบาล ในวันที่ 28 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา อันถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำที่อาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65(5) คือ การที่มีผู้สมัครนายกเทศมนตรีและพวก ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัคร โดยการชักชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นด้วยวิธีการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครโดยชัดแจ้ง โดยพบว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าวบางรายและหรือบางกลุ่มอาจดำเนินการที่เข้าข่ายการกระทำที่ให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าพรรคการเมืองเป็นผู้ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค ซึ่งกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นรับรู้เรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกลับมิได้ใช้อำนาจในการยับยั้งหรือตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีโทษตาม มาตรา126 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวถึงกรณีล่าสุดที่พรรคพลังประชารัฐ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ทำขันน้ำจำนวนกว่า 200,000ใบให้ ส.ส.ของพรรคนำไปแจกประชาชนในพื้นที่หาเสียงในช่วงสงกรานต์ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควรฯพ.ศ. 2561 และฉบับที่ 2 (พ.ศ.2564) เนื่องจากมีมูลค่าเกินกว่า 3 พันบาท ซึ่งขันน้ำพลาสติกดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบราคาที่มีจำหน่ายกันในท้องตลอดทั่วไปราคจะตกอยู่ประมาณใบละ10-29 บาท ดังนั้นการจัดทำขันน้ำของพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอยู่ประมาณ 2-9 ล้าน บาท 

ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำหนดว่า “การให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เกินกว่าจำนวนที่กำหนด ให้นำราคาหรือมูลค่าของเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไปรวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป” ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงนำความมาร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อดำเนินการไต่สวนสืบสวนให้เป็นไปตามครรลองของกฎหมายต่อไป 

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ขอเดินตามรอย ท่านประธาน สี จิ้นผิง ที่สามารถดันญัตติผ่านสภาให้สามารถอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตลอดชีพ

แต่สำหรับปูติน อาจจะไม่ได้เปรี้ยวเท่าท่านประธานสี ขอเนียนยืดต่อไปทีละ step ด้วยการเสนอเรื่องการต่ออายุการดำรงตำแหน่งอีก 2 สมัยผ่านประชามติเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา ให้ชาวรัสเซียตัดสินว่าจะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้ปูตินสามารถอยู่ต่อได้อีก 2 สมัยหลังจากหมดวาระปัจจุบันในปี 2024 ได้หรือไม่ และผลประชามติก็ออกมาถล่มทลาย สนับสนุนให้สภารัสเซียแก้รัฐธรรมนูญได้ ด้วยคะแนน 78% ต่อ 22%

และชาวสภารัสเซีย ก็ไปจัดการร่างแก้กฎหมายใหม่มาเรียบร้อยผ่านทั้งสภาล่าง สภาบน จนมาจบที่ปลายปากกาของปูตินในวันนี้ เพื่อเซ็นรับรองกฎหมายใหม่อย่างเป็นทางการ

เท่ากับว่า ปูตินจะมีโอกาสลงเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีรัสเซียได้อีก 2 สมัย รวม 12 ปี หากชีวิตทางการเมืองของปูตินอยู่ยาวได้ตลอดเช่นนั้นจริง เท่ากับป๋าปูตินจะพ้นตำแหน่งในวัย 83 ปี และจะกลายเป็นผู้นำรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัสเซีย แซงหน้าโจเซฟ สตาลิน ไปเลยทีเดียว

ท่านป๋า วลาดิมีร์ ปูติน ของเราดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2000 ที่ในสมัยนั้น รัฐธรรมนูญรัสเซียยังระบุให้ตำแหน่งผู้นำมีวาระเพียงสมัยละ 4 ปี ผู้นำ 1 คน สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 สมัย

แต่พอปูตินนั่งยาวมาได้เต็ม 2 สมัย ด้วยคะแนนนิยมสูงลิ่ว เขาก็ดันลูกหม้อคนสนิท ดมิตรี้ เมดเวเดฟ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขา ส่วนเขาถอยมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน และในสมัยนี้ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องตำแหน่งผู้นำเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยขยายระยะเวลาจาก 4 ปี เป็น 6 ปี และอนุญาตให้อดีตผู้นำที่เว้นวรรคตำแหน่งไปแล้ว สามารถกลับมาลงชิงตำแหน่งได้ ซึ่งเปิดทางให้ปูตินกลับขึ้นมานั่งแท่นประธานาธิบดีอีกครั้ง 2012 ยาวจนถึงตอนนี้นับเป็นสมัยที่ 4 แล้ว และจะครบวาระในปี 2024

แต่ถึงแม้ว่าจะชงมติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ดันเอง เซ็นอนุมัติเอง หากใครมาถามป๋าว่า ยังจะลงสู้ศึกเลือกตั้งหลังปี 2024 ต่อหรือไม่ ป๋าก็ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ ไม่ยืนยันใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงเวลาก็เห็นเอง ดังนั้นก็คงไม่ต้องถามหรอกว่าหลังจากปี 2036 ป๋ายังจะอยู่ต่ออีกไหม แค่ให้รู้ไว้ว่า ฉายา พระเจ้าซาร์ ปูติน ไม่ได้มาเล่น ๆ

แต่ตอนนี้ก็เป็นห่วงแต่ อเล็กเซ นาลวานี ฝ่ายค้านผู้จุดกระแสต่อต้านปูตินในรัสเซีย ที่เกือบตายจากการโดนวางยาพิษ แต่ตอนนี้กำลังอดอาหารประท้วงอยู่ภายในเรือนจำ หากท่านป๋าปูตินจะอยู่ยาวขนาดนี้ อาจต้องรีบเปลี่ยนกลยุทธด่วน ๆ


อ้างอิง

https://www.themoscowtimes.com/2021/04/05/putin-signs-law-paving-way-to-rule-until-2036-a73430

https://www.theguardian.com/world/2021/apr/05/vladimir-putin-passes-law-that-may-keep-him-in-office-until-2036

https://foreignpolicy.com/2020/07/03/putin-russia-voter-rubber-stamp-approval-constitutional-referendum-2036/

‘สุริยะ’ จี้ สมอ. คุมเข้มสินค้า 43 รายการ เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต ให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุม ทั้งไฟฟ้า ยานยนต์ เคมี วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ภายในปีนี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันจากที่เป็นอยู่ให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถดึงความสนใจของนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทยได้

ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายที่ภาคอุตสาหกรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ และในการผลักดันการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมนอกเหนือจากการส่งเสริมการลงทุนโดยปกติ ซึ่งมาตรฐานก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่มีความสำคัญต่อ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้

“ผมได้เร่งรัดให้ สมอ. เร่งดำเนินการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ตลอดจนคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เข้มงวด และควบคุมสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุมด้วย” นายสุริยะฯ กล่าว

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ได้ขออนุมัติบอร์ด สมอ. กำหนดมาตรฐานสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 361 เรื่อง ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve จำนวน 117 เรื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve จำนวน 60 เรื่อง เช่น หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร กลุ่มอุตสาหกรรมเชิงนโยบายและอื่นๆ จำนวน 113 เรื่อง ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เกษตรแปรรูป พลาสติก ยาง สมุนไพร นวัตกรรม เป็นต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์พื้นฐานตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จำนวน 71 เรื่อง ได้แก่ เครื่องกล เหล็ก คอนกรีต วัสดุก่อสร้าง และโภคภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ไตรมาส 2 สมอ. กำหนดมาตรฐานแล้วทั้งสิ้นกว่า 250 เรื่อง และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมด ภายในไตรมาสที่ 4 อย่างแน่นอน

“ขณะนี้ สมอ. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำมาตรฐานใหม่ที่จะประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกทั้งหมด 43 รายการ เช่น ยางหล่อดอกซ้ำ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสี หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว ถุงมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ชนิดใช้ครั้งเดียว กระดาษสัมผัสอาหาร ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค เครื่องฟอกอากาศ ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร เก้าอี้นวดไฟฟ้า และเครื่องเล่นสนาม ได้แก่ ชิงช้า กระดานลื่น ม้าหมุน อุปกรณ์โยก เป็นต้น และนำมาตรฐานเดิมมาทบทวนและเสนอบังคับต่อเนื่องอีกจำนวน 21 รายการ เช่น

มาตรฐานในกลุ่มสีย้อมสังเคราะห์ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกล เตารีดไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ เครื่องดับเพลิง และแบตเตอรี่มือถือ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2564 นี้ จึงขอแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่จะทำสินค้าดังกล่าว ให้เตรียมตัวดำเนินการตามมาตรฐาน ทั้งที่ทำในประเทศ และนำเข้า เพราะท่านจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำหรือนำเข้า พร้อมทั้งให้เตรียมตัวยื่นขอใบอนุญาตก่อนวันที่มาตรฐานแต่ละรายการจะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดต่อได้ที่ สมอ. หรือจะยื่นขอ มอก. ออนไลน์ผ่านระบบ E-license ได้ที่ https://itisi.go.th/e-license/ ตลอด 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ สมอ. กล่าว

“สุชาติ” เผย โครงการ ม.33 เรารักกัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทำเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้าน เตรียมขอขยายตรวจหาเชื้อโควิดในแรงงานต่างด้าวไปอีก 1-2 เดือน

7 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุถึงการกระจายรายได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ ม.33 เรารักกัน ว่า มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท จากจำนวนเงินในโครงการที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ให้มา 37,000 ล้านบาท มีรอบเงินหมุนเวียนในตลาดมีการใช้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจำนวนเงิน 37,000 ล้านบาท หากมีการหมุนเวียน 1 เดือนจำนวนสามรอบจะมีเงินกว่าแสนล้านบาทขยายลักษณะแนวนอน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวขึ้น

นายสุชาติ กล่าวถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ลามถึงทำเนียบรัฐบาลที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องกักตัว ว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีทุกคนระมัดระวังตนเองอยู่แล้ว อย่างเช่นตน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามหามาตรการควบคุมอย่างดีที่สุดและในส่วนของกระทรวงแรง ตนได้กำชับสถานประกอบการและเดินหน้าตรวจโควิดให้กำแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ขยายระยะเวลาการตรวจหาโควิดและเก็บอัตลักษณ์ในแรงงานต่างด้าวออกไป 1-2 เดือนเพราะกังวัลว่าจะไม่ทันวันที่ 16 เมษายนนี้

จับตา ครม.ถกด่วนหาช่องคุมโควิดระบาด

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 เมษายน นี้ จะปรับรูปแบบการประชุมจากการประชุมแบบเต็มคณะมาเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference บริเวณห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลแทน หลังจากมีรองนายกฯ และรัฐมนตรี แจ้งลาประชุมถึง 10 คน และในจำนวนนี้มีผู้ที่ขอลาและกักตัว 14 วัน เพราะมีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นในการประชุมครม.วันนี้จึงกลับมาใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดอีกครั้ง และต้องพิจารณาว่า ในการประชุมครั้งนี้นายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการเร่งด่วนถึงกรณีการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิดระลอกล่าสุดอย่างไร

สำหรับวาระการประชุมสำคัญ กระทรวงการคลัง เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม ทางด้านกระทรวงคมนาคม เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 726.25 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ (จำนวน 4 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท

ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 500 ล้านบาท ส่วนกระทรวงคมนาคม รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-สิงคโปร์ ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 

รมต.ทยอยฉีดซีโนแวค เข็ม 2 จับตาศบค.ชุดเล็กประชุมยกระดับมาตราการเข้มข้นอีกครั้ง ด้านบิ๊กตู่ต้องรอเวลา เพราะเป็นแอสต้าฯ ด้าน รมว.ดีอีเอส ไม่กังวลหลังใกล้ชิดตรีนุช

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูรจะได้ทำการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 ซิโนแวค ให้กับรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งเป็นการได้รับการฉีคครั้งแรก ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นเข็มที่สอง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาที่การนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้นยังไม่ฉีดวัคซีนรอบสองเรื่องจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่สองจะต้องใช้ระยะเวลาห่างกัน 10-12 สัปดาห์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเข้าฉีคเข็มที่สองที่สถาบันบำราศนราดูรตามใบนัดอีกครั้ง 

ขณะที่วันเดียวกันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ลาการประชุมคณะรัฐมนตรีและกักตัว 14 วัน ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายวิษณุได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเป็นเข็มแรก ทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่สอง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร 

นอกจากนี้ในส่วนความเคลื่อนไหวของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้มีการประชุม ศบค.ชุดเล็กและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือด่วนของมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยต้องจับตาดูว่าจะมีการยกระดับความเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งสามารถที่จะประกาศออกมาได้ทันทีเนื่องจากยังมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอวิดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ว่า ในส่วนของตนเจอกับนางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เพราะอยู่พรรคเดียวกัน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าเราไปเจอผู้ป่วยที่มีเชื้อโควิดถือว่าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน แต่ถ้าเจอกับผู้ที่ไม่ได้มีเชื่อโควิด ซึ่งนางสาวตรีนุชได้เข้าตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด เราไม่จำเป็นต้องกักตัวเพราะถือว่าเราไม่ได้สัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อโดยตรง ขอให้เข้าใจตรงกัน “ผมเจอกัยคุณตรีนุชแต่ท่านตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะไปติดคนอื่นได้ แต่ก็ถือว่าคุณตรีนุชเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื่อโควิด ขอร้องว่าอย่าวิตกกังวลมากไปเดี๋ยวจะทำงานกันไม่ได้ เราต้องมีหลักการในการมองปัญหาที่เกิดขึ้น” 

เลขาฯสมช. ยืนยัน สงกรานต์ยังข้ามจังหวัดได้ ยึด มาตรการป้องกันเดิม เน้น สวมแมส ล้างมือ เว้นระยะห่าง

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ปฏิบัติการศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศปก.ศบค.)ให้สัมภาษณ์ถึงการทบทวนมาตรการช่วงสงกรานต์ เพื่อป้องกัน โควิด-19 ขณะนี้ยังคงดำเนินมาตรการเดิม แต่ได้เน้นย้ำให้มีการเว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัย นอกนั้นยังสามารถดำเนินการได้ตามที่เคยอนุญาต รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดยังทำได้ปกติ

"เสรีพิสุทธ์" เผยความคืบหน้ายื่นถอดถอน "สิระ" เชื่อ คดีออกมาเป็นธรรม ยัน สิระไม่มีหลักฐานมาหักล้างได้แน่

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยถอดถอน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ หลังนายสิระเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน มีความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามีโทษ จำคุก 4 เดือน แต่ตีตกคำร้องที่ขอให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่มีเอกสารแสดงหลักฐานว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ว่า ตนได้มีหนังสือไปถึงศาลแขวงปทุมวัน เพื่อขอคำพิพากษาและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดด้วย แต่ศาลแขวงปทุมวันให้ได้แต่เพียงคำพิพากษา ซึ่งในคำพิพากษาเป็นคดีที่นายสิระรับสารภาพจึงถูกศาลพิพากษาจำคุก ตนจึงส่งคำพิพากษาผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ว่าไปตามเนื้อหาสาระและรับเรื่องไว้แต่ยังไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งต่อมาศาลก็ส่งเรื่องไปยังผู้ถูกร้อง คือ นายสิระเพื่อให้ชี้แจง ซึ่งนายสิระให้การต่อศาลว่าหลังจากที่มีคำพิพากษาแล้วได้ประสานกับผู้เสียหายเพื่อขอผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน ทั้ง ๆ ที่ นายสิระคุยโวโอ้อวดร่ำรวยมหาศาล แต่เงินแค่ 200,000 บาท ยังต้องขอผ่อนเลย ซึ่งปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน ผู้เสียหายเป็นใครก็บอกว่าจำไม่ได้ หนังสือผ่อนชำระหนี้ก็ไม่มีเป็นเพียงการอ้างลอย ๆ และถ้าผ่อนชำระหนี้เสร็จจริง ผู้เสียหายก็ต้องแจ้งอัยการว่าได้รับชำระหนี้แล้ว อัยการก็ต้องแจ้งต่อศาล 

หลังจากนั้นศาลก็จะเข้ามาซักถามว่าจำเลยชำระค่าเสียหายจริงหรือไม่ และจะออกรายงานว่าจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นการที่นายสิระอ้างว่าได้ชดใช้แล้วจึงไม่มีหลักฐาน ซึ่งต่อมานายสิระได้ถามไปยังกรมราชทัณฑ์ว่าตัวเองเคยติดคุกหรือไม่ เนื่องจากนายสิระติดคุกเมื่อปี 2538 แต่ปี 2547 เกิดอุทกภัยน้ำท่วม จึงไม่มีหลักฐานว่านายสิระเคยจำคุกหรือไม่ พยานหลักฐานตรงนี้ก็ฟังไม่ได้อีก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อศาลพิพากษาแล้วหากไม่มีการขอหนังสือรับรองของโจทก์หรือจำเลยก็จะมีแต่คำพิพากษา สำนวนของศาลที่ลงโทษชั้นต้น สำนวนชั้นอุทธรณ์(ถ้ามี) ก็จะเก็บไว้เมื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านมานานศาลก็จะมีระเบียบ เช่น ผ่านมา 20  ปี ขึ้นไปให้ทำลายก็จะเหลือแต่คำพิพากษา ฉะนั้น คดีนี้มีเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น สอดคล้องกับที่คุณสิระบอก ไม่มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งการที่นายสิระอ้างว่าชดใช้แล้วจึงไม่มีหลักฐาน

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีอยู่จะสามารถถอดถอนหรือเอาผิดนายสิระได้หรือไม่ เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ตนได้ข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญตั้งผู้พิพากษา 3 ท่าน ที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมารับผิดชอบเรื่องนี้ และตนเชื่อว่าคดีนี้จะออกมาด้วยความเป็นธรรม คงจะไม่มีใครไปก้าวก่ายศาลได้ เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่านายสิระไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ กล่าวว่า ไม่มี เพราะที่อ้างมาก็อ้างลอย ๆ หมด

"สุชาติ" เชื่อ​ รมต.ทุกคนระมัดตัวดี​ เล็งเสนอครม.ขยายเวลาตรวจเชื้อโควิด-19 ออกไป​ 1-2เดือน

​วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รมว.แรงงาน​ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงกรณีที่มีรัฐมนตรีกักตัวหลายคน​ สืบเนื่องจากคณะทำงานติดเชื้อโควิด-19​ ว่า​ รัฐมนตรีทุกคนระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว ส่วนที่ต้องกักตัวเพราะมีการบอกต่อ ๆ กันว่าคนนั้นคนนี้ที่มาหาติดเชื้อโควิด-19​ ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีระมัดระวังตัวเอง​ เช่น เดียวกับตนที่ระมัดระวังตนเอง สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้คิดว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำลังหามาตรการควบคุมอย่างดีที่สุด 

ส่วนในภาคแรงงานนั้น ได้กำชับไปทุกสถานประกอบการให้มีการป้องกันอย่างเข้มงวด​ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนก็ได้มีการตรวจหาเชื้อไปหลายแสนรายแล้ว​ โดยวันเดียวกันนี้จะขออนุมัติที่ประชุม​ ครม. ขยายเวลาในการตรวจหาเชื้อโควิด-19​ ของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ทันวันที่ 16 เมษายนนี้ โดยจะขยายการตรวจออกไป 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาโดยการให้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการตรวจโควิด-19 เป็นการตัดประเด็นที่น่ากังวลออกไปทีละประเด็น

“บิ๊กตู่”ยอมรับกังวล​โควิด ครม.ลาประชุมเยอะ เผยตรวจSwob แล้วยังไม่พบเชื้อ ‘ย้ำ’ห่วงความรู้สึก​ประชาชน จ่อออกมาตรการคุมเข้ม​เพิ่มเติม

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนให้ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวยอมรับว่า กังวลถึงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิค 19 ในขณะนี้ ซึ่งมีบุคคลใกล้ชิดคณะรัฐมนตรีติดเชื้อโควิค 19 ถึงทำให้ต้องลาประชุมและกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน จึงได้มีการเปลี่ยนการประชุมผ่านระบบ Video Conference รวมทั้งในส่วนของกิจกรรมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการยกเลิกไป โดยให้กลับไปทำงานที่บ้าน สำหรับตน ได้มีการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Swob แต่ยังไม่พบเชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเรียกประชุมด่วน ศบค.ก่อนช่วงสงกรานต์หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องประชุมอะไรอีก ที่ผ่านมาได้มีการสั่งกำชับด้านมาตรการในทุกวันอยู่แล้ว พร้อมให้แนวคิดนำไปพิจารณาร่วมกันในคณะกรรมการส่วนที่เกี่ยวข้อง และในวันนี้อาจจะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอีก ถึงอย่างไรก็ตามจะต้องห่วงความรู้สึกของประชาชน โดยทุกคนจะต้องร่วมมือกันหากไม่ร่วมมือก็จะเกิดขึ้นแบบนี้ซ้ำอีก พร้อมขอให้ระมัดระวัง​มากขึ้น ซึ่งก็ได้มีการกำชับ ครม.ไปแล้วทุกคน ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ขออย่าให้อะไรต้องแย่ไปกว่าเดิมซึ่งก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า เป็นห่วงประชาชนและได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top