Wednesday, 25 June 2025
Hard News Team

‘ออมสิน-ทิพย-บางจาก’ จับมือตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ดอกเบี้ยต่ำ

‘ออมสิน-ทิพย-บางจาก’ จับมือตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจขายฝากที่ดิน ดอกเบี้ยต่ำ 8-9% หวังช่วยกดดบ.ในตลาด

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ ธนาคารออมสิน จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมทุนธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก กับ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นมาทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินโดยตรง ซึ่งเบื้องต้นมีการระดมทุนจดทะเบียน 1 พันล้านบาท มีธนาคารออมสินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 49% ส่วนที่เหลืออีก 51% เป็นการร่วมทุนของบางจาก และทิพย กรุ๊ป จากนั้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทอื่น โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยในช่วงแรกจะเริ่มเข้าไปแข่งขันในสินเชื่อที่ดินและขายฝากก่อน เพราะที่ผ่านมามีการคิดดอกเบี้ยสูงมาก จึงจะเข้าไปแข่งทำให้ดอกเบี้ยตลาดลดลงตามนโยบายของรัฐบาล โดยเบื้องต้นจะคิดดอกเบี้ยประมาณ 8-9% ซึ่งต่ำกว่าดอกเบี้ยในตลาดที่เก็บสูงถึง 15-30% และในระยะต่อไปบริษัทมีแผนเข้าไปประกอบธุรกิจสินเชื่อบุคคลอีกด้วย

'ทักษิณ' โหน 'ชัชชาติ' ขยัน มีความโปร่งใส เหมือนยุคตนเองเป็นนายกฯ ถ่ายทอดสดช่อง 11 ตลอด

'ทักษิณ' โหน 'ชัชชาติ' ทำงานแบบขยันมีภาวะความเป็นผู้นำมีความโปร่งใสเหมือนยุคตนเองเป็นนายกฯทำ Workshop ทำงานและถ่ายทอดสดช่อง 11 ตลอดเวลา มันต้องตรงไปตรงมา 

8 มิ.ย.2565 - แฟนเพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่คำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร หรือ "โทนี่" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวในรายการ CareTalk X Clubhouse หัวข้อ "ราชการไทย" ทำดีก็ได้ ทำไวก็เป็น เมื่อวันอังคารที่ 7 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า 

“...ถ้าคิดจะเป็นผู้นำแล้วคิดแต่จะขโมยคนของคนอื่น แบบนี้เป็นผู้นำไม่ได้หรอก...”

ถ้าผู้นำดี รู้ปัญหา ไม่มีข้าราชการคนไหนอยู่เฉยหรอก เขารู้ปัญหา เขารู้เรื่องหมดอยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือเปล่า จะทำแบบรับเงินทอน หรือจะทำแบบตรงไหนตรงมา

ผู้ว่าฯ ชัชชาติทำงานแบบขยัน และมีภาวะความเป็นผู้นำ มีความโปร่งใส เวลาลงพื้นที่จุดไหนก็ live ไปด้วยทำให้ประชาชนได้เรียนรู้และรู้ปัญหาไปด้วย ส่วนไหนทำได้ ส่วนไหนทำไม่ได้ประชาชนก็จะได้เข้าใจ

3 สาวพี่น้องอินเดียยอมฆ่าตัวตาย หนี 3 สามี ‘ทารุณ-ทุบตี-รีดไถ’

พี่สาวน้องสาวชาวอินเดีย 3 คน ฆ่าตัวตาย หนีการทารุณกรรมและความรุนแรงในครอบครัวของฝ่ายสามี ที่เป็น ‘พี่ชายน้องชาย 3 คน’ ซึ่งอาศัยในบ้านเดียวกัน

กลายเป็นอีกคดีที่สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมอินเดียอย่างมาก และกำลังปลุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงค่านิยม ‘ปิตาธิปไตย’ (สังคมชายเป็นใหญ่) ที่ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องจ่ายสินสอดมหาศาลให้กับฝ่ายชาย เพื่อให้บุตรสาวออกเรือนอีกครั้ง

โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อ 3 สาวชาวอินเดีย ที่มีชื่อว่า คาลู, คามเลช และ มัมตา นามสกุล ‘มีนา’ พวกเธอแต่งงานกับพี่ชายน้องชาย 3 คน ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน

ครอบครัวฝ่ายหญิงจ่ายสินสอดมหาศาลให้ครอบครัวฝ่ายชาย ตามธรรมเนียมนิยมอินเดีย แต่เมื่ออาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแบบ 3 คู่สามีภรรยาแล้ว ฟากฝ่ายหญิงทั้ง คาลู, คามเลช และ มัมตา กลับถูกทำร้ายร่างกาย ทารุณกรรม จากทั้งตัวสามีของพวกเธอ และครอบครัวของฝ่ายชายเสมอมา ขณะเดียวกัน ฝ่ายชายก็ยังเรียกร้องขอเงินเพิ่มจากครอบครัวฝ่ายภรรยา เมื่อให้ไม่ได้ ก็ลงไม้ลงมือกับภรรยาของตนเองอีกด้วย

ภายใต้ความรุนแรงดังกล่าวที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่ คาลู ได้มีลูกชายวัย 4 ขวบ 1 คน และลูกวัยทารก 1 คน ขณะที่คามเลช และมัมตาเอง ก็กำลังตั้งครรภ์นั้น ก็ได้เกิดเรื่องน่าเศร้า เมื่อวันหนึ่งมีคนพบศพของ 3 สาวพี่น้อง รวมถึงลูกๆ ของเธอในบ่อน้ำ พร้อมด้วยจดหมายลาตาย ซึ่งโพสต์ผ่านข้อความใน WhatsApp (แอปพลิเคชันยอดนิยมในอินเดีย) ระบุว่า... 

“เราไม่อยากจะตาย แต่ความตายยังดีกว่าต้องทนการทารุณของพวกเขา” 
“พ่อและแม่สามี ผลักดันให้เราเลือกทางตาย และเราขอตายพร้อมกัน (3 พี่น้อง) ดีกว่า ต้องตายทั้งเป็นอยู่ทุกวัน” 

โซเชียลแชร์สนั่น #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต หนุนสมรสเท่าเทียมให้สิทธิ์ทุกรักเท่ากัน

กลายเป็นข้อพิพาทในโลกโซเชียลขึ้นมาทันที ภายหลังจาก แฮชแท็ก #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต ได้รับการพูดถึงอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทวิตเตอร์ในไทยเมื่อวันอังคาร (7 มิ.ย.) ต่อเนื่องมาถึงวันพุธ (8 มิ.ย.) เพื่อแสดงการคัดค้านความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตเพื่อใช้กับคู่รักกลุ่มเพศหลากหลาย

การแสดงเสียงคัดค้านนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันอังคาร (7 มิ.ย.) เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมนำร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่พรรคก้าวไกลผลักดัน หรือที่เรียกกันว่า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม กำลังกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันพุธ (8 มิ.ย.)

กระแสในโซเชียลมองว่า สำหรับคู่หลากหลายเพศที่ต้องการสร้างครอบครัว ไม่ได้หยุดที่สิทธิประโยชน์ของคนสองคนเท่านั้น แต่หมายถึงการมีบุตร มีคนที่เรารักเพิ่มเข้ามาในครอบครัวเล็กๆ นั้นด้วย 

แต่ พ.ร.บ.คู่ชีวิต ริดรอนสิทธิ์ในข้อนี้ ซึ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบัน พ.ร.บ.อุ้มบุญ ที่ควบคุมการเข้าถึงบริการด้านอนามัยเจริญพันธุ์อนุญาตให้เฉพาะคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และจะมีสิทธิ์มีบุตรได้ด้วยเทคโนโลยีเหล่านั้น คู่ชีวิตไม่มีสิทธิ์ 

ฉะนั้นถ้ามีเพียง พ.ร.บ. คู่ชีวิต สิ่งที่พ่อแม่หลากหลายเพศมักจะถามไถ่เข้ามาเสมอและเป็นความต้องการเป็นสิทธิ์ในฐานะมนุษย์และพลเมืองคือการมีบุตร ก็จะไม่สามารถทำได้ และยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายยสำหรับพวกเขา จะทำได้เพียงการรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงเท่านั้น

‘ทนายแค้ง’ ไขข้อสงสัยปมฟ้องหมิ่นถ้อยคำหยาบ ชี้ หากไม่ระบุในคำฟ้อง ไม่อาจนำสืบในศาลได้

นายพิมพ์พล แค้ง แสงเมือง ทนายความ ได้โพสต์ให้ความรู้กรณีหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม โดยระบุถึงคำว่า “อีเหี้ย” ซึ่งเป็นถ้อยคำแสดงการหมิ่นประมาทก็จริง แต่เมื่อไม่ได้ระบุไว้ในคำฟ้อง ก็จะนำมาสืบให้ศาลรับฟังในชั้นพิจารณาไม่ได้

โดยนายพิมพ์พล ได้อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2562 ที่ระบุว่า

กรณีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) เป็นการเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณด้วยการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรงนั้น มีความจำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุมาในคำฟ้องให้ชัดเจนว่า

- จำเลยที่ 1 ผู้รับกล่าวถ้อยคำอย่างไร เมื่อใด ต่อใคร เพื่อเป็นข้อที่จะให้ศาลพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้หรือไม่ 

- ลำพังแต่การบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายอีกหลายครั้ง โดยไม่มีรายละเอียดว่า ด่าด้วยถ้อยคำว่าอย่างไร เหตุเกิดเมื่อใด ซึ่งจำเลยทั้งสามก็ให้การต่อสู้ว่า ฟ้องในส่วนนี้เคลือบคลุม 

เพื่อไทย เตือน รบ.ขายสลากดิจิทัล ส่งผลกระทบรายย่อย แนะ ‘บิ๊กตู่’ คิดไม่เป็น ก็ลอกการบ้าน ‘ไทยรักไทย’ ได้

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย กรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เตือนให้รัฐบาล ถึงกรณีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ในราคา 80 บาท แต่เป็นวิธีที่นักวิชาการและผู้ที่เคยศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหารวมถึงสำนักงานสลากเองเลือกที่จะไม่นำมาใช้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบถึงกลุ่มบุคคลที่ได้โควตาขายสลากกินแบ่งอยู่แล้ว เช่น กลุ่มผู้พิการ ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิองค์กรการกุศลต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา 

1. รัฐบาลจะใช้การขายสลากดิจิทัล เป็นแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาขายสลากเกินราคา และจะเพิ่มปริมาณสลากมากขึ้นอีกหรือไม่ เพราะการเพิ่มปริมาณสลาก เพราะหากมีการเพิ่มปริมาณสลากที่จะซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น จะยิ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้าสลากรายย่อยที่หาเช้ากินคํ่าที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตาสลากอีกจำนวนหลายแสนคนที่จะต้องตกงาน นโยบายสลากดิจิทัลเพียงแค่ตอบสนองรัฐบาลว่าแก้ปัญหาได้ แต่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนผู้ค้าอีกจำนวนมาก

2. จากกรณีที่ผู้อำนวยการกองสลากมีการเสนอให้ยึดโควตาสลากจากตัวแทนจำหน่าย 8,000 ราย จำนวน 6 ล้านฉบับ ที่ถูกกล่าวหาว่าขายสลากเกินราคาให้กับแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น ขอถามว่า สำนักงานสลากจะคืนสิทธิ์ดังกล่าวให้กับผู้ค้าสลากหรือไม่ เหตุเพราะว่าศาลได้วินิจฉัยยกคำร้องไม่ปิดเว็บไซต์ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการบุกค้นและกล่าวหาผู้ประกอบการโดยขาดความรอบคอบของทีมเฉพาะกิจรัฐบาล เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เป็นความเคยชินที่เคยปฏิบัติในสมัยรัฐบาล คสช. ที่มีมาตรา 44 เป็นเครื่องมือ

'ชัชชาติ' ผู้ว่ากรุงเทพฯ หารือการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการ (กรุงเทพมหานคร)

(7 มิ.ย.65) ณ ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) 'นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์' ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานราชการกรุงเทพมหานคร เปิดการประชุมหารือการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการของกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการ รวมถึงส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

‘ไก่ ภาษิต’ โดนทัวร์ลงยับแบบไม่ทันตั้งตัว หลังโพสต์ฟ้องผู้ว่าฯ ชัชชาติ ‘รถติดไม่ไหวแล้ว’

เจอคอมเมนต์ถล่มรัว ๆ แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว สำหรับผู้ประกาศข่าวคนดัง ไก่ ภาษิต อภิญญาวาท หลังเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กภาพยืนถือหมวกกันน็อก พร้อมแคปชั่นอีกหนึ่งเสียงร้องเรียนปัญหารถติดถึงผู้ว่าฯ ชัชชาติ ด้วยว่า ท่านผู้ว่าครับ รถติดไม่ไหวแล้วครับ [ by @toonparinda ]

งานนี้เลยโดนดราม่าทัวร์ลงคอมเมนต์รัว ๆ อาทิ เดินค่ะ แซะเก่งไม่น่ารักเลยค่ะ , ผ่านมา 8 ปี รถไม่เคยติด หรือไม่เคยออกจากบ้าน , พึ่งรู้หรอ คนที่อยู่มา8ปียังแก้ไม่ได้เลย , ตอนอศว.เป็นผู้ว่า พี่เคยออกมาโพสต์แบบนี้มั้ยคะ แหมม รู้เลยนะคะ , รถบ้านพี่เพิ่งติดหรอค้าาา , 8 ปี รถไม่ติดครับ

พึ่งมาติด 2 อาทิตย์นี้ตอนได้ผู้ว่าฯคนใหม่ เป็นต้น

แต่ภายหลังเจ้าตัวได้เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่า เข้าใจผิดกันนะครับ ช่วงนี้ฝนตกรถติด เลยหันมาใช้มอเตอร์ไซค์แทน ที่ผ่านมารถก็ติดตลอดแต่ผมมีความหวังว่าอาจารย์ชัชชาติจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้แน่นอนและเพิ่งอ่านข่าวว่าหนึ่งในข้อร้องเรียนอันดับต้น ๆ คือรถติด จึงขอเป็นอีก1เสียงร้องเรียนครับ และที่สำคัญไม่ได้เป็นสลิ่มแน่นอนครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02ZDm7zebNMb5Z26No8sPjwuHvz7pkpCwnmk4szyETXhG52BWopfvjdfPzm4spQcvRl&id=100044273507560

‘พิธา’ ตอบจดหมายตัวแทน ‘ข้าราชการบำนาญ’ ยืนยัน ไม่ตัด ไม่ลด บำนาญ

‘งบช้างป่วย’ หมายถึง วิธีการจัดการงบประมาณประเทศของประยุทธ์ ชี้ หากการหารายได้ไม่สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาอาจย้อนกลับและกระทบถึงสวัสดิการข้าราชการในอนาคตด้วย เผย รู้ว่าเสี่ยง แต่ถ้าไม่พูดตั้งแต่ตอนนี้ สถานการณ์วิกฤติขึ้นมาจริงอาจสายเกินแก้ 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบจดหมาย ศรศักดิ์ อ้วนล้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ที่มีคำถามต่อกรณีการอภิปรายงบประมาณปี 66 เกี่ยวกับผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญ ว่า เป็นการตอบจดหมายตามสัญญาเพื่อตอบข้อสงสัยที่มีต่อการอภิปรายงบประมาณของตนในสภา 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 มีอคติกับข้าราชการบำนาญหรือไม่ ? อะไรคือความหมายของ ‘งบช้างป่วย’ 

พิธา ตอบว่า  ‘งบช้างป่วย’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ‘ข้าราชการบำนาญ’ แต่หมายถึง ‘วิธีในการจัดงบประมาณประเทศของรัฐบาล’ ที่รวมถึง รายได้ รายจ่าย การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน

“ผมต้องเรียนท่านว่าผมมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการบำนาญ ตัวผมเองก็เคยทำงานที่กระทรวงพาณิชย์มาก่อน เข้าใจหัวอกข้าราชการเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยกว่าเอกชนและปัญหาของข้าราชการไทยในการดูแลประชาชนไม่มากก็น้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีอคติต่อข้าราชการครับ”

'สุริยะ' สั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานต่อเนื่อง หวังช่วยฟื้นฟูกิจการหลังโควิดคลี่คลาย

ผู้ประกอบการโรงงาน จำพวก 2 และ 3 ได้เฮ!! อีกรอบ หลัง 'สุริยะ' สั่งการกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีต่อเนื่อง หลังจากยกเว้นมาแล้ว 2 ปี มีโรงงานเข้าข่ายได้รับการยกเว้น 60,344 แห่งทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 280 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบกิจการโรงงานสามารถฟื้นฟูกิจการหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ประกอบกิจการโรงงานได้รับผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจะได้ฟื้นฟูกิจการ จึงสั่งการให้ กรอ. ดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมโรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ทุกขนาดอีก 1 ปี ต่อเนื่องจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบการโรงงานในปี 2564 ที่จะสิ้นสุดการยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้เป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมครั้งที่ 3 ต่อเนื่องจากปี 2563 และ 2564

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า “การยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่เจ้าของกิจการโรงงาน เป็นหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ในการฟื้นฟูกิจการภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย เพื่อให้กิจการสามารถพลิกฟื้นจนก้าวเดินต่อได้อย่างต่อเนื่อง"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top