Tuesday, 30 April 2024
Hard News Team

“อนุทิน” แจงแผนจัดการวัคซีนโควิด 19 ลุ้น เดือนเมษาฯ ได้ 1.5 ล้านโดส

วันที่ 5 เมษายน ที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงแผนบริการจัดการวัคซีนโควิด -19 ว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 จากบริษัท Sinovac จำนวน 1 ล้านโดส สุดท้ายจากการคำสั่งจัดหาทั้งสิ้น 2 ล้านโดส ได้รับการยืนยันว่าจะส่งเข้ามาถึงไทยภายในกลางเดือนเมษายน 2564 และล่าสุด ได้รับรายงานว่า ได้ประสบความสำเร็จ ในการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจากบริษัท Sinovac อีก 500,000 โดส  ซึ่งตามแผนไทยจะได้รับวัคซีนในเดือนเมษายนเช่นกัน  สรุปเดือนนี้ ไทยน่าจะได้วัคซีน 1.5 ล้านโดส

"การที่ประเทศไทยมีวัคซีนที่จัดหาได้เพิ่มเติมเช่นนี้ ก็เพื่อรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้เป็นไปตามแผนระยะต่างๆ ระหว่างรอวัคซีนจากแอสตร้าเซเนก้า ที่ผลิตใน ประเทศไทย ซึ่งทยอยออกมาฉีดให้ประชาชนในเดือนมิ.ย. เดือนละ 5-10 ล้านโดส" 

นายอนุทิน กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสถานบันเทิง ว่า กรมควบคุมโรค รายงานข้อมูลการติดเชื้อจากสถานบันเทิงสูงตัวเลขค่อนข้างสูง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชน  จะต้องเสนอมาตรการที่มีความเข้มข้นต่อที่ประชุม ศบค. อาจถึงขั้นเสนอให้ปิดสถานบันเทิงในพื้นที่เสี่ยงหรือมาตรการที่มากกว่านั้น เพราะหากติดในพื้นที่หนึ่ง แต่บางพื้นที่ยังเปิดอยู่ ก็อาจจะเกิดการเคลื่อนย้ายของคน ซึ่งจะควบคุมได้ยาก 

"แต่ก็ต้องให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกันอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ประชาชนช่วยกัน ให้ความร่วมมือในมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ในปีที่ผ่านมาเราสามารถควบคุมการระบาดไว้ได้ เพราะทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ระหว่างนี้ก็จะมีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามแผนที่เราได้วางไว้" อนุทินกล่าว 

นายอนุทิน กล่าวว่า ในพื้นที่ กทม. ได้ปรับแผนบริการวัคซีนโดยจะนำลงไปฉีดให้กับ พนักงานที่ทำงานในสถานบันเทิงและครอบครัว ในข้อเสนอนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละพื้นที่ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทำงานอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนหลักสำหรับจัดการสถานการณ์ แต่เมื่อมีเหตุเร่งด่วนก็พร้อมปรับแผนเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เข้ามา ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มความสามารถ ทุกอย่างอยู่ในแผนหลัก และแผนรอง 

“รมช.มนัญญา” เร่งขยายพื้นที่การปลูกกัญชาต้นแรกของจังหวัดกระบี่

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปลูกกัญชาต้นแรกของจังหวัดกระบี่ ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเยี่ยมชมโรงเรือนปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ร่วมกับ รพ.สต.บ้านบางผึ้ง  อำเภอคลองเหนือ จังหวัดกระบี่ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะส่งเสริมสนับสนุนมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เรื่องการปลูกกัญชา ผลักดันกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เพิ่มเติม และทำการวิจัยสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และให้ประสิทธิภาพสูง สามารถนำมาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา พร้อมจัดหาตลาดกลาง รูปแบบระบบเครือข่ายเพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายให้เกษตรกร ณ วิสาหกิจชุมชนคนกระบี่เพื่อปลูกสมุนไพร จังหวัดกระบี่

ทบ. ร่วมกับทุกส่วน ตั้งจุดบริการดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนเทศกาลสงกรานต์ 2564 สร้างความปลอดภัย ร่วมสืบสานประเพณีไทยใต้รูปแบบวิถีใหม่

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2564 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีข้อห่วงใยต่อกำลังพล ครอบครัวและประชาชน อยากให้เฉลิมฉลองเทศกาลอย่างมีความสุข โดยไม่ประมาท กองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสาใช้ศักยภาพของทุกองค์กรในการจัดตั้งจุดบริการร่วมและอำนวยความสะดวกในรูปแบบ New Normal “สงกรานต์ ปลอดภัยกองทัพบกห่วงใยประชาชน” บริเวณเส้นทางปมคมนาคมที่มีการจราจรหนาแน่นและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จุดที่ประชาชนสามารถเข้าถึง และรับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10-17 เมษายน 64 โดยบริการในรูปแบบครบวงจรตามมาตรการ ศบค.  

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวต่อว่า โดยประชาชนที่มีแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลนี้ นอกจากแวะพักรับบริการตามจุดต่างๆ แล้ว กองทัพบกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทหารเป็นทางเลือกให้ได้เข้าชม และพักผ่อนจากการขับยานพาหนะในการเดินทาง อาทิ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศรวมทั้งสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพบก กรีนเลครีสอร์ท จ.เชียงใหม่, สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงราย สำหรับพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ตามแต่ละจังหวัด กำลังพลจิตอาสาของกองทัพบกได้ลงพื้นที่ทำความสะอาดเตรียมสถานที่ สนับสนุนบุคลากรสายแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายทั้ง 37 แห่ง ร่วมกับสาธารณสุขในพื้นที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชน รวมทั้งหน่วยทหารมีการเตรียมเข้าบริจาคโลหิตหากมีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นเร่งด่วนด้วย 

‘บิ๊กตู่’ แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิง หลังพบผับ ย่านทองหล่อ เป็นคลัสเตอร์ใหม่ กระจายเชื้อโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีเข้าไปในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งพบว่ามีผู้ติดโควิด-19 เข้าไปใช้บริการนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีที่เป็นข่าวได้มีการชี้แจงเรื่องนี้แล้ว โดยขอให้มองเป็นบุคคลธรรมดาเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่บุคคลดังกล่าวจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นถ้าทำเช่นนั้นจริง ซึ่งตนก็ได้เตือนไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบว่าจากนี้ไปต้องมีการย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)หรือไม่ ว่า หากจะเดินทางไปสถานที่ใดก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนจะพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

ขณะเดียวกัน ทางด้านศบค.จะมีการหารือกำหนดมาตรการ โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค จะเสนอมาตรการกันโควิด-19 ต่อที่ประชุม ศบค. โดยจะให้เจ้าพนักงานมีอำนาจ หากพบมีความเสี่ยง สามารถสั่งปิดสถานประกอบการ แล้วให้ไปจัดการทำตามมาตรการที่กำหนด ได้ทันที โดยมีข้อสรุปเป็น 3 ประเด็น

1.) หากพบ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ใด มีการพบการติดเชื้อโควิด-19 จะต้องมีการปิดสถานบันเทิงในทันที เบื้องต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์

2.) หากพบโซนสถานประกอบ ที่มีการติดเชื้อเป็นวงกว้าง และพบว่า ไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ให้อำนาจ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาสั่งปิดเป็นโซน หรือหากแย่จริงๆ ขยายปิดทั้งจังหวัดได้ ดังนั้น เน้นย้ำ ผู้ประกอบการทุกราย ต้อง "ยกการ์ดสูง"

และ 3.) สิ่งสำคัญ คือ มาตรการเข้มงวดร้านอาหาร แม้ตอนนี้ยังไม่พบมีการติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มเป็นก้อนในร้านอาหารก็ตาม แต่พบว่า ผู้ที่ไปในสถานบันเทิงก็มีการไปกินอาหารในร้านอาหารกับญาติพี่น้องด้วย ดังนั้น ศบค.ฝากเน้นย้ำ ให้สถานบันเทิง ร้านอาหาร พื้นที่ชุมนุม อยากให้ช่วยกันเฝ้าระวัง อย่างเข้มงวดที่สุด โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่จะถึงนี้ ศบค. จะขอติดตามดูแลท่าน แบบ "หายใจรดต้นคอ" ตอนนี้ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อ แต่หากอีก 3 วัน มีรายงานเมื่อใด ก็ต้องสั่งปิด ดังนั้นของเจ้าของสถานประกอบการ และประชาชน ได้ช่วยกันสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวดด้วย

‘วราวุธ’ ไม่กังวล กระแสโซเชียล เปรียบเจาะบ่อบาดาลรัฐกับ ‘พิมรี่พาย’ ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ เล็งดำเนินคดีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล ผิดกฎหมาย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การขุดบ่อบาดาล ที่ ‘พิมรี่พาย’ แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ช่วยชาวบ้านขุดโดยใช้แสนกว่าบาท กับของภาครัฐ ว่า แต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน บางพื้นที่ขุดเป็นร้อยเมตรจึงเจอน้ำ แต่บางพื้นที่ขุดเพียง 40 - 50 เมตรแล้วเจอน้ำบาดาล ส่วนในพื้นที่ภาคกลางขุดอย่างต่ำ ต้องลึกถึง 300 - 400 เมตร

โดยค่าใช้จ่ายก็มีราคาในการขุดแตกต่างกันไป ถ้าขุดตื้นราคาอยู่ในหลักแสน หากขุดลึกลงไปถึง 400 เมตร ราคาหลักแสนเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณภาพและมาตรการต่าง ๆ ที่จะต้องมีเทคนิคเข้ามาช่วย ทั้งรถเจาะ หรือเครื่องกรองน้ำที่จะต้องมากรองน้ำที่อาจมีโลหะหนักอย่างสนิมเหล็ก ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า ยืนยันว่าโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีราคากลางที่สำนักงบประมาณกำหนดเอาไว้ว่าอุปกรณ์ในการขุดเจาะน้ำบาดาลแต่ละอย่างมีราคาเท่าไหร่ สามารถตรวจสอบได้ หากบางพื้นที่มีการร้องเรียนเข้ามาทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็จะลงไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับกระแสทางโซเชียลฯ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบบ้างหรือไม่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเวลาเปรียบเทียบก็คงเปรียบเทียบกับสิ่งที่ใกล้เคียงกัน คือหากเจาะลงไป 40 เมตรแล้วเจอน้ำเลย จะดีใจมากเพราะงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีอยู่ จะสามารถนำไปเจาะได้อีกหลายพันบ่อ และปีที่ผ่านมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลเจาะไปเกือบพันบ่อแล้ว ซึ่งระบบที่ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการ ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นให้ดูแลประชาชนในวงกว้าง บางแห่งสามารถดูแลประชาชนได้ทั้งตำบล เราเดินบาดาลระยะไกล พื้นที่การเกษตรเกือบพันไร่ ไม่ใช่ดูแลแค่หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง

“เป็นสิ่งที่ดีที่ปัจจุบันมีประชาชนหลายฝ่ายให้ความสนใจและมาช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องน้ำ แต่การทำงานอาจแตกต่างกันทั้งในลักษณะการทำงานและความยากง่ายในการทำงานเพราะราชการก็ทราบกันดีว่ากฎระเบียบหลายอย่าง”

เมื่อถามว่าก่อนขุดเจาะน้ำบาดาลปกติจะมีกรมทรัพยากรธรณี ไปสำรวจก่อนหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องมีการสำรวจก่อนเพื่อดูสภาพพื้นที่โดยรวมว่าปลอดภัยแค่ไหนที่จะเจาะ ถ้าเจาะแล้วพื้นที่ดังกล่าวยุบลงไปก็จะมีปัญหาได้ และต้องดูด้วยว่าโดยรอบมีแหล่งน้ำบนดินหรือไม่ ถ้ามีก็จะพัฒนาแหล่งน้ำบนดินก่อน เพราะไม่จำเป็นเราไม่อยากเอาขึ้นมาใช้เพราะเป็นสมบัติที่ปู่ ยา ตา ทวด เก็บเอาไว้

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ภาคเอกชนสามารถขุดเจาะไปได้ก่อนแล้วค่อยมาทำเรื่องขอทีหลัง นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่มีความลึกเกิน 15 เมตร ไปจะต้องได้รับการอนุญาตกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อาจเจาะแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หรืออาจมีผลต่อสภาพของชั้นใต้ดิน จึงต้องสำรวจและขออนุญาตก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล เรากำลังดำเนินการตรวจสอบและปราบปราม เนื่องจากกระทบกับชั้นน้ำใต้ดินที่อาจส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างมีนัยยะ จนทำให้แผ่นดินทรุด

ทบ.เริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้กำลังพลปฏิบัติงานกองกำลังชายแดน 5,361 นาย ตั้งแต่ มี.ค.แล้ว เหตุภารกิจด่านหน้าเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคสูง

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังชายแดนยังคงดำรงภารกิจในการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 ด้วยการช่วยคัดกรองโรค ณ จุดผ่านแดน การสกัดกั้นการลักลอบเมืองโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรองโรค ด้วยการเฝ้าตรวจ ลาดตระเวน การติดตั้งเครื่องกีดขวางในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการใช้เครื่องมือพิเศษในการเฝ้าตรวจ ซึ่งเป็นการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค เพราะถือเป็นด่านหน้าหากตรวจพบผู้ลักลอบเข้าเมือง และเพื่อเป็นการให้กองกำลังชายแดนได้ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย มีภูมิคุ้มกัน และเป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขในการป้องกันเจ้าหน้าที่หน้าด่าน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสโรค ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดนไทย – เมียนมา จำนวน 5,361 นาย ซึ่งได้เริ่มฉีดให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง, กองกำลังสุรสีห์ และกองกำลังเทพสตรี ในห้วงเดือน มีนาคมที่ผ่านมา 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การทำงานในพื้นที่ชายแดนซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการป้องกัน COVID-19  ด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กำลังพลจะต้องได้รับวัคซีน COVID ซึ่งขณะนี้ทางกรมแพทย์ทหารบกได้ประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน สำหรับในภาพรวมของกองทัพบก กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการฉีดวัคซีน รวม 3,625 นาย  จำแนกเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,830 นาย, สถานที่กักกันโรค 20 นาย, กองกำลังป้องกันชายแดน 567 นาย, พื้นที่ควบคุมสูงสุด (จ.สมุทรสาคร) 1,187 นาย และ พื้นที่เฝ้าระวัง 21 นาย

ทบ. จัดตรวจเลือกทหาร 1-20 เม.ย.นี้ ย้ำระบบสมัครใจ-คัดเลือก เผยเพิ่มโอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพ สร้างแรงจูงใจให้คนสมัครเป็นทหาร ปลื้มภาพรวม4วันเรียบร้อย

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจเลือกทหารประจำปี 2564 ระหว่าง 1 – 20 เมษายน 64 ภายใต้มาตรการป้องกัน COVID-19 ทั้งเรื่องสถานที่คณะกรรมการการตรวจเลือกจำกัดจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกโดยได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายปกครองของแต่ละจังหวัดและสาธารณสุข การตรวจเลือกฯ ผ่านมา 4 วันแล้วภาพรวมได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชายไทยที่อยู่ในเกณฑ์เข้ารับการตรวจเลือกกองทัพบกขอขอบคุณชายไทยที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองตามที่กฎหมายกำหนดและขอเชิญชวนสำหรับผู้ที่มีความพร้อมสมัครเป็นทหารกองประจำการในวันที่เข้ารับการตรวจเลือก

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักศึกษาที่มีวันสอบของสถานศึกษาตรงกับวันที่เข้ารับการตรวจเลือกในปีนี้กองทัพบกได้อำนวยความสะดวกให้ เพราะถือว่ามีเหตุจำเป็นสุดวิสัย ขอให้ไปรายงานตัวกับสัสดีอำเภอ/เขต ตั้งแต่ 21 เมษายน -15 พฤษภาคม 64 และต้องเข้ารับการตรวจเลือกในปีถัดไป ล่าสุดในการตรวจเลือกฯ วันที่ 1-4 เมษายน 64 ที่ผ่านมา มีผู้ที่สมัครใจเป็นทหารกองประจำการถึง 11,834 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้หน่วยงานที่ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองประจำการอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือกตามขั้นตอนของทางราชการ โดยเฉพาะการเชิญชวนให้สมัคร ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเป็นทหาร

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการคัดเลือกทหารกองประจำการในปีนี้จากนโยบายของกระทรวงกลาโหมที่มุ่งพัฒนาการตรวจเลือกทหารไปสู่ระบบทหารกองประจำการอาสาทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต ซึ่งกองทัพบกได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยเมื่อช่วง ก.พ.- มี.ค. ได้เปิดรับสมัครทหารกองเกินอายุ 18-20 และ 22-29 ปี เป็นทหารกองประจำการด้วยระบบออนไลน์ มีผู้สมัครและผ่านคุณสมบัติ จำนวน 3,220 คน และที่ผ่านมาก็รณรงค์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มีการสมัครเป็นทหารกองประจำการ  

เน้นการให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพโดยในปี 2564 กองทัพบกได้ปรับเพิ่ม พลทหารเป็นนักเรียนนายสิบสูงถึง 80% จากเดิม 50% และมีการเพิ่มคะแนนพิเศษให้กับทหารกองประจำการในการสอบเป็นข้าราชการของกองทัพบกการปรับและพัฒนาแนวทางการรับทหารกองประจำการดังกล่าว จะช่วยให้การตรวจเลือกที่ดำเนินการมาในลักษณะแบบผสมผสาน คือการรับสมัครและการคัดเลือกนำไปสู่การตรวจเลือกทหารโดยสมัครใจอย่างเต็มรูปแบบ การให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพที่กองทัพบกได้ดำเนินการในห้วง2ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับทั้งจากทหารกองประจำการและประชาชน ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากเป็นทหารมากขึ้น             

ทบ.เข้มกฎเหล็กห้ามกำลังพลยุ่งการเมือง ยกคำสั่ง 388 / 2563 ขู่ หากฝืนตั้งกก.สอบฟันวินัย-อาญา จับตา “ม็อบจตุพร”

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ประกาศชุมนุมต่อเนื่องว่า กองทัพบกมีระเบียบวินัยสำหรับกำลังพล โดยกองทัพบกได้ออกคำสั่งที่ 388 / 2563 ที่กำหนดไว้ว่ากำลังพลสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง รวมถึงการโพชส์ข้อความตามโซเชียลต่างๆ เรามีข้อห้ามชัดเจนและหากกำลังพลกระทำผิด กองทัพบกก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหากพบว่ามีความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากเป็นความผิดทางวินัยก็ดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทหารทำได้เพียงการติดตามข้อมูลข่าวสารการชุมนุมเท่านั้น ยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากรมกำลังพลทหารบกได้ออกคำสั่งได้ออกข้อควรปฏิบัติและข้อไม่ควรปฏิบัติของกำลังพลสังกัดกองทัพบกโดยอ้างอิงจาก1.ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมืองพ.ศ 2499 2. คําสั่งกองทัพบกที่ 388 / 2563 ลง 9 ก.ย.2563 เรื่องแนวทางการดำเนินการต่อกำลังพลที่กระทำผิดและหาก ผู้ใดฝ่าฝืนข้อบังคับกระทรวงกลาโหมและคำสั่งกองทัพบกถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหารมาตรา 33 ,11 และ 32 ตามแต่กรณี ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ทำโปสเตอร์ติดภายในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุ สิ่งที่กำลังพลสามารถทำได้ดังนี้ 1.การสมัครเข้าเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการทหารบกทราบ 2. การเข้าร่วมประชุมทางการเมืองในฐานะส่วนตัวได้แต่ต้องไม่สวมเครื่องแบบและไม่ใช้ในเวลาราชการ 3. ปฏิบัติราชการในหน้าที่ด้วยการวางตนเป็นกลางโดยไม่มุ่งหวังประโยชน์ของพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะแต่ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล 4. ลงคะแนนเสียง/ แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อผู้ลงสมัครได้5. การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสามารถกระทำได้โดยไม่แต่งเครื่องแบบและไม่ใช้เวลาราชการทั้งนี้ในการเข้าร่วมประชุมในที่สาธารณะนั้นต้องเป็นไปอย่างสงบ

ส่วนสิ่งที่กำลังพลไม่สามารถกระทำได้ มีดังนี้1. ไม่กระทำการใดๆอันมีลักษณะพาดพิง ส่อเสียด ล้อเลียน สถาบัน รัฐบาล และผู้บังคับบัญชา 2. ไม่แต่งเครื่องแบบหรือชุดอื่นใดรวมถึงใช้ตราสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นทหารเข้าร่วมประชุมกับพรรคการเมืองหรือไปร่วมชุมนุมในที่สาธารณะอันเป็นการประชุมที่มีลักษณะทางการเมือง 3. ไม่ประดับเครื่องหมายหรือแต่งเครื่องแบบของพรรคการเมืองเข้าไปในสถานที่ราชการ 4. ไม่บังคับผู้อยู่ในบังคับบัญชา ทั้งโดย ตรงหรือโดยปริยายให้เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดและไม่กระทำการในทางให้คุณหรือให้โทษ 5. ไม่แทรกแซงในทางการเมืองหรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อการทำกิจการต่างๆ 6. ไม่แสดงออกโดยตรงหรือโดยปริยายที่จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งในระยะเวลา ที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง 7. ไม่โพสต์ข้อความทางการเมืองในเวลาราชการในสถานที่ราชการหรือใช้คอมพิวเตอร์ของราชการรวมถึงห้ามใช้ account ของราชการร่วมกิจกรรมทางการเมืองบนสื่อสังคมออนไลน์

“บิ๊กบี้” สั่งห้ามอาวุธ-ยุทโธปกรณ์เข้าออกชายแดน เชื่อไทยไม่โดนลูกหลง หลังเมียนมาสงบศึกชั่วคราว หยุดยิง 1 เดือน มั่นใจ กกล.ชายแดนตะวันตกเอาอยู่

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ถึงการดูแลชายแดนไทย-เมียนมาว่า ช่วงวันที่ 26 - 27 มีนาคม 64 เกิดการสู้รบในประเทศเมียนมาใกล้ชายแดนไทยตรงข้าม อ.แม่สะเรียง และอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าภูเขา มีแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นเขตแดนเป็นระยะทางประมาณ 118 กิโลเมตร สามารถใช้เรือโดยสารสัญจรข้ามไปมาได้ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามแนวชายแดนเดินทางข้ามแม่น้ำสาละวินมายังฝั่งประเทศไทยรวมกันเป็นกลุ่มบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำสาละวินฝั่งไทยใน ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 2,788 คน 

ทางกองกำลังป้องกันชายแดน กองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 36 ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวก เพื่อมนุษยธรรม ในพื้นที่พักรอ ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยมาตรการสูงสุด และการชี้แจงให้เข้าใจสถานการณ์ ต่อมาตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา มีประชาชนชาวเมียนมาได้เริ่มเดินทางกลับ หลังรับทราบสถานการณ์ จากการทำความเข้าใจกันและเดินทางกลับโดยสมัครใจ

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้พื้นที่สู้รบที่อยู่ในความดูแลของไทยช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมา ไทยได้ดูแลประชาชนชาวเมียนมาตลอด โดยมีพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนี้ภัยการสู้รบจากเมียนมาจำนวน 9 จุด ตั้งแต่จ.ตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และราชบุรี มีประชาชนเมียนมา 78,126 คน หรือ 21,221 ครัวเรือน บางเป็นที่เป็นผู้หนีภัยจากการสู้รบ 38,856 คน ผู้อาศัย 39,270 คน ในสถานการณ์ปัจจุบันพื้นที่ที่เกิดการสู้รบระหว่างเมียนมากับชนกลุ่มน้อยที่เป็นพื้นที่ที่มีเขาสูงทั้งฝั่งไทยและเมียนมา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่เป็นข่าวหากจากชายแดนประมาณ 20-30 กิโลเมตร  และห่างจากพื้นที่ ที่มีประชาชนของทั้งสองประเทศข้ามไปมาประมาณ 35-40 กิโลเมตร 

ลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่สูงและเป็นแนวชายแดนในปกติกำลังทางทหารในประเทศใดก็ตาม หากจะใช้กำลังในพื้นที่ที่ติดกันประเทศนั้นๆจะต้องระมัดระวังในการใช้ยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะการใช้เครื่องบินหรืออากาศยานโจมตีต้องอยู่ให้ห่างจากชายแดน จะใช้อาวุธยิงก็ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้ล้ำเขตแดนกัน โดยเฉพาะพื้นที่เขาสูง เชื่อได้ว่าตลอดแนวชายแดนแม่น้ำสาละวินค่อนข้างปลอดภัยทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ส่วนสถานการณ์ที่มีประชาชนของเพื่อนบ้านบาดเจ็บ เราก็ทำหน้าที่ตามมนุษยธรรม โดยรับมาดูแลและส่งไปที่โรงพยาบาล

“นี่คือสิ่งที่กองกำลังชายแดนดำเนินการอยู่ ส่วนกรณีการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ตามแนวชายแดนถือเป็นหลักการที่เราไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเราไม่ยอมอยู่แล้วในทุกเรื่อง ผบ.ทบ.ได้กำชับไม่ให้มียุทโธปกรณ์ผ่านเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเด็ดขาด แต่ที่ผ่านมามีการตรวจสอบการส่งกระสุนวัตถุระเบิดทางบริษัทของเอกชน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามผบ.ทบ.มีความเป็นห่วงชายแดนไทยเมียนมา โดยจะเห็นว่าเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาผบ.ทบ.ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคตะวันตกที่ติดกับฝั่งเมียนมา ห่วงใยความปลอดภัยของคนไทยเป็นที่สุด อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านและทิศใต้มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก จึงให้ความสำคัญกับกองกำลังแนวชายแดนในการตรวจ และสกัดรวมทั้งสร้างมาตรการอื่นๆให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด จึงให้ความมั่นใจได้ว่ากองกำลังป้องกันชายแดน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกมีประสิทธิภาพในการทำงาน

เมื่อถามว่า การใช้อากาศยานโจมตีต้องมีระยะห่างจากชายแดนฝั่งประเทศไทยเท่าไหร่ พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ แต่ทุกประเทศต้องระมัดระวังในการปฏิบัติการตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อเส้นเขตแดน ทั้งในส่วนด้านตะวันตกที่เป็นแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำเมย ซึ่งตามสนธิสัญญาถือเป็นแม่น้ำกลาง สองประเทศสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ถ้าข้ามไปฝั่งใดก็ถือเป็นสิทธิและอธิปไตยของประเทศนั้นที่ไม่ก้าวล่วงกัน ทหารฝั่งไทยหรือฝั่งของเมียนมาจะไม่ข้ามไปอีกฝั่งของลำน้ำ เราเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุการใช้อากาศยานของเมียนมาข้ามมาฝั่งไทยจนเกิดผลกระทบจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า เป็นข้อระมัดระวังของกองกำลังป้องกันชายแดนของทุกประเทศอยู่แล้ว ที่จะพยายามไม่ให้เกิดสิ่งนี้

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ให้แนวทางกับกองกำลังชายแดนอย่างไร หากการใช้อาวุธในฝั่งเมียนมาข้ามเข้ามาฝั่งไทย พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะยังอีกไกล เพราะทางรัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดยิง 1 เดือน สถานการณ์ในเมียนมาคงจะมีความเรียบร้อย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top