Thursday, 16 May 2024
Hard News Team

'ธนกร' วอนฝ่ายค้านพักการเมืองชั่วคราว ผนึกกำลังกันช่วยประชาชนฝ่าวิกฤติโควิด-19 ชี้กรณี 'บิ๊กตู่' ถูกปรับ 6,000 เป็นตัวอย่างที่ดี แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ 2 มาตรฐาน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งประชุมที่ทำเนียบโดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้แจ้งไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า การกระทำดังกล่าวผิดหรือไม่?

ซึ่งเมื่อทราบว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนประกาศ กทม. เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่ กทม.สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ เป็นจำนวนเงิน 6,000-20,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ให้พนักงานสอบสวนมาเปรียบเทียบปรับจำนวน 6,000 บาท เนื่องจากเป็นความผิดครั้งแรก

ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามประกาศ หากทำผิดต้องถูกเปรียบเทียบปรับ ไม่มี 2 มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อทำผิดท่านก็แสดงความรับผิดชอบทันที ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ถูกต้อง

นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวของกทม. ก็เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น ฝากถึงพี่น้องประชาชนด้วย ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ ธนกร กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และให้กำลังใจประชาชนทั่วประเทศในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ตนไม่อยากเห็นการออกมาตำหนิกันไปมา โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็รับฟัง อยากให้พักการเมืองไว้ก่อน แล้วมาช่วยกัน อยากเห็นความรัก ความสามัคคี ของคนไทยทุกคน ตนเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน ขอเพียงทุกคนช่วยกัน

เช้านี้กองกำลังกะเหรี่ยง KNU เปิดฉาก บุกตีฐานพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ฝ่ายความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่หวั่นอันตรายจากการสู้รบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ (27 เม.ย. 64) กองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน

ด้านฝ่ายความมั่นคงของไทย ได้ปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทยแล้ว

เบื้องต้นมีชาวบ้าน ร้านค้า บางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นที่ติดริมน้ำบริเวณท่าเรือแม่สามแลบได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป


สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน รายงาน

‘แรมโบ้’ ขอบคุณหลายพรรคการเมืองตั้งศูนย์ประสานงาน ช่วยผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สนับสนุนรัฐบาล พร้อมขอ ‘ฝ่ายค้าน’ อย่านำประเด็นทางการเมืองมาตีกินในขณะที่บ้านเมืองวิกฤต ต้องช่วยกันให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ซึ่งแม้ว่าการแพร่ระบาดจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ยืนยันว่านายกฯและศบค. ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ได้เตรียมความพร้อมและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ผลโดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกันการที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมถึงฝ่ายการเมือง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหลายพรรคการเมืองที่ออกมาช่วยเหลือรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการตั้งศูนย์ประงาน และหารือกันภายในพรรคเพื่อมีข้อเสนอที่ดีให้กับนายกฯและรัฐบาลนำไปปรับใช้ ซึ่งตนเองมั่นใจว่าข้อเสนอใดที่เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้กับประชาชนได้ นายกฯ พร้อมรับฟังอย่างแน่นอน

“ตนเองอยากขอร้องฝ่ายการเมือง ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤตควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าออกมากล่าวโจมตี กล่าวหา นายกฯ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะคนเหล่านี้ล้วนแต่ทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ขออย่านำประเด็นทางการเมืองมาตีกินทางการเมืองในขณะนี้ หรือแม้แต่เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก หรือกระแสการยุบสภาฯ อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ อีกทั้งการยุบสภาฯ ก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ที่จะนำมาพูดให้เกิดความสับสน

หากเทียบกับในต่างประเทศหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เห็นมีประชาชน หรือ ส.ส.ในประเทศเหล่านั้น ออกมาขับไล่นายกรัฐมนตรี ไล่ประธานาธิบดี หรือไล่รัฐบาล เหมือนพรรคฝ่ายค้านในประเทศไทยเลย ดังนั้นก็ขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ก่อน ส่วนการเมืองจะเล่นกันภายหลังค่อยว่ากัน เอาความปลอดภัยและชีวิตประชาชนเป็นตัวตั้งก่อน

"วันนี้ทุกคนควรหยุดใช้วาทะตีกินทางการเมือง อย่ามาเสียเวลาหาเสียงหาคะแนนให้พรรคตนเอง มันยังไม่ถึงเวลาแต่นักการเมืองทุกคนควรเสียสละเวลาอันมีค่าหันมาใส่ใจปัญหาความเดือดร้อน ความเป็นความตายของประชาชนอย่างจริงจัง เหมือนที่นายกฯ และศบค. ตลอดจนทีมแพทย์พยาบาลเจ้าหน้าสาธารณสุขทุกคนที่พยายามทำงานอย่างทุ่มเทไม่ได้หยุดหย่อน ขวัญและกำลังใจคือสิ่งที่มีค่ามากในภาวะเช่นนี้ อย่าเพิ่งไล่นายกฯ อย่าเพิ่งเรียกร้องให้มีการยุบสภา และหยุดใช้วาจามาทำลายขวัญกำลังใจกันเสียที ทุกคนหันมาร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันแก้ไขปัญหา ให้ก้าวผ่านวิกฤติโควิดนี้ นำพาประเทศไทยชนะไปด้วยกันให้ได้ ทุกคนต้องหันมาจับมือกันเอาความสุขคืนกลับสู่คนไทยทุกคนโดยเร็วที่สุด นี่คือแนวทางที่นายกฯ และรัฐบาล ขอความร่วมมือจากใจจริงและตนมั่นใจว่าเป็นความต้องการของคนไทยทุกคนในประเทศเรา"

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้มีเรื่องบ่นเยอะ!! เริ่มละนะ

1.) แปลกมั้ย!! มาวันนี้ ร้องระงมกัน ว่าอยากให้ล็อกดาวน์ แต่ก็มีเสียงแย้งว่า ถ้าล็อกแล้วไม่มีกินจะทำไง พอจะแจกเงินอีก ก็มีคนว่า ใช้ภาษีมั่วซั่วอีกแล้ว ไม่ต้องแจก หาวัคซีนมาเร็ว ๆ จะตายกันหมดแล้ว แต่ต้องเยียวยาด้วย!!!

2.) ใครเดินทางไปเยี่ยมญาติ โดนบังคับให้กักตัวก็อารมณ์เสีย กักตัวอยู่บ้านไม่สะดวก ลำบากมาก (เอียงคอ...งง) ต้องออกจากบ้านได้สิ ยอมเจ็บแต่จบ? (จบอะไร จบชีวิตเหรอ?)

3.) พอเค้าบอกยาขาด ก็บอกไม่รู้จักสต็อก...จ้า!!! พ่อคุณ!!! เล่นแรดกันไม่ระวังตัว 'ระบาด' เพิ่มเป็นหมื่น ในไม่กี่วัน ใครจะรับมือไหว หันไปมองต่างบ้านต่างเมืองเถอะ เค้าให้นอนดูอาการตัวเองที่บ้าน แต่คนไทยเราตรวจเชื้อตอนเช้า ตกบ่ายตกค่ำไปแดนซ์ไปเที่ยวกินดื่มเหมือนไม่มีอะไร

4.) รัฐบาลประกาศอะไรออกมา ก็บอกไม่ชัดเจน ฟังแล้วสับสน? ตรงนี้อาจจะจริง บ่นกันขรมทั้งเมืองเสมอ ไม่รู้ 7 ปีที่ผ่านไป เอาแต่แต่งเพลงหรือเปล่า จริง ๆ อย่าแถลงเลย แต่งเป็นเพลงดูสิ เผื่อจะช่วยให้คนเข้าใจอะไรง่ายขึ้น

5.) ตอนที่ ตัวเลข คนติดเชื้อน้อยก็บอกปิดบัง พอตัวเลขเยอะ ก็บอกไร้ประสิทธิภาพล้มเหลวในการทำงาน เหมือนเด็ก ๆ ที่ร้องหาประชาธิปไตยบอกว่า ต้องทำอย่างอังกฤษ ที่ตอนนี้มีชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเองส่งมาถึงบ้าน แต่อยากได้ความเด็ดขาดแบบจีน (คอมมิวนิสต์) มาจัดการ พวกคนไม่รับผิดชอบต่อสังคม

6.) ตอนหน้ากากไม่พอ ก็บอกว่าไม่จัดหาให้ไว แต่พอมีเพียงพอก็ไม่ใส่ไม่สวม หรือ เห็นกันทั่วไปว่าเอาหน้ากากมาแปะใต้คาง คนไทยเข้าใจยากจริง ๆ ด่าว่าทุกอย่างแต่ไม่สำรวจตัวเอง

7.) ล่าสุดบ่นกันเรื่องเตียงไม่พอ ทั้ง ๆ ที่มีเตียง “รพ.สนาม” ว่าง อยู่อีกเยอะ แต่เอาเข้าจริง อยากนอน รพ. จริง ๆ แบบผู้ป่วยหนัก แถมออกมาขอความช่วยเหลือทางโซเชียล ออกคลิปออกไลฟ์สดกัน

จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้อยากแยกย่อยให้เข้าใจปัญหาตรงนี้สักหน่อยว่า จำนวนรถพยาบาลขนส่งที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ลำเลียง มันไม่เพียงพอ เพราะถ้าอยากให้ไว เกิดเค้าเอารถเมล์มาวิ่งรับ ถามตรง ๆ จะอยากขึ้นกันไหม ขนาด รพ.สนาม ยังไม่อยากนอน

เช่นเดียวกัน จะว่าไป คนไทยเราใช้โซเชียลกันเกินขอบเขต อย่างเคสนักเล่นเกมส์ ที่เสียชีวิต แล้วทางเพื่อน ๆ ต่างออกมาโทษการทำงานของรัฐ เพราะรัฐไม่รีบรับตัวมารักษาปล่อยให้เพื่อนเค้าตาย เลยไปดูไทม์ไลน์ ที่เหลือในเฟซบุ๊ก คือเค้าไปเที่ยวที่ทองหล่อ อยู่ในคลัสเตอร์ รัฐเค้าก็ประกาศให้รีบออกมาตรวจหาเชื้อกันตั้งแต่ต้นเดือน ตรงนี้ก็ไม่มีการออกมาบอกว่าได้ไปตรวจตามที่เค้าเรียกไหม?

จะด้วยอะไรก็ตาม พอทราบว่าคนที่เค้าใกล้ชิดติดเชื้อ ก็ทำการกักตัวเองตั้งแต่ วันที่ 12-17 เมษายน โดยบอกว่าไม่มีโควต้า รพ.ไหนให้เค้าเข้าตรวจ? พอวันที่ 21 เข้าแอดมิด พบว่าเชื้อลงปอดแล้ว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนมาถึงวันที่ 24 เค้าก็ได้เสียชีวิตลง

จากไทม์ไลน์ดังกล่าว ถ้าคิดเป็นนะ!! คนเป็นเพื่อนไม่ควรใช้การตายของเพื่อนออกมาโหนบ่นด่าโทษการทำงานของรัฐเลยจริง ๆ !!!

แต่อย่างไรเสีย ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต มา ณ ที่นี้ด้วย

ทั้ง 7 เรื่องที่นำมาเล่าทั้งหมดยืดยาวในช่วงเวลาคาบเกี่ยว 2-3 วันนี้ ก็แค่อยากให้มองความจริง มองเหตุผล ก่อนใช้อารมณ์ความรู้สึก เพราะปัจจุบัน มีการโทรแจ้งเข้ามาเรื่องรอการมารับ หลายร้อยรายต่อวัน แต่จงเชื่อเหอะว่าเจ้าหน้าที่เค้าทำดีที่สุดแล้ว

อีกเรื่องสำคัญ คือ คุณจะชอบรัฐหรือไม่ แต่ความร่วมมือนั้นสำคัญ รัฐประกาศอะไร เมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงควรรีบให้ไปตรวจโดยไว

สุดท้าย อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ในโลกโซเชียล เหมือนนักข่าวไทยพีบีเอสที่รายงานข่าวเครื่องบินเช่าเหมาลำจากอินเดีย กระโดดลอดห่วง งับข่าวปลอมเสียจมเขี้ยว...

เฟคนิวส์เริ่มเยอะ!!

ฝ่าวิกฤติโควิด ‘เกษตรฯ.’ ชูธง ‘5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย’ ใช้แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ระบบสั่งซื้อทุเรียนล่วงหน้าออนไลน์ เจาะตลาดจีน 1,400 ล้านคน เตรียมขึ้นเครื่องเช่าเหมาลำล็อตแรก 27 เมษายนนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 เมษายนนี้จะจัดส่งทุเรียนจากสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี ไปจำหน่ายที่ประเทศจีนโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินเซินเจิ้นแอร์ไลน์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์แบบสั่งซื้อล่วงหน้า ( Pre-Order) ที่ลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์มาเรียบร้อยแล้ว จำนวน 20 ตัน

“เป็นครั้งแรกของการจำหน่ายทุเรียนผ่านระบบ Pre-Order ไปประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของผลไม้ไทยโดยเฉพาะทุเรียน เราต้องเจาะตลาดจีนที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วขายทุเรียนได้กว่า 6 หมื่นล้านบาทด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ๆ บนความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ บริษัทเอกชนและสหกรณ์ผลไม้ เช่นสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรีและยังเป็นทุเรียนชุดแรกที่มีการสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยในระดับสหกรณ์ผลไม้ (Cooperative based Branding) ให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกทำให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนและสหกรณ์ขายได้ราคาสูงขึ้นคู่ขนานไปกับการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของทุเรียนในระบบ GAP และ GMP ภายใต้ "5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และโมเดล ‘เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการปฏิรูปไม้ผลทั้งระบบของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และการขับเคลื่อนโมเดล "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ร่วมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์

“ถือเป็นความสำเร็จทางนโยบายและการบริหารแบบทำได้ไวทำได้จริง หลังจากคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 3/2564 เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เห็นชอบโครงการจำหน่ายผลไม้บนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) เพื่อเป็นกลไกการขายเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศโดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด คือกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์

โดยล่าสุดกรมประชาสัมพันธ์จะมาช่วยเสริมทัพด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการผลิตสื่อออนไลน์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้จะมีการส่งออกภายใต้ระบบพรีออเดอร์อีกหลายประเทศในเดือนหน้าและขอแสดงความชื่นชมความร่วมมือระหว่างฟรุ้ทบอร์ด ผู้ประกอบการ สหกรณ์เมืองขลุงและจังหวัดจันทบุรี ที่สามารถเปิดฉากการส่งออกทุเรียนล็อตแรกได้สำเร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานคณะอนุกรรมการอนุกรรมการขับเคลื่อน E-Commerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ. ได้ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้าง New Ecosystem ในการ “สร้างแบรนด์ผลไม้ไทย” ในการส่งออกไปทั่วโลก

ผ่านช่องทาง Pre-order เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำ ในฐานะที่เราเป็นผู้ส่งออกผลไม้ที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ของโลก เราสามารถสร้างแบรนด์ให้แต่ละสวน แต่ละฟาร์มผ่านกลไกสหกรณ์ และมีระบบ Logistics ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่แข็งแรง ผสานเข้ากับ ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการส่งออกผ่านกระบวนการ Pre-Order ทางออนไลน์ นี่จะเป็นมิติใหม่ในการจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าของผลไม้ไทยอย่างยั่งยืน”

ทางด้านคุณเจียวหลิง ฟาน (Jiaoling Pan) กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอยัล ฟาร์ม กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการเปิดรับ Pre-Oder เพื่อจำหน่ายทุเรียนไทยส่งขายไปที่ประเทศจีน ว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลผลิตทุเรียน ทางบริษัทของเราต้องการได้ทุเรียนที่มีคุณภาพเพื่อส่งไปขายที่จีน และเมื่อได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย โดยมีพันธมิตรคือสหกรณ์เมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี ร่วมคัดเลือกทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ได้คุณภาพ ก็ยิ่งมั่นใจในคุณภาพว่าลูกค้าชาวจีนของเราทุกคนจะได้รับประทานทุเรียนจากเมืองไทยที่มีคุณภาพระดับเกรดพรีเมียม รสชาติอร่อย และผ่านการคัดเลือกคัดกรองอย่างมีคุณภาพในทุกขั้นตอน และปลอดจากเชื้อโควิดด้วย เรียกว่าเป็นทุเรียนแบรนด์เมืองไทย ที่มาจากการสร้างแบรนด์ของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง

“เมื่อชาวสวนและสหกรณ์สามารถรับรองคุณภาพทุเรียนให้ได้ เป็นแบรนด์ผลไม้ไทย และเราเป็นเจ้าแรกที่นำเอาผลไม้ไทยไปขายที่จีน ผ่านระบบ Pre-Order เราก็เลยเห็นว่าแนวทางนี้มีความมั่นคง เรามาถูกทางแล้วเพราะมีภาครัฐและสหกรณ์ออกมารับรองคุณภาพด้วย ทำให้เรามั่นใจและสามารถส่งออกผลไม้ไปขายได้อย่างเต็มที่" คุณเจียวหลิง ฟาน กล่าว

ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็นมากขึ้นคือการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องเกษตรกรเห็นถึงการขายทุเรียน และผลไม้ไทยทุกชนิดผ่านระบบ Pre-Order ที่สามารถทำได้จริง และได้กำไรด้วยเพราะเราสามารถกำหนดราคาขายที่แพงกว่าตลาดได้ หากสินค้าที่นำมาขายนั้นมีคุณภาพดีและผ่านการการันตี หรือได้รับการรับรองจากทางสหกรณ์และภาครัฐแล้ว และการซื้อทุเรียนล็อตนี้ทางบริษัทฯ เราก็ซื้อในราคาที่แพงกว่าราคาที่ขายในท้องตลาดจริงถึง 20 บาทด้วยกัน และถ้าเราสามารถประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติรับรู้และเข้าถึงผลไม้ไทยทุกชนิดที่เป็นความต้องการของตลาด ก็จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสและเป็นการเปิดเส้นทางการขายผลไม้ไทยสู่ตลาดโลกด้วยระบบออนไลน์ผ่านการ Pre-Order ซึ่งจะช่วยให้การจำหน่ายผลไม้ไทยเกิดความยั่งยืนด้วย

คุณเจียวหลิง ฟาน บอกอีกว่ากระแสการสั่งซื้อทุเรียนของไทยผ่านระบบ Pre-Order ในขณะนี้ถือว่าได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมาก ซึ่งลูกค้าชาวจีนให้ความสนใจและชื่นชอบทุเรียนจากเมืองไทยอยู่แล้ว และทางบริษัทฯ และสหกรณ์เมืองขลุง ก็ได้มีการรับรองคุณภาพด้วย หากว่าทุเรียนที่ส่งถึงมือลูกค้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ทางบริษัทฯ ก็ยินดีรับเคลมและจัดส่งทุเรียนให้กับลูกค้าใหม่อีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเรามีระบบการขายและการดูแลลูกค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งตลาดลูกค้าชาวจีนนั้นมีมากถึง 1,400 ล้านคนทีเดียว

ด้านคุณอุไร เปี่ยมคูหา เลขานุการสหกรณ์เมืองขลุง จำกัด จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าสหกรณ์ของ เรามีสมาชิกกว่า 2,000 คน ซึ่งมีความตั้งใจที่จะให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกและจำหน่ายผลไม้ไทย ร่วมกันสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย โดยสหกรณ์เป็นแกนนำให้สมาชิกได้ขายผลไม้ในราคาที่สูง มีคุณภาพดี เป็นผลไม้เกรดดี พรีเมียมและสมาชิกสามารถอยู่ได้เพื่อรองรับอนาคตที่ผลไม้จะออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเราอยากมีศูนย์ส่งออกเป็นของตนเอง มีรัฐบาลคอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านต่าง ๆ มีความร่วมมือจากทางจังหวัดและมีบริษัทที่มารับซื้อผลไม้จากเราเพื่อสร้างความมั่นใจได้ว่าผลไม้ที่ออกมาในแต่ละฤดูกาลจะสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ดี และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด

“การขายผ่านระบบออนไลน์ หรือ Pre-Order นี้ นับว่าตอบโจทย์ของเรามากเพราะช่วยให้เกษตรกรและสมาชิกของเราสามารถขายผลไม้ได้อย่างยั่งยืน มีตลาดรองรับที่แน่นอน ขอเพียงเราปลูกผลไม้ให้ได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งปีนี้เราก็ได้บุกเบิกขายทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จันทบุรี ผ่านระบบ Pre-Order เป็นครั้งแรก และเป็นการผลักดันผลไม้แบรนด์ไทย คือทุเรียนให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก” คุณอุไร กล่าวย้ำและว่าบริษัทฯ ที่มารับซื้อมีความตั้งใจมาก มีการแจ้งยอด Order เข้ามา และทางสหกรณ์กับสมาชิกก็ยินดีที่จะขายทุเรียนในรูปแบบนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีและเราก็อยากจำหน่ายในรูปแบบนี้มานานแล้ว ก็ได้มีการไปตรวจแป้งทุเรียนที่ต้องผ่านเกณฑ์ตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้ นั่นคือต้องมีแป้งไม่น้อยกว่า 32% ขึ้นไป ซึ่งทุเรียนที่เราจำหน่าย 20 ตันในนี้มีขนาดน้ำหนักแป้งตั้งแต่ 33-35% ขึ้นไป ซึ่งสมาชิกของเรา 20 คน ที่เป็นแกนในการส่งออกทุเรียน ทุกคนยินดีที่จะทำตามกฎระเบียบของสหกรณ์และตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้เพื่อให้ได้ทุเรียนที่มีคุณภาพดี รสชาติหวาน และได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ

ขณะที่ คุณอรทัย เอื้อตระกูล อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนำเข้า-ส่งออกสินค้าพืชและปัจจัยการผลิต กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การจำหน่ายผลไม้ไทย ผ่านระบบออนไลน์แบบ Pre-Order ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะสามารถสร้างแบรนด์ผลไม้ไทย และส่งขายผลไม้ไทยได้มากยิ่งขึ้นกับในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิดนี้ แต่หัวใจสำคัญคือระบบโลจิสติกส์ที่จะต้องสอดประสานและเป็นสะพานในการเชื่อมต่อระหว่างสินค้าจากเกษตรกรไทยของเรา พี่น้องชาวไร่ ชาวสวนให้สามารถส่งขายสินค้าไปยังปลายทาง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีบริษัทฯ กลางมารับซื้อและจัดจำหน่ายผ่านการ Pre-Oder

ซึ่งวันนี้เราได้เริ่มจัดส่งทุเรียนออกขายที่เมืองจีน ผ่านระบบการขนส่งโดยเครื่องบิน ซึ่งถือว่าดีมากเพราะช่วยในเรื่องของการรับประกันคุณภาพทุเรียนได้เมื่อส่งถึงมือผู้บริโภค หรือตลาดตามที่เราได้กำหนดไว้ แต่การจัดส่งโดยเครื่องบินก็มีราคาขนส่งที่แพงในระดับหนึ่ง ถ้ามีช่องทางการขนส่งในราคาไม่แพงมากจนเกินไป ก็จะส่งผลดีต่อการขายทุเรียนและผลไม้ไทยอื่น ๆ ได้อย่างมาก

“แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องผลิตสินค้า หรือจำหน่ายผลไม้ไทยที่มีคุณภาพ เกรดพรีเมียมด้วยเพราะเมื่อเป็นการขายแบบ Pre-Order เราต้องคัดสินค้าอย่างดีให้กับลูกค้า ประกอบกับการมีระบบการจัดส่งขนส่งที่ดี มีบริษัทรับซื้อที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐาน เมื่อทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน เส้นทางการจำหน่ายผลไม้ไทยไปสู่ตลาดโลกและเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ผ่านการ Pre-Order ก็จะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี” คุณอรทัย บอกไว้ในตอนท้าย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“อนุทิน” เผย แอสตร้าฯ ชมการผลิตวัคซีนสยามไบโอไซเอนซ์ ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบจากนานาชาติแล้ว

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ตนได้เข้าประชุมร่วมกับผู้แทนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อติดตามความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในประเทศไทย ผ่านการตรวจสอบคุณภาพผลิตในต่างประเทศแล้ว อาทิ สก็อตแลนด์ เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา 

“ทางบริษัทแอสตร้าฯ ได้กล่าวชื่นชมมาตรฐานการผลิตของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยการผลิตแต่ละขั้นตอนเป็นไปตามคุณภาพที่กำหนด และกล่าวไว้ว่า Asean countries can only rely on Siam Bioscience for AstraZeneca ที่มีความหมายว่า สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นแหล่งผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ตามสัญญาจัดซื้อจัดหาวัคซีนระหว่างบริษัทแอสตร้าฯ และกรมควบคุมโรค ระบุว่าจะส่งให้ประเทศไทยในเดือน มิ.ย. แต่ทางไทย ขอต่อรองฯ ให้ส่งเร็วขึ้น ซึ่งทางแอสตราฯ ได้รับพิจารณา และจะหาทางช่วย ทั้งนี้ การรับถ่ายทอดเทคโนโลยี บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ สามารถทำได้ภายใน 5-6 เดือนจากเดิมที่ต้องใช้ประมาณ 24 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมากและนับเป็นความสามารถของผู้ผลิต

นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้เราได้เจรจาถึงเรื่องสัดส่วนที่จะมีการนำวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในไทยส่งให้กับโครงการโคแวกซ์และประเทศในอาเซียนว่า ประเทศไทยต้องได้รับความสำคัญ ได้รับการจัดสรรให้มากที่สุดก่อน แต่ยืนยันว่า จะไม่กระทบกับยอดการสั่งซื้อวัคซีนที่จะนำไปฉีดเพื่อคนไทยอย่างแน่นอน และเพราะโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศไทย จึงสามารถลดขั้นตอนการขนส่งและจัดเก็บได้ โดยก่อนจะนำไปฉีดให้ประชาชน ก็ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของทุกคน

ทบ. แจงเหตุจำเป็นด้านความมั่นคง ต้องซื้อยุทโธปกรณ์ หลังงบได้รับอนุมัติผ่านสายบังคับบัญชา-รบ.มาแล้ว ขณะที่ “บิ๊กบี้” กำชับหน่วย งบอะไรช่วยโควิดได้ ขอให้พิจารณาปรับ

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกที่ยังมีอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ภาพรวมเจตนาการใช้งบประมาณของกองทัพบก คือจะต้องใช้งบประมาณตามที่ได้รับการจัดสรรให้ดีที่สุด โดยล่าสุดพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับทุกหน่วยทหารว่างบประมาณอะไรที่สามารถปรับมาใช้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ก็ขอให้พิจารณา แต่อะไรที่เป็นเรื่องของการดำรงความพร้อมทางด้านความมั่นคงของประเทศ และมีความจำเป็น รวมถึงผ่านการเห็นชอบในระดับสายการบังคับบัญชาและรัฐบาลแล้ว คงจำเป็นต้องเดินหน้า ภายใต้ข้อผูกพันธ์ต่างๆที่มี ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเสริมสร้างความพร้อมรบ ความแข็งแกร่ง และศักยภาพความมั่นคงของประเทศในภาพรวม แต่ยังไม่ขอลงในรายละเอียดในแต่ละโครงการ

เมื่อถามถึงข้อเสนอของน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้กองทัพยกเลิกโครงการจัดซื้ออาวุธ ถ้าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของความคิดเห็น เราก็รับฟัง

เมื่อถามย้ำว่า ถ้ารับฟังแล้วกองทัพบกจะทบทวนหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า การบริหารงบประมาณของกองทัพบก มีการอนุมัติ และพิจารณาเห็นชอบจากหลายส่วนแล้ว เจตนารมณ์ของกองทัพบกนอกจากจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ตรงกับความต้องการ เสริมสร้างความแข็งแกร่งงานความมั่นคง อะไรที่สามารถผ่องถ่ายไปช่วยเหลือประชาชน หรือปรับไปเพื่อดูแลสถานการณ์โควิด ทางกองทัพบกก็ดำเนินการอยู่ แต่ในรายละเอียดไม่ได้มีการตีแผ่ให้ส่วนต่างๆได้รับทราบ จึงขอให้มั่นใจว่ากองทัพบกจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเรื่องโควิดอย่างเต็มที

ทบ.สั่งเตรียมกำลังพลสายแพทย์ช่วยงานสาธารณสุข ส่วน รพ.สนาม ทบ. เปิดแล้ว 7 แห่ง ในกทม.-ประจวบฯ-สงขลา เผยส่งรถพยาบาลและทีมแพทย์เหล่าทัพช่วยงาน รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยในปัจจุบันที่ต้องเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โดยศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดตั้งรพ.สนามเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรงเข้ามารับการรักษาพยาบาล สำหรับกองทัพบกได้เตรียมการสนับสนุนเกี่ยวกับ รพ.สนาม มาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพบกได้ใช้อาคาร สถานที่ในหน่วยทหาร และสิ่งอุปกรณ์ที่มีอยู่ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในขั้นต้นแล้ว จำนวน 19 แห่ง รองรับผู้ติดเชื้อได้ 3,050 เตียง ซึ่ง ปัจจุบัน รพ.สนามของกองทัพกได้เปิดดำเนินการแล้ว 7 แห่ง โดยมอบให้ กระทรวงสาธารณสุข เข้าบริหารจัดการแล้ว 3 แห่ง 

ได้แก่ 1. โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1) เปิดให้บริการเมื่อ 19 เมษายน 2564 รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 300 เตียง ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยพักแล้ว จำนวน 246 ราย (25 เมษายน 2564)  ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาบริหารจัดการ โดยกองทัพบกได้ช่วยอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่เป็นการทำงานในลักษณะกองอำนวยการร่วม แห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (ศูนย์การทหารราบ) จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับผิดชอบการดำเนินงานโดยโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ รองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 100 เตียง เปิดให้บริการเมื่อ 16 เมษายน 2564 ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยเข้าใช้บริการ จำนวน 31 ราย (25 เมษายน2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับแห่งที่ 3 คือ คือ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5) จ.สงขลา รองรับผู้ติดเชื้อได้ 100 ราย ปัจจุบันมีผู้เข้าพักแล้ว 36 ราย ส่วนโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(กรมพลาธิการทหารบก) ได้เปิดให้บริการแล้วใน 21 เมษายน 2564 สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 200 เตียง โดยหลังกระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก (25 เมษายน 2564) อยู่ระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้กองทัพบกยังได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15) จ.กระบี่ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 280 ราย โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพลทหารราบที่ 15) จ.สงขลา สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 100 ราย และโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (กองพันเสนารักษ์ที่ 1) จ.ลพบุรี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 150 ราย 

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก โดยล่าสุดกองทัพบกเตรียมจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามกองทัพบก(มณฑลทหารบกที่ 11) ที่กระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจสอบความคืบหน้า และยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้เหมาะสมตามคำแนะนำของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งจะจัดบุคลากรทางการแพทย์เข้าบริหารจัดการ โดยมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนเพื่อความปลอดภัย  นอกจากนี้ในส่วนของโรงพยาบาลสนามกองทัพบก(เกียกกาย) ซึ่งกองทัพบกบริหารจัดการเอง ดำเนินการโดย ศบค.19 ทบ. และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รองรับผู้ติดเชื้อได้ 137 ราย เพื่อรองรับกำลังพลและครอบครัว เป็นการลดภาระของโรงพยาบาลสาธารณสุขและรองรับผู้ป่วยCOVID-19 อาการทุเลาแล้วจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าพักแล้ว 101 ราย (25 เมษายน 2564)

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการที่กระทรวงกลาโหมได้จัดชุดแพทย์ผสมเหล่าทัพไปสนับสนุน การบริการด้านการแพทย์ ให้กับรพ.สนามในความรับผิดชอบของกทม.นั้น ในส่วนของกองทัพบกได้มอบหมายให้ กรมแพทย์ทหารบก จัดชุดแพทย์ 2 ชุด จำนวน 10 นาย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลสนาม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับโรงพยาบาลลาดกระบัง ตั้งแต่ 22 เมษายน เป็นต้นไป โดยหมุนเวียนกับชุดแพทย์ของเหล่าทัพอื่น นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้สนับสนุนรถพยาบาลเพื่อช่วยเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อCOVID-19 ในกระบวนการรับ- ส่งผู้ป่วยจากที่พัก เพื่อเข้ารับการรักษา ณ รพ.สนามในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เพิ่มศักยภาพในกระบวนการรับ-ส่ง ผู้ป่วย โดยได้รับการสนับสนุนการจัดยานพาหนะ จากทุกเหล่าทัพ และโดยขณะนี้กองทัพบกสนับสนุนยานพาหนะ 10 คัน จาก กองทัพภาคที่ 1, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก และกรมการขนส่งทหารบก ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทำงานเป็นวงรอบกับเหล่าทัพอื่นๆ ด้วย 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์COVID-19 ที่ผ่านมาทำให้บุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าต้องทำงานอย่างหนัก อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการให้ ศบค.19 ทบ. และกรมแพทย์ทหารบกได้จัดเตรียมกำลังพลที่เคยปฏิบัติงานสายแพทย์สำรองไว้ เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนมากในอนาคต ซึ่งขณะนี้กองทัพบกได้จัดทำบัญชีรายชื่อและแผนการปฏิบัติงานรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว พร้อมสนับสนุนเมื่อได้รับการร้องขอ 

โดยมองว่างานด้านการรักษาพยาบาลถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลประชาชน ให้ความสำคัญกับการรักษาพยาบาลและดูแลประชาชน เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และลดภาระบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าที่ทำงานหนักในสถานการณ์ที่ผ่านมา สำหรับการป้องกันการติดเชื้อในหน่วยทหาร เพื่อดำรงสภาพความพร้อมของกองทัพบกในการสนับสนุนภารกิจดูแลประชาชนในสถการณ์COVID-19 ขณะนี้กองทัพบกได้กระชับและดำรงความเข้มงวดใน “มาตรการพิทักษ์พล” และมีการปรับการปฏิบัติในบางภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อาทิ ยกระดับกองรักษาการณ์คัดกรองการผ่านเข้า-ออกหน่วยทหาร, การจัดสรรกำลังพลให้ปฏิบัติงานในลักษณะ WFH, หลีกเลี่ยงหรืองดการสังสรรค์แบบหมู่คณะ, การประชุมและจัดการเรียนการสอนออนไลน์, งดการฝึก, การรักษากำลังพลที่ติดเชื้อและกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น ส่วนการดูแลประชาชน 

เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อน ยังคงเดินหน้านโยบาย อาทิ Army Delivery, ช่วยเหลือเกษตรกร, อุดหนุนผลผลิตทางการเกษตร, แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ พร้อมลงพื้นที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตน การสังเกตและเฝ้าระวังอาการผิดปกติ รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดCOVID-19 จากแนวโน้มของการแพร่ระบาดที่สูงขึ้นนี้ กองทัพบกได้ติดตามและเตรียมความพร้อมในศักยภาพทั้งบุคลากรสิ่งอุปกรณ์และความร่วมมือ พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้มาตรการป้องกันและการรักษาพยาบาลของภาครัฐ สามารถรองรับและดูแลประชาชนได้อย่างดีที่สุด

ทบ.ชี้ “ทหารเมียนมา” เข้าใจผิด ขอโทษยิงส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า นึกว่าเป็นเรือส่งสินค้า บอกไม่ได้มีเจตนาในทางลบ ขณะที่ไทยเตือนให้ระมัดระวัง-ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารเมียนมายิงเรือไทยว่า กองทัพบกโดยกองกำลังนเรศวร ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับทหารเมียนมาที่รับผิดชอบพื้นที่ตรงข้าม บ.แม่สามแลบ อ.สบเมยจ.แม่ฮ่องสอน โดยทันที จากการพูดคุยถึงข่าวที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด โดยทางเมียนมายอมรับว่ากำลังพลของตนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรือขนสินค้า จึงได้ทำการส่งสัญญาณขอให้เรือจอดเทียบท่า เพื่อขอซื้อเวชภัณฑ์และอาหาร โดยไม่ได้มีเจตนาในทางลบ พร้อมกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้พูดคุยให้ระมัดระวังและให้ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมที่ได้กำหนดไว้มาก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะจะต้องไม่มีปฏิบัติการทางทหารหรือใช้อาวุธที่อาจจะส่งผลต่อความรู้สึกหรือการดำเนินชีวิตของประชาชน และการค้าขายชายแดนตามลำน้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแนวเขตแดน(ลำน้ำกลาง) 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในปัจจุบันการสัญจรและค้าขายในบริเวณแม่น้ำสาละวินยังคงดำเนินไปตามปกติ
จากสถานการณ์ปัจจุบัน พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก มีความอ่อนไหว ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงและกองทัพบกได้บูรณาการดูแลพื้นที่และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน, การหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย, การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยยึดตามนโยบายของรัฐบาล ศบค. ภายใต้กลไกคณะกรรมการชายแดนในระดับต่าง ๆ ร่วมแก้ไขและคลี่คลายในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น

พาณิชย์ ถกห้างสต็อกสินค้า - อาหารแห้งเพิ่มรับโควิด

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นจากภาวะปกติ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ ทั้ง ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง น้ำดื่ม และของใช้อื่น ๆ ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน 

พร้อมกันนี้ยังขอเพิ่มความถี่ในการเติมสินค้าในชั้นวางอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่าสินค้า ไม่มีปัญหาขาดแคลน หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด–19 ระลอกใหม่ที่มีความรุนแรง อีกทั้งกรมฯ ยังได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน

ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top