Saturday, 11 May 2024
Hard News Team

คุก​ 2​ ปี​ ตัด​สิทธิ​ 10​ ปี!! 'เทพไท'​ คอตก!! ศาลอุทธรณ์​ ยัน!! จำคุก 2 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา กรณีการทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มี นายพิชัย บุณยเกียรติ ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาชี้ชะตา

ในเวลานัดหมายฟังคำพิพากษา 09.30 น. ฝ่ายโจทก์ และจำเลยทั้ง 2 ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในห้องพิจารณาบัลลังก์ 7 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และได้ถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังบัลลังก์ 7 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่คู่ความรอฟังคำพิพากษา ปรากฏว่าศาลได้พิจารณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยทั้ง 2 ถูกคุมตัวเข้าห้องควบคุมทันที

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายโจทก์เปิดเผยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษายืน หมายความว่าจำเลยทั้ง 2 จำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกา จำเลยทั้ง 2 ต้องยื่นขออนุญาตฎีกา โดยการยื่นฎีกานั้นมี 2 ประเด็นที่ต้องเกิดในภายหน้า คือ กรณีถ้าศาลอนุญาตนั้นถือว่าจบ ไปรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าศาลไม่อนุญาต คือต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือเข้าไปจำคุก 2 ปี

“แต่วันนี้ปัญหาที่จะเกิดกับจำเลยทั้ง 2 คือการยื่นขอประกันตัวต่อศาลนครศรีธรรมราช ซึ่งศาลนครศรีธรรมราช อาจจะมีคำสั่งให้ศาลฎีกาสั่งก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ติดตามคดีนี้ต้องดูเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอนต่อไป”

สำหรับคดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการทุจริตเลือกตั้ง ด้วยการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2556 ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงในปี 2557 หลังจากนั้น กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเมื่อราว 7 ปีก่อน แต่ภายหลังคดีล่าช้าในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นอัยการ นายพิชัย ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงจึงยื่นฟ้องคดีด้วยตัวเอง จนมีกระบวนการพิจารณามาถึงศาลอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอว่าจะมีการอนุญาตให้ฎีกาคดีหรือไม่


ที่มา: https://mgronline.com/south/detail/9640000045101

“บิ๊กตู่” ยกวัคซีนโควิดเป็นวาระแห่งชาติ ยืนยัน ค่าคัดกรอง-รักษา โควิด-19 ประชาชนไม่ต้องออกค่าใช้จ่าย ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน “วอน” ประชาชนระวังตัวเองมากที่สุด สั่งพื้นที่เร่งให้ข้อมูลประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เสพข้อมูลที่พิสูจน์แล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในวันนี้ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศบค. รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่ได้มีการสั่งการลงไปแล้ว เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ในส่วนของการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะคลองเตยตนได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากและส่งผลกระทบกับชีวิตความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ตนในฐานะผอ. ศูนย์ศบค. กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังเข้าป้องกันการแพร่ระบาดลุกลามอย่างเต็มที่ โดยมียุทธวิธีสำคัญในการเอาชนะศึกคือการระดมตรวจเชิงรุกให้ได้มากที่สุดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นมา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการตรวจไปแล้วมากกว่า 70,000 ราย ในชุมชนที่มีความเสี่ยง หรือ 7,000 รายต่อวัน และสามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อ ไปได้อย่างทันการณ์ ระยะผู้ที่มีความเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อต่อและจำกัดวงการแพร่ระบาดให้แคบที่สุดและสั้นที่สุด ดังนั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจจะพบยอดผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตรวจเชิงรุกแบบปูพรม ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในช่วงนี้มีขึ้นลงอยู่บ้าง แต่ทางทีมแพทย์เชื่อมั่นว่าวิธีนี้จะทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่ช้า ยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่จะค่อย ๆ ลดลง

โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มทรงตัว และ เป็นแนวโน้มที่ดี แต่ยังคงไม่นอนใส่ไม่ได้จะต้องดำเนินการตรวจเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงให้มากและเร็วที่สุด จะต้องมีการฉีดวัคซีน ระดมฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด ตัดวงจรโดยสะเก็ดไฟ ที่ปะทุอยู่ขณะนี้ โดยขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วในพื้นที่คลองเตยมากถึง 13,000 คน หรือร้อยละ 30 ของเป้าหมายจาก 50,000 คน ส่วนในพื้นที่เขตปทุมวันได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ของเป้าหมาย จาก 14,000 คน โดยสรุปแล้วเฉลี่ยการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 2 เขตได้ถึง 2,000 คน โดยผลการดำเนินการจากคลัสเตอร์คลองเตย จะเป็นแนวทางในการจัดการการแพร่ระบาดในพื้นที่อื่น ๆ ของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลและพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอน sandbox ที่มีความเสี่ยงสูงที่กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนการรักษาพยาบาลของผู้ติดเชื้อ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลค่ารักษาพยาบาลออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนตามสิทธิ์ ตั้งแต่การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การรับวัคซีน การชดเชยกรณีได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนและการรักษาพยาบาล ในกรณีโรงพยาบาลเอกชนรัฐอุดหนุนค่าใช้จ่ายไปที่โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มร้อยละ 25 ทุกรายการ หากมีประกันส่วนบุคคลให้โรงพยาบาลเรียกเก็บประกันส่วนบุคคลก่อน ที่เหลือให้เรียกเก็บกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสปสช. โดยห้ามโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชน หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เกิดความเสียหายต่าง ๆ ไม่ว่าจะบาดเจ็บ เจ็บป่วยต่อเนื่อง เสียอวัยวะพิการ ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต สามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาได้จาก สปสช.

นอกจากนี้ยังมีเงินประกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้เสียสละเสี่ยงภัย ทำงานอย่างหนักในขณะนี้ โดยในวันนี้ โอนได้พบกับนายกสมาคมประกันภัย ได้มีการทํากรมธรรม์ประกันภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด กับผู้ติดเชื้อจำนวน 270,000 ราย วงเงินความคุ้มครองมากกว่า 270,000 ล้านบาท ในกรณีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต รายละ 1 ล้านบาทแล้วแต่กรณี ขอประชาชนอย่าฟังข่าวที่ไม่ได้ออกมาจากทางรัฐบาล แล้วจะเกิดความสับสนอลหม่านไปหมด ยืนยันว่าจะดูแลทั้งหมดทั้งประชาชนเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านหน้า

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอร้องให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองมากที่สุด ขณะนี้ยังไม่พ้นจากการแพร่ระบาดในระลอกนี้ ขอให้ป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งจากข้อพิสูจน์ทราบจะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อจำนวนมากในระลอกนี้เป็นการติดเชื้อในครอบครัว เพื่อนที่ทำงาน สถานประกอบการต่างๆซึ่งเป็นการยากที่ภาครัฐจะเข้าไปควบคุมดูแลได้ทั้งหมด ดังนั้นหากร่วมมือกันจะชนะศึกครั้งนี้ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งหมอพยาบาลเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขอาสาสมัคร ได้เด็ดเหนื่อยกับภารกิจในครั้งนี้ ตนจึงอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยชาติช่วยชุมชนก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ คำนึงถึงผลกระทบ จากการใช้ข่าวสารที่ไม่รู้ที่มา ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอนอาจสร้างความวุ่นวาย ให้กับสังคม นอกจากนั้นอาจมีผู้จัดจะนานหรือไม่เจตนาสร้าง ข้อมูลเท็จหรือเฟคนิวส์ ตนขอให้หยุดการกระทำเหล่านี้เพราะเป็นการซ้ำเติมสร้างความเดือดร้อนและความเสี่ยงให้กับตนเองคนรอบข้างและประเทศชาติ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดและดำเนินการตรวจสอบและจะดำเนินการทันทีหากพบการกระทำความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม จะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้

โดยนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า สิ่งที่ตนและรัฐบาลพยายามวางแผนทุกวันคือจะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะการปิดสถานที่ต่าง ๆ โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ในแต่ละจังหวัดได้ ปิดกั้นการลักลอบเข้าประเทศอย่างสูงสุด และประเมินสถานการณ์วันต่อวัน หากจังหวัดใดโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสีแดง ที่มีการปิดสถานที่และข้อจำกัดต่าง ๆ และมีสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ดีขึ้นแล้ว ให้มีการพิจารณาผ่อนคลายเงื่อนไขต่อไปเพื่อให้ประชาชนได้กลับเข้าสู่การค้าขาย การเดินทางท่องเที่ยวได้เช่นเดิม ยืนยันว่าตนจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อรักษาสมดุล ทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันไป

นอกจากนี้ปัจจัยด้านวัคซีน นายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ผ่านมามีการระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงผู้สูงอายุ ซึ่งบางคนอาจอยู่ที่บ้านไม่สามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้ โดยเร่งรัดทุกอย่าง และได้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 2 ล้านโดส ตามวัคซีนที่มีอยู่ โดยในแต่ละวันจะระดมฉีดวัคซีนให้ได้หลายหมื่นโดส ส่วนมาตรการการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล ได้วัคซีนเพิ่มในเดือนนี้อีก 3.5 ล้านโดส ซึ่งต้องค่อยๆสร้างความเข้าใจ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งอาจจะเป็นการทยอยจัดส่งวัคซีน เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นที่ได้ยินดีแล้วว่าน่าจะชัดเจนแล้วว่าวัคซีนจะเข้ามาถึงไทย 3.5 ล้านโดส รวมถึงมีความร่วมมือกับภาคเอกชนที่จะเพิ่มศักยภาพในการฉีดวัคซีน 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนภายในประเทศได้อย่างแน่นอน และจะไม่หยุดในการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่จะเป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีน โควิด-19 ของบริษัท Astrazeneca ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งมีมาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลกและจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้ไวรัสโควิด-19 ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคต

โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ตนได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ รายได้ดำเนินการอย่างครบวงจรทั้งการจัดหาการกระจาย รวมไปถึงการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทย สิ่งที่ตนกล่าวไปทั้งหมดจะเป็นจริงไม่ได้ หากประชาชนในประเทศไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน โควิด-19 ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตนขอ รับรองว่าวัคซีนทุกชนิดที่นำเข้ามายังประเทศไทยได้รับรองคุณภาพประสิทธิภาพความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และขณะนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก มีการฉีดวัคซีนไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมถึงผู้นำประเทศทั่วโลก ตามที่มีภาพข่าว 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อและเสียชีวิตได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนโอกาสผลข้างเคียงนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก หากเปรียบเทียบกันแล้วกับโอกาสในการติดโควิด และรายการเสียชีวิตจากโควิดนั้นสูงกว่าการเสียชีวิตหลายเท่า การฉีดแต่ละครั้งจะต้องมีแพทย์เป็นผู้ประเมินความเหมาะสม คอยเฝ้าดูอาการหลังการฉีด ตนและคณะรัฐมนตรี รัฐบาล ฝ่ายค้านต่างก็มีผู้ฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วแต่ยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

โดยล่าสุดมีการลงทะเบียนยืนยันนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบหมอพร้อมและช่องทางต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.6 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ 5 แสนคน และลำปาง 2 แสนคน ซึ่งถือมีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ตนขอชื่นชมจังหวัดลำปาง โดยขอให้ทุกจังหวัด ได้เร่งดำเนินการให้ผู้มาขอวัคซีนให้ได้มากที่สุดผ่านกลไกในพื้นที่ ตนในฐานะรัฐบาลก็จะพิจารณาจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ให้

“บิ๊กตู่”เตรียมตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนกทม. ติดตามความพร้อม รพ.บุษราคัม ก่อนเปิดให้บริการผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเหลือง-กลุ่มสีเขียวภายในสัปดาห์นี้ 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามระบบการฉีดวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันที่ 12 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเป็นวันแรกที่จะให้บริการ 1,000 คน ต่อวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. จากนั้นวันที่ 13 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่จามจุรีสแควร์  

จากนั้นในวันที่ 14 พ.ค. ในช่วงเช้าเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามความพร้อมโรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี (รพ.บุษราคัม) ที่อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายหลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าวานนี้ (10 พ.ค.) พร้อมระบุว่า จะเปิดให้บริการผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเหลือง และกลุ่มสีเขียวภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ ด้วยเช่นกัน

สำหรับจุดฉีดวัคซีนดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย โรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน หรือ “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” เพื่อให้สามารถให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

"ธันวา" แนะ นายกฯ ปรับ ครม.ดีกว่าไล่ฟ้อง ปมภาพโจรอุ้มโจร ย้ำ ต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคการเมืองหนึ่งถูกฟ้อง ในฐานะแอดมินเพจที่โพสต์รูปภาพของบุคคล 2 คนพร้อมกับคำว่าโจรอุ้มโจรนั้นว่า หากดูตามข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาในภาพมีสิทธิ์ฟ้องได้ แต่ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง ถึงต้นเหตุที่นำมาซึ่งภาพดังกล่าว รวมถึงภาพรวมว่ามันถูกต้องตามหลักจริยธรรม และมันคัดค้านต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทย หรือไม่ด้วย 

"ถ้าไม่ยอมรับความจริงและแก้ให้ถูกจุด อีกหน่อยคงได้ไล่ฟ้องคนทั้งประเทศ เพราะไม่ว่าจะฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา เชียร์พรรคไหนขั้วไหน ก็คิดเหมือนกันหมดในเรื่องนี้ ยิ่งฝืน ยิ่งดิ้น ยิ่งดูเสื่อม กลายเป็นสร้างความชอบธรรม สร้างแต้ม ให้คนอื่นเขาเปล่า ๆ ดังนั้น หากรักประเทศชาติจริงอย่างปากว่า ก็ควรคิดเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวม และปรับครม." โฆษกพรรคกล้ากล่าว 

นานธันวา กล่าวย้ำว่า การที่ตนเองออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แม้จะเป็นเรื่องของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคกล้าโดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ ดังนั้นในฐานะพรรคการเมืองที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่แตกแยก และมีมาตรฐานทางจริยธรรม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสดงความคิดเห็น

อัยการนัดฟังคำสั่ง"ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" คดีม.116 ที่ อดีตพระพุทธะอิสระให้ทนายเข้าแจ้งความ 13 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้นัด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ผู้ต้องหาในฐานความผิดฐานร่วมกันยุงยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 กรณีที่ทั้ง 3 คน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กการปราศรัยกับนักศึกษา หรือการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ รวมถึงเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ตามที่อดีตพระพุทธะอิสระให้ทนายเข้าแจ้งความเมื่อปีที่แล้ว พร้อมส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาความเห็นสั่งฟ้อง

โดยนายปิยบุตร เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานอัยการ ว่า วันนี้พวกตนทั้งสามคนมาตามที่พนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องพวกเราจากกรณีเมื่อปลายเดือน ต.ค. 2563 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือที่สังคมรู้จักกันว่า พุทธะอิสระ มาร้องทุกข์กล่าวโทษพวกตนได้กระทำผิดกฎหมายมาตรา 116 เรื่องยุยงปลุกปั่น แล้ววันนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องก็จะนำตัวพวกเรามาให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เมื่อพวกเราได้อ่านบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาของนายสุวิทย์ พวกตนไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 

เนื่องจากในสำนวนคำฟ้อง มีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ของแต่ละคน เช่น กรณีของนายธนาธร คือนำเรื่องที่เคยมีเคยอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยในสภา อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่าง ๆ รวมถึงงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นผู้ที่มีส่วนในการก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน แล้วก็ไปปรากฏตัวในที่ชุมนุม ส่วนของตนเป็นการนำบทความ หรือเนื้อหาที่สมัยที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย และเรื่องที่เคยมีการเขียนลงในหนังสือฉบับหนึ่ง มาชี้นำว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ส่วนกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ มีเพียงการไลฟ์สดเฟซบุ๊กในการชุมนุมดังกล่าวเท่านั้น 

นายปิยบุตร ได้กล่าวอีกว่า หากนำข้อเท็จจริงดังกล่าว ไปออกข้อสอบในกลุ่มนิติศาสตร์ ก็เชื่อว่าทุกคนจะตอบคำถามในทางเดียวกันว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ซึ่งแม้ว่าพนักงานสอบสวนจะไม่มีความเห็นงดสั่งฟ้อง หรือทำความเห็นแนบมากับสำนวนคดี ก็ตั้งความหวังว่าอัยการจะพิจารณาให้ความเป็นธรรม เช่นเดียวกับที่เคยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแบบเดียวกับคดีของนายธนาธรก่อนหน้านี้ พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งคำถามกลับไปถึงกลุ่มนักร้องเรียน ว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองได้ตระเวนร้องทุกข์ไปตามหน่วยงานต่าง ๆ หรือไม่

ขณะที่นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนเพิ่งนำสำนวนคำร้องส่งมาให้พิจารณาในวันนี้ พนักงานอัยการจึงยังไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงสรุปได้ทันทีว่า สมควรมีความเห็นทางคดีนี้อย่างไร ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเห็นควรนัดฟังคำสั่งคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

รัฐบาล เตรียมฉีดวัคซีน กลุ่มแรงงาน 16 ล้านคน ด้าน กทม.เร่ง ฉีดอาชีพเสี่ยง ตั้งเป้าวันละ 80,000 คน 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบเพิ่มประชากรวัยแรงงานระบบประกันสังคม รวม 16 ล้านคน เป็นกลุ่มเป้าหมายในการรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยมีสํานักงานประกันสังคม และจังหวัดเป็นผู้รวบรวมจำนวนและรายชื่อแรงงานที่จะรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อส่งให้กระทรวงสาธารณสุข และเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กลุ่มเสี่ยง ผู้สัมผัสเสี่ยงและประชาชนทุกคนให้มากที่สุด เพื่อเร่งควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็วที่สุด โดยข้อมูลล่าสุดได้มีการฉีดสะสมแล้ว 1,809,894 โดส ในพื้นที่กทม. ฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสม 315,504 โดส 

สำหรับในพื้นที่กทม.จัดสถานที่ 25 แห่ง โดยจะเปิดครบทั้งหมดในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ตั้งเป้าฉีดให้ได้วันละ 50,000 คน เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ให้ประชาชนสามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้สะดวกมากขึ้น โดยเน้นกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยงสัมผัสกับคนจำนวนมาก เช่น พนักงานขับรถโดยสารประจำทาง แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ คนขับเรือ ครู ผู้ขับขี่รถสาธารณะ พนักงานเก็บขยะ เป็นต้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันยังให้บริการฉีดวัคซีนโควิด19 ในโรงพยาบาลในพื้นที่กทม. อีก 126 แห่ง สำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าวันละ 30,000 คน รวมแล้วจะฉีดให้ได้วันละ 80,000 คน

‘ปลัดสปน.’ เผย ช่องทาง 1111 ให้ปชช.แจ้งเบาะแสะทำผิดกฎหมาย-รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด กว่า1แสนเรื่อง พบ แจ้งข้อมูลบ่อนพนันสูงสุด

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนผ่านศบค. และนายกรัฐมนตรี หากพบการกระทำความผิด หรือปล่อยปละละเลยการกระทำผิดกฎหมาย บ่อนการพนัน ค้าประเวณีและการลักลอบนำแรงงานต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ผ่าน 1111 ใน 5 ช่องทาง คือ สายด่วนของรัฐบาล โทร. 1111 ทุกวันตลอด 24 ชม. ส่งจดหมายมาที่ ตู้ ปณ.1111 ทำเนียบรัฐบาล ทุกวันตลอด 24 ชม. ผ่านเว็บไซต์ www.1111.go.th ทุกวันตลอด 24 ชม. ผ่าน Mobile Application (PSC 1111) ทุกวันตลอด 24 ชม.และผ่านจุดบริการประชาชน 1111 อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ในวันและเวลาราชการ ซึ่งปัจจุบัน ปิดรับเรื่องจากประชาชนที่เดินทางมาเองไว้ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะกลับมาเป็นปกติ

จากการประมวลผลการรับเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนแจ้งข้อมูลและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายและการร้องเรียน ระหว่างวันที่ 7 ม.ค.-30 เม.ยที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 รวมทั้งสิ้น จำนวน 172,648 เรื่อง แบ่งเป็นแยกเป็น

1.) แจ้งเบาะแสแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 45 เรื่อง สามารถยุติเรื่องแล้ว 36 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 80 แบ่งเป็น เรื่องที่พบการกระทำผิด 7 เรื่อง ไม่พบการกระทำผิด 29 เรื่อง และเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 9 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 20

2.) แจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน จำนวน 480 เรื่อง สามารถยุติเรื่องได้แล้ว 286 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 59.58 แบ่งเป็น เรื่องที่พบการกระทำผิด 29 เรื่อง ไม่พบการกระทำผิด 257 เรื่อง และมีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 194 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 40.42

3.) แจ้งเบาะแสการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดฉุกเฉินฯ จำนวน 270 เรื่อง สามารถยุติเรื่องแล้ว 144 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 53.33 โดยแบ่งเป็น เรื่องที่พบการกระทำผิด 33 เรื่อง ไม่พบการกระทำผิด 111 เรื่อง และมีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 126 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 46.67

นอกจากนี้เป็นร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 171,853 เรื่อง ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อยุติแล้ว 171,288 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 99.67
 
นายธีรภัทร กล่าวว่า ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ จึงขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการลักลอบเข้าเมือง หรือเหตุการณ์ที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดขอให้แจ้งมายังช่องทาง “1111” ดังกล่าว ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อช่วยกันลดการแพร่ระบาดและจะทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนและทุกภาคส่วน งดหรือลดการเดินทาง ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ลงทะเบียนฉีดวัคซีน และป้องกันตนเองไม่เดินทางไปในสถานที่เสี่ยงด้วย

ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เผยนำเข้าวัคซีนโควิดยี่ห้อดัง เจอบวกภาษี 2 เด้ง พร้อมถก 'องค์การเภสัชฯ' คิดค่าบริหาร 10% เพิ่ม

นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 โดยตอบคำถามกรณีกระแสประชาชนกลัววัคซีนซิโนแวคว่า... 

ความจริงแล้ววัคซีนทุกตัวช่วยลดความรุนแรงของโรค ไม่ต้องเข้า ICU แต่ประสิทธิภาพ อาจจะ 50% 80% หรือ 90% ขึ้นอยู่คนทดลองและระยะเวลา และเชื้อไวรัสโควิด

ซิโนแวค เป็นวัคซีนที่ปลอดภัยที่สุด เพราะทำจากเชื้อตาย ถ้าเทียบกันจะเกิดอาการแพ้น้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้า 2 เท่า อาจจะเจ็บแขน ปวดเมื่อย ใช้เวลา 1-2 วันก็หาย แต่ที่คนไทยกลัวข่าวว่าฉีดแล้วเป็นอัมพฤกษ์นั้น จากผลเอ็กซ์ตรวจทุกอย่างยังไม่พบอะไร ดังนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงแล้วว่า ฉีดดีกว่าไม่ฉีด

นายแพทย์บุญ วนาสิน ย้ำว่าเราไม่มีทางเลือก ในขณะที่แอสตร้าเซนเนก้ามีเหลือจากทั่วโลก แต่ถ้าเราไม่ฉีดคนป่วยจะล้นโรงพยาบาล ห้อง ICU มีไม่เพียงพอ

ส่วนกรณีวัคซีนทางเลือก จะโนวาแวกซ์และโมเดอร์นานั้น ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้เจรจาซื้อผ่านองค์การเภสัชฯ ซึ่งโมเดอร์นาจะได้รับจดทะเบียนให้เรียบร้อยใน 2 สัปดาห์นี้ แต่ติดที่ไทม์ไลน์ส่งวัคซีน ว่าอย่างน้อย 4 เดือน 

"เรากำลังให้พรรคพวกที่สหรัฐอเมริกา ไปพูดกับประธานาธิบดีไบเดน ว่า ขอได้มั้ยเพราะของคุณมันเกินพอแล้ว ควรจะรีบส่งมาให้ประเทศเราบ้าง"

นายแพทย์บุญ วนาสิน ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ผลิตในหลายประเทศ อาจจะส่งให้เราก่อนได้ 10-20 ล้านโดส

"ต้องเรียนนะครับ เราต้องเสียภาษี 2 ครั้ง 14%  และ ทางองค์การเภสัชฯ จะชาร์จค่า Management 5% ถึง 10% ตัวเลขต้นทุนอาจเลย 2 พันกว่าบาท"

อย่างกรณีโมเดอร์นา ที่นำเข้ามา ทางองค์การเภสัชฯ จะซื้อก่อน และทุกคนจะต้องไปซื้อกับองค์การเภสัชฯ หมด ซึ่งคิดค่าบริหาร 10% แต่เป็นค่าอะไรยังไม่ทราบ กำลังคุยกันอยู่

วัคซีนอันนี้ระบุเป็นวัคซีนฉุกเฉิน ติดนั่นติดนี่ ติดเรื่องนี้มา 7 เดือนแล้ว นำเข้ามาไม่ได้ เคยคุยกับอังกฤษ จีน สหรัฐฯ บอกว่า ถ้าเราหลับตาข้างหนึ่งเซ็นรับรองนำเข้า เขาให้นำเข้ามา แต่ผมได้รับตอบจดหมายจากท่านรัฐมนตรีว่า ทำไม่ได้ รัฐบาลจะมาค้ำประกันหรือเซ็นรับรองให้เอกชนไม่ได้ ก็ติดกันมา 7 เดือน แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีลงมาสั่งเอง ก็โอเคแล้ว


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/937226

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียประกาศคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ห้ามชาวมาเลย์เดินทางระหว่างรัฐ และภายในรัฐ หวังสกัดโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาที่ทำให้อัตราผู้ติดเชื้อสูงขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซินแห่งมาเลเซีย ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.-7 มิ.ย 64 เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังพบการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ 'สายพันธุ์แอฟริกา' ในประเทศมาเลเซีย

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้มีคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางระหว่างรัฐ รวมทั้งการเดินทางข้ามพื้นที่ภายในรัฐ ตลอดจนยังห้ามประชาชนมีกิจกรรมที่ต้องรวมกลุ่มกัน รวมถึงยังมีคำสั่งปิดสถานศึกษาทั่วประเทศ ทว่าในส่วนของธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าต่าง ๆ ยังคงอนุญาตให้เปิดทำการได้ต่อไป

'มาเลเซียกำลังเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิดระลอกที่สาม ซึ่งทำให้เกิดวิกฤติในประเทศ' นายกรัฐมนตรียัสซินออกแถลงการณ์ พร้อมระบุว่า การประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เพื่อหวังสกัดกั้นการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้เร็วขึ้น จนทำให้มีอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในวันที่ 9 พ.ค. 3,733 ราย และเสียชีวิตอีก 26 ศพ หลังจากวันที่ 8 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,519 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 25 ศพ ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดในมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 444,484 ราย และเสียชีวิต 1,700 ศพแล้ว


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/2088698

“บิ๊กตู่” ย้ายถก ครม.ขึ้นตึกไทยหวั่นโควิดลาม – มอบเงินช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมรับมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองจนท.ปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19

วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ไปยังกระทรวงต่างๆ โดยเปลี่ยนสถานที่จากเดิมที่ใช้ตึกภักดีบดินทร์ เพื่อลดจำนวนคนที่เข้าร่วมประชุมให้เฉพาะเท่าที่จำเป็นตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ เนื่องจากพบบุคลากรที่ปฎิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลหลายรายติดเชื้อโควิด-19 ก่อนหน้านี้

โดยก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีในการมอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 24 ราย จากเงินบริจาค บัญชี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

โดยนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุชา  นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาคและทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เข้าร่วมด้วย พร้อมรับมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ของภาครัฐและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า จะให้การดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะไม่ต้องการให้ใครต้องติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสิ้น  พร้อมขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ รัฐบาลและ ศบค. ได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และขอความร่วมมือประชาชนดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือดังกล่าวสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ปฏิบัติงาน ด้าน COVID-19 ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงาน ได้แก่ การช่วยเหลือกรณีป่วยหรือบาดเจ็บ และได้รับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน การช่วยเหลือกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส และการช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตของทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุน การปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ผ่านบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ร่วมบริจาคเงินเป็นทุนประเดิม จำนวน 2,995,510 บาท รวมทั้งมีหน่วยงานภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตสาธารณะร่วมบริจาคเงินสมทบในบัญชีดังกล่าว โดยมียอดเงินบริจาค ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 จำนวน 28,327,896.82 บาท ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาคฯ ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 แล้ว รวมทั้งสิ้น 102 ราย เป็นเงินจำนวน 3,800,000 บาท

สำหรับการระบาดระลอกปัจจุบัน รัฐยาลได้ให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม จำนวน 24 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 730,000 บาท ประกอบด้วย 1. บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 21 ราย มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 30,000 บาท จำนวนเงินทั้งสิ้น 630,000 บาท 2. เจ้าหน้าที่สนับสนุนทั้งด้านสาธารณสุข สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3  ราย เป็นเงิน 100,000 บาท  ประกอบด้วย 1) กรณีบาดเจ็บ (ผู้ป่วยใน) จำนวน 2 ราย มอบเงินช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท และ 2) กรณีบาดเจ็บสาหัส 1 ราย มอบเงินช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top