Sunday, 28 April 2024
Hard News Team

กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออก มี.ค.64 มีมูลค่า 24,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.47% เมื่อเทียบ มี.ค.63 สูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่ พ.ย.61 จากปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลก

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน มี.ค.64 มีมูลค่า 24,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.47% เมื่อเทียบเดือน มี.ค.63 โดยมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือนพ.ย.61 โดยมีปัจจัยบวกจากการกระจายวัคซีนในวงกว้าง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลก

ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,511 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.12% ส่งผลให้เดือนมี.ค.เกินดุลการค้า 710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับยอดการส่งออกสะสม 3 เดือน ปี64 มีมูลค่า 64,148 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2.27% และการนำเข้ามีมูลค่ารวม 63,632 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.37% เกินดุลการค้า 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายภูสิต กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกเดือนมี.ค.64 ที่อยู่เหนือระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อีกทั้งมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือน พ.ย.61 สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าและเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวได้ดีในเดือนมี.ค.นี้ อันดับหนึ่งเม็ดพลาสติกขยายตัว 52.9% รองลงมาผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 50.6% เนื่องจากความต้องการถุงมือยาง ยางล้อเพิ่มขึ้น สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 43.1% ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมทั้ง 3 กลุ่มนี้ยังมีมูลค่าการส่งออกเดือนมี.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ศาลให้ประกันตัว ‘สมยศ-ไผ่ ดาวดิน’ แล้ว หลังรับเงื่อนไข หยุดพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 เม.ย. 64 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 สองแกนนำกลุ่มราษฎร คดีหมายเลขดำอ.287/64 ซึ่งยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 ,116 กรณีร่วมกันชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 และปักหมุดสนามหลวง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของจำเลย พยาน และคำร้องประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จำเลยจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและไม่เชื่อว่าจะหลบหนี อีกทั้งจำเลยยืนยันว่าจะไม่กล่าวพาดพิงหรือก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะนำหมายปล่อยตัวจำเลยทั้งสอง ช่วงเย็นวันนี้ (23 เม.ย. 64 ) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป 


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ดีอีเอสจับมือเครือข่ายมือถือติดฟรีไวไฟรพ.สนาม

“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส เปิดกว้างเอกชนผู้ให้บริการมือถือ/อินเทอร์เน็ต รวมพลังสนับสนุน Wifi ให้กับ รพ.สนามทั่วไทยสู้โควิด หนุนภารกิจช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยเข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ในการนำทรัพยากรด้านเทคโนโลยีและบุคลากร เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรแนวหน้ารับมือโควิด-19 ล่าสุดนอกเหนือจากได้สั่งการ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ลงพื้นที่ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตไวไฟ ไอพีโฟน และซีซีทีวี ให้โรงพยาบาลสนามทั่วไทยแล้ว ยังประสานงานกับโอเปอเรเตอร์ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยใน รพ.สนาม เข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

ทั้งนี้ มีภาคเอกชนทยอยขานรับให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ล่าสุดนายชารัด เมห์โรทา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ดีแทค) ได้เดินทางเข้าพบเพื่อปรึกษาแผนงานรองรับสถานการณ์โควิด-19 ร่วมกัน และสาธิตการใช้งานของ Fixed Wireless Broadband ที่จะนำไปใช้งานที่โรงพยาบาลสนาม สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องในการรักษาและควบคุมโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงรองรับการใช้งานของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการปรับโครงข่ายมือถือเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากในทุกโรงพยาบาลสนามอีกด้วย

โดยวันนี้ (23 เม.ย. 64) ได้มีตัวแทนจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) คือ พญ.สุภาพร กรลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และนายแพทย์ภัทรวินฑ์ อัตตะสาระ รองผู้อำนวยการสำนักนิเทศระบบการแพทย์ เดินทางมารับมอบอุปกรณ์ 100 ชุด เพื่อนำไปติดตั้งบริการฟรี-ไวไฟ ให้กับโรงพยาบาลสนามตามที่มีการแจ้งความประสงค์เข้ามา

“บิ๊กตู่” ถกสภากลาโหมเห็นชอบขยายแผนแม่บทพัฒนากำลังพลสำรองกลาโหม ปี60-65 แต่งตั้งกก. จัดทำร่างปี 66-70  ต่อ หวังสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ หนุนแก้ปัญหาภัยคุกคามประเทศ เร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีให้มีความทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่างๆในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม  พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2565 โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาของแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2564 ออกไปอีก 1 ปี ( พ.ศ.2565) และแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหมในระยะเวลาต่อไป พ.ศ.2566-2570 เพื่อให้สอดคล้องกับห้วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนแม่บทฉบับดังกล่าวกำหนดเป็นแนวทางการบริหารและพัฒนากิจการกำลังสำรองของชาติ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ตามแนวคิดทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ทั้ง 3 ด้าน คือ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง การผนึกกำลังป้องกันประเทศ และการป้องกันเชิงรุก 

พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการเร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งนี้ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอกกระทรวงกลาโหมและต่างประเทศนำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้นควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัวกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ 

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ไทยยอดติดเชื้อใหม่พุ่งกว่า 2,070 ราย!  ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา ย้ำ! เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและชายแดน พร้อมสั่งทุกเหล่าทัพให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประชุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะในเมียนมา และเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและการสู้รบในพื้นที่ชายแดนที่มีขึ้น โดยให้กองกำลังป้องกันชายแดนของทุกเหล่าทัพ ประสานการทำงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนในทุกช่องทาง

โดยย้ำการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์ในเวทีระหว่างประเทศ ให้ยึดกรอบของกระทรวงการ ต่างประเทศและแนวทางของอาเซียนเป็นหลัก พร้อมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการอพยพคนไทยออกจากเมียนมา กรณีที่สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งเตรียมการรองรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามแนวชายแดน ตามแนวทางที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนด โดยยึดหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเคร่งครัด

นอกจากนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กองทัพเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในหลายภารกิจ ขณะเดียวกัน ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และทุกเหล่าทัพ ยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย และยังคงต้องเตรียมกำลังให้พร้อม โดยเฉพาะการฝึกในระดับต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมใช้กำลังตอบสนองในทุกภารกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ต้องมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม

“ให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาล ในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของชาติ โดยให้น้ำหนักกับการควบคุมโรคและการช่วยเหลือประชาชนฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปด้วยกัน” พล.ท.คงชีพกล่าว 

รมว.สาธารณสุข เผย ชี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ ยันทุกฝ่ายทำงานเต็มที่แล้ว คาดอีก 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ที่พุ่งกว่า 2,000 ราย ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดบังข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขบางพื้นที่รายงานเข้ามายังไม่ครบ ซึ่งบางพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องการส่งข้อมูลเข้ามายังกระทรวงสาธารณสุขทำให้ตัวเลขสะสมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

นายอนุทิน ย้ำว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อในประเทศขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้ เนื่องจากยังเป็นไปตามมาตรการแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าจากนี้ไป 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

สำหรับคลัสเตอร์สถานบันเทิงพยายามจะควบคุมให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากการรวมกลุ่มลดลงตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งตัวเลขในวันนี้ก็เป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มาตั้งแต่สงกรานต์และเมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาภายใน 2 สัปดาห์อาการน่าจะดีขึ้น และหากไม่มีกลุ่มก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมาเชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนกรณีมีข่าวไฮโซเป็นต้นตอแพร่เชื้อโควิดคลัสเตอร์ทองหล่อนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีหน้าที่คอยรักษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนงานป้องกันสาธารณสุขได้แจ้งข้อปฏิบัติไปหมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร

ส่วนเรื่องวัคซีนที่จะให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นความหวังในการรักษานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จะเข้ามาตามกำหนดการ ซึ่งจะส่งมอบได้ในเดือนกรกฎาคมทุกอย่างต้องไปเป็นไปตามขั้นตอนความปลอดภัย และผู้ที่ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่นั้น ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีมีผู้สูงอายุ 3 รายพักรวมกันแล้วป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่รอรถมารับไปส่งโรงพยาบาลนานกว่า 6 ชั่วโมงทำให้มีผู้เสียชีวิตว่า อยู่ระหว่างให้กรมการแพทย์ประสานติดตามข้อมูลข้อเท็จจริงจาก กทม.ว่าจะต้องปรับปรุงระบบอย่างไรให้สามารถแยกแยะผู้ป่วยที่มีความฉุกเฉินก่อน ซึ่งจะต้องแยกแยะให้ได้ โดยยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการประสานกันอยู่แล้วในเรื่องเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้ทุกคนก็เสียใจ และก็พยายามจะแก้ไข

สำหรับกรณีพบอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้รอฟังผลสรุปจากทางวิชาการ ส่วนตัวไม่ใช่นักวิชาการจึงไม่ขอวิเคราะห์ในเรื่องนี้ ถ้ายังมีสัญญาณว่าให้ฉีดต่อไปได้ก็ยังคงเดินหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป ขอให้มีความมั่นใจเนื่องจากคณะแพทย์ที่พิจารณามีความเชี่ยวชาญโดยตรง และเป็นระดับอาจารย์หมอที่ได้ศึกษาเรื่องนี้

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/80533


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘อลงกรณ์’ เร่งพัฒนาเกลือทะเลทั้งระบบ ยกระดับมาตรฐานเกลือทะเลภายใต้ ‘5ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย’

‘อลงกรณ์’ เร่งพัฒนาเกลือทะเลทั้งระบบ ยกระดับมาตรฐานเกลือทะเลภายใต้ ‘5ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย’ ผนึก ‘อพท.’ เดินหน้าโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ‘เกลือเม็ดสุดท้าย ทรายเม็ดแรก’ เส้นทาง ‘คลองโคน-บ้านแหลม-ชะอำ’ 100 กิโลเมตร พร้อมจับมือ ‘พาณิชย์’ ช่วยพัฒนาผู้ประกอบการและแก้ปัญหาการตลาด เตรียมประกาศขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าเกลือนอกเดือนหน้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย (Salt Board) เปิดเผยว่า ว่าการประชุมบอร์ดเกลือ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 64 ที่ผ่านมาได้พิจารณาวาระสำคัญหลายวาระด้วยกันได้แก่

1.) ความก้าวหน้าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ทำนาเกลือทะเล

2.) สถิติการนำเข้าเกลือ

3.) การสร้างมาตรฐานเกลือทะเล

4.) เกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สำหรับเกษตรกรผู้ทำนาเกลือ

5.) งานวิจัยด้านเกลือทะเล

6.) การขอขยายระยะเวลาชำระหนี้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรของสหกรณ์นาเกลือ

7.) การกระจายผลผลิตเกลือทะเล

8.) การส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่นาเกลือ

9.) การส่งเสริมการแปรรูปเกลือทะเล

10.) การตรวจเยี่ยมเยือนหน่วยงานภาคีภายใต้คณะกรรมการฯ ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเกลือทะเลค้างสต็อกจากฤดูกาลผลิต2562/2563 และการแก้ไขปัญหาราคาเกลือตกต่ำ

11.) การขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าเกลือจากต่างประเทศ และ ร่างกฎหมายว่าด้วยการนำเข้าเกลือ

12.) แผนการพัฒนายกระดับผู้ประกอบการด้านเกลือทะเล

“การยกระดับมาตรฐานเกลือทะเลมีความก้าวหน้าอย่างจากโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้จัดทำ (ร่าง) คู่มือการปฏิบัติงาน Standard Operating Procedure (SOP) การตรวจรับรองแหล่งผลิต GAP นาเกลือทะเล และเกลือทะเลธรรมชาติเสร็จสิ้นแล้ว และจัดอบรมให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาเกลือทั้ง 7 จังหวัด จำนวน 262 คน โครงการนำร่องพัฒนาแปลงนาเกลือต้นแบบซึ่งได้คัดเลือกเกษตรกรต้นแบบเป็นที่เรียบร้อย พร้อมจัดฝึกอบรมที่ปรึกษาเกษตรกร และผู้ตรวจประเมินตามมาตรฐานเกลือทะเล ครบทั้งระบบโดยคาดกรมวิชาการ กรมประมงและกรมปศุสัตว์จะออกประกาศกรมแล้วเสร็จในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ขณะที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมความพร้อมเปิดรับการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว”

ทั้งนี้ตามข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2564 มีเกษตรกรผู้ทำนาเกลือขึ้นทะเบียนในระบบจำนวน 650 ครัวเรือน 1,150 แปลง เนื้อที่ 25,707.88 ไร่

สำหรับเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินช่วยเหลือร่วมกับกรมบัญชีกลาง ในขณะที่งานวิจัยด้านเกลือโดยสถาบันเกลือทะเลไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ซึ่งเป็นศูนย์AIC เพชรบุรีได้รับการอนุมัติงบประมาณแล้ว 2 โครงการจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติพร้อมดำเนินการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาลดสิ่งปนเปื้อนในเกลือและการลดความชื้นในเกลือเพื่อพัฒนาคุณภาพของผลผลิตและผลิตภัณฑ์เกลือ

ด้านการขอขยายระยะเวลาชำระหนี้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรของสหกรณ์นาเหลือนั้นคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการชำระหนี้ และงดเว้นค่าปรับ โครงการสร้างระบบการผลิตและการตลาดเกลือทะเลของสถาบันเกษตรกร ด้วยวิธีการยกระดับราคาให้ยั่งยืนเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำรายละเอียดแผนการชำระเงินคืน งบกระแสเงินสด (cash flow) เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรพิจารณาต่อไป

ที่ประชุมยังรับทราบรายงานขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งได้นำเสนอรายงานการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคตะวันตก (Thailand Riviera) เรียบชายฝั่งทะเลจากจังหวัดสมุทรสงครามถึงอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในการพัฒนาพื้นที่นาเกลือเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามแผนโครงการพัฒนาการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษเพื่อความยั่งยืนบนเส้นทางสายเกลือ (Salt Road) งบประมาณกว่า 615 ล้านบาท ซึ่งจะมีการพัฒนาพื้นที่ตามเส้นทางตั้งแต่ถนนพระราม 2 ที่คลองโคนผ่านบ้านแหลมท่ายางถึงชะอำระยะทาง 100 กิโลเมตรเป็นเส้นทางสาย ‘Salt Road’ เช่นพิพิธภัณฑ์เกลือที่บ้านแหลม จุดชมวิวที่สะพานบางตะบูน จุดเช็คอินที่ปากทะเล บางแก้วและแหลมผักเบี้ยภายใต้คอนเซ็ปท์ เกลือเม็ดสุดท้าย ทรายเม็ดแรก ยิ่งกว่านั้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมท่องเที่ยวและการโปรโมทโดยจะมีการประชุมร่วมกับที่ อพท. และจะเชิญสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติและมหาวิทยาลัยศิลปากรร่วมในการพัฒนาแบบแปลนเชิงอัตลักษณ์ในเดือนหน้า”

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าการส่งเสริมการแปรรูปเกลือทะเล ได้มีกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีในการผลิต แปรรูปสินค้า พร้อมทั้งหลักการคำนวณต้นทุนการผลิต กิจกรรมการทดสอบตลาดจำนวน 2 ครั้ง พร้อมทั้งสรุปผลการทดสอบตลาด และกิจกรรมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

สำหรับการแก้ปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำ และปัญหาผลผลิตเกลือทะเลค้างสต็อก ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม มีปริมาณเกลือคงค้างฤดูการผลิต ปี 2562/63 ปริมาณ 212,608 ตัน และ ปี 2563/64 ปริมาณ 197,000 ตัน โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแผน ได้แก่

1.) การกระจายและเชื่อมโยงสินค้าเกลือทะเลไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

2.) การกระจายเกลือขาวและดอกเกลือเพื่อจำหน่ายในร้านธงฟ้า

3.) เสนอให้จัดทำโครงการกระจายเกลือทะเลค้างสต็อก ผ่านทางคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.)ใช้งบประมาณของกองทุน แนวทางเดียวกับสินค้าเกษตรอื่นๆโดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ

สำหรับ ร่างกฎหมายว่าด้วยการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าเกลือจากต่างประเทศ ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งร่างดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติพิจารณา โดยให้รับความคิดเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาดำเนินการต่อไป

ทางด้านการพัฒนาผู้ประกอบการด้านเกลือทะเล กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการได้แก่ หลักสูตรการบริหารจัดการด้านการตลาด จำนวน 7 หลักสูตร ได้แก่ (1.) การเริ่มต้นธุรกิจ (2.) การเงินบัญชี (3.) วิชาบัญชี (4.) การตลาด E-Commerce (5.) การพัฒนากลยุทธ์การตลาด E – Commerce (6.) การพัฒนาธุรกิจใน AEC (7.) การพัฒนาระบบบริหารจัดการธุรกิจโลจิสติกส์ สมัครได้ที่ http://dbdacademy.dbd.go.th/

2.) หลักสูตรการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล จำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่ (1.) หลักสูตรร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) (2.) หลักสูตรการพัฒนาหน้าร้านสู่โลกออนไลน์ (Digitize Storefront) ผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่ https://saphandigital.moc.go.th/ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2564

“นับเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาเกลือทะเลทั้งระบบครบวงจรตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การผลิต การแปรรูป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์และการตลาดผสมผสานการค้าสินค้าและบริการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้5ยุทธศาสตร์ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และโมเดล” เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดซึ่งเป็นความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และทุกภาคีภาคส่วนแบบบูรณาการใกล้ชิด” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอเหรียญทอง’ โพสต์ระดมทหารนอกราชการ เหล่าแพทย์ ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในเครือข่าย รพ.สนามทหารบก

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2564 นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา โดยระบุว่า ประกาศระดมทหารนอกราชการ เหล่าแพทย์ ไม่จำกัดอายุ-เพศ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในเครือข่าย รพ.สนามทหารบก จำแนกความชำนาญการทางทหาร(ชกท) ดังนี้

1.) แพทย์ ไม่กำหนดความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา

2.) พยาบาลวิชาชีพ ไม่กำหนดความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา

3.) นายทหารพยาบาล

4.) นายทหารรังสีเทคนิค

5.) นายสิบพยาบาล

ติดต่อ โทร.02-574-5000 ต่อ แผนกบุคคล (รุ่ง ศรีสุก)

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา

ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ

(อดีตผู้อำนวยการกองกำลังพล-นายทหารยุทธการ และผู้บังคับกองพัน กรมแพทย์ทหารบก)

23 เม.ย.64 เวลา 10.27 น.


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รมว.สุชาติ คอนเฟอเรนซ์ หารือร่วม รองผู้ว่าฯ ระนอง ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมทางไกลผ่านระบบ (Video Conference) ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เร่งเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน แก้ปัญหาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน บูรณาการทุกภาคส่วน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำสอดคล้องบริบทในพื้นที่ 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับจังหวัดระนอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มอบหมายให้ นายสมจิตร์ เขียนด้วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดระนองเพื่อหารือการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และแนวทางในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทย โดยมอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด 

จำนวน 3 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี และระนอง

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้จึงถือโอกาสเป็นตัวแทนของรัฐบาล ร่วมรับฟังสภาพปัญหากับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาในเชิงพื้นที่ (Area Based) อย่างครอบคลุม และครบทุกมิติ สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป

“สำหรับประเด็นด้านแรงงาน จังหวัดระนองมีผู้ใช้แรงงานอยู่ประมาณ 130,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตร มีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในจังหวัดระนอง ประมาณ 31,000 คน และกลุ่มที่เดินทางเข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล ประมาณ 6,000 คน ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดด่านและห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออกพื้นที่ โดยกระทรวงแรงงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแล และร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ ของจังหวัดระนองต่อไป” รมว.แรงงาน กล่าวในตอนท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top