Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

‘ทักษิณ’ หาเสียงวันที่ 2 เหน็บต่อ ปชน. จากพูดเก่งเป็นด่าเก่ง ฟุ้งรถไฟฟ้าใต้ดินแก้รถติดเชียงใหม่ - อ้อนขอคืน สส.ให้ พท. ทั้ง 10 เขต

(24 ธ.ค. 67) ‘ทักษิณ’ ยาหอมปีหน้าม่วนแน่ จบหมดทุกปัญหาทั้งยาเสพติด-หนี้สิน-คอลเซ็นเตอร์-เอา ศก.ใต้ดินขึ้นมาบนดิน ขู่ ผู้การ-ผู้กำกับ-ผู้ว่าฯ-นายอำเภอ แก้ยาเสพติด ก็ให้จูงมือกันเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ ชู เชียงใหม่เป็นมรดกโลก ยัน รัฐบาลอยู่ครบเทอม แซะ ‘ปชน.’ อู้เก่งแต่เดี๋ยวนี้ด่าเก่ง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. 2567 ที่ตลาดภูสุวรรณ ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียงเป็นวันที่ 2 โดยมีประชาชนจาก อ.สันป่าตอง หางดง แม่วาง ดอยหล่อ และจอมทองมาร่วมฟังกันปราศรัยกว่า 5,000 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณมาถึงได้เดินลงจากรถบริเวณทางเข้าก่อนถึงเวทีปราศรัยเพื่อเดินทักทายประชาชนที่มารอฟังการปราศรัย โดยวันนี้นายทักษิณได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว กางเกงยีนส์ และสวมแว่นตาดำ

ก่อนจะขึ้นปราศรัยด้วยการอู้กำเมืองว่า กลับมาบ้านแล้วรู้สึกม่วนอกม่วนใจขนาด หายไปนานแก่ไปหรือไม่ ปีนี้ 75 ย่าง 76 ปีแล้ว เวลาผ่านไปไว ตั้งใจอยากให้ จ.เชียงใหม่ เจริญรุ่งเรือง การทำมาหากินลำบาก แต่เป็นห่วงพี่น้องที่มาแต่เช้า ตอนนี้รัฐบาลกำลังสร้างกระบวนการแก้หนี้ลดหนี้ โดยให้สมาคมธนาคารมาช่วย ครั้งที่แล้วเขตสันป่าตอง สส.เป็นพรรคไหน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หรือไม่ ใครไม่เลือกพรรค พท.บ้าง และใครเลือก พท.คราวที่แล้ว

“พรรคประชาชนเป็นพรรคก้าวไกลเก่า เขาอู้เก่ง เดี๋ยวนี้เขาเริ่มด่าเก่ง ผมพยายามจะหัดด่า แต่ว่ายังบ่จ้างเตื่อ พี่น้องคราวที่แล้ว เลือกตั้งนายก อบจ. ผมเขียนจดหมายน้อยมา เพราะอยู่เมืองนอก พี่น้องเลือกนายกก๊องได้คะแนนสี่แสนปลาย วันนี้ผมมาด้วยตัวเอง มาขอถึงที่ หวังว่าพี่น้องจะให้สัก 6 แสนเน้อ ผมกลับมาเมืองไทยแล้ว นายกก๊องต้องทำงานหนัก เพราะต้องช่วยกันให้บ้านเราดีขึ้น ร่วมกับรัฐบาล โดยเฉพาะซอฟต์พาวเวอร์ที่จะทำให้คนไทยหมดหนี้หมดสิน ผมจะมาเชียงใหม่บ่อยหน่อย แต่ถ้านายกก๊องไม่ชนะ ส.ส.เหลือน้อย ผมมาเชียงใหม่ก็อายเหมือนกัน ฉะนั้น อย่าให้ผมอายนะ ครั้งนี้เอาให้ชนะขาดๆ ผมจะได้มาบ่อยๆ มาดูว่าที่ไหนเดือดร้อนบ้าง จะได้ช่วยกันเต็มที่ พี่น้องอย่าลืมกัน วันนี้มาแล้ว ผมอายุมากแล้ว เหลือเวลาแค่ 40 ปี ตั้งความหวังไว้ก่อน ทำตัวให้แข็งแรงจะได้มีเวลาดูแลพี่น้อง กลับมาแล้วก็อยากทำให้คนไทยมีเงินใช้ทุกคน” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวต่อว่า ตอนนี้เชียงใหม่ไม่ค่อยงามเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีควันมาแล้วออกยาก แต่รัฐบาลก็พยายามหามาตรการต่างๆ และตนก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้ PM2.5 หายไป จัดการฝุ่นไวๆ เพราะอยากเห็นเชียงใหม่งามเหมือนเก่า วันก่อนมีคนมาเล่าให้ฟังว่ารถไฟฟ้าในเมืองก็จะทำใต้ดินส่วนหนึ่ง และนอกเมืองจะทำเป็นบนดินเพื่อทำให้เชียงใหม่รถติดน้อยลง รวมถึงจะผลักดันให้ จ.เชียงใหม่เป็นมรดกโลก โดยเอาวัด 6-7 แห่งรวมถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุจอมทอง เราจะเอาทั้งหมดเข้าเป็นมรดกโลก

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ตอนตนอายุ 20 ปี พ่อสมัคร ส.ส. ตอนนั่งรถจี๊ปไปช่วยหาเสียง มาสันป่าตอง และเคยมาหาพระอาจารย์ทองที่มรณภาพไปแล้ว เคยมาออบหลวง แล้ววันนี้มาก็เห็นความเจริญมีบ้าน มีร้านค้ามากขึ้น แต่เศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่ค่อยดี ปีนี้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งใครอายุเกิน 60 ปี ไม่กี่วันเงินหมื่นบาทจะมาแล้ว หลังจากนี้ก็รอระบบให้เสร็จ คนหนุ่มคนสาวก็จะได้ เมื่อระบบใช้ได้ ก็จะใช้ได้ทุกคน เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลเคยพูดไว้ พี่น้องอยากได้ยินอะไรก่อนระหว่างแก้หนี้กับยาเสพติด แสดงว่ายาเสพติดที่นี่หนัก แต่แสดงว่าคนสันป่าตองเป็นหนี้น้อย มีเงินหมดแล้ว ยาเสพติดเป็นปัญหาหนักสุดของประเทศ ตั้งแต่ปราบไปครั้งที่แล้ว หลังจากที่ตนถูกรัฐประหารทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม พ่อค้าทั้งหลายก็กลับไปสนับสนุนกระบวนการ แต่วันนี้อย่าแหลมมาก็แล้วกัน

นายทักษิณกล่าวต่อว่า ตนไปอีสาน บอกคนอีสานว่า หากใครไปเจอพ่อค้ายา ให้บอกพ่อค้ายาว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้ายา ดังนั้นให้เลิกค้ายา ถ้าไม่เลิกค้ายาก็ตัวใครตัวมัน หากพี่น้องไปเจอก็ให้บอกมันด้วยว่าทักษิณกลับมาเป็น ส.ท.ร.แล้ว ฉะนั้น อยากเสือกเรื่องแรกคือยาเสพติด จึงขอให้เลิกเสีย ไม่เช่นนั้นตัวใครตัวมัน เดี๋ยวต่อไปจะมีระบบแจ้งเตือนพ่อค้ายาไปที่ผู้การ ผู้กำกับ ผู้ว่าฯ และนายอำเภอ หากไม่ดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งก็จูงมือกันย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ เรื่องนี้หากทำไม่ได้ก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องไป ซึ่งเรื่องปราบยาเสพติดในปี 2568 จะเป็นไฮไลต์ใหญ่ของรัฐบาล ควบคู่ไปกับการแก้เรื่องหนี้สินของประชาชน

“เชียงใหม่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หากนายก อบจ.ชื่อก๊องได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง รวมถึงได้รับมอบหมายภารกิจจากรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยต้องมาสนใจเรื่อง อบจ. เพราะต้องการมือไม้ที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลในการดูแลประชาชนถึงที่ เพราะ ส.ส.เราไม่ได้รับเลือก หาก อบจ.ยังแพ้อีก แสดงว่าพี่น้องเชียงใหม่บอกว่าทักษิณไม่ต้องมาแล้ว ไปไกลๆ ไป แต่หากได้รับเลือกก็จะมาบ่อยอย่ารำคาญขี้หน้ากันเน้อ นายกก๊องอยู่กับผมมานาน ผมอยู่เมืองนอกเขาก็แวะมาหาผมเป็นประจำ ไปปรึกษากันเป็นประจำ เป็นคนที่ผมไว้ใจใช้งาน จึงอยากขอให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจ ใช้งานก๊องต่ออีกสมัย ถ้าทำงานช้าผมจะหวด” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวต่อว่า เดี๋ยวนี้มีข่าวสองประเภท ข่าวหนึ่งคือข่าวการเมือง ข่าวมีน้อยแต่ขยายจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และขยันเอาพวกที่เป็นขาประจำตัวมาสัมภาษณ์ ให้มันออกมาด่าตนเพื่อที่จะได้เป็นข่าวและได้รับความสนใจ บังเอิญว่าตนอายุมากแล้วหูตึง เวลามันด่าตนไม่ค่อยได้ยิน แต่รู้ว่ามันด่าว่าอะไรจึงสวนไปบ้าง เมื่อแก่แล้วนิสัยก็เปลี่ยน ใจเย็นขึ้นแต่ว่าใครแรงมาก็แรงไป

“คิงเล่นฮา ฮาก็จะเล่นคิง และเดี๋ยวนี้ฮาไม่หมูนะ คิงอย่ามาเล่นกะฮานะ รำคาญโคตรพ่อโคตรแม่ อะไรนักหนา” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวด้วยว่า ข่าวอีกประเภทหนึ่งคือข่าวอาชญากรรม ตอนตนไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล เห็นข่าวเรื่องยาเสพติด กลุ้มใจที่สุดเพราะบางครั้งคนติดยาทุบตีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จึงถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทุกข์ของคนไทย ตอนตนปราบยาหลายคนเข้ามาขอบคุณตน และบอกว่าดีใจที่ได้ลูกคืน วันนี้กลับมาเที่ยวนี้ตั้งใจอย่างยิ่งว่าจะคืนลูกหลานให้พี่น้องเพื่อที่เขากลับไปจะได้เป็นคนดีของสังคม

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ปีหน้าเป็นปีที่จะเอาลูกคืนพี่น้อง ทำหนี้สินให้เบาลงและพัฒนาคน เอาซอฟต์พาวเวอร์มาทำเงิน รวมถึงที่อยู่อาศัย เอาที่หลวงมาทำเป็นสัญญาเช่า 99 ปี สร้างบ้านให้ประชาชน ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ส้วมเป็นไฟฟ้าไม่ต้องล้างก้นเอง เอามือไปเล่นคอมพิวเตอร์ ต่อไปงบประมาณจะไปลงที่มหาวิทยาลัยหนักเพื่อที่จะพัฒนาคน ตนจะต้องทำให้คนไทยอยู่อย่างมีความหวัง เพราะหากไม่มีความหวังก็จะไปเล่นยากันหมด

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ถ้าไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ ตนเคยมีหนี้ เช็คเด้ง ต่อสู้มา จึงเอาเช็คใส่กรอบไว้ให้ลูก เขาจะได้รู้ถึงความลำบากเป็นบทเรียนที่ดีเอาไว้สอนลูกสอนหลาน ไม่มีใครไปประสบความสำเร็จโดยไม่ผ่านความยากลำบาก ในชาติเดียวกันนี้ตนเห็นทั้งนรกและสวรรค์ ทุกข์สุขคืออะไร จากนี้อยากให้คนไทยหมดปัญหา นี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้

“มีเวลาช่วยลูกสาวสองปีปลาย ไม่ต้องห่วง เรื่องยุบสภาลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็อยู่ครบเทอม มีเสถียรภาพเช่นนี้จะยุบสภาทำไม ใครจะออกมาเห่าหอนก็ปล่อยเขา เราทำงานอย่างเดียว ได้ยินเสียงนกเสียงกาพี่น้องก็หูทวนลมอย่าไปสนใจ สนใจแค่รัฐบาลจะทำให้พี่น้องพ้นทุกข์อย่างไร เขากำลังทำการบ้านปรับโครงสร้างภาษี ให้คนไทยทุกคน ถึงแม้มีรายได้ไม่ถึงที่จะเสียภาษีก็ต้องกรอกการเสียภาษี หากรายได้ต่ำก็จะเก็บนำภาษีที่เก็บจากคนที่เสียภาษีมาช่วย เป็นเงินทุนหนุนจากรัฐบาลแทน” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวต่อว่า ตนกำลังบอกกับทางพม่าและเขมรให้จัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า หากจัดการไม่ได้ ตนขออนุญาตส่งคนไปจัดการ นอกจากนี้ ตนยังพูดกับกะเหรี่ยงเคเอ็นยู แล้วบอกไปทางพม่าแล้วว่าให้ช่วยจัดการหมู่ที่อยู่แถวเมียวดี หากไม่มีกำลัง เดี๋ยวตนจะเอากำลังไปจัดการ ภายในปีหน้าคอลเซ็นเตอร์จะต้องจัดการให้เกลี้ยง เศรษฐกิจใต้ดินจะเอาขึ้นมาบนดิน ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจใต้ดินมีขนาดใหญ่มาก เงินเยอะมาก แต่ไม่เสียภาษีสักบาท จึงทำให้เกิดช่องทางที่เป็นปัญหา จึงต้องนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมา

“ปีหน้าม่วนแน่นอน รับรองว่าอะไรที่ทุกข์มานานจะจัดการให้หมด แต่ผมเป็นคนมีจุดอ่อน เพราะเป็นคนที่ต้องการกำลังใจ หวังว่าพี่น้องชาวเชียงใหม่จะให้กำลังใจผม โดยเลือกนายกก๊องให้กลับมาอีกรอบ เพราะเป็นสัญญาณว่าครั้งหน้าพี่น้องชาวเชียงใหม่ ก็จะคืน ส.ส.ให้พรรคเพื่อไทยทั้ง 10 เขต ซึ่งก็จะมีกำลังใจกลับมา เราทุกข์ด้วยกัน เราก็ต้องสุขด้วยกัน เราทุกข์ด้วยกันมาแล้ว ต่อไปนี้เราก็จะสุขด้วยกัน พี่น้องให้ ส.ส. 2 คน ทำให้ผมน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้หายแล้ว เพราะตอนนี้พี่น้องกำลังจะคืนกำลังใจให้ โดยการเลือกนายกก๊อง และ ส.จ.ทุกคนเข้ามา เพื่อวางพื้นฐานที่จะคืน ส.ส.ให้ผม แล้ววันนั้นเราจะมีความสุขด้วยกัน ขอให้พี่น้องอย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว ผมมาขอเอง ได้หรือไม่ ขอให้เลือกเบอร์สองและ ส.จ.ทุกคนให้เต็มที่ รวมถึงขอให้กลับไปบอกเพื่อนๆ ว่าใช้ทักษิณดีกว่า เพราะมีลูกเป็นนายกฯ” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เพื่อนตนสมัยที่อยู่พรรคไทยรักไทย เขาบอกตนว่านายกรัฐมนตรีก็คือคนเดิมแค่ผมยาว เพราะนายกรัฐมนตรีที่เป็นลูกสาวเขาหน้าเหมือนตน รับรองได้เลยว่าสไตล์การทำงานก็จะเหมือนกัน เพราะเป็นดีเอ็นเอที่ก๊อบปี้กันมา และนายกรัฐมนตรีก็ช่วยตนมาตั้งแต่เขาอายุแปดปี ตั้งแต่พรรคพลังธรรมที่ไปช่วยตนหาเสียง ฉะนั้น นายกรัฐมนตรีก็รู้เรื่องการเมืองและเข้าใจดี ได้เรียนรู้เรื่องการบริหารมาทั้งหมด คิดว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นวัยรุ่นที่รู้เรื่องการเมือง และอาจจะรู้ดีกว่าตนด้วย ย้ำว่าขอให้ช่วยกันเลือกเบอร์สอง เลือก ส.จ.ให้ตน แล้วตนจะกลับมาใหม่เพื่อจะกลับมาแก้ไขปัญหาให้ชาวเชียงใหม่มีกินมีใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายทักษิณลงจากเวทีแล้วได้เดินทักทายประชาชนและเซ็นชื่อลงบนธงคนเสื้อแดงขนาดใหญ่
 

โดนัลด์ ทรัมป์ อาจอนุญาต TikTok ทำธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไปได้

(24 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ เปิดเผยว่าเขาอาจอนุญาตให้ติ๊กต็อก (TikTok) ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไป ขณะเขาเข้าร่วมงานที่จัดโดยเทิร์นนิง พอยต์ ยูเอสเอ (Turning Point USA) องค์กรอนุรักษ์นิยม ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

ทรัมป์กล่าวว่าติ๊กต็อกที่เป็นแอปพลิเคชันแบ่งปันวิดีโอยอดนิยมอาจช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงบางส่วนที่สำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และแสดงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินงานต่อไป “อีกสักพักหนึ่ง” โดยทรัมป์เสริมว่าเขาได้ดูแผนภูมิที่เผยให้เห็นยอดเข้าชมคลิปวิดีโอหาเสียงของเขาบนติ๊กต็อกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เห็นพ้องจะทบทวนคำร้องจากติ๊กต็อกและไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก เพื่อระงับกฎหมายที่กำหนดการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อกภายในวันที่ 19 ม.ค. 2025 มิเช่นนั้นอาจเผชิญการลงโทษแบน เนื่องด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ

ศาลสูงสุดสหรัฐฯ จะรับฟังข้อโต้แย้งในวันที่ 10 ม.ค. 2025 เพื่อตัดสินว่ากฎหมายดังกล่าวจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอันขัดกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของสหรัฐฯ หรือไม่

ทั้งนี้ ติ๊กต็อกชี้ว่าการลงโทษแบนที่อาจเกิดขึ้นนั้นจะปิดหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีเสรีภาพในการแสดงออกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอเมริกาก่อนวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์เพียงหนึ่งวัน และปิดปากชาวอเมริกันจำนวนมากที่ใช้ติ๊กต็อกสื่อสารเกี่ยวกับการเมือง การค้า ศิลปะ และประเด็นอื่น ๆ ที่สาธารณชนสนใจ

เมื่อเดือนเมษายน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่ให้เวลากับไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อก โดยอ้างอิงเหตุผลความมั่นคงของชาติที่ไม่มีมูลความจริง ซึ่งหากไบต์แดนซ์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างแอปเปิลและกูเกิลต้องถอดติ๊กต็อกออกจากแพลตฟอร์ม

ต่อมาเดือนพฤษภาคม ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระงับคำสั่งแบนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยกฟ้องคำกล่าวอ้างของติ๊กต็อกที่ว่าคำสั่งแบนขัดต่อรัฐธรรมนูญ

‘กิตติรัตน์’ โพสต์ครั้งแรก หลังไม่ผ่านคุณสมบัติ ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ยันได้อาสาแล้ว - ไร้เรื่องติดค้าง

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า “ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมไม่มีอะไรค้างคาใจ ผมได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ไม่เคยขลาดกลัว หนีหายเอาตัวรอด

กราบขอบพระคุณท่านปลัดกระทรวงการคลังที่เชื่อว่า ผมจะทำหน้าที่ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดี จนเสนอชื่อเข้าสู่การคัดเลือก และกราบขอบพระคุณกรรมการคัดเลือก เสียงข้างมากที่มีมติคัดเลือกผม เพื่อนำสู่การพิจารณาของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนการพิจารณาใดๆ จากขั้นตอนดังกล่าวย่อมเป็นสิทธิและหน้าที่ของผู้พิจารณา ผมเคารพการตัดสินใจครับ”

เผยบัณฑิตม.กลุ่ม Ivy League รายได้เฉลี่ย 93,000 ดอลลาร์ หลังเรียนจบสิบปี สูงกว่าบัณฑิตมหาวิทยาลัยทั่วไปเกือบสองเท่า

(24 ธ.ค.67) สำนักข่าว vnexpress ของเวียดนามอ้างอิงข้อมูลจาก Ivy Coach ซึ่งเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำแก่ผู้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาในกลุ่ม Ivy League ระบุว่า บัณฑิตที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League มีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 93,000–111,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากจบการศึกษา 10 ปี ซึ่งเกือบจะเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยรายได้ของคนในประเทศ 

ข้อมูลที่เผยแพร่โดย College Scorecard ของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ระบุว่า บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Brown ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 มหาวิทยาลัย Ivy League มีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำที่สุดที่ประมาณ 93,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายได้ของบัณฑิตมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 53,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 1.75 เท่า

ขณะที่บัณฑิตจาก Dartmouth College ได้รับรายได้เฉลี่ยสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 97,430 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ส่วนบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Ivy League อื่นๆ มีรายได้เฉลี่ยเกิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Pennsylvania ได้รับรายได้สูงสุดที่ 111,370 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน ค่าครองชีพสุทธิสำหรับนักศึกษาที่เรียนที่มหาวิทยาลัยเหล่านี้หลังจากได้รับทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงินมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 8,000–31,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

หากเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการเรียนแล้ว พบว่าบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัย Princeton ได้รับความคุ้มค่าที่ดีที่สุดจากการลงทุนทางการศึกษา โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 8,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหนึ่งปีการศึกษาในช่วงการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่สามารถทำรายได้เฉลี่ย 110,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีหลังจากจบการศึกษาไปแล้ว 10 ปี 

ขณะที่บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Pennsylvania มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าเล็กน้อยประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ค่าครองชีพสุทธิของพวกเขาในระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรีก็สูงกว่าถึงสามเท่าเช่นกัน

ตามข้อมูลจาก Ivy Coach องค์กรที่เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำแก่ผู้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ ข้อมูลนี้สะท้อนถึงคุณค่าของปริญญาจาก Ivy League ในตลาดงาน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบัณฑิตจาก Ivy League ยังมาจากความมุ่งมั่นและความสามารถของพวกเขาเองด้วย

ทั้งนี้ สำหรับกลุ่ม Ivy League ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยเอกชน 8 แห่งในสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ ความเข้มงวดในการคัดเลือกนักศึกษา และความมีชื่อเสียงระดับโลก โดยในอันดับมหาวิทยาลัยโลกของ Times Higher Education ปี 2025 มหาวิทยาลัย Harvard และ Princeton ได้รับการจัดอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ส่วนมหาวิทยาลัย Ivy League อื่นๆ ส่วนใหญ่ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 20 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยโลก

รัสเซียแฉกลาโหมสหรัฐฯ ตั้งหน่วยด้านชีวภาพในแอฟริกา

(24 ธ.ค. 67) พลโท อเล็กเซย์ ริติเชฟ รองหัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพของกองทัพรัสเซีย เปิดเผยในรายงานโดยระบุว่า พบความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยะสำคัญของกองทัพสหรัฐฯ บริเวณทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะการตั้งฐานทัพทางทหารและหน่วยวิจัยด้านชีวภาพ

พลโท ริติเชฟ กล่าวว่า "เรามีเอกสารหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า การมีอยู่ของทหารสหรัฐและหน่วยด้านชีวภาพในแอฟริกากำลังขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว" โดยนายพลรัสเซียเชื่อว่า สหรัฐได้ส่งหน่วยงานด้านการแพทย์ไปยังกานาและจิบูตี 

พลโท ริติเชฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า  “พบกิจกรรมที่กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้นในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐ อาทิ  การตั้งสาขาของศูนย์การแพทย์ทางทหารของกองทัพเรือในกานาและจิบูตี ซึ่งมีการทำงานอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของโรค การแยกและการถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อโรค"

คำกล่าวของนายพลรัสเซียสอดคล้องกับรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่ระบุว่า สหรัฐกำลังดำเนินโครงการวิจัยเพื่อการแพทย์ในพื้นที่แอฟริกา ได้แก่ ไนจีเรีย ได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยทางการแพทย์ร่วมและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์สำหรับกองทัพในปี 2024

เคนยา ก่อตั้งศูนย์การแพทย์ทหารของสหรัฐฯ ได้ตั้งเครือข่ายสถานีสนามเพื่อเฝ้าติดตามการแพร่กระจายของโรคติดต่อทั่วแอฟริกาตอนกลาง เซเนกัล การก่อสร้างห้องปฏิบัติการมูลค่า 35 ล้านดอลลาร์ใกล้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งมีผู้รับเหมาเดียวกันกับที่ทำงานในสหภาพโซเวียตเดิม รวมถึงอาร์เมเนีย จอร์เจีย คาซัคสถาน และยูเครน กานาและจิบูตี สหรัฐฯ ได้จัดตั้งสาขาของศูนย์การแพทย์ทางทะเลแห่งชาติและกำลังจัดการการระบาดของโรคตามธรรมชาติและการแยกเชื้อโรค

พลโท รติชฟ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าแอฟริกาเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคที่อันตรายและเป็นพื้นที่ทดสอบยารักษาโรคใหม่ๆ โดยที่วอชิงตันใช้เชื้อโรคชนิดใหม่ที่ทดสอบแล้วในสมรภูมิยูเครนและที่จอร์เจีย

นายพลรัสเซีย กล่าวเพิ่มเติมว่า วอชิงตันกำลังใช้ประโยชน์จากความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศในแอฟริกาประสบปัญหาโดยเฉพาะในด้านสาธารณสุขเพื่อการวิจัยบางอย่าง ขณะที่สหรัฐเกรงว่ารัสเซียกับจีนจะเปิดโปงการวิจัยดังกล่าว

"สหรัฐฯ มักจะไม่เปิดเผยวัตถุประสงค์สุดท้ายของการทดลองให้กับชาติพันธมิตร" พลโท ริติเชฟ กล่าวทิ้งท้าย

ย้อนประเด็น 'กรีนแลนด์-ปานามา-แคนาดา' 'ทรัมป์' หมายตาคิดผนวกดินแดน

(24 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ทันเข้าสาบานตนรับตำแหน่งสมัยสอง ก็ออกมาพูดหลายครั้งถึงประเด็นอธิปไตยในต่างแดนหลายต่อหลายครั้ง ที่แม้ฟังดูเป็นเรื่องติดตลก แต่ทรัมป์ก็ให้เหตุผลที่น่าคิดอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียวตามแนวคิด 'อเมริกามาก่อน'  

เริ่มตั้งแต่ประเด็นกับชาติเพื่อนบ้านอย่างแคนาดา โดยทรัมป์ได้กล่าวเมื่อ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างการหารือมื้อค่ำกับ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ที่มาร์อาลาโก้ บ้านพักตากอากาศของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริด้า 

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าแคนาดาอาจจะโดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% เมื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อบีบบังคับให้เร่งจัดการกับปัญหายาเสพติดและผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐ โดยเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าในภูมิภาคอาจจะเกิดขึ้น นายกทรูโดจึงรีบรุดหารือเป็นการส่วนตัวกับทรัมป์

ในระหว่างการหารือมื้อค่ำของสองผู้นำ นายกแคนาดาได้รับปากว่าจะแก้ปัญหาเรื่องภาษีศุลกากรแต่ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการในประเด็นที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นของแคนาดาที่มีอาณาเขตติดกับพรมแดนสหรัฐฯ สามารถกำหนดอัตราภาษีศุลกากรได้ด้วยตนเอง

ทรูโดกล่าวกับทรัมป์ว่า เขาไม่สามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้เพราะจะทำลายเศรษฐกิจของแคนาดาอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลแคว้นท้องถิ่น ซึ่งทรัมป์ตอบเชิงติดตลกว่า

"ถ้าแคนาดาไม่สามารถจัดการปัญหาภาษีศุลกากรได้ ประเทศคุณก็คงไม่สามารถเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐได้ เว้นเสียแต่บางแคว้นของแคนาดาจะเข้าร่วมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ"

ต่อมา 20 ธันวาคม ทรัมป์ โพสต์ลงในแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล (Truth Social) แซวว่าเป็นความคิดที่ดี หากแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และชาวแคนาดาเองก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีใจความว่า "ไม่มีตอบได้ว่าทำไมเราต้องจ่ายเงินช่วยแคนาดาปีละ 100 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่สมเหตุสมผล! ชาวแคนาดาอยากให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เพราะคงช่วยประหยัดภาษีไปได้มากและได้ความคุ้มครองทางทหาร ผมคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดี รัฐที่ 51!"

ในประเด็นเรื่องคลองปานามา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิจารณ์รัฐบาลปานามาอย่างรุนแรง หลังจากที่เขาขู่ว่าจะยึดคลองปานามาคืน หากปานามาไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นที่เรียกเก็บจากเรือสินค้าของสหรัฐฯ ที่แล่นผ่านคลองดังกล่าว

ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ทรูธ โซเชียล ว่า “กองเรือและการค้าของเราได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ค่าธรรมเนียมที่ปานามาเรียกเก็บนั้นไร้เหตุผลจริง ๆ” พร้อมทั้งระบุว่า การเอาเปรียบสหรัฐฯ “ต้องยุติลงทันที”

ประธานาธิบดียังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากปานามาไม่สามารถรับประกันความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือของคลองปานามาได้ "สหรัฐฯ จะขอเรียกคืนคลองปานามากลับมาเป็นของเราอย่างเต็มรูปแบบ"

คลองปานามาได้รับการขุดเสร็จสมบูรณ์โดยสหรัฐฯ ในปี 1914 ก่อนที่จะส่งคืนให้กับปานามาภายใต้สนธิสัญญาในปี 1977 ที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ และปานามาได้รับการควบคุมคลองนี้อย่างสมบูรณ์ในปี 1999

ในด้านของปานามา ประธานาธิบดีโฮเซ่ ราอูล มูลิโน ได้ตอบโต้ทรัมป์ในวิดีโอว่า “ทุกตารางเมตรของคลองปานามาคือของปานามาและจะเป็นเช่นนั้นต่อไป” ขณะที่ทรัมป์ได้โพสต์ตอบกลับในสื่อสังคมออนไลน์ของเขาว่า “เดี๋ยวได้รู้กัน”

ส่วนเรื่องกรีนแลนด์ ย้อนกลับไปในปี 2019 ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก ทรัมป์เคยพูดเรื่องการซื้อกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก โดยทรัมป์กลับมาฟื้นประเด็นนี้อีกครั้งหลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เสนอชื่อนาย เคน ฮาวเวอรี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสวีเดนและนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำเดนมาร์กคนใหม่ โดยทรัมป์เชื่อมั่นว่าฮาวเวอรีจะ "ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ"

โดนัลด์ ทรัมป์  กล่าวผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล Truth Social โดยยืนยันถึงการฟื้นแนวคิดการเป็นเจ้าของพื้นที่กรีนแลนด์ ซึ่งทรัมป์มองว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง

"เพื่อความมั่นคงและส่งเสริมเสรีภาพทั่วโลก สหรัฐอเมริกาเห็นว่าการเป็นเจ้าของและควบคุมพื้นที่กรีนแลนด์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง"

ย้อนไปในปี 2019 สื่อหลายแห่งรายงานว่าทรัมป์มีความสนใจที่จะซื้อกรีนแลนด์ ซึ่งต่อมาเขาเองยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าเป็นความสนใจเชิงยุทธศาสตร์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกรีนแลนด์ย้ำว่ากรีนแลนด์ไม่ใช่สินค้าที่จะขายได้ ขณะที่รัฐบาลเดนมาร์กแสดงความหวังว่าทรัมป์กำลังพูดเล่น และเรียกแนวคิดการขายกรีนแลนด์ว่า 'ไร้สาระ'

สำหรับกรีนแลนด์ปัจจุบันถือเป็นดินแดนอาณานิคมของเดนมาร์กถึงปี 1953 แม้ว่าจะยังเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์ก แต่ในปี 2009 กรีนแลนด์ได้รับสิทธิ์ปกครองตนเองและสามารถตัดสินใจเรื่องนโยบายภายในประเทศได้อย่างอิสระ

จากประเด็นทั้งหมด ด้านสตีเฟน ฟาร์นสเวิร์ธ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จาก University of Mary Washington ในรัฐเวอร์จิเนีย บอกว่า ทรัมป์ใช้แนวทางอันก้าวร้าวแบบนักธุรกิจในการหยิกแกมหยอกประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ และมองว่าทั้งกรณีของแคนาดาและกรีนแลนด์ ทรัมป์เพียงแค่ต้องการเอาชนะ ไม่ว่าจะในเรื่องการค้า พรมแดน หรือในประเด็นอื่น ๆ กับประเทศพันธมิตร

‘ดร.สุวินัย‘ ซัดนโยบายเศรษฐกิจ พท. ไร้ประสิทธิภาพ สวยหรูแค่ใช้หาเสียงสุดท้ายทำไม่ได้จริง ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ - เงินดิจิทัล

วันที่ (24 ธ.ค. 67) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ นโยบายเศรษฐกิจของเพื่อไทยที่ล้มเหลว

นอกจากกรณี 30 บาทรักษาทุกโรคที่กำลังจะ“ฆ่า” ระบบสาธารณสุขไทยแล้ว

การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท/วัน หรือ การแจกเงินหมื่น ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของความล้มเหลวด้านนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่ชูนโยบายประชานิยม

เพราะได้แต่ “ชู” แต่ทำจริงแล้ว “เหี่ยว”!!

นโยบายแจกเงินหมื่นอย่างถ้วนหน้าสำหรับคน 52 ล้านคนก็เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปแล้วว่า “เหี่ยว” ไปต่อไม่ได้

การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท/วันก็เช่นกัน คณะกรรมการไตรภาคีที่รับผิดชอบขึ้นค่าจ้างก็ปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเพียง 400 บาทสำหรับบางจังหวัดเท่านั้น 

ไม่ได้ถ้วนหน้าและไม่ได้ทุกคน แม้แต่ตัวแทนฝั่งลูกจ้างก็ยังยอมรับมตินี้

ทำไมนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่ใช้หาเสียงจึงล้มเหลวเละเทะไม่เป็นท่าเช่นนี้?

คำตอบง่าย ๆ และตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ มันเอาไว้ใช้ “ชู” เพื่อหาเสียงเท่านั้น โดยที่มันผิดธรรมชาติ ขัดกับความเป็นจริง และไม่เป็นไปตามหลักวิชาการที่สมควรในทางเศรษฐศาสตร์

นโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ กลายเป็นเรื่องนโยบาย(บีบบังคับคนอื่นให้) เพิ่มรายได้ โดยที่คนบังคับไม่ได้ช่วยออกเงินเลยแม้แต่บาทเดียว!!

พรรคเพื่อไทยมี “ดอกเตอร์” เต็มพรรคมิใช่หรือ แถมยังอวดฉลาดทั้งพรรคก็ว่าได้  แต่จะซื่อสัตย์กับสัมมาอาชีวะของตนเองหรือฉลาดจริงไม่นั้น คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทฤษฎีมันว่าไว้ว่า การจ้างงานและค่าจ้างมันสัมพันธ์กับมูลค่าผลิตผลที่แรงงานทำ หากยังล้างชามได้เท่าเดิมแต่จะบังคับให้นายจ้างขึ้นค่าจ้าง ถ้าไม่มีทางเลือกแบบนี้นายจ้างก็จะลดคน แล้วแบบนี้มันจะสำเร็จไปได้อย่างไร? 

ที่ฝั่งนายจ้างและเสียงข้างมากในคณะกรรมการไตรภาคีเขาค้านก็ถูกต้องแล้ว

เพราะเขาไม่อยากลดคน มีแต่ฝั่งนักการเมืองนี้แหละที่เข้าไป “ชู” ในประเด็นที่ทำไม่ได้เอามาหาเสียง ทั้งที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้

ส่วนนโยบายแจกเงินหมื่น คงไม่ต้องพูดให้มากความอีกแล้ว เพราะมันล้มเหลว และผิดกับที่หาเสียงตั้งแต่ต้น 

จะแจกเงินหมื่นเป็นเงินดิจิตอลก็ทำไม่ได้ 
จะแจกเป็นเงินกระดาษก็หาแหล่งเงินมาไม่ได้ 

ถ้าคิดว่านโยบายนี้มันดีทำไมไม่กล้าขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% เพื่อมาใช้ทำนโยบายนี้เล่า ? 

ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็ต้องมากลืนน้ำลายที่ถ่มรดฟ้าชโลมเลียนโยบายนี้ให้มันลื่นไหลต่อไปได้ด้วยน้ำลายตนเอง 

นโยบายแจกเงินหมื่นแบบดิจิตอลในความเป็นจริงจึงกลายเป็น เรื่องแจกเป็นเงินกระดาษ แจกได้เฉพาะกลุ่ม แจกแบบไม่มีเงื่อนไข 

ลมพายุที่อ้างคำโตจึงเป็นได้เพียง “ลมผาย” ใต้ก้นเท่านั้น

เหตุก็เพราะพรรคเพื่อไทยมองแต่เพียงสัดส่วนการบริโภคต่อ GDP ที่มีสูงถึงกว่าร้อยละ 60 

ถ้า “ฝันเฟื่อง” คิดแต่ว่าถ้าเพิ่มรายได้จากเดิมได้อีกร้อยละ 10-15 ...การบริโภค/GDP ก็จะเพิ่ม GDPได้อีกร้อยละ 6-10 

แต่หารู้ไม่ว่าการจะไปเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการบริโภคนี้ มันทำไม่ได้โดยง่ายด้วยการเพิ่มรายได้แต่เพียงลำพัง 

การบริโภคมิได้ขึ้นอยู่กับ GDP หรือรายได้ในปัจจุบันแต่เพียงลำพัง หากแต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกมาก เช่น รายได้ในอนาคตหรือรายได้ที่แท้จริง (ที่คาดว่าจะได้รับตลอดช่วงอายุการทำงาน) ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจบริโภคมากว่ารายได้ปัจจุบันเสียอีก 

ดังนั้นพฤติกรรมการบริโภคจึงไม่เพิ่มจากการเพิ่มเงินหมื่นนี้ในปัจจุบันเพราะผู้บริโภค(ที่มีเหตุผล-rationale) ย่อมคาดการณ์ว่าในอนาคตรัฐจะต้องเก็บภาษีเพิ่มจากการเพิ่มเงินหมื่นนี้แน่ตอน 

ในขณะที่การเพิ่มรายได้แบบหลอกตัวเองด้วยการบังคับขึ้นค่าจ้างจึงไม่ส่งผลอะไรต่อรายได้ที่จะนำมาบริโภคด้วยเช่นกัน 

เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีดอก

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนเสียภาษีต้องออกมาเรียกร้อง “ไม่ยื่นแบบ ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง” เพื่อแก้ไขนโยบายประชานิยมแบบ "ล้างผลาญภาษี" ที่ต้นตอ 

เพื่อไม่ให้นักการเมืองใช้นโยบายประชานิยมมาหาเสียงเข้าสภา 

เอา “ยาพิษ” มาหลอกขายเป็น “ยาวิเศษ” กับประชาชนที่รู้ไม่เท่าทันเหมือนเช่นที่ พ่อ-ลูก คู่หนึ่งกำลังทำกับประเทศในขณะนี้ 

หนิง ปณิตา นำทีม Dr.master ปฏิวัติวงการสินค้าดูแลเส้นผม! ปั้น Creator ให้เป็น Hair Master ตัวจริง

"Dr.master" แบรนด์ที่มุ่งแก้ปัญหาเส้นผมของคนไทย ด้วยการยกระดับสมุนไพรไทยผ่านการวิจัยและพัฒนาจนพิสูจน์ได้จริง พร้อมความร่วมมือจาก โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช (Masterpiece Hospital) ผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นด้านการปลูกผมในประเทศไทย

Dr.master ตั้งเป้าหมายสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเส้นผม แต่ยังให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ใช้งาน โดยมีการเปิดตัวในงาน "The Master of Hair Solutions" กับ 4 ผู้เชี่ยวชาญ
🌟 คุณดาว ลภัสรดา เลิศภานุโรจ
🌟 คุณหนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ
🌟 คุณภูริวัจน์ เสรีฐานุพัชร์
🌟 พญ.กุลธิดา ลุสวัสดิ์

4 ผลิตภัณฑ์ตัวเด่นที่ต้องลอง
✔️ Dr.master NewHair Shampoo: ต้านผมร่วง ผมหงอก ผมงอกใหม่แข็งแรง
✔️ Dr.master NewHair Conditioner: เติมความชุ่มชื้น นุ่มลึกถึงโคน
✔️ Dr.master HairVital Serum: กระตุ้นรากผม ลดการอักเสบ
✔️ Dr.master Nutri H Dietary: วิตามินบำรุงจากภายในสู่ภายนอก

💡 ส่วนผสมธรรมชาติคุณภาพสูง เช่น สมุนไพร วิตามิน และสารสกัดจากธรรมชาติ
📜 การันตีคุณภาพ จากงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"Dr.master" ช่วยให้ทุกคนดูแลเส้นผมได้อย่างมั่นใจ เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญดูแลคุณที่บ้าน

🌟 ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
Facebook: Dr.master Official
Instagram: @drmaster.official
TikTok: @drmaster.official
Line: @Dr.master

อีลอน มัสก์จวกธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำงานล่าช้า-พนักงานเกินจำเป็น

(24 ธ.ค.67) บลูมเบิร์กรายงานว่า อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ เทสลา (Tesla) และ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ว่าที่ประธานร่วมของ สำนักงานควบคุมประสิทธิภาพของรัฐบาล (Department of Government Efficiency หรือ DOGE) โดยมัสก์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าเป็นหน่วยงานที่มีพนักงานมากเกินความจำเป็น  

มัสก์แสดงความคิดเห็นผ่าน แพลตฟอร์ม X โดยระบุว่าเฟดเป็นหน่วยงานที่มีจำนวนพนักงานที่มากเกินไป ซึ่งความคิดเห็นนี้เกิดขึ้นในกระทู้ที่พูดถึงการตัดสินใจด้านนโยบายล่าสุดของเฟด อย่างไรก็ตาม มัสก์ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองดังกล่าว  

ขณะเดียวกัน มัสก์ยังถือเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาคนสำคัญของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังจัดตั้งหน่วยงานใหม่ในชื่อ DOGE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลและตั้งเป้าลดการใช้จ่ายให้ได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์  

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐในกรุงวอชิงตันและธนาคารระดับภูมิภาคอีก 12 แห่งทั่วประเทศ มีพนักงานรวมประมาณ 24,000 คน เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าธนาคารกลางในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่มีจำนวนพนักงานรวมกันมากกว่าของสหรัฐ  

ต่างจากหน่วยงานอื่นของรัฐบาล ธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากงบประมาณของรัฐสภา แต่มีรายได้จากการดำเนินงานของธนาคาร เช่น ดอกเบี้ยจากหลักทรัพย์รัฐบาลที่เฟดถือครอง โดยรายได้ส่วนเกินจะถูกส่งกลับไปยัง กระทรวงการคลัง ซึ่งในช่วงเวลาปกติ เฟดถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล  

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2565 ทำให้รายได้สุทธิของเฟดลดลง แต่ยังคงสามารถส่งรายได้ส่วนเกินประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ให้กับกระทรวงการคลังได้  

ในอดีต เฟดเคยตกเป็นเป้าหมายของทรัมป์ โดยในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์เคยกล่าวว่าตนควรมีสิทธิ์ในการกำหนดนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังล้อเลียนบทบาทของ เจอโรม พาวเวลล ประธานเฟด ว่าเป็น 'งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัฐบาล' 

แม้พาวเวลไม่ได้ตอบโต้โดยตรง แต่ คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาท้าทายทรัมป์ในก่อนหน้านั้น โดยเธอเชิญเขาไปดูการทำงานของทีม ECB ที่แฟรงก์เฟิร์ต พร้อมย้ำว่า  

“ฉันมีพนักงานที่ทำงานหนักหลายพันคน ทั้งนักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ พวกเขาทำงานหนักทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนละครั้ง เราปกป้องยูโร เช่นเดียวกับที่เฟดปกป้องดอลลาร์ ฉันมั่นใจว่าพาวเวลก็เห็นงานของเขาในมุมเดียวกัน”

ตำรวจท่องเที่ยวปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เตรียมพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568

​​​ตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว “สร้างรายได้ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย” ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

​​(24 ธ.ค.67) เวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจัด พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. กรไชย  คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. นางสาวนัทรียา ทวีวงส์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทูตานุทูต และข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยร่วมบูรณาการ รวม 135 นาย

​​ไฮไลต์สำคัญของพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงกำลังความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสเปิดตัว Thailand Tourist Police Application (TTPB-APP) ของขวัญที่ตำรวจท่องเที่ยวมอบให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน โดยมีจุดสำคัญ คือการให้นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยว แจ้งเหตุฉุกเฉิน และแชร์โลเคชั่นได้แบบออนไลน์ เพื่อรับความช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ ยังมีการสาธิตระบบปฏิบัติการรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเคลื่อนที่ ซึ่งจะออกประจำการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศในปี 2568 ที่จะถึงนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top