Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ ยันการลาออกจากอธิบดีทำตามขั้นตอน พร้อมประกาศเดินหน้าหาเสียงชิงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67) จากกรณีมีกระแสข่าวเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของการลาออกจากราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมฝนหลวงของนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ซึ่งขณะนี้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา อาจมีความไม่สมบูรณ์ตามขั้นตอนทางกฎหมาย จนอาจส่งผลกระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ล่าสุด นายสุพิศได้ออกมาชี้แจงเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง

นายสุพิศ เปิดเผย กับผู้สื่อข่าวว่า การลาออกจากราชการของตนได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญทุกประการ โดยในครั้งที่ลาออก ตนได้ทำหนังสือแจ้งไปยังปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และได้รับการเห็นชอบจากปลัดกระทรวงแล้ว ขณะนี้เอกสารดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาตามกระบวนการของทางราชการ ซึ่งจากระเบียบที่ได้อ้างถึงข้างต้นนั้นหากลาออกจากราชการเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ให้การลาออกมีผลนับแต่วันที่ขอลาออก นายสุพิศ กล่าว 

นอกจากนี้ นายสุพิศ ยังเปิดเผยว่า ตนได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาหรือข้อขัดข้องแต่อย่างใด

ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายสุพิศ ได้ย้ำถึงความมั่นใจในความถูกต้องของการลาออกจากราชการ พร้อมเดินหน้าทำงานหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัด โดยกล่าวว่า 

“ผมขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า การลาออกของผมชอบด้วยกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ผมจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อแนะนำตัว เพื่อขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวสงขลาพร้อมนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ“

การยืนยันครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความโปร่งใสและความตั้งใจของนายสุพิศที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาอย่างมั่นคง พร้อมมุ่งหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชาวสงขลาในอนาคต

เชียงใหม่ - บรรยากาศรับสมัครเลือกตั้ง นายกอบจ.เชียงใหม่ คึกคักท่ามกลางกองเชียร์ ที่มาให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

(25 ธ.ค. 67) การรับสมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่  และสมาชิก ส.อบจ เชียงใหม่ วันแรกเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของผู้สมัครแต่ละพรรคที่มาส่งแรงใจให้ผู้สมัครกันตั้งแต่เช้า โดยวันแรกมีว่าที่ผู้สมัครนายก  3 คน  ขณะที่ ผอ.กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 75 % 

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่รับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ วันแรกของการรับสมัคร บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของแต่ละพรรคที่มาคอยให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

นายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย และ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จากพรรคประชาชน มาถึงที่สมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ซึ่งตกลงกันไม่ได้ จึงได้มีการจับสลากหมายเลขสมัคร   ปรากฏว่านายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2, นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 1 และผู้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 42 เขต ครบทั้ง 2 พรรค และพลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครอิสระ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 3

โดยหลังเสร็จสิ้นการสมัครเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่แต่ละรายได้มาพบปะบรรดากองเชียร์ และผู้สนับสนุน ที่มารอต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชน ออกหาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เป็นอย่างมาก

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้มีความมั่นใจ 100%ในผลงานเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนนำไปประกอบการพิจารณาว่าควรจะมาเป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ สมัยที่ 2 ต่ออีกหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายในขณะนี้ได้ไม่เกิน 2 สมัย มีความมั่นใจในตัวเองและทีมงาน ทั้ง ทีม ส.อบจ.ลงครบทุกเขต 42 เขต 25 อำเภอ
    
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผมด้วย ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณ จะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณ สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ นายพิชัย กล่าว    

ประกอบกับกาคเลือกตั้งครั้งก่อนได้คะแนน 402,179 คะแนน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้
จะได้คะแนนเลือกตั้งตามทึ่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 6 แสนคะแนน อยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่น
ของอบจ.เชียงใหม่ 

เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็น นายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปี ลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้งส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งผลงานที่ชัดเจนเช่นการจัดสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ ซึ่งตอนที่เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ ได้ขอให้การรถไฟยกให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป 

รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ มีการจัดงาน Charming Chiang Mai ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดอยู่มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคนและมีโครงการในด้านสาธารณสุขจะสร้างโรงพยาบาลอบจ.เชียงใหม่ ขนาด 200เตียง ซึ่งมีสถานที่ก่อสร้างและของบประมาณจากทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นรูปธรรมแล้วพร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่อในเรื่องนี้ต่อไป

ด้านนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข1 จากพรรคประชาชน กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องบอกว่ามั่นใจสูง เพราะว่าพี่น้องประชาชนเชียงใหม่ก็อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตและมีประเด็นเรื่อง 3 ท. เรื่องความเท่าเทียมกัน ดูแลคนทุกคนทั่วถึง เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีอำเภอถึง 25 อำเภอ จากแม่อายจนถึงอมก๋อยใช้เวลาเกือบ 10ชั่วโมง ในการเดินทาง เพราะว่ามีความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนา ก็อยากจะลดช่องว่างนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระดับท้องถิ่น
   
นายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันแรกมีผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ 3 คน และสมาชิก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย ครบ 42 คน 42 เขต สมาชิก อบจ. สังกัดพรรคประชาชน ครบ 42 คน 42 เขตเรียบร้อยแล้ว ส่วนพรรคอิสระยังมาไม่ครบ 

และจังหวัดเชียงใหม่มี  25 อำเภอ ประชากร 1 ล้าน 7 แสนคน เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,264,703 คน จำนวนครัวเรือน 559,541 ครัวเรือน มีหน่วยเลือกตั้ง 2,722 หน่วย 

คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 72 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

‘เป๋าตัง’ ผนึก ‘Whoscall’ แจกโค้ด Premium Basic ฟรี 10 ล้านโค้ด ✨ เสริมเกราะป้องกันภัย ลดความเสี่ยงสูญเสียทางการเงิน ✨

📅 วันที่ 25 ธ.ค. 2567
บริษัทอินฟินิธัส บายกรุงไทย ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ร่วมกับ บริษัท โกโกลุก ประเทศไทย ผู้ให้บริการ Whoscall แอประบุตัวตนสายเรียกเข้าและป้องกันสแปมบนสมาร์ทโฟน ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ! แจก Whoscall Premium Basic ฟรี 10 ล้านโค้ด ใช้งานได้นาน 3 เดือน ช่วยลดความเสี่ยงจากมิจฉาชีพออนไลน์

💡 ขั้นตอนการรับสิทธิ์
1️⃣ เข้าแอปฯ เป๋าตัง ไปที่เมนู "เป๋าตังเปย์"
2️⃣ กดรับคูปอง Whoscall
3️⃣ เข้าเว็บไซต์ https://redeem.whoscall.com/
4️⃣ ใช้โค้ดที่ได้จากเป๋าตังเพื่อเริ่มใช้งานทันที

📲 รองรับทั้งระบบ Android และ iOS ดาวน์โหลด Whoscall ได้ที่ https://app.adjust.com/1f16qjtc

เพียงลงทะเบียนวันนี้ - 31 มกราคม 2568 เพื่อรับสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้ใช้เป๋าตังกว่า 40 ล้านรายทั่วประเทศ

‘Moo Deng’ ครองแพลตฟอร์ม X คว้ามีมแห่งปี-แฮชแท็กติดเทรนด์ฮิตกระหึ่มโลก

(25 ธ.ค. 67) ดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่สำหรับ "หมูเด้ง" (Moo Deng) ฮิปโปแคระคนดังแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จนมีจำนวนโพสต์เกี่ยวกับหมูเด้งสูงถึง 7.7 ล้านโพสต์ กลายเป็นสถิติคอนเทนต์มาแรงประจำปี 2024 บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) จน X ประกาศให้ "หมูเด้ง" คว้า "มีมแห่งปี" ไปครอง

"หมูเด้ง" ซุปตาร์ฮิปโปแคระจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวทำสถิติมีโพสต์ถึง 7.7 ล้านโพสต์ และกลายเป็นกระแสฮิตติดเทรนด์ในประเทศไทย โดยแฮชแท็ก #moodeng พุ่งติดเทรนด์อันดับต้นๆ หลังจากที่ X ประกาศสถิติในวันนี้

อันดับถัดจาก "หมูเด้ง" ได้แก่ GTA VI, คอนเสิร์ต The Eras Tour ของ Taylor Swift, ยาปากกาลดน้ำหนัก Ozempic (โอเซมปิก) และเหตุการณ์สุริยุปราคา (Solar Eclipse)

นอกจากนี้ X ยังเผยหัวข้อที่ได้รับความนิยมอื่นๆ ในปีนี้ เช่น ภาพยนตร์ยอดนิยม "Wicked", คำศัพท์มาแรง "ERA", ศิลปินที่มาแรงที่สุด Taylor Swift และนักกีฬาที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคือ Simone Biles นักยิมนาสติกจากทีมชาติสหรัฐฯ

สถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจจาก X ประจำปี 2024 ได้แก่:
- ภาพยนตร์ยอดนิยม: Wicked, Deadpool and Wolverine, DUNE: Part Two
- ศิลปินยอดนิยม: Taylor Swift, Ariana Grande, Sabrina Carpenter
- นักกีฬายอดนิยม: Simone Biles, Noah Lyles
- คำศัพท์ที่มาแรง: ERA, AURA, COOKED, OOMF, YAPPING

ในส่วนของเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ ที่ถูกพูดถึงบน X ได้แก่:
- Moo Deng: ฮิปโปแคระสุดน่ารักจากไทย
- GTA VI: การเปิดตัวเกมที่รอคอยที่สุด
- The Eras Tour: คอนเสิร์ตใหญ่ของ Taylor Swift
- Ozempic: ยาลดน้ำหนักที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลาย
- Solar Eclipse: ปรากฏการณ์สุริยุปราคา

'เดนมาร์ก' ทุ่มงบกลาโหม หลังทรัมป์เปรยอยากผนวกดินแดน

(25 ธ.ค. 67) รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมสำหรับเกาะกรีนแลนด์อย่างมาก หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความต้องการซื้อเกาะแห่งนี้เป็นครั้งที่สอง นักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดของทรัมป์

รายงานจากบีบีซีระบุว่า รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันสำหรับเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์แสดงความต้องการซื้อเกาะแห่งนี้อีกครั้ง

โทรลส์ ลุนด์ พูลเซ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดนมาร์กกล่าวว่า งบประมาณด้านกลาโหมสำหรับเกาะกรีนแลนด์จะมีมูลค่าหลายพันล้านโครน ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 51,000 ล้านบาท) โดยจะใช้ในการซื้อเรือลาดตระเวน 2 ลำ โดรนพิสัยไกล 2 ลำ และทีมสุนัขลากเลื่อนพิเศษ 2 ตัว รวมถึงการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่หน่วยบัญชาการอาร์กติกในเมืองนุก และการอัพเกรดสนามบินพลเรือนหนึ่งแห่งเพื่อรองรับเครื่องบินรบรุ่น F-35

นายพูลเซ่นกล่าวว่า การประกาศเพิ่มงบฯ กลาโหมในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่า ความเป็นเจ้าของและการควบคุมเกาะกรีนแลนด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสหรัฐฯ

เกาะกรีนแลนด์เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเป็นแหล่งที่ตั้งของศูนย์อวกาศสำคัญของสหรัฐฯ โดยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางที่สั้นที่สุดระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป และเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญ

การเพิ่มงบฯ กลาโหมนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของเดนมาร์กในการเสริมความแข็งแกร่งด้านการป้องกันในภูมิภาคอาร์กติก ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนมองว่าเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของสหรัฐฯ ที่อาจจะเพิ่มขึ้นหากเดนมาร์กไม่สามารถปกป้องพื้นที่ดังกล่าวจากการขยายอิทธิพลของจีนและรัสเซียได้

มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์กล่าวว่า เกาะของเราจะไม่ถูกขาย แต่เขายังเน้นว่า ชาวกรีนแลนด์ควรเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือและการค้า โดยเฉพาะกับเพื่อนบ้าน

สำหรับข้อเสนอที่ทรัมป์ยื่นซื้อเกาะกรีนแลนด์ในปี 2019 ได้รับการตำหนิจากผู้นำเดนมาร์กในขณะนั้นอย่างรุนแรง จนกระทั่งทรัมป์ยกเลิกการเยือนเดนมาร์ก

ทั้งนี้ แนวคิดในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ของสหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยมีการพูดถึงครั้งแรกในยุคประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ในช่วงทศวรรษ 1860

‘พีระพันธุ์’ ยัน ไม่โกรธ-ไม่สนใจ ฉายา “พีระพัง” ที่สื่อทำเนียบตั้งให้ พร้อมย้อนถามใครแก้ปัญหาได้เร็วกว่าตน

(25 ธ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายาให้เป็น “พีระพัง” ว่า ตนเองไม่ได้อ่าน แต่ประชาชนได้ชี้แจงแทนตนเองหมดแล้ว ดังนั้น จึงไม่โกรธ และไม่ได้สนใจ เพราะแทบจะไม่มีเวลาทำงานอยู่แล้ว 

ส่วนการที่ได้รับฉายา “พีระพัง” อาจเป็นเพราะแก้ไขปัญหาด้านพลังงานล่าช้าหรือไม่นั้น นายพีระพันธุ์ ได้ย้อนถามสื่อมวลชนกลับว่า มีใครแก้ปัญหาได้เร็วกว่าตนเองหรือไม่? และ 1 ปีที่ผ่านมา ตนก็มีผลงาน ก่อนที่สื่อมวลชนจะถามเช่นนี้ ต้องถามก่อนว่า มีใครทำได้เร็วกว่าตน? และกระบวนการต่าง ๆ ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนเอง ซึ่งถ้าทุกอย่างอยู่ภายใต้การดูแลของตนเองพรุ่งนี้ก็สามารถประกาศได้ ดังนั้น อยากให้เร็ว จะต้องแก้กฎหมาย แก้ระบบ และมีกฎหมายเข้าสภา

นายพีระพันธุ์ ยังยืนยันว่า ภายใต้การดูแลของตนเองทุกอย่างจะถูกลง ประชาชน และประเทศชาติ จะได้ประโยชน์มากขึ้น รวมถึงจะสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าให้ประชาชน 

นายพีระพันธุ์ ยังระบุอีกว่า วันก่อนมีสื่อมวลชนกล่าวถึงตนเองว่า ไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งตนเองไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ และสื่อมวลชนน่าจะฉลาดกว่านี้ 

ส่วนกังวลจะมีม็อบมากดดันเรื่องการแก้ไขปัญหาพลังงานหรือไม่นั้น นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะพรรคฯ ทำเพื่อประชาชนได้ประโยชน์

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (25 ธ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ พร้อมด้วย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังได้แถลงข่าวร่วมกันในการปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนในการลดค่าไฟฟ้า เนื่องจากที่ผ่านมา ทุก 4 เดือน จะต้องมีการปรับราคาค่าไฟฟ้าทุก ๆ 4 เดือน เพราะไฟฟ้าไทยยังต้องใช้เชื้อเพลิงมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ราคาจึงต้องขึ้นกับตลาดโลก และพบว่า การให้ประชาชนหลุดพ้นจากค่าไฟที่แพง จึงต้องสนับสนุนให้ประชาชนใช้พลังงานจากแสงแดด แต่การติดตั้งของประชาชนในประเทศยังยุ่งยากด้านกฎหมาย มีราคาแพง มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเกี่ยวพัน ใช้เวลานานในการดำเนินการขออนุญาต ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกระทรวงพลังงานดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งจะมีร่างกฎหมายสนับสนุนให้ประชาชนใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงแดด ที่ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน และพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยกร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จสิ้นแล้ว โดยประชาชนจะสามารถติดตั้ง “โซลาร์รูฟท็อป” ได้อย่างสะดวก เพื่อแค่ยื่นแจ้งเพื่อทราบ ไม่ต้องมีการขออนุญาตใด ๆ และให้ประชาชน ดำเนินการตามขั้นตอนที่กระทรวงฯ จะกำหนด และจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความถูกต้องภายหลัง จึงมั่นใจว่า ประชาชนจะสามารถใช้ราคาไฟฟ้าที่ถูกขึ้น และจะส่งผลให้สินค้าอื่น ๆ ถูกขึ้นด้วย เนื่องจาก ราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุน มีราคาถูกลง

รัสเซียเผยอีก 20 ชาติขอเข้ากลุ่ม กัมพูชา ลาว เมียนมา ขอร่วมวงด้วย

(25 ธ.ค. 67) ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า นอกเหนือจากประเทศพันธมิตรที่ได้รับการคัดเลือกก่อนหน้านี้ ยังมีอีกกว่า 20 ประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วมการหารืออย่างเป็นระบบกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่  

อูชาคอฟระบุว่า BRICS ยังคงเปิดกว้างสำหรับประเทศที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน โดยรายชื่อประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มอีก 20 ชาติ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน บังกลาเทศ บูร์กินาฟาโซ กัมพูชา ชาด โคลอมเบีย สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี ฮอนดูรัส ลาว คูเวต โมร็อกโก เมียนมา นิการากัว ปากีสถาน ปาเลสไตน์ เซเนกัล เซาท์ซูดาน ศรีลังกา ซีเรีย เวเนซุเอลา และซิมบับเว นอกจากนี้ เอริเทรียยังแสดงความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับ BRICS เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม อูชาคอฟเน้นย้ำว่า การขยายกลุ่มต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยกล่าวว่า “การขยายกลุ่มอย่างไร้การควบคุมอาจทำลายโครงสร้างที่มีอยู่ เราจึงต้องดำเนินการทีละขั้นตอนอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสอดคล้องกับแนวทางที่เราใช้มาตลอด”

‘สส. รทสช.’ ร่วมให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ ตอกย้ำหนักแน่น พร้อมขอเดินเคียงข้างพรรคเสมอ

กลมเกลียวเป็นหนึ่ง ‘อัครเดช’ เผย สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’ เดินหน้าทำสิ่งที่ถูกต้อง ย้ำหนักแน่นเคียงข้างพรรคเสมอ

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะโฆษกพรรค แถลงผลการประชุมประจำสัปดาห์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า ในวันนี้ทั้งผู้บริหารพรรค สส.พรรคได้เดินทางมาประชุมร่วมกันอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมใจกันให้กำลังใจนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ยึดมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป เนื่องจากเข้าใจดีว่า การทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ไปขัดขวางผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ย่อมทำให้เกิดกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์และผู้ไม่หวังดีที่พยายามปล่อยข่าวดิสเครดิต เพื่อหวังให้พรรคเสียหาย ซึ่งในที่ประชุมทั้งผู้บริหารพรรค สส. และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยืนยันตรงกันอีกครั้งว่า จะขออยู่เคียงข้างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และพร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นความหวังของพ่อแม่พี่น้องประชาชนและประเทศไทยต่อไป

ด้านนายพีระพันธุ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่า ขณะนี้พรรคได้คะแนนนิยมและเสียงตอบรับที่ดีขึ้นจากประชาชน เห็นได้จากยอดเงินบริจาคที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้สส. พรรคทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน และขอให้ทุกคนเดินเคียงข้างไปพร้อม ๆ กันกับตนเองและเลขาธิการพรรค เพื่อพัฒนาพรรคให้เติบโต แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไปให้เหมาะสมกับคำขวัญของพรรคที่ว่า “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”

ขณะเดียวกันในวันที่ 25 ธ.ค. 67 เวลา 11.00 น. จะมีการแถลงข่าวมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย นำโดยนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏ และสส. พรรค เกี่ยวกับการปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดได้ในราคาที่ถูกและเป็นธรรมด้วย

เมียนมาแจกวัคซีน 2 ล้านโดส รับมืออหิวาตกโรคระบาด

(25 ธ.ค. 67) กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคมว่า ได้แจกจ่ายวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดรับประทานให้ประชาชนแล้วกว่า 2 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา  

รายงานจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า การระบาดของอหิวาตกโรคในภูมิภาคย่างกุ้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมาต้องแจ้งสถานการณ์ต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) และเพิ่มความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาด  

กระบวนการแจกจ่ายวัคซีนเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน โดยกระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคอย่างใกล้ชิดในภูมิภาคและรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้ลุกลาม

‘สุชาติ’ ลั่นไม่ได้หายไปไหน ยังทำงานเพื่อประชาชนทุกวัน เดินหน้าผลักดันส่งออก หวังทำให้ FTA มีประโยชน์สูงสุด

รมช.พาณิชย์ ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ ยืนยันไม่ได้หายไปไหน ลุยทำงานพร้อมรอยยิ้ม เดินหน้าผลักดันส่งออก ชี้ต้องการทำให้ FTA มีประโยชน์สูงสุด

(24 ธ.ค.67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ตนทำงานในฐานะ รมช.พาณิชย์ อย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมาได้เดินหน้าทำงานต่อเนื่อง สร้างผลงานดันเจรจา FTA ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ FTA มีประโยชน์ต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชนสูงสุด โดยขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ยังคงเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง ทั้งช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ผลักดันการส่งออก ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มช่องทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ แต่ยังสามารถสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

อีกทั้งยังสานต่อนโยบายของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินหน้าเจรจา FTA และติดตามผลการประชุมอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการเจรจาความตกลงการค้าเสรี FTA และติดตามผลการประชุมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ไทย-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 2 ในการหารือและสรุปข้อบังคับทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกในด้านการค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเข้าและส่งออก การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้า ไทย-เซเนกัล เปิดประตูการค้าสำคัญในการเข้าสู่ตลาดแอฟริกาตะวันตก ผลักดันเจรจา FTA ต่อเพื่อสานสัมพันธ์การค้าการลงทุน ไทย-ตุรกี โดยการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี กลับเข้าสู่การเจรจาหลังจากหยุดชะงักลงตั้งแต่ปี 2565 และ เร่งผลักดัน ”BIMSTEC FTA“ ในเวทีระดับภูมิภาคร่วม 7 ประเทศ

นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ไทยมีความตกลง FTA ทวิภาคี กับประเทศสมาชิก ได้แก่ FTA ไทย-อินเดีย, อาเซียน-อินเดีย, FTA ไทย-ศรีลังกา (คาดว่าจะบังคับใช้ 1 ม.ค. 68) FTA ไทย-ภูฏาน (คาดว่าจะสรุปผลได้ภายในปี 68) ไทย-บังกลาเทศ (ลงนามแสดงเจตจำนงเริ่มเจรจา FTA ภายในปี 68) ทั้งนี้พร้อมที่จะสนับสนุนการเจรจาทบทวนการค้าสินค้าภายใต้อาเซียนอินเดีย FTA ให้มีการสรุปผลสำเร็จได้ภายในปี 2568 โดยตนได้เดินสายประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ เตรียมรับมือ เร่งใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างความรู้ความเข้าใจ การอำนวยความสะดวกในด้านการค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนำเข้าส่งออก พร้อมเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ

“ทำงานไปพร้อมกับรอยยิ้มทุกวัน ไม่ได้หายไปไหนครับ พี่น้องสื่อมวลชนอย่าเพิ่งลืมกันไปเสียก่อน มีอะไรก็ยกหูโทรฯ หามาได้ 24 ชม. ที่เงียบ ๆ ไปก็เพราะทำงานครับ ผมจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อไป เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยไม่ให้กระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการทำงานและการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์แต่อย่างใด” นายสุชาติ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top