Tuesday, 13 May 2025
Hard News Team

ตุรกียึด 'ลูกกอริลลา' กลางสนามบิน ต้นทางไนจีเรีย ปลายทางส่งมากรุงเทพฯ

(24 ธ.ค.67) กระทรวงการค้าของตุรกีเปิดเผยว่า การตรวจยึดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยลูกกอริลลาดังกล่าวถูกส่งเข้ามายังตุรกีผ่านเที่ยวบินจากไนจีเรีย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะตรวจสอบและพบลูกกอริลลาอยู่ภายในลังไม้ดังกล่าว  

ลูกกอริลลานี้เป็นสายพันธุ์กอริลลาตะวันตก (Gorilla) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตามอนุสัญญา CITES โดยการค้าระหว่างประเทศของสัตว์ชนิดนี้จะอนุญาตเฉพาะในกรณีจำเป็น เช่น การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น  

หลังจากการจับกุม ลูกกอริลลาได้ถูกส่งมอบให้กับหน่วยงานอุทยานแห่งชาติของตุรกี ขณะที่กระทรวงเกษตรตุรกีระบุว่า ขณะนี้ลูกกอริลลากำลังได้รับการฟื้นฟูและดูแล โดยสุขภาพของมันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด  

การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของทีมงานบังคับใช้กฎหมายศุลกากรในกระทรวงการค้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลักลอบขนส่งลูกกอริลลา รวมถึงผู้ที่เป็นปลายทางในกรุงเทพฯ  

มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (WFFT) ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนและเปิดโปงเครือข่ายที่ลักลอบค้าสัตว์ป่าครั้งนี้ พร้อมย้ำว่าในยุคปัจจุบัน ไม่ควรมีกรณีลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามประเทศแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วง ปี 68 สายสุขภาพ-อินฟลูฯ ทะยานอันดับหนึ่งสิ่งทอเสื้อผ้า-รถมือสอง ดาวร่วง

(23 ธ.ค.67) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้จัดอันดับธุรกิจดาวรุ่งและดาวร่วงสำหรับปี 2568 โดยอ้างอิงจากปัจจัยพื้นฐานที่คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2568 จะอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 3% จากการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 ที่อยู่ที่ 2.6-2.8% การท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น การส่งออกที่น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจหลายประเภท

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการคาดการณ์ 10 เทรนด์ธุรกิจปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจเกี่ยวกับ AI เช่น แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และระบบคลาวด์
- เมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือโลกเสมือน
- สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เช่น คริปโทเคอร์เรนซีและบิตคอยน์
- ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น โซลาร์รูฟท็อปและยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
- ธุรกิจสุขภาพ การกินดีอยู่ดี การแพทย์ และความงาม
- ธุรกิจ E-Commerce และบริการเดลิเวอรี่
- สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
- Remote Work หรือการทำงานจากระยะไกล
- Personalized Marketing หรือการตลาดแบบเจาะกลุ่มเฉพาะ
- ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

นายธนวรรธน์ยังกล่าวถึง 10 เทรนด์ธุรกิจแบบไทย ๆ สำหรับปี 2568 ที่ได้แรงบันดาลใจจากธีม 'ส.' ตามปีมะเส็ง ได้แก่: สะดวกสบาย, สะอาด, สิ่งแวดล้อม,  สมัยใหม่, สำราญบันเทิง, สร้างสรรค์, เสี่ยง, สะสม,  สโมสร-สร้างเครือข่าย, สวดมนต์-สามมู

สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งในปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจการแพทย์และความงาม, ธุรกิจคลาวด์เซอร์วิส (Cloud Service) และธุรกิจบริการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (Cybersecurity)
- Social Media และ Online Entertainment, Youtuber, Influencer และการรีวิวสินค้า
- ธุรกิจ E-Commerce, Soft Power (ซีรีส์ ภาพยนตร์), ธุรกิจโฆษณา และสื่อออนไลน์
- ธุรกิจ Event, คอนเสิร์ต, จัดแสดงสินค้า และธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ธุรกิจความเชื่อ สายมู, ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ และธุรกิจประกัน
- ธุรกิจบริการผ่านแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน ซ่อมแซมอุปกรณ์ และธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ

-  คลินิกกายภาพ, ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า, ธุรกิจรถยนต์ EV และธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง
- ธุรกิจการเงิน-ธนาคาร Fintech และการชำระเงินผ่านเทคโนโลยี, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม
- ธุรกิจโทรคมนาคม, โลจิสติกส์ Delivery คลังสินค้า, ทนายความ และ Street Food ตลาดนัดกลางคืน
- ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์), ธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจโรงพยาบาล-คลินิกเกี่ยวกับสัตว์

ส่วน 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงในปี 2568 ได้แก่:
- ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD และ VDO
- ธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
- ธุรกิจผลิต-จำหน่ายที่เก็บข้อมูล เช่น Thumb Drive
- บริการส่งหนังสือพิมพ์
- ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- ธุรกิจถ่ายเอกสาร
- การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมที่ไม่มีการดีไซน์ใหม่
- รถยนต์มือสอง
- ร้านขายเครื่องเล่นเกม
- ธุรกิจผลิตกระดาษและร้านโชห่วย

'ทักษิณ' ปราศรัยเดือด ไม่ทนพวกเห่าหอน ซัดมาซัดกลับ รับสมัครทนายอาสาช่วยฟ้อง

‘ทักษิณ’ อู้กำเมือง เลือก ‘สว. ก๊อง’ ขอคืน สส.เพื่อไทยทั้ง 10 เขต ไม่ทนพวกเห่าหอน ลั่นซัดมาซัดกลับ ประกาศรับสมัครทนายอาสาช่วยฟ้องที เหน็บพรรคประชาชน ขี้โม้ขี้อิจฉา พูดเก่งแต่ทำไม่ได้ บอกไม่ต้องเอาแล้ว "พระเอกเกาหลี" เอา "พ่อนางเอกหนังจีน" ไว้ใช้งานดีกว่า พร้อมซัดนักร้องเจ้าประจำบางคนเคยให้เงินแต่กลับมาแว้งกัด

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ (23 ธ.ค. 67) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดยทันทีที่นายทักษิณมาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

นายทักษิณ เปิดเวทีด้วยการอู้กำเมืองทักทายประชาชนว่า ตนไปอยู่เมืองนอกมา 17 ปี ยังอู้เมืองคล่องอยู่ มาจ.เชียงใหม่ก็รู้สึกหัวใจพองโต วันนี้ตนมาหาเสียงช่วยนายพิชัย และจะมาเยี่ยมพี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ทั่ว ตนจากบ้านไปหลายปีคิดถึงมาก คิดถึงเชียงใหม่ช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องทำมาหากินอย่างสบาย มีเงิน แต่วันนี้ จ.เชียงใหม่ไม่สวยเหมือนเดิม งบประมาณเข้าไม่ถึง ตนกลับมาแล้ว ขอให้เอาความงามกลับคืน จ.เชียงใหม่ เอาสตางค์กลับมาคืนใส่กระเป๋าพี่น้องชาวเชียงใหม่ ทำให้หนี้เบาบางลง เอายาเสพติดให้หายไป

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเสียดายเวลา แต่ไม่ใช่เสียดายเวลาของตนแต่เสียดายเวลาของพี่น้องคนไทยทุกคน ครั้งที่ผ่านตอนนายพิชัยลงเลือกตั้ง ตนเขียนจดหมายน้อยมาฉบับหนึ่ง พี่น้องชาวเชียงใหม่ก็เทคะแนนให้ 4 แสน จึงชนะ แต่วันนี้ตนมาเอง มาตัวเป็นๆ บางคนจับตัวตน แล้วถามว่าอันนี้ตัวจริงหรือไม่ เมื่อมาเองก็ขอคะแนน

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า คู่แข่งของนายพิชัยคือพรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งเขาโม้ไว้ว่า เขามีสส. 7 คน ถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาด ขอพี่น้องคืนสส.ให้ตน พรรคปชน.เป็นพรรคที่พูดเก่ง คนรุ่นใหม่เขาพูดเก่งทุกคน แต่ยะบ่จ่าง และยังบ่ได้ยะ วันนี้พรรค พท.ยังไงก็ได้ทำ เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีทุกคนก็นึกถึงแต่พรรค พท. ที่ทำให้พี่น้องได้อยู่สุขสบาย หากใครได้อ่านจากสื่อมวลชนจะเห็นว่าเขาตั้งฉายาให้รัฐบาลว่าเป็นรัฐบาลพ่อเลี้ยง สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลคนเมือง เลยใช้คำว่าพ่อเลี้ยง เห็นว่าคนเชียงใหม่เป็นพ่อเลี้ยงหมด จริงๆ แล้วตนไม่ใช่พ่อเลี้ยง แต่ลูกอาจจะเลี้ยง เพราะตนมีเงินเดือนแค่ 700 บาท แต่ลูกเป็นนายกรัฐมนตรีมีเงินเดือนเป็น 100,000 บาท

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า มีใครเคยเห็นนายกรัฐมนตรีพูดเรื่องบ้านเพื่อคนไทยหรือไม่ คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคนที่เรียนจบมาบางคนก็ไม่มีงานทำ หรือมีงานทำก็ไม่มีปัญญาซื้อบ้าน จึงอยากทำให้ความฝันของคนไทยเป็นจริง มีเงินแค่ 10,000-20,000 บาท ก็จะสามารถซื้อบ้านได้ ไม่ต้องไปเสียเงินดาวน์ ผ่อนแค่เดือนละประมาณ 4,000 บาท แต่มีบ้านอย่างดีอยู่ อยากให้คนไทยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างไม่ลำบาก

“พรรคประชาชนเขาเน้นเรื่องความเท่าเทียม ความเท่าเทียมในสายตาของพรรคประชาชนเป็นความเท่าเทียมทางสถานะ แต่ความเท่าเทียมของพรรค เพื่อไทยเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส วันนี้ยากดีมีจนเกิดที่ไหนก็ควรมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา เข้าถึงอาชีพ หรือการเงินเหมือนกัน ดังนั้น จึงพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างเพื่อให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินแหล่งทองได้” นายทักษิณ

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นายพิชัยตอนเป็นนายก อบจ.ใหม่ๆ ก็เมาหมัด แต่ช่วงหลังก็ขยันหมั่นเพียรมากขึ้นดูได้จากผลงาน ตอนน้ำท่วมที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ และเคยไปขอที่ดินตรงข้ามสถานีรถไฟ ที่มองว่าจะนำมาสร้างสวนเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้พี่น้องประชาชน ตนจึงบอกว่าทำไมถึงไม่ทำบ้านเพื่อคนไทยด้วย จะได้เห็นวิวสวยงาม หาใครยังไม่มีบ้าน ก็จะได้มี รวมถึงเรื่องถนนเลียบทางรถไฟไป จ.ลำพูนที่ยังเหลืออีก 11 กิโลเมตร สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้เริ่มทำไปแล้ว แต่ก็ยังทำไม่เสร็จ นายพิชัยก็ไปขอน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะมาทำต่อ และจะได้ไปจ.ลำพูนโดยที่รถไม่ติด

“เป็นห่วงพี่น้องวันนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพราะเป็นการบริหารการเงินที่ผิดพลาดมา 10 กว่าปีแล้ว เพราะเป็นการเอาเงินออกจากระบบ ธนาคารมีความพยายามที่จะปล่อยกู้ คนตัวเล็กตัวน้อยตายหมด รัฐบาลจึงพยายามที่จะเอาเงินมาเข้าระบบเพื่อให้คนไทยได้ไปต่อ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนกำลังปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีว่าเงินที่เราหาได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ พอหาได้ก็ไปซื้อของกิน เงินก็เข้ากรุงเทพฯ หมด ต่อไปตนจึงจะพยายามว่าทำให้เงินเหล่านี้มาอยู่เชียงใหมม่มากขึ้นเพื่อที่เศรษฐกิจจะได้เดิน ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นเหมือนปลาที่ไหว้น้ำในบ่อ ที่เขาดูดน้ำออกทุกวัน ปลาจะไหว้ไม่ค่อยได้ ก็จะตาย ฉะนั้น ต้องเอาน้ำเข้ามาเติมใหม่โดยด่วนจึงจะช่วยพี่น้องได้

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนไปอุดรธานีมา ตนก็บอกว่าคนอุดรฯ เคยให้ สส.ตน 10 คนแล้วหายไปไหน 2 คน ขอคืนได้หรือไม่ เขาก็คืนให้ โดยเขาจะคืนนายกอบจ.ให้ เช่นเดียวกับที่อุบลราชธานี วันนี้ที่เชียงใหม่เป็นภารกิจพิเศษ พี่น้องอย่าลืมตน ตนกลับมาแล้ว อย่างไร ตนก็รักบ้านเมือง ตนนี้ตนกลับมาแล้ว อย่างน้อยต้องทำให้เชียงใหม่ดีเท่ากับตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือดีกว่า

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องไปใช้ใคร ให้ใช้ทักษิณ กับลูกทักษิณ เขตไหนที่เลือกพรรคก้าวไกลที่ตอนนี้เป็นพรรคปชน. ครั้งหน้าขอให้เลือกพรรค พท. คืนสส.ให้ตน เนื่องจากในสภาฯ หากพรรคไม่ใหญ่ ก็เกิดการต่อรองนั่นนี่ บ้านเมืองก็จะไปยาก ดังนั้น ถึงเวลาที่พี่น้องประชาชนต้องคิดว่าจะให้ใคร และเทไปเลย บ้านเมืองจึงจะไปได้เร็วเหมือนตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เลือกได้ 300 กว่าเสียง ก็สามารถทำนั่นนี่ได้ไว และจะสามารถทำให้ประเทศไทยมีความสุข อย่าไปขี้ขอย(ขี้อิจฉา)

“การเมืองต้องเป็นปึกแผ่น ต้องเข้มแข็ง ดังนั้นคะแนนพี่น้องอย่าไปขี้เหนียว แบ่งนั้นนิดแบ่งนี่หน่อย ขอให้เอามาให้พรรคเพื่อไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าทำไม่ได้ ให้มันรู้ไป ตนกลับมาแล้วยังไงก็เป็นรัฐบาล แต่อยากเป็นรัฐบาลที่เสียงมันเข้มแข็ง จะได้ทำงานหนักๆ ดังนั้น ต้องเริ่มจากท้องถิ่นคือ อบจ.เพราะเป็นการรับลูกจากรัฐบาลกลาง” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนกำลังคิดพัฒนาคนและสินค้าในแต่ละจังหวัด และต้องมีตัวแทนทำ บางจังหวัดผู้ว่าฯ ก็เต็มใจทำ แต่บางจังหวัดผู้ว่าฯ เหลืออีก 1 ปีจะเกษียณ ก็รู้สึกว่าตนเองขี้เกียจทำ ดังนั้นจึงต้องมาเอานายก อบจ.ของเรา

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สินค้าที่เค้าขายใน TikTok ขายดิบขายดี แต่สินค้าบ้านเราไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ การพัฒนาคนก็เหมือนกัน จะเอาคนมาฝึกเพื่อให้เงินเดือนดีขึ้น และเชื่อว่าหลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้อาจจะมีหัวศิลปะ หัวคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีโอกาส ต้องไปทำนาทำไร ซึ่งทำได้แต่ก็รู้สึกเสียดาย ซึ่งคนมีหัวต้องได้รับการพัฒนา ที่เราเรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ ตนจะใช้อบจ.และจังหวัดเป็นแกนกลาง และต้องทำให้คนแข็งแรง และเอาของที่ผลิตในพื้นที่ขายได้ผ่านโซเชียลของเขา

“ดังนั้น ขอพี่น้องประชาชนเลือกนายกก๊องกลับมาอีกครั้ง แล้วผมจะใช้งานให้เต็มที่ ผมมีตำแหน่งอยู่ 3 ตำแหน่ง คือ ส.ท.ร. หรืออดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งที่สองเป็นผู้เฒ่า ตำแหน่งที่สามเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ครอบงำ เพราะลูกสาวคนเล็กบอกว่าพ่อต้องฟัง อยากขอพี่น้องชาวเชียงใหม่ ว่าไม่ต้องใช้ใครไกล เห็นหน้ามากี่ครั้งก็จำกันได้ ขอให้ใช้ทักษิณและลูกทักษิณก็พอ บางคนบอกคนเชียงใหม่ชอบพระเอกหนังเกาหลี แต่ผมว่าสู้พ่อนางเอกหนังจีนไม่ได้ คนอุดร คนอุบล ผมไป เขาก็ให้คะแนนกลับมาเต็มที่ คนเชียงใหม่อย่าให้น้อยหน้าเขานะ เอาหนักๆ สัก 6 แสนเสียงก็พอ หากนายพิชัยชนะ ทุกพื้นที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เพื่อที่ครั้งหน้าเราจะเอาสส.คืนมาเป็น 10 เขต ดังนั้น พี่น้องชาวเชียงใหม่ขอคืนด้วย” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนเป็นคนแก่อายุ 75 ปีแล้ว อีกหกเดือนก็จะอายุ 76 ปี แก่มากแล้ว จะให้มาฟังคนแก่ปราศรัย ก็ไม่คึกคักเหมือนสมัยหนุ่มๆ จะไปท้าตีท้าต่อยเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนเขาแรงมา เราแรงกลับ ตอนนี้ตนใจเย็นมา ขอพี่น้องอย่าไปฟังเสียงเขา พวกขาประจำตน เจอทีไรก็หาเรื่องมาสร้างนิยายน้ำเน่าตลอด ต่อไปนี้ตนจึงบอกว่าใครที่เล่นงานตน ตนจะเล่นงานกลับ ไม่ละไว้ บางคนบอกว่าชั่งมันเถอะ อย่าไปให้ราคา อย่าไปเล่นงานมันคืน

“ฮาบ่ละมันไว้เป๋นป้อ แม้ฮาจะแก่แล้ว คิงซัดฮามา ฮาซัดคิงไป คิดเล่นๆ สื่อไม่ต้องเอาไปเขียน ผมจะขออาสาสมัครทนายความ หากใครเก่งก็ขอให้มาช่วยฟ้อง แต่ก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ บางคนเราก็รู้พื้นเพกันอยู่ มันมาเห่าอยู่นั่น เพราะบางคนไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนผมเคยให้เงิน และพ่อเคยสอนผมว่าวันนี้เราเลี้ยงข้าวมันมื้อเดียว มันอิ่ม มันก็ขอบคุณเรา แต่มื้อหน้า มันหิว มันหาคนเลี้ยงข้าวใหม่ ถ้าเราไม่เลี้ยงมัน มันก็ขบเรา แล้วเราต้องเลี้ยงมันทุกวันเลยหรือ ลูกเราโตแล้วยังหากินเองได้ แต่บางคนแก่จนจะลงโลงแล้วยังไม่รู้จักหากินเอง เห็นแล้วรำคาญมาก” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า บางคนคิดว่าหาเรื่องวุ่นวายมา เขาบอกว่าทหารก็จะออก แต่ตอนนี้หมดยุคแล้ว ทหารรู้ดีว่าบ้านเมืองเสียหาย ต้องว่าไปตามกลไกรัฐบาล ไปตามกลไกอำนาจ ใครทำผิดกฎหมายก็ว่าไปตามนั้น เราไม่ได้หาเรื่องใคร หากใครหาเรื่องเรา ก็ไม่รู้ว่าจะปล่อยไว้ทำไม ต่างประเทศเขาไม่เข้าใจ เขาไปมองว่าเมื่อมีคนร้องแล้วรัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพ แล้วเขาก็ไม่กล้ามาลงทุน ทำให้ประเทศเราหยุดชะงัก แต่วันนี้องค์กรอิสระเขายึดหลักบ้านเมืองแล้ว เขาไม่ยึดหลักแบบเก่า

“ดังนั้น พี่น้องต้องเลือกหลักบ้านเมือง คือเลือกไปใช้งาน ไม่ใช่เอามาแต่พูด วันนี้ผมมาขอเอง ไม่ได้เขียนจดหมายมา ขอให้เลือกนายกก๊อง และส.อบจ.ไปทำงานกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อให้งบประมาณถึงมือพี่น้องประชาชนโดยตรง ผมมาขอเอง อ้อนวอนขอหลายครั้งแล้ว ให้ได้หรือไม่ หากหมดฤดูกาล อบจ.แล้ว ผมจะมาเชียงใหม่บ่อยๆ แล้วตอนนี้เขาจะเอาแพนด้ากลับคืนมาให้เรา เอาหรือไม่ และขอให้เร่งทำอยู่ ซึ่งประเทศจีนลดเงื่อนไขทุกอย่างเพื่อที่จะให้หมีแพนด้ากลับมาอยู่เชียงใหม่โดยเร็ว” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันที่ 26 ธันวาคมนี้ ตนจะได้ไปเจอกับเพื่อนตน ที่ตั้งให้ตนเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน เพื่อจะได้นั่งคุยกันว่าจะวางยุทธศาสตร์รวมของอาเซียนอย่างไร เพราะอาเซียนประกอบไปด้วย 10 ประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศต่างคนต่างอยู่ แต่จริงๆ รวมพลังกันอยู่แล้ว และต้องมีแผนยุทธศาสตร์ จึงขอให้ตนช่วย และตนคิดว่าเป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจใหญ่ลำดับสองของอาเซียน ดังนั้น คิดว่าจะอาสาไปช่วยกันคิดเพื่ออาเซียน เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนกลับมาแล้ว แต่ก็ยังเห็นพี่น้องประชาชนลำบากอยู่ ดังนั้น ต้องใช้ตนหนักๆ และต้องเลือกตัวแทนของตน ตอนนี้ยังไม่ได้เลือก สส. ขอนายกอบจ.ก่อน และให้ไปขอเพื่อนด้วยบอกว่าทักษิณมาขอเอง เพราะขี้เกียจเอาปี๊บคุมหัว ฉะนั้นคนเชียงใหม่ต้องสู้ให้เต็มที่ นายทักษิณ มาขอเอง

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภาประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เดินทางไปราชการเพื่อประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บริหาร และผู้แทนของหน่วยงานในกำกับของกระทรวง

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.67) เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา โดยนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการ และคณะ เข้าร่วมประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

ซึ่งได้หารือและให้ความคิดเห็นในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Protection) การศึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการกับข่าวปลอมและเนื้อหาอันตราย ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่ควรเร่งดำเนินการแก้ไข

ทั้งนี้ การประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกันในครั้งนี้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง ข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชนและส่งเสริมความก้าวหน้าของประเทศไทยในยุคดิจิทัลต่อไป

การรถไฟฯ เดินหน้าทวงคืนที่ดิน ‘เขากระโดง’ ยันทวงคืนตามสิทธิ์ไม่ใช่การก้าวล่วงประชาชน

(23 ธ.ค.67) การรถไฟฯ ยืนยันถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน 'เขากระโดง' ย้ำมีเอกสาร – ข้อมูล และคำตัดสินของศาลเป็นที่สิ้นสุด ระบุพร้อมเดินหน้าดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ที่ดินกลับมาเป็นของ รฟท. นำมาสู่การรักษาสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชน

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงการณ์เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง จากกรณีที่มีผู้มาพาดพิง ตามที่มีการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ได้นำอธิบดีกรมที่ดิน รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และข้าราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ พบกับราษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อยืนยันสิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎร และกล่าวพาดพิงถึง รฟท. ในทำนองว่า รฟท. จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชนนั้น

ทั้งนี้ รฟท. เห็นว่า การดำเนินการข้างต้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชนต่อการดำเนินการของ รฟท. เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ดังนั้นจึงขอชี้แจงว่า รฟท. เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดินของ รฟท. จึงเป็นที่ดินของรัฐและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่ง รฟท. มีวัตถุประสงค์เพื่อรับโอนกิจการของกรมรถไฟ ดังนั้นบรรดาที่ดินและทรัพย์สินที่เคยเป็นของกรมรถไฟจึงโอนมาเป็นของ รฟท.

อย่างไรก็ดี รฟท. มีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และติดตามเอาที่ดินของ รฟท. ที่มีการยึดถือครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลับคืนมาเป็นของ รฟท. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การดำเนินการของ รฟท. เพื่อทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ที่ดินบริเวณเขากระโดงได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาล และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินประมาณ 5,000 ไร่เศษ บริเวณ ตำบลอิสาณ และ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิของ รฟท.

พร้อมกันนี้ศาลปกครองได้วินิจฉัยโดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองเรื่องข้างต้นแล้วสรุปว่าที่ดินบริเวณพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังระบุด้วยว่า กรมที่ดินมีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการรถไฟฯ ไม่จำต้องไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาทุกแปลง

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นการออกโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้ง ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า เหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของการรถไฟฯ ที่ครบถ้วน และที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินพิจารณานั้น ขอชี้แจงว่า รฟท. ยื่นเอกสารซึ่งแสดงถึงการได้มาของที่ดินรถไฟ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กับคณะกรรมการสอบสวนทั้งหมด และเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมด้วย

ทั้งนี้ปัญหาการออกเอกสารทับซ้อนที่ดินของ รฟท. นั้น หน่วยงานที่เป็นผู้ออกเอกสารสิทธิในที่ดิน คือ กรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินที่จะต้องแก้ไขหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยการดำเนินการตามขั้นตอนในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทั้งหมด

พร้อมขอยืนยันว่า สิทธิในความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง อันเป็นที่ดินของรัฐ โดยจะดำเนินการทุกอย่างภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นที่ดินของ รฟท. เพื่อสงวนไว้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นไปเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนทุกคนต่อไป

โดยการแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่เรื่องยาก หากกรมที่ดินซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินได้ร่วมมือกับ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีฝ่ายใดนำเอาปัญหาที่ดินเขากระโดงไปเชื่อมโยงเพื่อเป็นประเด็นการเมือง เพียงหวังเรื่องคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะจะทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก

‘จิรัฏฐ์’ แจงแทน ‘ธิษะณา’ ยันสูบบุหรี่อยู่ในโซนอนุญาต แต่ข้องใจ สส.ที่แอบถ่ายทำเพื่ออะไร ท้าสู้กันแฟร์ ๆ ในสภา

‘จิรัฏฐ์’ เห็นใจ ‘แก้วตา - ธิษะณา’ เพื่อนร่วมพรรค ร่ายยาวเป็นชุด ยังไม่เห็นผิดยังไง ปมสูบบุหรี่ไฟฟ้าในโซนอนุญาต เชื่อคนถ่ายเป็น สส.แน่ แต่ทำไปทำไม ท้าสู้แฟร์ ๆ ในสภา อย่ามาชกใต้เข็มขัด 

(23 ธ.ค.67) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน โพสต์ข้อความบน X ถึงกรณีข่าววิจารณ์ นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคประชาชน ที่ปรากฏภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ว่า ภาพคุณแก้วตาผมก็ไม่กล้าบอกว่าไม่ผิด แต่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผิดยังไง พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ครับ เข้ามาตรงนี้ได้เฉพาะ สส. เค้าก็มีที่เขี่ยบุหรี่ให้พร้อมทุกโต๊ะ สส.ทุกพรรคก็มาสูบกันบริเวณนี้ (มีทั้งบุหรี่จริง-ไฟฟ้า)

แน่นอนว่าคนแอบถ่ายเป็น สส.ซึ่งก็กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ด้วยตอนที่แอบถ่าย ผมก็โดน สส.ชายกลุ่มนี้ถ่ายไปลงเพจโกหกอะไรเป็นประจำ ไม่รู้ทำไปทำไม น่าจะสู้กันแฟร์ๆ ในสภา ไม่ใช่มา 'ชกใต้เข็มขัด' กันแบบนี้ บุหรี่ไฟฟ้าห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย ถามว่าคนสูบผิดมั้ยกฎหมายก็ไม่ชัด อย่างมากตอนนี้คือเจ้าหน้าที่ยึดได้แล้วไปเอาผิดคนขาย ซึ่งช่องโหว่ของกฎหมายตรงนี้ กมธ.กำลังแก้กฎหมายกันอยู่ ต่อไปก็จะชัดเจนขึ้น

การสูบบุหรี่ไม่ได้ผิดอะไร (ถ้าไม่ได้ไปสูบในที่สาธารณะ) แต่ก็ไม่ควร ตามค่านิยมแบบบ้านเรา ซึ่ง ควร ไม่ควร นั้นนานาจิตตัง บางคนบอก “ไม่ควร” บางคนบอก “ก็เรื่องของเค้า”

งานนี้ผมว่าคุณแก้วตาก็รู้สึกผิด และพร้อมขอโทษอยู่แล้วแหละ แต่ประเด็นคือ จะขอโทษยังไง ขอโทษเรื่องอะไร

ถ้าจะบอกว่า ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว คือจะไม่ทำอะไร จะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว จะไม่สูบให้คนเห็นอีกแล้ว หรือยังไงดี สำหรับผมเป็นเรื่องที่ยากและน่าเห็นใจเหมือนกัน แต่ก็ปฏิเสธความเป็นผู้แทนที่ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชนไม่ได้ ยังไงก็ต้องมีแอ๊กชั่นอะไรซักอย่าง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นผู้แทน ไม่ไช่เพียงหน้าที่อย่างเดียว แต่เป็นความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชนที่เลือกเรามาด้วย จะทำงานหนักอย่างเดียวไม่สนการครองตนไม่ได้ แต่ก็แอบเห็นใจและเข้าใจคุณแก้วตาเหมือนกัน

แต่ไอพวกชอบชกใต้เข็มขัดนี่ก็นะ คิดจะเพิ่มคะแนนตัวเองด้วยการทำลายคู่แข่งด้วยวิธีแบบนี้ ไม่น่ารักเล้ยจริง ๆ

กัมพูชาเตือนภัย! มีผู้ป่วยโรคหัดแล้ว 375 ราย พบระบาดหนักตามแนวชายแดน

(23 ธ.ค.67) กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา (MOH) ออกคำเตือนเมื่อวันเสาร์ (21 ธ.ค.) เกี่ยวกับการระบาดเพิ่มของโรคหัด หลังพบผู้ป่วยโรคหัดอย่างน้อย 375 รายในปี 2024

กระทรวงฯ ระบุในแถลงการณ์ว่าโรคหัดเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วผ่านทางระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอหรือจาม พร้อมเสริมว่าโรคนี้สามารถก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง เช่น ตาบอด สร้างความเสียหายต่อสมอง หรือกระทั่งเสียชีวิต โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ

กระทรวงฯ พบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงเรียนและจังหวัดตามแนวชายแดนบางแห่ง โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคมปีนี้ กัมพูชายืนยันจำนวนผู้ป่วยโรคหัดใน 17 จังหวัด รวม 375 ราย

แถลงการณ์ระบุว่าอาการของโรคหัดมักปรากฏหลังจากได้รับเชื้อไวรัส 10-14 วัน ได้แก่มีไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล ตาแดงและมีน้ำตา และมีจุดผื่นขาวขนาดเล็กที่กระพุ้งแก้ม ผู้ป่วยโรคนี้มักมีผื่นแดงปรากฏตามร่างกายในช่วง 7-18 วันหลังรับเชื้อ โดยเริ่มจากใบหน้าและลำคอส่วนบน จากนั้นลามไปยังมือและเท้า พร้อมเตือนให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานที่มีอาการไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล และมีผื่นแดง ไปพบแพทย์ที่ศูนย์สุขภาพหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน

กระทรวงฯ ยังเรียกร้องให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานที่มีอายุ 9-59 เดือนไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันฟรีที่ศูนย์สุขภาพทุกแห่งเพื่อป้องกันการระบาดของโรค

อนึ่ง กัมพูชาเคยประกาศว่าตนเป็นประเทศปลอดโรคหัดเมื่อเดือนมีนาคม 2015 แต่กลับมาพบผู้ป่วยโรคหัดรายแรกอีกครั้งใน 7 เดือนต่อมา

สุราษฎร์ธานี-เปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีวันแรกคึกคัก มีผู้สมัครร่วมชิงชัยทั้งอดีตนายก อบจ.คนล่าสุด อดีต สส. และอดีตข้าราชการชื่อดัง 

(23 ธ.ค.67 ) เวลา 08.00 น. ที่ศูนย์กลางการประชุมภาคใต้ตอนบน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เปิดรับสมัครการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นวันแรก  ซึ่งวันนี้ทั้งในส่วนของนายก อบจ. และ ส.อบจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกองเชียร์ต่างเดินทางมาส่งกำลังให้ผู้สมัครของตนอย่างคึกคัก โดยมีผู้สมัครนายก อบจ. เดินทางเข้ามาสมัครเป็นจำนวน 5 คน  ประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายก อบจ.คนล่าสุด ลงในนามกลุ่มคนรักสุราษฎร์ , นางโสภา กาญจนะ อดีต สส. สุราษฎร์ธานี กลุ่มพลังสุราษฎร์ , นายวิเชียร จันทร์บัว กลุ่มสุราษฎร์ก้าวใหม่ , นายแพทย์ จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในนามพรรคประชาชน และนายสมพล สิงหพล อดีตผู้สมัคร สส. เขต 4 สุราษฎร์ธานี ทีมสุราษฎร์ยุคใหม่ ซึ่งแต่ละคนมายื่นใบสมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ขณะที่การรับสมัคร ส.อบจ. จำนวน 19 รวม 36 เขต ต่างมีผู้สมัครแต่ละเขตเข้ามายื่นใบสมัครเช่นเดียวกัน

โดยนายฉัตรชนัย โนต๊ะยศ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งได้นำผู้สมัครนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดไปแสดงตนและยื่นใบสมัคร จากนั้นมีการรับสมัครตามขั้นตอนและให้ผู้สมัครจับฉลากหมายเลขเพื่อใช้ในการหาเสียงต่อไป  

โดยแต่ละคนได้ลำดับหมายเลขดังนี้  
หมายเลข 1 ได้แก่ นายสมพล สิงหพล 
หมายเลข 2 ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว 
หมายเลข3 ได้แก่ นายวิเชียร จันทร์บัว 
หมายเลข 4 คือ นางโสภา กาญจนะ 
และหมายเลข5 คือ นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์
หมายเลข 6 นายกฤษณ์ บุญประสพ

ซึ่งปรากฏว่าทุกคนต่างพอใจในหมายเลขของตนเองและพร้อมเดินหน้าลงพื้นที่หาคะแนนเสียงต่อไป

‘ทักษิณ‘ ลั่น ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ ‘อนุทิน’ ชี้ ลิ้นกับฟัน กัดโดนกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

‘ทักษิณ‘ บอก ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ ’อนุทิน‘ หลังปรากฏภาพตีกอล์ฟสยบรอยร้าว ชี้ เรื่องธรรมดาลิ้นกับฟันจะกัดโดนกันบ้าง ลั่น หลังจากนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ‘อิ๊งค์-เสี่ยหนู’ ทำงานร่วมกันได้

(23 ธ.ค.67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฎภาพตีกอล์ฟร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า สนุกดี แต่ตนตีไม่ค่อยดี ก็จะตีโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง 

เมื่อถามว่า เป็นการสยบคำว่าอีแอบหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จริง ๆ นายสารัชถ์เป็นคนเชิญไป ไม่มีนักการเมือง แต่นายอนุทินเป็นเพื่อนนายสารัชถ์ มา 20 ปี จึงชวนนายอนุทินไปในฐานะเพื่อน นายอนุทินจึงได้ไป ปรากฏว่าไม่มีนักการเมือง แต่มีประเด็นการเมืองเยอะ เพราะเมื่อมีการส่งรูปออกไปก็มีสื่อนำไปตีเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไร 

เมื่อถามว่า นายสารัชถ์ เป็นคนกลางสมชื่อเลยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่รู้ เขาซ้ายขวาหรือไม่” 

เมื่อถามว่า เคลียร์ใจกับนายอนุทินอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ กติกาง่ายนิดเดียว คนเราเมื่ออยู่ร่วมกัน ก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน จบ 

ถามย้ำว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการตีความว่า ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย อาจจะมีเรื่องที่ไม่ลงรอยกันหลายเรื่อง นายทักษิณ กล่าวว่า เท่าที่ดูไม่น่ามีอะไรมาก เป็นเรื่องธรรมดา ลิ้นกับฟันบางครั้งก็กัดโดนกันบ้างเป็นธรรมดา ส่วนที่ร้องเพลงคนไม่สำคัญนั้น เป็นเพลงเก่งของตน ร้องมานานแล้ว นึกเพลงใหม่ๆ ไม่ออก มีแต่เพลงเก่าๆ คนโบราณ

เมื่อถามว่า เคลียร์กันแล้ว หลังจากนี้รัฐบาลไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกันแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร เพราะนายอนุทินกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ทำงานด้วยกันได้

‘รองนายกฯ ประเสริฐ - รมต. จิราพร' ย้ำที่ประชุม ‘กปช.’ เร่งขับเคลื่อนงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เน้นนำเสนอนโยบายที่เห็นผล-เข้าถึงประชาชน ชู ‘ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ผลงานสำคัญของรัฐบาล

(23 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กปช. และคณะกรรมการ กปช. เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานสำคัญประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้การกำกับของ คณะ กปช. พร้อมทั้งพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568       

นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนสนับสนุนและผลักดันให้แผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 ฉบับนี้ ให้บรรลุเป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานประจำปีนำเสนอต่อ ครม. อีกทั้งเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายระยะยาวเชิงโครงสร้างและนโยบายสำคัญในปี 2568 ผ่านการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง  ซึ่งนโยบายต่างๆเหล่านี้จะขับเคลื่อนไปสู่ประชาชนโดยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ จากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุม กปช. ได้เน้นย้ำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้แก่ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ โดยขอความร่วมมือคณะกรรมการฯ และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน การทำงาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาภัยออนไลน์ และผลักดันการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์อย่างแท้จริงไปด้วยกันทุกภาคส่วนงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้นำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่มีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรายงานการเตรียมความพร้อมสำหรับอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่จะมาถึงด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top