Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

'อลงกรณ์' นำทีมชลประทานลอกคลองป้องกันน้ำท่วมเพชรบุรีล่วงหน้า พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง6อำเภอ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และคณะประกอบด้วยนายพิเชษฐ์ จันทร์เต็มดวง อาสาสมัครชลประทาน(อสชป.) นายศราวุฒิ พุ่มจิตร และนายลือชัย พลายเผือก อดีตกำนันตำบลนาพันสาม ทีมงานเพชรบุรีโมเดลลงพื้นที่ตำบลนาพันสาม อำเภอเมืองเพชรบุรีติดตามความคืบหน้าการลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในคลอง D18เพื่อช่วยเหลือจังหวัดเพชรบุรีในการป้องกันน้ำท่วมล่วงหน้าโดยมี นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่14 นายบุญลือ คงชอบ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายอำนาจ ถี่ถ้วน ผู้อำนวยการส่วนเครื่องจักกล สำนักงานชลประทานที่14 นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำในคลองสายหลักของชลประทานและท้องถิ่นตามข้อเสนอของอดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ได้แก่ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ดร.กัมพล สุภาแพ่งและนายอรรถพร พลบุตร

นอกจากนี้ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและคณะยังได้รับคำแนะนำจากพระครูพิศาลวัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดนาพรม ในการลงพื้นที่ตำบลนาพันสามอีกด้วย

จากนั้นจึงเดินทางไปดูความคืบหน้าการพัฒนาคลอง ดี.18 ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างและการขุดลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาดโดยมีนายสุทธิพงษ์ พรหมมาตร์ นายกฯ. และคณะผู้บริหารอบต.ไร่มะขามรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่1ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณแทนพี่น้องชาวเพชรบุรีที่หน่วยงานชลประทานทำงานได้อย่างคืบหน้ามีประสิทธิภาพในพื้นที่คลองดี.18เช่นเดียวกับการดำเนินการที่คลองดี.25ในพื้นที่ตำบลบางจาน อำเภอเมืองและตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลมซึ่งตนลงไปตรวจราชการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน3วัน เหลือเพียงส่วนการกำจัดผักตบชวาบริเวณต้นคลองดี.25ซึ่งมีขนาดเล็กและแคบในพื้นที่ตำบลช่องสะแกนั้นทางท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

อดีตศาลรธน. วิเคราะห์วาระ 8 ปีนายกฯ ชี้ชัดบทเฉพาะกาล ม.264 ดึงมาตีความไม่ได้

อดีตศาล รธน. วิเคราะห์วาระ 8 ปี ‘บิ๊กตู่’ ดึง ม.264 มาตีความไม่ได้ เหตุเป็นบทเฉพาะกาล-ข้อยกเว้น ชี้ต้องเริ่มนับจากปี’62 

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รายหนึ่ง แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางในการตีความวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ตามหลักกฎหมายทั่วไป บทเฉพาะกาลถือเป็นข้อยกเว้นจากหลักเกณฑ์ทั่วไป ซึ่งในกรณีมาตรา 264 ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 ก็เช่นกัน เป็นข้อยกเว้นที่เขียนให้รัฐบาลที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญบังคับใช้เป็นรัฐบาลโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อให้ไม่มีรอยแหว่ง ให้มีความต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้นจะหาว่ารัฐบาลที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นรัฐบาลเถื่อน แต่งตั้งใครไปก็เป็นโมฆะ ใช้เงินก็เป็นโมฆะ ดังนั้นจึงต้องมีข้อยกเว้นเป็นบทเฉพาะกาลดังกล่าวไว้ เหมือนกับกฎหมายทุกฉบับ

“เมื่อบทเฉพาะกาลถือเป็นข้อยกเว้น ก็มีหลักว่าข้อยกเว้นจะต้องตีความโดยเคร่งครัด ซึ่งมาตรา 264 ก็ตีความเฉพาะว่ารัฐบาลมีความต่อเนื่องตีความแค่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง จะเอาเรื่องนี้ไปใช้ด้วยไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทีหลัง ทั้งนี้รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะใช้เงื่อนไขทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญ ทั้งคุณสมบัตินายกฯ คุณสมบัติรัฐมนตรี จะต้องเริ่มตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งรัฐบาล วันที่ (9 มิ.ย. 2562) ดังนั้นหากจะนับ 8 ปีก็จะต้องนับตั้งแต่ปี 2562 ส่วนใครจะเป็นนายกฯ ก็ให้เป็นให้เบื่อไปเลย แต่กติกาเป็นอย่างนี้”

อย่างไรก็ตาม กรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จะเอามาเทียบเคียงกับกรณีของนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ เพราะนายสิระ สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ต้องใช้คุณสมบัติที่เขียนไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้นจะไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่อง

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน 'คิงส์คัพ' ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ร่วมกันแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565 ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ 

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า ในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งทั้งสนามแข่งขันที่เคยจัดการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติมาแล้วรวมถึงความพร้อมทางด้านการคมนาคม โรงแรมที่พัก แหล่งท่องเที่ยวตลอดจนร้านอาหารต่างๆ มากมาย  การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 48 ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ และกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะข้าวซอย ที่ถือเป็น SOFT POWER อาหารไทยที่เผยแพร่ไปสู่นานาชาติ ขอขอบคุณที่ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และจังหวัดเชียงใหม่พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 48 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีต่อไป

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าในนามของประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน ที่ได้ขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ในครั้งนี้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆ องค์กรภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ ในนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ได้ให้โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ และทางเจ้าภาพพร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันให้บรรลุเป้าหมายและเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ แฟนบอลในภาคเหนือ และแฟนบอลในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ได้อย่างทั่วถึง และร่วมเชียร์นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยต่อไป

‘SEED Thailand ภาคใต้' ปลุกปั้นผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ ส่งต่อ 'ความคิด-พลังบวก' สรรสร้างเยาวชนพันธุ์ D

โครงการ ‘SEED Thailand’ ภาคใต้ อีกหนึ่งโครงการสร้างสรรค์ดีๆ ที่ใช้ 'ใจ' เป็นเครื่อง 'บันดาลแรง' สู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ จากผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อนำพลังบวกไปสร้างสรรค์ท้องถิ่น ส่งต่อความคิด สร้างเยาวชนพันธุ์ D ปลุกจิตวิญญาณ การเป็นต้นแบบแก่เยาวชน ในนิยาม DNA SEED Thailand

โดยไม่นานมานี้ เยาวชนรุ่นใหม่ระดับผู้นำหัวกะทิเกือบร้อยชีวิต ที่มาจากเกือบทุกจังหวัดของภาคใต้ ได้เข้ามาร่วมอบรมที่ โรงแรม คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 9 - 11 กันยายน 2565 ในหัวข้อ “การสร้างผู้นำยุคใหม่ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์” โดยมีวิทยากรมากมาย อาทิ พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือที่เราเรียกันว่า ‘ผู้พันเบิร์ด’ ผู้รับบทพระนเรศวรในมหากาพย์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ในหัวข้อ Soft Power, นายอรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง พิธีกรรายการช่อง NBT ในหัวข้อ ทักษะการสื่อสารเห็นอกเห็นใจ, นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ คณะทํางานเฉพาะกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายเยาวชน สํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ นักข่าวเยาวชนท้องถิ่น, นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ เลขาธิการมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ในหัวข้อ ทักษะการเป็นผู้นำและการดำเนินชีวิต โดยมี นางสาว ปาริสา สัทอินทรีย์ ประธาน SEED Thailand เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรมครั้งนี้มุ่งให้ที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้นำเยาวชนให้เป็นต้นแบบของเยาวชนคนอื่น ๆ เพราะ ‘ผู้นำ’ เปรียบเสมือนเสาหลักของเยาวชน การพัฒนาทักษะทางความสามารถตลอดจนฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนได้

นายณัฐพล นาคโชติ สาขาวิชาการพัฒนาสังคม ตำแหน่ง ประธานนักศึกษาสาขาวิชาการพัฒนาสังคมและประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ระหว่างเข้าร่วมกับ SEED THAILAND ภาคใต้ ว่า...

“เหตุผลที่ผม…เข้าร่วมโครงการ SEED Thailand เพราะรู้จักผ่านเพจเฟซบุ๊ก เห็นว่ากิจกรรมมันน่าสนใจ  แล้วก็อาจารย์แนะนำมาด้วยจึงมั่นใจ เราอยากมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาดูว่าเพื่อนๆ ผู้นำแต่ละคนเขาคิดยังไง เพราะแต่ละคนก็เป็นแกนนำในด้านต่างๆ และมีความคิดที่หลากหลาย มันน่าสนใจมากๆ”

นอกจากนั้น นายแวอาฟีรดาวส์ แวอาลี พิธีกรแห่งสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 64 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ยังได้กล่าวว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของ SEED น่าสนใจ ตลอดกิจกรรมเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีระหว่างเยาวชนระดับผู้นำในท้องถิ่น

“ผมรู้จักผ่านรุ่นพี่ที่เคยมา ชื่อพี่ดาว รุ่นพี่ SEED Thailand เลยตัดสินใจมาเพราะผมชอบเข้าค่ายและรูปแบบการจัดกิจกรรมน่าสนใจมาก ๆ ผมอยากมีเครือข่ายไว้คอยช่วยกันทำงานในท้องถิ่น การเป็นแกนนำนักเรียนและทำกิจกรรมในองค์การนักศึกษามันทำให้เราต้องหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอด โดยเฉพาะโลกออนไลน์มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรอย่างมาก อย่างถ้าเราใช้สื่อเป็น รู้จักมันมากขึ้น ใช้ให้พอดี ใช้ให้ถูกทาง เพื่อนหลายๆ คนที่มางานนี้มีความสามารถมากๆ ผมว่าการเจอเพื่อนใหม่ ๆ มีเครือข่ายเพื่อน ๆ ที่มีความสามารถ ทำให้เด็กตัวเล็กทำอะไรได้เยอะมาก”

รมว.พม. แถลงเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจฯ หนุนคนพิการสร้างอาชีพ สู้วิกฤตโควิด - 19

วันนี้ 12 ก.ย. 65 เวลา 10.30 น. "นายจุติ ไกรฤกษ์ " รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจ โดยคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย พร้อมทั้งรับมอบสิทธิ์ล้างแอร์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง พม. กับ บริษัท แซนด์บ๊อกซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด / วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก / สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย / การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย / สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองและเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทั้งนี้ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวรายงานถึงการขับเคลื่อนงานและ

การสนับสนุนโครงการฯ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ชาวเน็ตรุมจวก!! หนุ่มเทน้ำเต้าหู้ลงท่อระบายน้ำ อ้าง "มันจะตันได้ไง มันเป็นของเหลว"

เป็นที่พูดถึงอย่างหนักหน่วงในโซเชียลมีเดียไทยเลยก็ว่า เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้นำคลิปวิดีโอของผู้ใช้ติ๊กต๊อก 'พ่อค้า เต้าหู้' ที่ปรากฏเป็นภาพของเจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้กำลังเทน้ำเต้าหู้ทั้งหม้อลงในท่องระบายน้ำ พร้อมระบุข้อความสั้น ๆ ว่า "เมื่อวานขายไม่ดีเลยครับ เหลือเยอะมาก เททิ้งหมดเลยครับ เพราะวันนี้หยุดร้าน 1 วัน" 

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้เขียนข้อความวิจารณ์คลิปดังกล่าวว่า "เทลงท่อเฉยเลย สุดท้ายกลายเป็นก้อนไขมันอุดอยู่ในท่อระบายน้ำ เขารณรงค์ไม่ให้ทิ้งลงท่อระบายน้ำอยู่ เหลือมากก็แจกสิ แปปเดียวก็หมด ได้ใจคนด้วย มีวิธีจัดการเยอะแยะที่ดีกว่าเทลงท่อ"

นอกจากนี้ ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต๊อกเข้าไปคอมเมนต์ในคลิปต้นทางว่า "ท่อตันน้ำท่วมอีก" ซึ่งเจ้าของคลิปก็ได้เข้ามาตอบว่า "มันจะตันได้ไงมันเป็นของเหลว"

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี ‘นิว จตุพร’ คดี 112 แต่งชุดไทยแคตวอล์กราษฎรหน้าวัดแขก ปี 63

ศาลอาญาใต้จำคุก 2 ปี ‘นิว จตุพร’ คดี 112 ชุมนุมเเต่งชุดไทยแคตวอล์กราษฎร หน้าวัดแขกสีลม ชี้มีเจตนาล้อเลียน ทนายเตรียมยื่นประกันชั้นอุทธรณ์

12 ก.ย. 2565 – ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 ยื่นฟ้อง น.ส.จตุพร แซอึง ชาวจ.บุรีรัมย์ อายุ 23 ปี แนวร่วมกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ป.อาญา มาตรา 112, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน), ร่วมกันฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ, ร่วมกันชุมนุมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาด, ร่วมกันชุมนุมก่อให้เกิดความไม่สะดวกในที่สาธารณะ, ร่วมกันไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคำสั่งเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมฯ และร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต

กรณีการชุมนุมแต่งกายชุดไทยร่วมกิจกรรมแคตวอล์กราษฎรเมื่อวันที่ (29 ต.ค. 2563) บริเวณหน้าวัดพระศรีอุมาเทวี(วัดแขกสีลม) เรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันฯ เหตุเกิดที่แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร จำเลยให้การปฏิเสธ โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา

ชาวสงขลากว่าครึ่งพัน แห่ให้กำลังใจพร้อมชื่นชมในสปิริตนักการเมืองของนายนิพนธ์ รองหน.ปชป.

วันที่ 10 กันยายน 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านพัก ณ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ต้อนรับตัวแทนมวลชน กว่า 500 คนทั้งกลุ่มอาชีพ ตัวแทนสมาคม กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชน ในจังหวัดสงขลา ที่นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแสดงสปิริตของนักการเมือง ในการเตรียมการเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมในเรื่องของการฮั้วประมูลรถ อบจ.สงขลา 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนคงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาสื่อมวลชนทุกแขนงได้ลงในรายละเอียดของผม รวมถึงการประชุมถ่ายทอดในรัฐสภาก็ได้อธิบายถึงรายละเอียดทุกขั้นตอนหมดแล้ว ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีนี้ ทั้งนี้ให้พี่น้องสบายใจได้ว่าทาง ป.ป.ช.ได้ชี้มูลผมฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ชี้มูลว่าทุจริต ซึ่งมันก็คล้ายกับในเรื่องของบริษัทฟ้องกทม.ไม่จ่ายเงินในเรื่องของรถไฟฟ้า บีทีเอส ซึ่งก็เป็นเรื่องของทางแพ่งที่ยังสู้กันอยู่ ไม่มีเจตนากระทำความผิดเพราะมีเรื่องร้องเรียน ว่าการซื้อรถมันทุจริต โดยเฉพาะการยื้อเรื่องของการขยายระยะเวลานั้นมันไม่ชอบด้วยกฏหมาย

ดังนั้นคนที่มาซื้อซองหลังหมดการขยายระยะเวลาแล้วจึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย ในการซื้อซองประมูล จึงไม่มีสิทธิ์มาประมูลจนในที่สุดมีคนมาร้องว่ามีการฮั้วประมูล ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะผู้ชนะการประมูลไปฮั้วกับบริษัทผีที่อยู่ต่างประเทศ รวมถึงออกเอกสารปลอม จนขณะนี้ผู้ฮั้วประมูลทั้ง 3 ครั้ง ตำรวจสั่งฟ้องหมดแล้วว่าใช้เอกสารปลอม และมีการฮั้วประมูล ซึ่งบริษัทผู้ฮั้วประมูลขณะนี้ได้หนีออกต่างประเทศเกือบหมด และบางคนก็ถูกฟ้อง และถูกคุมขัง ดังนั้นการที่ผมไม่จ่ายจึงมีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่จ่าย เพราะมันมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น พี่น้องจึงสบายใจได้ว่าการที่ผมไม่จ่ายเงินนั้นจึงไม่มีความผิด

'แรมโบ้' สวน 'ชลน่าน' อย่าเป็นหมอเดาเรื่องยุบสภาฯ รู้ทัน!! อยากเป็นรัฐบาลเพื่อจะได้ช่วย 'นายใหญ่-นายหญิง'

เมื่อวันที่ (12 ก.ย. 65) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฟันธงว่าหากรัฐบาลอยู่ต่อไม่ได้ประโยชน์ เชื่อยุบสภาหลังเอเปกเพราะสามารถจัดการ ส.ส.ในการย้ายพรรคได้นั้น ว่า หมอชลน่านไม่ควรออกมาเป็นหมอเดาว่าจะมีการยุบสภาในช่วงใด ซึ่งช่วงนี้หรือไปจนถึงครบเทอมถือเป็นช่วงที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่ รวมไปถึง ส.ส.ที่เป็นผู้แทนของประชาชน 

ดังนั้นหมอชลน่าน ไม่ควรที่จะออกมาบอกว่าการที่นายกจะประกาศยุบสภานั้นเพราะมีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเพราะว่าหากรัฐบาลอยู่ต่อก็ไม่ได้ประโยชน์ทางการเมืองอะไร แต่ขอให้มองว่าการที่รัฐบาลยิ่งอยู่ต่อครบเทอมกลับจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากขึ้น นายกฯ และรัฐบาล ไม่เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาปนกับเรื่องทางการเมืองเช่นเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย ที่ตลอดเวลาเรียกร้องแต่ให้นายกฯ ลาออก หรือเรียกร้องให้มีการยุบสภาอยากเลือกตั้งโดยเร็ว อยากเข้ามาเป็นรัฐบาลให้ได้ช่วยนายใหญ่-นายหญิง กลับบ้านให้เร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดถึงขั้นเอาคนในตระกูลชินวัตรทุกคนมาช่วยหาเสียงแล้ว

'พิธา' เปิดตัว 'ทนายเคน' ว่าที่ผู้สมัครส.ส. จ.แพร่ ลั่น!! พร้อมผลักดัน 'สุราก้าวหน้า-ทวงคืนผืนป่า' ให้ปชช.

'พิธา' นำทีมเยือนแพร่สร้างการเมืองแห่งความหวังอีกครั้ง ส่ง 'ทนายเคน ติรานนท์' ทนายอาสา ฉายา 'ทนายคนจน' ที่ทำงานช่วยเหลือประชาชนมายาวนานเป็นว่าที่ผู้สมัครจังหวัดแพร่ มอบหมายดันแพร่เป็น 'เมืองหลวงสุราก้าวหน้า - ทวงคืนผืนป่าให้ประชาชน - ภาษีสำหรับดูแลป่า'

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เดินทางมาที่แพร่ครั้งนี้มีความฝังใจ ไม่ใช่เพราะลาบอร่อย เหล้ามีรสชาติดี หรือพี่น้องประชาชนกว่า 127,711 คน หรือครึ่งจังหวัด ให้ความไว้วางใจเลือกเราในสมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ แต่สิ่งที่ฝังใจมากสุดนั้นคือ จ.แพร่ คือที่สุดท้ายที่เรามาก่อนที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เพราะตอนนั้นเราอยากทำ 3 เรื่องสำคัญให้เกิดขึ้นในจังหวัดแพร่ คือ ทำให้ จ.แพร่เป็นเมืองหลวงของสุราก้าวหน้า การมีเบี้ยดูแลป่าสำหรับชาวแพร่ในฐานะเป็นผู้ดูแลทำให้มีพื้นที่ป่าไม้เป็นอันดับสองของประเทศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาของคนแพร่ 

“เราเชื่อว่าถ้าสิ่งเหล่านี้สามารถปลดล็อกได้จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องชาวแพร่ได้อย่างมหาศาล และถึงวันนั้น ลูกหลานคนแพร่ไม่ต้องไปหางานในกรุงเทพฯ หรือต่างประเทศ แต่ทุกคนจะกลับมาทำงานอยู่ที่บ้านเกิดอย่างภาคภูมิใจเพราะมีสินค้าที่ดีที่สุดที่ส่งขายไปทั่วโลก”

"สิ่งที่เราอยากมุ่งมั่นอยากทำให้เกิดขึ้นใน จ.แพร่ นั้นยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุราก้าวหน้า เบี้ยดูแลป่า และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นี่ยังคงเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะทำให้กับชาวแพร่ รวมถึงปัญหาเรื่องผลกระทบจากเหมืองแร่ที่พี่น้องชาวแพร่ประสบอยู่ก็ต้องเป็นสิ่งที่ต้องเดินหน้าให้ได้รับการแก้ไข เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทลายทุนผูกขาด ปรับโครงสร้างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เพียงนโยบายแบบปะผุ แต่เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง แม้ทั้งหมดนี้จะยังไม่เกิดขึ้น แต่เราก็ยังมีความหวังว่าทำได้ นี่คือการเมืองแห่งความหวัง การเมืองที่เป็นเรื่องของทุกคน และเราหวังว่าพี่น้องชาวแพร่จะลุกขึ้นมาทีละคน บอกกันว่าพอกันทีเผด็จการ พอกันทีการเมืองแบบเดิมๆ และให้ความไว้วางใจเราเหมือนที่เคยไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ โดยมี ‘ทนายเคน’ ติรานนท์ เวียงธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่ ที่จะมาตั้งคำถามว่าสุราเถื่อนหรือว่ากฎหมายเถื่อน คนนี้ที่จะมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องเรื่องเหมืองแร่ และถ้าเขาได้เข้าไปในสภา ถ้าอยากให้แพร่ก้าวหน้า ต้องกาก้าวไกล" พิธา กล่าว

ด้าน อภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ในฐานะประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เดินทางมาที่ จ.แพร่ ในวันนี้ นอกจากเพื่อร่วมกิจกรรมของพรรคแล้ว ยังมาในนามของ กมธ.การที่ดินฯ เพื่อติดตามปัญหาเรื่องผลกระทบจากเหมืองแรไบท์ ที่พี่น้อง จ.แพร่ ประสบอยู่ และได้เคยเดินทางไปยื่นหนังสือต่อพรรคก้าวไกล มี ส.ส.ของพรรคตั้งกระทู้ถาม จนในที่สุดก็ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ กมธ.ที่ดินฯ เพื่อให้มาช่วยแก้ไขปัญหานั้น วันนี้จึงเดินทางมาดูในพื้นที่จริง และมีเวทีสอบถามจากพี่น้องประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่า จะมีการส่งเรื่องไปถึงกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ได้เร่งฟื้นฟูพื้นที่ต่อไป โดยจะมีการตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดที่ประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการสำหรับในส่วนของพื้นที่สัมปทานแปลงแรก ขณะที่เรื่องของแปลงใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการขอสัมปทานของนายทุนนั้น เราจะมีหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรมให้ทบทวนยกเลิก เพราะว่าผู้รับสัมปทานนั้นทำผิดเงื่อนไข พร้อมกันนี้ก็จะชี้ให้เห็นถึงปัญหาของเดิมที่ยังแก้ไม่จบ ซึ่งถ้าของใหม่เกิดขึ้นอีกปัญหาของประชาชนก็จะยิ่งหนักขึ้นอีกอย่างแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top