Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

'อัษฎางค์' ชี้!! 3 ปัจจัยที่ทำให้ฝรั่งดูเจริญกว่าไทย พร้อมเปิดอีกมุม 'ค่าครองชีพ-ค่าแรง-ย้ายประเทศ'

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' โดยระบุว่า...

“ค่าครองชีพ ค่าแรง ย้ายประเทศ”

จะเล่าอะไรให้ฟัง จากคนที่มีประสบการณ์อยู่ในออสเตรเลียมากว่า 20 ปี

ผมมาออสเตรเลียครั้งแรกก็ติดใจสิ่งแวดล้อมของประเทศเขา

สิ่งแวดล้อมในที่นี้คือ บ้านเรือน ผู้คน รวมถึงสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา

ผมก็กลับไปหอบครอบครัวมาอยู่ออสเตรเลีย อยากให้ลูกโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ 

แต่ไม่ได้ย้ายประเทศ เพราะเมืองไทยมันห่วย รัฐบาลไทยมันห่วย สถาบันพระมหากษัตริย์เอาเปรียบประชาชน ไม่มีเรื่องพวกนี้ 

ผมรักเมืองไทย รักความเป็นไทย และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับผมเกี่ยวกับเมืองไทย คือ การเมือง 

การเมืองไทยที่มีนักการเมือง (บางส่วนหรือส่วนใหญ่) ที่มักอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน อ้างว่าเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อชาติและประชาชน ทั้งที่เขาทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง

แต่การย้ายประเทศของผม เกิดจากแรงบันดาลใจจากคนรุ่นก่อนๆ และการอยากผจญภัย ซึ่งมันมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน 

ย้ายมาอยู่เมืองฝรั่ง เพราะอยากรู้ว่า ฝรั่งเจริญกว่าไทยตรงไหน ได้อย่างไร ก็ลองมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเขาเลย ให้มันรู้กันไป

>> แค่เพียงไม่กี่เดือน ผมก็ได้คำตอบว่า ฝรั่งเจริญก้าวหน้ากว่าไทยเพราะ...

***หนึ่ง ไม่มีคอร์รัปชัน (จริงๆ มีแต่น้อยกว่าไทยหลายเท่า)

คอร์รัปชัน คือ ปัญหาอันดับ 1 ที่กีดกั้นความเจริญก้าวหน้าของชาติ

***สอง การศึกษาที่มุ่งเน้นให้นักเรียนนักศึกษา หาคำตอบหรือทางแก้ไขปัญหา และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่ท่องจำบทเรียน ที่เขียนกันไว้มานานแสนนาน มีแต่การจดจำ คัดลอก เลียนแบบ ซึ่งสร้างปัญหาต่อคนไทยอยู่ทุกวันนี้ เพราะลองถ้าเชื่อใครเข้าแล้ว จะเชื่อเขาแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ถูกรู้ผิด แยกแยะดีชั่วไม่ได้ 

***สาม การสร้างจิตสำนึกให้พลเมืองของเขาเข้าใจใน ”หน้าที่พลเมือง” ตั้งแต่เป็นเด็กน้อย

>> ผมว่า 3 สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ 

พลเมืองต้องรู้จักหน้าที่ของตน ต้องมีจิตสำนึก ต้องแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อหน้าที่รับผิดชอบของตน

สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่ผมตามหา และพาครอบครัวโดยเฉพาะลูกน้อยที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติและของสังคมโลก ให้มารับการฝึกฝน อบรม บ่มนิสัย ในสิ่งเหล่านั้น

ผมไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ ค่าแรงงานเมืองไทยต่ำ ค่าครองชีพสูง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ต่างๆ นานา

ไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ มาอยู่เมืองนอกแล้วจะทำให้กินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน ซึ่งผิดกับตอนอยู่เมืองไทยที่กินจิ้มจุ่มได้แค่ 1 หม้อกินส้มตำได้แค่ 1 จาน 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมทันทีที่ย้ายประเทศคือ ผมไม่สามารถเดินมาปากซอยหรือซอยถัดๆ ไปแล้วมีร้านอาหารเป็นร้อยให้เลือกกิน ในราคาที่กินได้ จนถึงดึกดื่นเที่ยงคืน

แต่ผมอยู่เมืองนอก 5-6 โมงเย็น ห้างร้านปิดหมด แหล่งที่จะมีร้านอาหารขายถึงมืดนั้นมีอยู่เป็นจุดๆ ในเขตชุมชนที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น

อยากกินบะหมี่หมูแดง ส้มตำ ข้าวมันไก่ ต้องขับรถไปหลายกิโลหรือหลายสิบกิโล ถึงจะมี หรือทั้งเมืองอาจมร้านขายส้มตำเพียงร้านเดียว

คนไทยที่มีรายได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับฝรั่ง คือคนไทยที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ วันละ 2-3 jobs นอนวันละ 4-5 ชั่วโมง จนไม่มีเวลาจะทำกิจกรรมอื่นๆ เลย 

ไอ้เรื่องที่จะออกไปกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน นานๆ จะเกิดขึ้นเสียที ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะไม่มีเวลา

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ให้นึกถึงภาพแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย คนพวกนั้นหาเงินได้มากกว่าคนไทยอีกจำนวนมาก แล้วดูความเป็นอยู่ของเขาซิ ทำงานอย่างเดียว เก็บเงินส่งกลับบ้าน ส่วนชีวิตตัวเอง อยู่อย่างอัตคัดหรืออย่างประหยัดสุดๆ ค่าแรงในเมืองไทยของแรงงานพม่า ก็ทำให้เขามีเงินกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อเหมือนกัน แต่นานๆ เขาถึงจะมีโอกาสได้กินเสียที

ถามจริงว่า แบบไหนน่าจะมีความสุขมากกว่ากัน ระหว่างหาเงินได้มาก แต่เวลาทั้งหมดในแต่ละวันของชีวิตหมดไปกับการทำงานหาเงิน กับหาเงินได้น้อยนิด แต่เป็นความน้อยที่มีเวลาและเงินมากพอที่ออกไปกินอะไรที่อยากกินได้ตลอดเวลาทุกวัน

ผมมาอยู่ออสเตรเลียไม่กี่ปี ผมก็มีรายได้เป็นแสน ในขณะที่เพื่อนในเมืองไทยยังมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ

ผ่านไป 20 กว่าปี เพื่อนๆ ในเมืองไทยที่เคยกินเงินเดือนหมื่นต้นๆ ตอนนี้ บางคนเป็นเจ้าของกิจการ บางคนเป็นผู้อำนวยการ บางคนเป็นรองประธาน บางคนเป็น CEO ไปแล้ว เงินเดือนเป็นแสนเป็นล้านแล้ว

>> มาอยู่เมืองนอกแล้วจะมีอนาคตดีกว่าคนอยู่เมืองไทยจริงหรือ ?

คำตอบ คือ ไม่เสมอไป มีทั้งดีและไม่ดี ก็เหมือนอยู่เมืองไทย มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

คนที่อยู่เมืองนอกจะมีสักกี่คนที่ได้เป็นผู้บริหารใหญ่ในบริษัทฝรั่ง ! ส่วนใหญ่ยังคงมีอาชีพเดิม ทำงานแบบเดิมๆ อย่างที่เคยทำ

>> ชีวิตในเมืองนอก ดีกว่า ในเมืองไทยจริงหรือ ?

ค่าแรงแพง มันหมายความว่า ทุกอย่างก็แพงตามกันไปหมด ไม่ใช่ว่าเราได้ค่าแรงแพงแล้วเราจะจ่ายเงินซื้อของได้ทุกอย่าง

ยกตัวอย่างง่ายๆ สักเรื่องสองเรื่อง

ห้างร้านปิดตั้งแต่เย็นเพราะอะไร เคยรู้กันบ้างมั้ย?

ห้างร้านทั้งใหญ่น้อย ปิด 5 หรือ 6 โมงเย็นเพราะถ้าไม่ปิด เจ้าของธุรกิจต้องจ่ายค่าแรงพนักงานเป็นเท่าตัว พอค่าแรงแพง เจ้าของธุรกิจก็จ่ายไม่ไหว คนจะไปซื้อของก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกัน

สมัยแรกๆ ที่มาอยู่ที่นี่ ผมเคยขับรถ(มือสอง)แล้วโดนชน 2 ครั้ง ทั้ง 2 คัน บริษัทประกันไม่จ่ายค่าซ่อมให้ แต่จ่ายเป็นราคาประเมินตามราคาตลาด ให้ไปซื้อคันใหม่ เพราะค่าแรงที่จะซ่อมแพงเหมือนไปซื้อใหม่

ผมเคยทำงาน 2 Jobs ได้เงินเดือนเยอะมาก แต่พอสิ้นปี จ่ายภาษีแล้วตกใจ ปีต่อไป ผมเลิกทำงานแบบนั้นเลย เพราะเหมือนว่า เราทำงานเพื่อจ่ายให้รัฐบาล แล้วรัฐบาลเอาเงินของเราที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำนั้น ไปเลี้ยงคนออสซี่ที่ไม่ทำงาน 

เหมือนที่เด็กสามนิ้วเรียกร้องรัฐสวัสดิการนั้นแหละ สวัสดิการ ที่เอาเงินจากคนที่รายได้มาก จากที่เขาทำงานหนัก ไปให้คนมีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไม่ยอมไปทำงาน นี่แหละความเท่าเทียมกันกับรัฐสวัสดิการ

แล้วคนไทยในออสเตรเลียทำอย่างไรรู้มั้ย เขาก็หางานที่รับเป็นเงินสด เพื่อหลบภาษี หลบทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมันคือการคอรัปชั่น แล้วมันจะหวนไปบั่นทอนประเทศชาติในที่สุด

แจ้งรัฐบาลว่ามีรายได้น้อย เพื่อรับสวัสดิการจากรัฐ แต่แอบทำงานมีรายได้มหาศาล รับทั้งขึ้นทั้งล่องตามวิถีคอรัปชั่นโกงๆ แบบไทย

คนไทยทำกันแบบนี้ไง เหมือนในเมืองไทย พ่อค้าแม่ขายหาเงินกันได้มากๆ ทั้งนั้น แต่แจ้งว่ารายได้ต่ำ เพื่อเลี่ยงภาษี แล้วก็เรียกร้องรัฐสวัสดิการ แต่ไม่มีใครคิด ว่าในเมื่อทุกคนทำแบบนี้ รัฐจะมีรายได้ที่ไหนไปทำรัฐสวัสดิการ

สมัยผมมาแรกๆ ยังเรียนหนังสือ รู้มั้ยมื้อกลางวันผมกิน แมคโดนัลด์ แทบทุกวัน เมืองไทยเป็นของแพงใช่มั้ย เป็นร้านที่คนจนๆ ไม่มีปัญญาเข้าใช่มั้ย

แต่ในเมืองนอก มันคืออาหารราคาถูก อาจจะพูดได้ว่า เหมือนข้าวไข่เจียวหรือข้าวแกงในเมืองไทยดีๆ นั้นเอง

ผมกินแมคโดนัลด์ เพราะมันไม่ถึง 10 เหรียญ ในขณะที่ข้าวผัดกระเพราไข่ดาวกับโค้กสักแก้วต้องมี 20 เหรียญ

20 เหรียญสมัยนั้นคือ 600 กว่าบาท

‘บิ๊กป้อม’ คิวแน่น!! ใช้ใจบันดาลแรง ไป จ.ตาก ภารกิจตรวจชายแดน – ดูอ่างเก็บน้ำ - มอบที่ดิน

‘ประวิตร’ บินจ.ตาก ติดตามสถานการณ์แนวชายแดน พร้อมมอบที่ดินทำกินบ้านมั่นคง และตรวจอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สอด

12 ก.ย. 2565 - เมื่อเวลา 08.40 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เดินทางตรวจราชการติดตามสถานการณ์ชายแดนและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก และเดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชา บ้านมั่นคงเมืองแม่สอด เพื่อเปิดงาน “บจธ.สอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำดิน” พร้อมมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติและมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับคัดเลือกทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.)

โดยพล.อ.ประวิตร จะมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5 ป่า ประกอบด้วย “ป่าช่องแคบและป่าแม่โกนเกน” “ป่าแม่ละเมา” “ป่าแม่สอด” “ป่าท่าสองยาง” และ “ป่าแม่ระกา” พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดตาก ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าช่องแคบและป่าแม่โกนเกน จำนวน 1,231 เล่ม

อัปเดตราคา 'หมู-เนื้อ-ไก่'

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 12 กันยายน 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

อีอีซี ผนึกกำลัง อบจ.ระยอง ตรงเข้าพื้นที่คลายทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย พร้อมเตรียมร่วมบูรณาการฯ วางแผนป้องกันระยะยาว

วันที่ 11-12 กันยายน 2565 นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการฯ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พร้อมด้วยนางสาวพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านนโยบายและแผน และนายธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี ลงพื้นที่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.ระยอง) เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งมีสาเหตุหลักจากปริมาณฝนจำนวนมาก ที่ตกลงอย่างหนักและต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดระยอง จนเกิดผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่ และชุมชนในวงกว้าง 

'เพื่อไทย' ระดม 'ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัคร-ส.ก.-ทีมงาน' ลงพื้นที่ช่วยปชช. หลังน้ำท่วมกรุงหนัก

เมื่อวันที่ 11 กันยายน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวราวุธ ยันต์เจริญ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่นำอาหารไปมอบให้พี่น้อง ชุมชนเลียบคลองเปรมประชากร ที่ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมกับ นายตกานต์ สุนนทวุฒิ ส.ก.เขตหลักสี่ และ นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ จากนั้น นายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และนายตกานต์ ได้ลงพบปะกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อ รับฟังปัญหาเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือพร้อมกับคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครมหานคร และผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ในชุมชนคลองเปรมพัฒนา ชุมชนมิตรประชา และชุมชนเปรมสุขสันต์ ซึ่งเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ติดกับคลองเปรมประชากร

ขณะที่ ส.ส. ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. และส.ก. ของพรรคเพื่อไทย ได้ระดมกำลังและทีมงานลงพื้นที่ต่อเนื่อง โดยนายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตดอนเมือง และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย  นำอาหารกล่องไปมอบให้กับชุมชนซอยอิ่มละมัย ชุมชนสะพานปูน และชุมชนร่มเย็นที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมประสานแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมหาแนวทางแก้ไขเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น 

เขตลาดกระบัง น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ พร้อมประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้เจ้าหน้าที่นำเรือผลักดันน้ำมาช่วยพร่องน้ำในคลอง เนื่องจากประสานไปทางกทม. แล้วแต่ ยังไม่ได้คำตอบว่าจะสามารถดำเนินการหรือไม่ อย่างไร ตอนไหน ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมส่งหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังกองทัพเรืออีกครั้ง 

เขตบางกะปิ น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเช่นกันโดยเร่งประสานงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งนึ้ น.ส.นภัสสร กล่าวว่า ขอขอบคุณนายนพ ชูสอน ผู้อำนวยการเขตบางกะปิ และเจ้าหน้าที่ทุกๆท่าน เร่งสูบน้ำ เร่งบรรจุกระสอบทรายเพิ่ม เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่น้ำท่วมเข้าบ้าน  และนำไปปิดอุดรอยรั่วที่เป็นฟันหลอ ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วม ด้านเจ้าหน้าที่เทศกิจได้นำรถออกบริการประชาชน

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก จัดตั้งโรงครัวพระราชทานช่วยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.ระยอง

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่บริเวณสถานีรายงานบ้านเพ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ของจังหวัดระยอง ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อประกอบอาหารข้าวกล่องเมนูข้าวกระเพราหมู-ไข่ต้ม มอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ จ.ระยอง โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง และนายศุภมงคล รัตนจิตร ผู้จัดการแผนกปฏิบัติการ สายงานปฏิบัติการภัยพิบัติ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ร่วมปรุงอาหารข้าวกล่องดังกล่าว พร้อมกับมอบถุงยังชีพของสภากาชาดไทยให้ผู้บริหาร  อปท.ผู้นำ กำนัน และ ผญบ.ไปแจกจ่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทุกครัวเรือนต่อไป 

ต่อมานายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.บ้านนา ต.ทุ่งควายกิน ต.ทางเกวียน อ.แกลง พบบริเวณถนนสายโพธิ์ทอง-บ้านนา ที่ถูกน้ำท่วมน้ำหนัก น้ำลดลงเกือบแห้งแล้ว มีบางจุดที่เป็นที่ลุ่มยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ โดยได้ร่วมกับทุกภาคส่วนนำถุงยังชีพพระราชทาน จากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จำนวน 2,000 ถุง มอบให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย 

'วิโรจน์' ชี้ แค่ขุดลอกคูคลองไม่เพียงพอแก้ปัญหาน้ำ แนะ!! ในปีงบฯ หน้าต้องเร่งปรับปรุง 'อุโมงค์ระบายน้ำ' 

(11 ก.ย. 65)​ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้

น้ำท่วม กทม. แก้แค่เส้นเลือดฝอยเอาไม่อยู่ ต้องทะลวงเส้นเลือดใหญ่ด้วย

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ของปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. ในปี 2565 นี้ นั้นเกิดจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง จนเกินกว่าขีดความสามารถของระบบระบายน้ำที่มีอยู่ ซึ่งแตกต่างจากปี 2554 ที่เกิดจากน้ำเหนือที่หลากลงมาจากการพายุที่เข้าประเทศไทยถึง 5 ลูก โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าปริมาณฝนเฉลี่ยตลอดปี 2565 น่าจะพอๆ กับ ปี 2564 (ปี 65 น้อยกว่าปี 64 อยู่เล็กน้อย) แต่น่าจะมากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30 ปี

ที่ผ่านมา ส.ก.ก้าวไกล ได้ติดตาม และกำกับการตระเตรียมระบบระบายน้ำของ กทม. อย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าฝ่ายบริหารก็พยายามเร่งรัดการลอกท่อระบายน้ำอย่างเต็มที่ และในหลายพื้นที่ก็พบปัญหาท่อระบายน้ำอุดตัน เนื่องจากไม่ได้ลอกท่อมานาน

ผมเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังเป็นอย่างดี และยืนยันว่าประชาชนสมควรที่จะไม่พอใจ และติติงระบบระบายน้ำของ กทม. แต่ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะกล่าวโทษผู้ว่าที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน

สิ่งหนึ่งต้องยอมรับกันตรงๆ ก็คือ ศักยภาพในการระบายน้ำของ กทม. นั้นมีปัญหาจริงๆ และลำพังแค่การลอกท่อระบายน้ำ ที่เป็นเส้นเลือดฝอย นั้นอาจไม่เพียงพอ เพราะในหลายพื้นที่แม้ว่า ส.ก.ก้าวไกล จะได้เร่งรัดการลอกท่อระบายน้ำไปแล้ว มีเครื่องสูบน้ำไปประจำการแล้ว แต่น้ำก็ยังระบายได้ช้า และท่วมขังอยู่

น้ำที่ท่วมขัง ณ วันนี้ เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า แค่เส้นเลือดฝอย เอาไม่อยู่แน่ครับ

'รัฐบาล' เร่งผลักดัน 'มวยไทย' สู่เวทีโลก ต่อยอดให้เป็นที่นิยม เพิ่มมูลค่าทางศก. ให้ประเทศ

(11 ก.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลสนับสนุนการจัดทำแผนแม่บทส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยยกมวยไทยเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์สำคัญวางแผนประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ส่งเสริมให้เป็นกีฬาเชิงศิลปะป้องกันตัวในระดับนานาชาติ โดยจะบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนเพื่อต่อยอดกีฬาของไทยให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง ซึ่งจะช่วยเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมไทยและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศด้วยซอฟต์พาวเวอร์ โดยกำหนดส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ 5 หมวด (5F) ได้แก่ อาหาร (Food), ภาพยนตร์ (Film), เทศกาล (Festival), แฟชั่น (Fashion) และการต่อสู้ (Fighting) ซึ่งสามารถขยายประเภทออกเป็นสินค้าและบริการท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีฬามวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ได้รับความนิยม มีความงดงามในท่วงท่าการเคลื่อนไหว รวมทั้งยังนำไปประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้อีกด้วย

'ลุงป้อม' ปลื้ม!! นักตบลูกยางสาวไทยชนะต่อเนื่อง ชื่นชมความท็อปฟอร์ม แสดงถึงฝึกซ้อมมาเต็มที่

รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผย 'พล.เอกประวิตร' ปลื้มผลงานนักตบลูกยางสาวไทยชนะต่อเนื่อง นัดที่ 2 ชนะรวด 3 เซ็ต ชมท็อปฟอร์มแสดงถึงฝึกซ้อมมาเต็มที่

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามชมเพื่อเป็นกำลังใจเชียร์ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ลงสนามแข่งนัดแรกของการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงอาเซียน กรังด์ปรี 2022 ครั้งที่ 2 มาตลอด และวันนี้ (10 กันยายน 2565) ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอินโดนีเซีย ทีมชาติสาวไทยก็สามารถเอาชนะไปได้ 3-0 เซ็ต

'ยิ่งลักษณ์' เป็นห่วงสถานการณ์น้ำมากในกทม. บ่นอุบ ถ้าได้ทำงานต่อ ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิด

‘ยิ่งลักษณ์’ บ่นอดเสียดายโครงการจัดการน้ำทั้งระบบที่เคยวางแผนมิได้ หากวันนั้นได้มีโอกาสเดินหน้านโยบาย วันนี้ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิดแนะ รัฐบาลวางแผนระบายน้ำประสานงานกับ กทม.

(11 ก.ย. 65) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก 'Yingluck Shinawatra' ระบุว่า จากที่ดิฉันได้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศในประเทศไทย เห็นว่าปีนี้เป็นปีที่ฝนตกมาก ทำให้มีปริมาณน้ำมาก แม้อาจจะไม่เท่าปี 2554 แต่ก็อดห่วงพี่น้องเกษตรกรไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง เพราะพบว่ามีการปล่อยให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่นา ทำให้ผลผลิตข้าวของชาวนาได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ควรระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังพร่องอยู่ ขณะที่น้ำจากทุ่งรังสิตกำลังเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top