อัปเดตราคา 'หมู-เนื้อ-ไก่'
อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 14 กันยายน 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 14 กันยายน 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..
(13 กันยายน 2565) ที่ ห้องประชุมฝ้ายคำ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เอ็นทีไอบัซซ์ จำกัด บริษัทในเครือโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ nt โดยมีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคเหนือ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือในการให้บริการ เรื่องการพัฒนาการให้บริการ Digital Service ผ่านเครือข่าย Free Wi-Fi ความเร็วสูง
ทั้งนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เอ็นทีไอบัซซ์ ได้ตกลงร่วมมือกันในการพัฒนาการให้บริการ Digital Service ผ่านเครือข่าย Free Wi-Fi ความเร็วสูง ภายใต้ชื่อบริการ Buzz privilege Wi-Fi เป็นบริการ Free Wi-Fi รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้เข้ามาติดต่อขอรับบริการในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่ที่จำเป็นให้ประชาชนได้รับรู้อีกช่องทางหนึ่ง นอกจากนั้นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั้ง 97 ชุมชน ในพื้นที่ย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว โรงเรียน สถานพยาบาลต่างๆ และจุดแลนมาร์คสำคัญของเมืองเชียงใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ในปัจจุบัน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธา ส่งต่อธารน้ำใจ ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้แก่โรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก
วานนี้ (12 กันยายน 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่ แผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ยกทัพเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของเครื่องใช้มอบให้แก่โรงพยาบาลอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ประกอบด้วย
ข้าวสาร ครีมอาบน้ำ โลชั่นบำรุงผิว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เส้นหมี่ขาว ปลากระป๋อง ยาฟ้าทะลายโจร ยาพาราเซตามอล ยาตำราหลวง รองเท้าฟองน้ำ เสื้อสำเร็จรูป รวม 11 รายการ คิดเป็นเงินมูลค่าทั้งสิ้น 117,360 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันสามร้อยหกสิบบาทถ้วน) โดยมี นายแพทย์วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่างๆ สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์จะบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หรือติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ จว.ชุมพร เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ชุดเฝ้าตรวจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4102 บ้านสันตินิมิต ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร และสถานีตำรวจในพื้นที่ ได้แก่ สภ.นาสัก และ สภ.ปากตะโก จว.ชุมพร มุ่งสร้างขวัญกำลังใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน
พล.ต.ท.ประจวบฯ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ซึ่งมีความห่วงใยความเป็นอยู่และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาในพื้นที่ห่างไกล จึงมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกเยี่ยมเยียน พบปะ พูดคุย ดูชีวิตความเป็นอยู่ สอบถามปัญหาและอุปสรรค จากการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนมอบสิ่งของเพื่อบำรุงขวัญ กำลังใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกนาย ประกอบกับตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในกรณีสถานการณ์ด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน จึงได้มอบหมายให้ตนพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จว.ชุมพร เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ ชุดเฝ้าตรวจ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4102 บ้านสันตินิมิต ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร , สภ.นาสัก และ สภ.ปากตะโก จว.ชุมพร ตามลำดับ
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งจัดอาหารกลางวันและร่วมรับประทานอาหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำฐานปฏิบัติการชุดเฝ้าตรวจ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4102 บ้านสันตินิมิต รับฟังบรรยายสรุปภารกิจ หน้าที่ สอบถามปัญหาและอุปสรรค พร้อมทั้งให้คำแนะนำ และมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้บูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง สอดส่องดูแลสถานการณ์ด้านความมั่นคง สกัดกั้น สืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายขบวนการกระทําความผิดในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาประจำหน่วยดูแลเอาใจใส่ในสิทธิและสวัสดิการของผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดในครบถ้วน จากนั้นได้เดินทางไปยัง สภ.นาสัก และ สภ.ปากตะโก เพื่อตรวจเยี่ยม และมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจ รับฟังบรรยายสรุปภารกิจ หน้าที่ สอบถามปัญหาและอุปสรรค พร้อมทั้งให้คำแนะนำและมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ เน้นย้ำให้นำการมีส่วนร่วมของประชาชนมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชน สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ดูแล เอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ชีวิตความเป็นอยู่ ปัญหาหนี้สินต่างๆ สวัสดิการที่พึงจะได้รับแก่ตนเองและครอบครัว มีการสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีขวัญกำลังใจ และมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับใช้ประชาชนต่อไป
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนาย ที่ได้ตรากตรำร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งมาโดยตลอด หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ บทเรียน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียนรู้และนำไปปรับใช้ เพื่อให้มีความเป็นตำรวจมืออาชีพ ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเคร่งครัด
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่างๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท นั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งสืบสวนและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 293/2565 ลงวันที่ 22 มิ.ย.65 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว มีอำนาจในการสืบสวนคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุง จำกัด โดยประสานความร่วมมือกับ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขา ป.ป.ง., พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผอ.คด.4 ปปง., นางชลธิชา ดาวเรือง ผอ.คด.3 ปปง. เจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายกลับคืนให้กลุ่มผู้เสียหายและดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงิน
พฤติการณ์ในคดี กล่าวคือ เมื่อปี พ.ศ.2563 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์ , คณะกรรมการดำเนินการชุดใหม่ และได้จัดให้มีการตรวจสอบหลักฐานทางบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง พบความผิดปกติทางบัญชี การเงิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอก จึงได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจากการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏพบผู้ต้องหากับพวก ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก มีพฤติการณ์ร่วมกัน ตกลง วางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ กระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระต่างกัน เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปี พ.ศ.2563 โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดและวิธีการ มากกว่า 10 วิธีการ เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,489,572,427.14 บาท
ในคดีนี้ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 27 ราย แบ่งเป็น...
- เป็นผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ จำนวน 12 ราย (คดีอาญา)
- เป็นข้าราชการตำรวจ อยู่ในราชการ จำนวน 6 ราย ขณะกระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ รองประธาน และเหรัญญิก ซึ่งมีอำนาจลงนามสั่งจ่ายเช็ค (คดีอาญา) ร.ต.ต.พันธ์ชัยฯ รอง สว.(ป) สภ.เมืองพัทลุง, พ.ต.ท.วิเชียรฯ สว.กก.2 บก.ส.๑
ด.ต.ชุณฐกฤตม์ฯ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.พัทลุง, ร.ต.อ.ธนเวทย์ฯ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.พัทลุง, ร.ต.ท.หญิง อรุชาฯ รอง สว.ธุรการ สภ.โคกชะงาย และ ด.ต.สุทัศน์ฯ ผบ.หมู่ ป.สภ.ควนขนุน
- เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เกษียณแล้ว จำนวน 3 คน
ขณะกระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ รองประธาน และสมาชิกสมทบ (คดีอาญา), พ.ต.อ.ชำนาญฯ อดีต ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.พัทลุง, ร.ต.ต.ใจฯ อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.ควนขนุน และ ด.ต.วิชาฯ อดีต รอง สว.(ป) สภ.ศรีบรรพต เป็นสมาชิกสมทบ/ผู้นำเช็คไปขึ้นเงิน
- บุคคลภายนอก จำนวน 5 คน (คดีอาญา)
เป็นสมาชิกสมทบ/ผู้นำเช็คไปขึ้นเงิน/รับโอนเงิน จำนวน 3 ราย (นางสารภีฯ, นายศิรัฐโรจฯ และนางมณฑาฯ) เป็นโปรแกรมเมอร์ จำนวน 1 ราย (นายวิเชียรฯ) เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีภาคเอกชน จำนวน 1 ราย (นางพรศรีฯ)
โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม และดำเนินคดีในความผิดเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่
- เป็นอดีตข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ เกษียณแล้ว จำนวน 1 ราย (ส่ง ปปช.)
นางพัชราฯ ตำแหน่ง ผอ.ฯ ผู้ตรวจสอบบัญชีภาครัฐ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ได้มีปฏิบัติการเข้าตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด เพื่อตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้มูลค่ากว่า 694 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้...
1.อายัดบัญชี ผู้ต้องหาจำนวน 37 บัญชี เงินคงเหลือในบัญชี 4,369,867.76 บาท
2.ตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดิน 28 หลัง
3.ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 28 หลัง
4.ห้องชุด 6 ห้อง
5.ที่ดินเปล่า(โฉนด) 13 แปลง
6.ที่ดินเปล่า (นส.3 ก.) 11 แปลง
7.รีสอร์ต 1 แห่ง (หัวหิน)
8.ตลาดสดนาโยง จ.ตรัง (6 ไร่)
9.อายัดทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ (ผตห.6ราย)
10.รถยนต์ 19 คัน รถจักรยานยนต์ 12 คัน
ต่อมาเช้าวันที่ 13 ก.ย.65 ได้เข้าตรวจค้นเพิ่มเติมอีก 25 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี, นครศรีธรรมราช, ตรัง และพัทลุง สามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้เพิ่มเติมอีกกว่า 309 ล้านบาท
โดยทรัพย์สินที่สามารถติดตามยึดอายัดมาได้ในคราวนี้ ประกอบด้วย...
1. บ้าน จำนวน 7 หลัง โฉนดที่ดิน 5 แปลง (เพิ่ม)
2. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 5 จุด
3. ที่ดินตามโฉนดที่ดิน จำนวน 18 จุด
4. อายัดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 52,311,640 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดในคราวนี้ 309,311,640 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินตรวจยึดได้ทั้งหมด 1,003,753,140 บาท
'สุชาติ' ไม่ขอวิจารณ์ 'ธรรมนัส' จ่อหวนคืน พปชร. บอกข้อมูลยังไม่ชัดเจน มอง 'หญิงอ้อ' ออกงานเพื่อไทยที่เชียงใหม่ เพราะอยากให้กำลังใจลูกสาว ย้ำพา 'ทักษิณ' กลับไทยไม่ง่าย ประกาศขอเชียร์ลุงตู่ เพราะชอบสไตล์นี้
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าว ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะหวนคืนพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนไม่กล้าพูดเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เเต่เห็นรัฐมนตรีหลายคนในพรรคให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อยู่ จึงไม่มั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่
เมื่อถามว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จะสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ หัวเราะ พร้อมตอบว่าตอนนี้ยังไม่เกิด ไม่รู้จะพูดอย่างไร และเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในพรรค แต่ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นเรื่องยาก
ส่วนการที่ ร้อยเอก ธรรมนัส กลับมา จะเป็นการช่วยเสริมกำลังให้พรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ หลัง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าจะหลีกทางให้ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเพิ่งดูจากข่าว ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าข้อมูลไม่จริง พูดอะไรไปแล้วมันจะเป็นคำพูดที่ไม่ดี ขอให้เป็นข้อมูลที่ชัดเจนก่อน แต่เรื่องงานตอบได้เลย เพราะทำเอง ถ้าเรื่องการเมืองต้องอาศัยหลาย ๆ คนคุยกัน
ส่วนกรณี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา อดีตนายกฯ ทักษิน ชินวัตร มาร่วมงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังยุบพรรคไทยรักไทยนั้น นายสุชาติ มองว่า เป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงพจมาน จะมาให้กำลังใจลูกสาวที่เข้ามาทำงานการเมือง เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอาจถูกวางเป็นนายกฯ ก็อาจจะต้องอาศัยความอบอุ่นของครอบครัว ต้องอาศัยกำลังใจจากพ่อและเเม่ ถือเป็นเรื่องปกติ
นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' โดยระบุว่า...
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่น้ำมากที่สุดในรอบกี่ปี แต่อยู่ที่ผู้ว่าที่ไม่รู้จักการจัดการกับปัญหาที่มันมีอยู่คู่กับกรุงเทพตลอดมาต่างหาก”
ไอ้ที่ท่วมหนักปีนี้ ไม่ใช่เพราะฝนตกหนักที่สุดในรอบ 6 ปี 30 ปี 100 ปี หรอก
แต่หนักตรงที่มีผู้ว่าที่ “ไม่มีปัญญาจัดการกับปัญหาที่มันมีอยู่ทุกปี” ต่างหาก
ทำให้ปีนี้หนักที่สุด
เขตไหนไม่เคยท่วม ก็ท่วม
ปัญหาน้ำท่วม อยู่คู่กับกรุงเทพมา 200 กว่าปีแล้ว
ปีไหนที่มันท่วมหนัก ไม่ใช่เพราะปัญหาจากน้ำหรอก เพราะน้ำคือปัจจัยพื้นฐานที่อยู่คู่กับปัญหาน้ำท่วม ที่ใครจะมาเป็นผู้ว่า ควรรู้อยู่แล้ว มิใช่หรือ
ย้ำว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่น้ำ เพราะน้ำท่วมมาตลอด 200 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ แล้ว
แต่อยู่ที่ผู้นำไม่รู้จักการจัดการกับปัญหาที่มันมีอยู่คู่กับกรุงเทพฯ มาตลอด 200 กว่าปีต่างหาก
ตัวเองก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาตลอดชีวิต
แถมบอกว่า ได้ศึกษา เตรียมตัว มาก่อนเป็นผู้ว่ากว่า 2 ปี
ฝนตกตูมเดียว กรุงเทพฯ จมน้ำทันที
ช็อกวงการบันเทิงจีน 'หลี่ อี้เฟิง' พระเอกดังตัวท็อปของวงการ ถูกจับกุม ฐานซื้อบริการทางเพศหลายครั้ง ด้ายยแบรนด์สินค้าต่างก็แห่ยกเลิกสัญญาที่ทำกับพระเอกหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานข่าวใหญ่สะเทือนวงการบันเทิงจีน เมื่อพระเอกหนุ่มระดับซูเปอร์สตาร์ของจีนอย่างหลี่ อี้เฟิง (Li Yifeng) วัย 35 ปี ถูกตำรวจปักกิ่งจับกุม ฐานต้องสงสัยเรื่องการซื้อบริการทางเพศมาหลายครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือมาพักใหญ่เกี่ยวกับดาราดังที่ชอบซื้อบริการทางเพศ แต่ทางต้นสังกัดของ หลี่ อี้เฟิง เคยออกมาปฏิเสธข่าวมาแล้ว ด้านสถานีโทรทัศน์ CCTV ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีน ได้รายงานข่าวนี้โดยอ้างอิงแถลงการณ์จากทางตำรวจ เผยว่า เจ้าหน้าที่เพิ่งจะทำการจับกุมนักแสดงชายนามสกุลหลี่ จากการซื้อบริการทางเพศหลายครั้งและยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวคือพระเอกหนุ่ม หลี่ อี้เฟิง
หลี่ อี้เฟิง หรือ อีวาน หลี่ เป็นนักแสดงตัวท็อปคนหนึ่งของจีน มีผู้ติดตามในบัญชีเว่ยป๋อกว่า 60 ล้านฟอลโลเว่อร์ เริ่มเข้าสู่วงการจากการเข้าร่วมรายการประกวดร้องเพลงทางโทรทัศน์เมื่อปี 2550 ก่อนจะมุ่งหน้าสู่การเป็นนักแสดง เขามีผลงานการแสดงในซีรีส์ดังมากมาย รวมถึงเพิ่งจะรับบทบาทสำคัญเป็น 'ประธานเหมาเจ๋อตุง' ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในวัยหนุ่ม กับภาพยนตร์เรื่อง The Pioneer ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการฉลองวาระ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์อีกด้วย
นอกจากนี้ หลี่ อี้เฟิง ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ดังมากมาย รวมถึงการเซ็นสัญญากับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Prada แต่แบรนด์ต่าง ๆ ก็ออกมาประกาศตัดขาด หลี่ อี้เฟิง ทันที หลังมีรายงานข่าวจาก CCTV
แม้กระทั่งแบรนด์ Prada ก็ออกแถลงผ่านเว่ยป๋อว่า ทางแบรนด์ได้ยุติการร่วมงานทุกอย่างกับ หลี่ อี้เฟิง แล้ว
ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดของจีนก็ได้ลบชื่อของ หลี่ อี้เฟิง ออกจากโซเชียลมีเดียเช่นกัน หลังจากที่เขาเคยมีชื่อในสื่อประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานมาก่อน
ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีข่าวลือฉาวเกี่ยวกับนักแสดงดัง หลี่ ที่ปรากฏตามหน้าสื่อ และหลายเบาะแสชี้เป้ามาที่ หลี่ อี้เฟิง แต่ทางต้นสังกัดของเขาก็ยืนกรานปฏิเสธและออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า นักแสดงหนุ่มปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพเสมอ ยึดมันในบรรทัดฐานทางศีลธรรม และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแข็งขัน
(13 ก.ย. 65) ขณะนี้ชาวเน็ตให้ความสนใจไปที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งโพสต์เปรียบเทียบการรายงานสถานการณ์และแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คนก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้
เปิดไปดูเพจอดีตผู้ว่ากทม. อัศวิน ขวัญเมือง เลื่อนดูเล่น ๆ ในช่วงเวลาหน้าฝนแทบทุกวันมีแต่ข้อมูล และรายงานว่าได้สั่งงานอะไรบ้าง
รายงานตัวเลขหมด
ความน่าจะเป็นที่กรมอุตุเตือนรอบ 7 วันข้างหน้าว่าอาจจะมีฝนหนักแค่ไหน
มีการรายงานตัวเลขระดับน้ำแต่ละสถานีระบายน้ำ ว่าอยู่ระดับไหน พร้อมสำหรับรับน้ำแค่ไหน
ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสูงแค่ไหน น้ำทะเลหนุนแค่ไหน ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านประตูในแต่ละวันระบายได้แค่ไหน เพื่อประเมินกำลังในการระบายหากฝนตกหนัก
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เป็นเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองละเลยในเรื่องหลักการสำคัญ 6 ข้อ
1.) เรื่องน้ำเป็นงานในระดับยุทธศาสตร์ หากผู้บริหารบ้านเมืองควบคุมน้ำได้ จะเป็นผู้นำที่มีความสามารถ สามารถดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้ แต่ผู้บริหารยุคนี้ไม่คิดว่าเรื่องน้ำ เป็นงานในระดับยุทธศาสตร์
2.) ดำเนินยุทธวิธีที่ผิดพลาด ไม่มีความสามารถบริหารจัดการน้ำให้มี ‘ที่อยู่ที่ไป’ น้ำจึงท่วมหมด เช่น การควบคุมการเปิดปิดประตูระบายน้ำ บางแห่งไม่ควรปิด บางแห่งไม่ควรปิด
3.) การบริการจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ต้องทำทุกลุ่มน้ำ และต้องทำทุกจุด ทุกลุ่มน้ำ
4.) การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องในทางวิชาการหลายแขนงที่ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน เช่น ความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา บริหารน้ำขึ้นน้ำลง ความรู้ด้านวิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม ความรู้ทุกแขนงต้องเชื่อมโยงกัน
5.) หน่วยงานที่ทำงานเรื่องน้ำ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ และป้องกัน ควบคุม และช่วยเหลือประชาชน มีถึง 26 หน่วยงาน แต่การทำงานเป็นไปแบบต่างคนต่างทำ จึงไม่เคยเห็นนโยบายที่สอดคล้องกันในการแก้ไขปัญหาน้ำ
6.) ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงลานีญา ที่ลมจากตะวันออก พัดมาทางภูมิภาคอินโดจีน ประกอบกับสภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูง ฝนตกปริมาณมาก แต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศเสมือนอยู่ในภาวะปกติ แทนที่จะบริหารแบบ New Normal
นอกจากนี้นายปลอดประสพ ยังระบุต่ออีกว่า การละเลยปัญหา 6 ข้อข้างต้น ทำให้เกิดความผิดพลาด 5 ข้อ ได้แก่
1.) แผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างดีเยี่ยมโดยไม่ได้ใช้งบประมาณ และไม่ได้กระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดกับกฎหมาย นักวิชาการเข้ามาสนับสนุนแผนดังกล่าว แต่รัฐบาลไม่ทำต่อ กลับเอาเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทนำไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์
2.) งบประมาณ 1 แสนล้านบาทดังกล่าว รัฐบาลหลังการรัฐประหารนำเงินส่วนนี้ไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์ โดยการให้หน่วยงานด้านทหารขุดลอกคลอง แต่สุดท้าย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้ยุติโครงการ เพราะเป็นการเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เพราะขุดลอกคลองขึ้นมาในช่วงฝนตก ขุดคลองขึ้นมาแล้วไหลลงคลองเช่นเดิม เป็นการใช้เงินงบประมาณแบบละลายแม่น้ำ
3.) รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องน้ำในระดับยุทธศาสตร์ ปล่อยปละละเลยให้มีการสร้างเขื่อนล้ำเข้ามาในลำน้ำ ซึ่งเป็นคลองหลัก เช่น คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว น้ำจึงไม่มีที่ไป
4.) แต่ละหน่วยงานไม่มีการบูรณาการ ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน เช่น มีโครงการยกถนนโดยไม่ได้วางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง ถูกรื้อถอนออกจากประตูระบายน้ำคลองรังสิต ไม่มีการบริหารจัดการน้ำออกไปลงคลองประเวศ เป็นต้น
5.) การบริหารงานไม่โปร่งใส และล่าช้า ในช่วงที่ตนเป็นรัฐบาลมีโครงการขุดแม่น้ำแห่งใหม่ เพื่อระบายน้ำจากบางไทร ไปบางบาล ระยะทาง 20 กม. รัฐบาลนี้นำไปดำเนินการ ซึ่งต้องขอขอบคุณ เพราะเป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่เป็นการก่อสร้างที่มีมูลค่าสูงกว่า 3 เท่า ระยะเวลาก่อสร้างจากที่ตนเคยวางแผนไว้ 3 ปี รัฐบาลนี้วางไว้ถึง 7 ปี ซ้ำยังสร้างถนนประกบสองข้างทางแม่น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างผิดหลัก กีดขวางทางน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำจากอยุธยา บางบาล ปากเกร็ด ไม่มีที่ไปและจะทำให้น้ำท่วมมากกว่าเดิม
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่อาจจะมีการเลือกตั้ง และหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ตนจะเสนอให้รื้อถนนที่สร้างรอบแม่น้ำดังกล่าวออก เพื่อเปิดทางน้ำ ความละเลยผิดพลาดสะท้อนถึงความไม่รู้เรื่องของการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ ในยามนี้ประชาชนเดือดร้อน พรรคเพื่อไทยพร้อมจะช่วยเหลือ อย่างน้อยคือข้อคิด ประสบการณ์ และบุคลากรเท่าที่เรามี พร้อมเสนอแนะ 6 วิธีการจัดการน้ำท่วมตามหลักวิชาการ ไปยังรัฐบาลและผู้ว่า กทม. เพื่อให้การแก้ไขน้ำท่วมทำได้ดีกว่าเดิม ดังนี้