Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

'ยุนซอกยอล' ลุแก่อำนาจ สภาผลักดันถอดถอนพ้นปธน.

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก-ยอล สร้างความตกตะลึงให้กับทั้งประเทศด้วยการประกาศกฎอัยการศึกครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี โดยกล่าวถึง 'กองกำลังต่อต้านรัฐ' และภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งทำให้ประชาชนและนักการเมืองจำนวนมากพากันตื่นตัวและแสดงความไม่พอใจ

แม้ว่าการประกาศดังกล่าวจะถูกอ้างถึงเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก แต่ไม่นานนักก็เริ่มชัดเจนว่ากฎอัยการศึกนี้อาจมีสาเหตุมาจากความพยายามของประธานาธิบดีในการจัดการปัญหาภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองที่เขากำลังเผชิญหน้า

ทันทีที่กฎอัยการศึกประกาศออกมา ผู้คนหลายพันคนได้ออกมาประท้วงหน้ารัฐสภาเกาหลีใต้ โดยเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว พร้อมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรคฝ่ายค้านที่เร่งรุดไปที่รัฐสภาเพื่อทำการลงมติยกเลิก

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนเกิดขึ้นในช่วงที่เขาถูกกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองภายใน โดยเขาอ้างว่าเป็นการดำเนินการเพื่อกำจัด "กองกำลังต่อต้านรัฐ" ซึ่งเขาเชื่อว่าอยู่ภายในเกาหลีใต้เอง

ภายใต้มาตรการกฎอัยการศึกนี้ทำให้กองทัพเกาหลีใต้มีอำนาจพิเศษ โดยทหารและตำรวจเต็มเครื่องแบบถูกส่งไปยังรัฐสภา พร้อมทั้งมีเฮลิคอปเตอร์บินลงจอดบนหลังคาของอาคารรัฐสภา ขณะที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ารัฐสภา แต่ความตึงเครียดไม่ได้บานปลายเป็นความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 1:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น รัฐสภาเกาหลีใต้ได้ลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกด้วยคะแนน 190 เสียง ซึ่งทำให้กฎอัยการศึกที่ประกาศออกมาในตอนแรกเป็นโมฆะ โดยสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในเกาหลีใต้ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันผู้นำพรรคประชาธิปไตย (DP) ได้เรียกร้องให้สมาชิกพรรคมารวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อทำการโหวตคว่ำการประกาศดังกล่าว 

ประธานาธิบดียุนได้รับความนิยมที่ลดลงเรื่อย ๆ หลังจากการเลือกตั้งเดือนเมษายน 2024 โดยพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งและสามารถยับยั้งการผ่านกฎหมายของรัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมา เขายังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาคอร์รัปชันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งรับของขวัญจากดีออร์

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ในเวลาต่อมา วันที่ 14 ธันวาคม ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติเกาหลีใต้ในกรุงโซล มีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 204 เสียง 'ถอดถอนประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล' ออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศแล้ว นับเป็นการลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง (อิมพีชเมนท์) เป็นครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้ จากปัญหาอื้อฉาวกรณีการประกาศกฎอัยการศึกกลางดึกคืนวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ในการโหวต มีสมาชิกรัฐสภา 204 ต่อ 85 เสียง ลงมติเห็นชอบกับญัตติดดังกล่าว นั่นหมายความว่ายุนจะถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ทันที และ "นายกรัฐมนตรี" จะทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีแทน

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ อำนาจและหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีเกาหลีใต้ของยุน ซ็อกยอล จะถูกระงับลงชั่วคราวทันที ประธานาธิบดีต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ทันที "นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ฮัน ด็อกซู" จะเข้ามารักษาการแทนชั่วคราว

ขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะต้องส่งเรื่องมติถอดถอนในสภาไปยัง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ต่อ โดยศาลมีเวลาไต่สวน 180 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะให้ยุนพ้นจากตำแหน่งหรือจะคืนอำนาจให้ตามเดิม หากศาลพิจารณาเห็นชอบตามรัฐสภา จะต้องมีการประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ตามมาภายใน 60 วัน นับตั้งแต่มีคำตัดสินของศาล

‘หมูเด้ง’ เกิดมาเพื่อเป็นซุปตาร์ดังไกลกระฉ่อนโลก

นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระสุดน่ารัก จากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในความสนใจและส่งต่อความน่ารัก เด้ง ดีด ไปทั่วโลก เรียกว่าสร้างกระแสฟีเวอร์ชนิดไม่มีแผ่วตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

สำหรับ หมูเด้ง เป็นลูกฮิปโปแคระ เพศเมีย เกิดจากแม่ชื่อโจนา อายุ 25 ปี และพ่อชื่อโทนี่ อายุ 24 ปี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ในช่วงแรกที่หมูเด้งเกิดมา ทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้มีการเปิดโหวตให้ประชาชนได้ช่วยกันตั้งชื่อให้ลูกฮิปโปแคระตัวนี้ โดยมี 3 ชื่อให้เลือก คือ หมูเด้ง หมูแดง และหมูสับ ซึ่งชื่อ “หมูเด้ง” ก็ได้รับการโหวตมากที่สุด ซึ่งเกิดจากการอยู่ไม่นิ่งและพร้อมจะสวบคนเลี้ยงตลอดเวลาของเจ้าฮิปโปตัวน้อยนั่นเอง

หลังจากน้องหมูเด้งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ก็ได้สร้างวีรกรรมแสนซนทั้งเด้ง ดีด สวบ วิ่งวุ่น กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ชนิดรันไปทุกวงการ หลาย ๆ คลิปและภาพความน่ารักของหมูเด้งถูกเผยแพร่ออกไปจนกลายเป็นไวรัล พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ “หมูเด้งฟีเวอร์” มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเฝ้ารอชมความน่ารักที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวอย่างเนืองแน่น

ไม่เพียงเท่านั้น สื่อดังจากตะวันตกไม่ว่าจะเป็น BBC, the Guardian, The Independent, TIME และรอยเตอร์ ต่างก็พร้อมใจกันนำเสนอเรื่องราวความน่ารักของฮิปโปแคระแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวกันโดยพร้อมเพรียง 

นอกจากนี้ ยังมีคนดังจำนวนมากที่แวะเวียนมาเยี่ยมหมูเด้งที่สวนสัตว์อย่างไม่ขาดสาย และต้องยอมรับว่าผู้ที่มีกระแสฟีเวอร์มากที่สุดในปีนี้ คงหนีไม่พ้น ‘น้องหมูเด้ง’ ที่สร้างกระแสสุดปัง พร้อมเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนไทยและคนทั่วโลก

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

โดนัลด์ ทรัมป์ คัมแบ็ก คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จับตานโยบายสะท้านการเมือง-เศรษฐกิจโลก

โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เอาชนะคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ด้วยผลคะแนนที่ขาดลอย โดยทรัมป์ชนะใน 30 รัฐ รวมถึง 7 รัฐสมรภูมิสำคัญ นอกจากนี้ เขายังสามารถรักษาฐานเสียงในรัฐอนุรักษ์นิยมในภูมิภาคตอนกลางและตอนเหนือได้ครบถ้วน เช่น ไวโอมิง, ยูทาห์, โอคลาโฮมา, ลุยเซียนา และอาร์คันซอ ทรัมป์ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคเดโมแครตมาเกือบ 1 ศตวรรษ โดยเขาได้รับคะแนนกว่า 5,000,000 และ 3,500,000 คะแนนตามลำดับในรัฐทั้งสอง

ในวัย 78 ปี ขณะเลือกตั้ง ทรัมป์กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเขาประกาศชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการในช่วงดึกของวันที่ 5 พฤศจิกายน ณ เวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมประกาศว่า เจ.ดี.แวนซ์ จะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนที่ 50 ของสหรัฐฯ โดยทั้งคู่มีกำหนดเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม 2568

ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ดำรงตำแหน่ง 2 สมัยไม่ต่อเนื่องกัน นับตั้งแต่โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ในปี 2435 นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคนแรกในรอบกว่า 20 ปีที่สามารถชนะคะแนนมหาชน (Popular Vote) หลังจากล้มเหลวในการเลือกตั้งปี 2559 และ 2563 ในครั้งนี้เขาได้รับคะแนนมหาชนเกือบ 75 ล้านเสียง

การกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นที่จับตามองถึงผลกระทบที่จะมีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 โดยเฉพาะในหลายนโยบายที่ว่าที่ผู้นำสหรัฐอาจจะสร้างปรากฏการณ์เขย่าการเมืองโลกอยู่ไม่น้อย

บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี งดงามทั้งใจและใบหน้า

ในห้วงวิกฤตต่าง ๆ ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นในช่วงโควิด – 19 ระบา หรือ เหตุอุทกภัยใหญ่ ทุกคนจะได้เห็นผู้หญิงแกร่งที่งดงามทั้งจิตใจและใบหน้า อย่าง ‘บุ๋ม – ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ระธานมูลนิธิองค์กรทำดี ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ

สำหรับบุ๋ม ปนัดดา นั้นได้ชื่อว่านางฟ้าบนดินอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นนางงามที่มักทำความดีช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนอยู่เป็นประจำตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นขาลุยที่พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลากหลายรูปแบบอยู่เสมอ อย่างในอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บุ๋ม ปนัดดา พร้อมทีมงานได้ลงช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุน้ำท่วม และอยู่ร่วมฟื้นฟูหลังน้ำลดอีกนานนับเดือน จนกระทั่งสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

ดังนั้น บุ๋ม ปนัดดา จึงถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการบันเทิงที่เป็นต้นแบบแห่งการทำความดี และไม่เพียงแต่การช่วยเหลือคนในห้วงเวลาที่ประสบภัยเท่านั้น แต่เธอยังเป็นอีกหนึ่งคนที่ออกตัวเพื่อชนกับปัญหาที่ผู้หญิงถูกทำร้ายและถูกข่มขืนมาโดยตลอดด้วยเช่นกัน นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ จะเรียกเธอว่า ‘นางฟ้าบนดิน’ ที่งดงามทั้งจิตใจและใบหน้ามาตลอดหลายปี

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

ปฏิบัติการเด็ดปีกเหล่าบอส ธุรกิจหมื่นล้านสู่ข้อหาฉ้อโกง-แชร์ลูกโซ่

ย้อนมหากาพย์คดีดิไอคอน จากเครือข่ายบริษัทขายออนไลน์หมื่นล้าน 'บอสพอล' สู่ข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่ ความเสียหาย 3,000 ล้านบาท

ยังคงเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับ 'มหากาพย์คดีดิไอคอน' ซึ่งปัจจุบันพบยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอน กรุ๊ป ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ มากกว่า 9 พันคน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

TST พาไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ของ 'มหากาพย์คดีดิไอคอน' ตั้งแต่เริ่มต้นที่กลายมาเป็นประเด็นร้อน จนถึงความคืบหน้าล่าสุดในปัจจุบัน

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCON GROUP) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 โดยมีการแจ้งประเภทธุรกิจเป็นการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต และ 'บอสพอล' วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ได้รับการจดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัท โดยในระหว่างปี 2562-2566 รายได้รวมของบริษัทฯ สูงถึง 10,613,171,867 บาท

อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มถูกตั้งข้อสงสัยในปี 2567 ว่าอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หลังจากกลุ่มผู้เสียหายที่เปิดบิลแล้วไม่สามารถขายสินค้าได้ เริ่มออกมาร้องเรียนในเพจต่างๆ กระทั่งกลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อ 'กบ ไมโคร' หรือ นายไกรภพ จันทร์ดี นักร้องรุ่นใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊กแฉว่าเขาลงทุน 2 ล้านบาทกับบริษัทแห่งนี้ แต่สุดท้ายต้องเลิกลงทุน พร้อมกับกล่าวหาว่ามีผู้สูงอายุหลายคนลงทุนจนแทบสูญเสียทุกอย่าง และเรียกร้องให้หยุดธุรกิจที่อันตรายกว่าธุรกิจ 18 มงกุฎ

จากนั้น ผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลายเพจเฟซบุ๊กดังเริ่มเปิดเผยข้อมูลไม่พอใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งวิธีการธุรกิจที่มีการเชิญชวนให้เข้าร่วมอบรม-สัมมนาก่อนชวนเปิดบิลขายสินค้าหรือเป็นดีลเลอร์ นั้นถูกมองว่าเหมือนการทำแชร์ลูกโซ่ แม้ว่าจะมีการขายสินค้า แต่สินค้าหลายรายการกลับไม่ได้รับความนิยมตามที่โฆษณาไว้

เมื่อประเด็นร้อนเริ่มขยายตัว 'บอสพอล' วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอของดิไอคอนกรุ๊ป ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ทำธุรกิจ ผ่านระบบตัวแทนของบริษัทฯ เขาเชื่อมั่นว่าได้ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและไม่ผิดกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลของบรรดา 'บอสดิไอคอน' ที่มีชื่อเสียงเริ่มถูกขุดคุ้ยออกมาเผยแพร่ ซึ่งประกอบด้วย 'บอสกันต์' กันต์ กันตถาวร (CMO), 'บอสแซม' ยุรนันท์ ภมรมนตรี (CRO), และ 'บอสมีน' พีชญา วัฒนามนตรี (CCO) ทำให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท แต่เป็นเพียงผู้ช่วยในการทำการตลาด

หลังจากที่ผู้เสียหายออกมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจได้ออกหมายจับผู้บริหารและบอสใหญ่ของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป 18 คน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึงข้อหาฉ้อโกงประชาชนเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง

รายชื่อผู้ถูกจับรวมถึง 'บอสพอล' และบอสจากวงการบันเทิงอีกหลายคน ทั้ง 'บอสกันต์' กันต์ กันตถาวร, 'บอสแซม' ยุรนันท์ ภมรมนตรี, และ 'บอสมีน' พีชญา วัฒนามนตรี

ในขณะที่กลุ่มบอสดิไอคอนยังคงยืนยันว่า ธุรกิจของบริษัทไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่หรือการฉ้อโกงประชาชน แต่ทางคดีได้มีการขุดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและความเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ถูกเปิดเผยโดย 'เอกภพ เหลืองประเสริฐ' ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยอ้างว่ามีการใช้เงินสดฟอกแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัลและจ่ายสินบนในรูปแบบต่างๆ โดยมีการเซ่นไหว้ 'เทวดา' เพื่อขอความคุ้มครอง

เรื่องราวนี้ยังคงเป็นที่จับตามองในสังคม และยังคงมีการขยายผลสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

โค้ชเช ชัชชัย เช ผู้สร้างประวัติศาสตร์เทควันโดไทย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในการแข่งขันกีฬาเทควันโดรายการใหญ่ ๆ เรามักจะเห็นชายคนหนึ่งที่ทำทั้งหน้าที่โค้ช และทำหน้าที่ประท้วงกรรมการเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับนักกีฬาไทย ชายเกาหลีหัวใจไทย คนนั้นก็คือ โคชเช ชัชชัย เช หรือ ชื่อเดิม ชเว ย็อง-ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดไทย นั่นเอง

สำหรับโค้ชเช คือผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับเทควันโดของไทยอย่างแท้จริง ภายใต้การฝึกสอนของเขานั้น สามารถพา น้องเทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาได้ 2 สมัยติด และในฐานะผู้ฝึกสอนชาวไทย ยังได้พานักกีฬาไปแข่งโอลิมปิกมาแล้วถึง 5 สมัย

ตลอดระยะเวลาในการทำงานเป็นผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย โค้ชเช ได้ช่วยพัฒนานักกีฬาเทควันโดไทย จากที่เป็นอันดับท้ายๆของโลกก้าวมาสู่ 1-10 ของโลก พร้อมกับผลงานสำคัญบนเวทีโลก ทั้งในระดับโอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ และรายการชิงแชมป์โลก และสามารถกวดเหรียญรางวัลมาได้อย่างมากมาย 

โค้ชเชได้เข้ามาเป็นโค้ชให้นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 จวบถึงปัจจุบัน ได้สร้างผลงานโดดเด่น ได้แก่
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น, โอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส และเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล
- บุตรี เผือดผ่อง เหรียญเงินโอลิมปิก 2008 ที่จีน
- เทวินทร์ หาญปราบ เหรียญเงินโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล
- เยาวภา บุรพลชัย เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2004 ที่กรีซ
- ชนาธิป ซ้อนขำ เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ที่สหราชอาณาจักร และเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเทศจีน
- สริตา ผ่องศรี และ ชัชวาล ขาวละออ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเทศจีน

ผลงานยอดเยี่ยมด้วยการทำให้นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยประสบความสำเร็จและเป็นแชมป์โลกได้ถึง 4 คน ได้แก่
- รังสิญา นิสัยสม แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 62 กก.หญิง ในปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้
- ชัชวาล ขาวละออ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 54 กก.ชาย ในปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้
- ชนาธิป ซ้อนขำ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 49 กก.หญิง ในปี 2013 ที่ประเทศเม็กซิโก
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 46 กก.หญิง ในปี 2015 ที่ประเทศรัสเซีย

สำหรับ ชื่อ ชัชชัย เช ซึ่งแปลว่า "ชัยชนะที่มั่นคง" ได้รับการตั้งจาก สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย จากเดิมที่มีหัวใจไทยก็กลายเป็นคนไทยอย่างเต็มตัว

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

เอเลี่ยนสปีชีส์ตัวร้าย แพร่กระจายทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น

ประเทศไทยกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของ ปลาหมอคางดำ (Blackchin Tilapia) หรือที่เรียกกันว่า ปลาหมอสีคางดำ ในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเกษตรกรและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ โดยปลาชนิดนี้ถูกจัดให้เป็น เอเลียนสปีชีส์ ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด  

ปลาหมอคางดำมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา และแพร่กระจายจากแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือไปยังชายฝั่งในประเทศอย่างไนจีเรีย เซเนกัล และกานา โดยถูกนำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2553 เพื่อทดลองเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม การทดลองล้มเหลวและปลาชนิดนี้เริ่มหลุดรอดออกมาสู่ธรรมชาติ  

ปลาหมอคางดำมีลักษณะเด่นคือ ขนาดตัวที่ยาวถึง 8 นิ้ว ตัวผู้มีสีดำเด่นบริเวณหัวและแผ่นปิดเหงือกเมื่อโตเต็มวัย มีความสามารถปรับตัวสูง สามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม และทนต่อการเปลี่ยนแปลงของความเค็มได้อย่างรวดเร็ว  

ในด้านพฤติกรรม ปลาหมอคางดำมีอัตราการขยายพันธุ์สูง ตัวเมียสามารถวางไข่ได้ 150-300 ฟองต่อรอบ โดยตัวผู้จะช่วยฟักไข่ในปากได้นาน 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีระบบย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ต้องการอาหารตลอดเวลา และมีพฤติกรรมการกินที่หลากหลาย ตั้งแต่แพลงก์ตอน ลูกหอย ลูกกุ้ง ไปจนถึงซากสิ่งมีชีวิต  

ปลาหมอคางดำเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำพื้นถิ่น ทำให้สัตว์น้ำบางชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ นอกจากนี้ ยังสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมประมง โดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้ง เช่น กุ้งกุลาดำและกุ้งขาว  

ในปี พ.ศ. 2566 ปลาหมอคางดำถูกประกาศเป็นสัตว์น้ำต้องห้ามนำเข้าประเทศ แต่การแพร่ระบาดยังคงขยายวงกว้าง โดยพบการแพร่กระจายในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ รวมถึงพื้นที่ชานเมืองและใจกลางกรุงเทพมหานคร  

รัฐบาลได้ประกาศให้การจัดการกับปลาหมอคางดำเป็นวาระแห่งชาติในปี พ.ศ. 2567 และกำลังดำเนินมาตรการควบคุมประชากรปลาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การปล่อยปลานักล่า เช่น ปลากะพงขาว ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำ  

การแก้ไขวิกฤตปลาหมอคางดำในประเทศไทยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศจากการคุกคามของสายพันธุ์รุกรานชนิดนี้

วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกประวัติศาสตร์แบดมินตันไทย

แม้ว่าจะได้เพียงเหรียญเงิน ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ผ่านมา สำหรับ ‘วิว  กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ นักแบดมินตันชายเดี่ยว ทีมชาติไทย แต่ก็ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของแบดมินตันไทยที่ได้เหรียญโอลิมปิกเป็นครั้งแรก

และยังถือเป็นปีทองของวิว กุลวุฒิ อย่างแท้จริง หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้เมื่อปี 2023 ก่อนจะผ่านเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 เพื่อสร้างผลงานต่อ และก็เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านรอบแรกไปได้แบบฉลุย แม้ว่าในรอบน็อกเอาต์ จะต้องเจอด่านหินทั้ง นิชิโมโตะ จากญี่ปุ่น รวมถึง รอบก่อนรอง ยังปราบเอาชนะ ฉี ยู่ ฉี มือวางอันดับ 1 ของโลก จากจีนไปแบบทำเอาแฟนชาวไทยเฮกันสุดเสียง 2-0 เกม และรอบรองฯ เอาชนะ ลี ซี เจี่ย จากมาแลซีย 2-0 เกม

ถึงแม้รอบชิงชนะเลิศ วิว กุลวุฒิ จะพ่ายให้กับ วิคเตอร์ อเซลเว่น แชมป์เก่าจากเดนมาร์ก 0-2 เกม ไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้ตามที่ตั้งใจ แต่ก็นับได้ว่าเป็นผลงานที่สุดยอดอย่างยิ่ง และทำให้กลายเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญได้ นับตั้งแต่กีฬาบรรจุมาครั้งแรกในปี 1992

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

ยุบพรรคก้าวไกล-ถอดถอนเศรษฐา 'อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร' ผงาดนายกฯ

ปี 2567 ถือเป็นปีที่การเมืองไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากสองคดีใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อการเมืองทั้งระบบ ได้แก่ การยุบพรรคก้าวไกล และการถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน ส่งผลให้ประเทศไทยได้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แพทองธาร ชินวัตร

คดีที่ 1 ยุบพรรคก้าวไกล การยุบพรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากการที่พรรคเสนอ นโยบายแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถูกยื่นคำร้องว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาและตัดสินในวันที่ 31 มกราคม 2567 ว่าพรรคก้าวไกลมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

เหตุการณ์สำคัญ: 12 มีนาคม 2567 กกต. มีมติส่งคำร้องยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ  7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี  

หลังคำตัดสิน อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกลจำนวน 143 คนได้ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ชื่อ **พรรคประชาชน** โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้งในปี 2570  

คดีที่ 2 ถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน เศรษฐา ทวีสิน เผชิญคดีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แม้นายพิชิตจะมีประวัติคดีอาญาในข้อหาละเมิดอำนาจศาลจากกรณีติดสินบนระหว่างพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ  

เหตุการณ์สำคัญ เมษายน 2567 มีการยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนเศรษฐา  พฤษภาคม 2567 พิชิตลาออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์   สิงหาคม 2567ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งถอดถอนเศรษฐาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  

สองคดีนี้ไม่เพียงส่งผลต่อพรรคการเมืองและผู้นำ แต่ยังเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยโดยสิ้นเชิง การถอดถอนเศรษฐาทำให้ 'แพทองธาร ชินวัตร' ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดาราที่มุ่งมั่นทำดีฝ่าทุกกระแสดรามา

นับตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการแข่งขันรายการเดอะสตาร์ 6 ‘โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ เป็นหนึ่งในนักร้องนักแสดง ที่มีดรามามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความรัก หรือการทำงาน

จะว่าไปแล้ว โตโน่ ซึ่งปัจจุบันมีหลายบทบาท ทั้งเป็นนักร้อง นักแสดง นักฟุตบอล และ ปัจจุบันเป็นรักษาการประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ ไม่ว่าจะก้าวย่างหรือทำอะไร มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นดรามาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจ้าตัวนั้น เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง และหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วมักจะเดินหน้าไม่ถอย

ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งที่โตโน่ จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ว่ายน้ำตามลำน้ำโขง ข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม ประเทศไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ก็มีกระแสดราม่าถาโถมเข้ามารบกวนมากมาย แต่สุดท้ายก็ปฏิบัติภารกิจสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง 

จากผลความดีในครั้งนั้น ทางท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว ได้มอบเหรียญชัย ชั้นที่1 เหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว ให้กับโตโน่ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งเป็นการตอบแทนคุณความดีในการระดมเงินทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน และการมอบเหรียญเชิดชูเกียรติประดับชัยชั้นหนึ่งในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูผู้ทำคุณประโยชน์สูงสุด และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม

และล่าสุดในบทบาท รักษาการประธานสโมสรฟุตบอลเกษตรศาสตร์ เอฟซี ทีมในศึกเมืองไทยลีก (ไทยลีก 2) ที่โตโน่ ต้องเข้ามารับเผือกร้อนแบบไม่ทันตั้งตัว และในช่วงที่โตโน่ เข้ามารับตำแหน่งนั้น ทางสโมสรมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ติดค้างเงินดือนนักเตะหลายเดือน จนเกือบจะต้องยุบทีม

แต่ทว่า โตโน่ คือ ผู้ที่อาสาที่จะหาเงินและนำพาสโมสรสู้ต่อ ทำให้จากเดิมมีเงินติดบัญชีหลักร้อย ก็มีเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และแฟนบอลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับนักเตะได้ ไม่เพียงเท่านั้นผลงานในสนามของทีมเกษตรศาสตร์ยังกระเตื้องขึ้นอย่างมาก จนขยับขึ้นมาอยู่ในโซนหัวตารางและยังคงมีลุ้นขึ้นชั้นสู่ไทยลีก 1 อีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ โตโน่ ผู้ที่ไม่ยอมแพ้และในวันที่สโมสรต้องการคนเข้ามากอบกู้ ‘เขา’ ก็พร้อมที่สู้ไปกับทุกคน โดยไม่ทิ้งไปไน

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top