Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

นักศึกษาไทยฝึกงานเมคคาทรอนิกส์-หุ่นยนต์ในจีน กรุยทางสู่อาชีพในอุตสาหกรรมระดับโลก

(2 ม.ค. 68) ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทยได้ส่งเสริมโครงการความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจวของจีนกับวิทยาลัยเทคนิคของไทย จำนวน 5 แห่ง ซึ่งมีการรับสมัครนักศึกษารวม 85 คน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์

โครงการนี้จัดการฝึกอบรมแบบ “ภาษาจีน+วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์” แก่นักศึกษา โดยนักศึกษาจะเข้าฝึกงานที่บริษัท จูไห่ ฟาวน์เดอร์ ปริน เซอร์กิต บอร์ด ดีเวลอปเมนต์ จำกัด หรือฟาวน์เดอร์ พีซีบี (Founder PCB) ในจีนหลังจากผ่านการฝึกอบรม รวมถึงมีโอกาสเข้าทำงานที่ฐานการผลิตของฟาวน์เดอร์ พีซีบี ในไทยด้วย

สง่า แต่เชื้อสาย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งเดินทางไปส่งคณะนักศึกษาชาวไทยที่เข้าร่วมโครงการในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อไม่นานนี้ กล่าวว่าโครงการนี้ช่วยให้เด็กไทยได้เล่าเรียนและฝึกงานในจีน เปิดกว้างมุมมองและประสบการณ์ มีโอกาสได้งานทำที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาอาชีวศึกษาในไทยอย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่ง กว่างซีได้เดินหน้ากระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับอาเซียน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือทางอาชีวศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาของกว่างซีได้จัดตั้งวิทยาลัยช่างฝีมือสมัยใหม่จีน-อาเซียน จำนวน 17 แห่ง ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเกษตร การอนุรักษ์น้ำ ไฟฟ้า การขนส่ง ฯลฯ

ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับอาเซียนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอาเซียนจำนวนไม่น้อย เฉกเช่นอินทิรา พันธ์วิไล หรือหลี่เฟิ่งหวง บัณฑิตวิทยาลัยอาชีวะและเทคนิคหลิ่วโจว ได้เข้าทำงานที่บริษัท เซินหนาน เซอร์กิต จำกัด ในไทย ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จจากความร่วมมือดังกล่าว

กลุ่มคนวงในอุตสาหกรรมต่างๆ มองว่าความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับไทยไม่เพียงบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถมากทักษะที่บริษัทนานาชาติต้องการ แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ของอาชีวศึกษาสมัยใหม่ในสองประเทศ อัดฉีดแรงกระตุ้นใหม่สู่การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

ไขปริศนา 1 มกราคม: วันปีใหม่เกิดขึ้นได้อย่างไร? | THE STATES TIMES Story EP.161

ทำไมวันที่ 1 มกราคม ถึงกลายเป็นวันปีใหม่? 🎆
รู้หรือไม่ว่า วันปีใหม่มีที่มาจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ยุคบาบิโลเนีย จนถึงปฏิทินเกรกอเรียนที่เราใช้กันในปัจจุบัน 🌍
มาดูกันว่าทำไมโลกถึงเลือกวันนี้เพื่อเริ่มต้นปีใหม่!

📖 อ่านเพิ่มเติม: https://thestatestimes.com/post/2023122702

ส่องแนวคิด ‘จรัล ดิษฐาอภิชัย’ กับตรรกะที่ผิดเพี้ยนชู หลังชู ‘อานนท์ นำภา’ เป็นบุคคลแห่งปีทั้งที่ทำผิด กม. ซ้ำซาก

รูปปั้นประชาธิปไตยที่หล่อหลอมจากการกระทำผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 จรัล ดิษฐาอภิชัย โพสต์เสนอชื่อ อานนท์ นำภา เป็นบุคคลแห่งปี 2567 พร้อมชูเขาเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ การยกย่องบุคคลที่ถูกตัดสินจำคุก 18 ปีด้วยข้อหาภายใต้มาตรา 116 และ 112 นั้น กำลังสร้างภาพประชาธิปไตยในแบบใด? มันไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพหรือความเท่าเทียม แต่คือ “รูปปั้นประชาธิปไตยที่หล่อหลอมจากการกระทำผิดกฎหมาย” และรูปปั้นนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานที่มั่นคง แต่มันสั่นคลอนด้วยแนวคิดที่ไม่เคารพหลักนิติรัฐ

มาตรา 116: กติกาที่ปกป้องเสถียรภาพของสังคม
มาตรา 116 เป็นเหมือนรั้วที่ช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านประชาธิปไตย มันไม่ได้มีไว้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการพูด แต่มันมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คำพูดหรือการกระทำใดๆ ยุยงให้เกิดความไม่สงบในสังคม การที่อานนท์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายนี้ไม่ได้เกิดจากการแสดงความคิดเห็น แต่เพราะเขาจงใจละเมิดกติกานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในการปลุกปั่นยุยงและการกระทำที่ล้ำเส้นเกินกว่าการใช้เสรีภาพส่วนตัว

18 ปีแห่งการละเมิด: ราคาของการไม่เคารพกฎหมาย
การที่อานนท์ถูกตัดสินจำคุกถึง 18 ปีไม่ได้มาจากระบบที่อยุติธรรม แต่มาจากการกระทำผิดซ้ำซากที่ขัดต่อกฎหมายที่ทุกคนยอมรับร่วมกัน การเชิดชูบุคคลที่ละเมิดกฎหมายในลักษณะนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการส่งเสริมประชาธิปไตย แต่มันคือการลดคุณค่าของระบบที่ควรสร้างบนความยุติธรรมและการเคารพกติกา

ประชาธิปไตยหรือการบูชาคนผิด?
สิ่งที่จรัลทำในการยกย่องอานนท์ คือการสร้าง “รูปปั้น” ที่ไม่ได้สะท้อนถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่กลับเป็นการปั้นสัญลักษณ์ของการไม่เคารพกฎหมาย การนำคนที่ทำผิดอย่างต่อเนื่องมาชูเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสีย แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดว่า ความวุ่นวายและการละเมิดกฎหมายคือสิ่งที่ยอมรับได้

บทสรุป: สัญลักษณ์ที่ไม่ควรมี
ประชาธิปไตยไม่ควรถูกหล่อหลอมจากการกระทำผิดกฎหมาย การสร้างสัญลักษณ์ที่ขัดแย้งกับรากฐานของระบบย่อมไม่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง หากเรายังคงหล่อรูปปั้นจากความผิดพลาด ประชาธิปไตยในสายตาของคนไทยและนานาชาติจะไม่เหลือคุณค่า นี่ไม่ใช่การสร้างอนาคต แต่มันคือการย้อนกลับไปทำลายรากฐานที่สำคัญที่สุดของสังคม

เชียงใหม่-สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตำรวจ ตม.เชียงใหม่ บูรณาการกำลัง ติดตามนักท่องเที่ยวเหตุปล่อยโคมลอยลานท่าแพ 

ตามข่าวที่ปรากฎตามสื่อโซเชี่ยล เหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติได้พยายามปล่อยโคมลอยในพื้นที่บริเวณลานประตูท่าแพ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามปล่อยโคมลอยเนื่องจากอาจจะเกิดเพลิงไหม้ บ้านเรือนประชาชนซึ่งพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่

ซึ่งหลังจากเป็นเหตุเกิดขึ้น จนท.ตำรวจ ได้ติดตามนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว จนทราบตัวว่าเป็นใคร จึงได้ประสานติดต่อและเชิญตัวมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ทราบชื่อว่า นายฮิราโนะ อายุ 31 ปี สัญชาติญี่ปุ่น จากการสอบสวน นายโทโมะ ได้เดินทางมาเที่ยวกับครอบครัวเพื่อร่วมงาน Count down 2025 ณ ลานท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเข้ามาเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 68

ซึ่งตนตั้งใจเดินทาง มางานดังกล่าวกับครอบครัว หลังงานเค้าดาวน์ เสร็จ เวลาประมาณ 00.30 น. ตนจึงได้นำโคมลอยมาจุด บริเวณด้านข้างลานท่าแพเพราะเข้าใจว่า เขตห้ามปล่อยคือบนลานเท่านั้นแต่ขณะกำลังจะปล่อย ได้มี หมวดทวีศักดิ์ฯ มาตรวจพบและห้ามปราม แต่ตนติดว่าจุดนี้ปล่อยได้ จึงได้เกิดอารมณ์โมโหและแสดงกริยาที่ไม่ดีออกไป ตามที่เป็นข่าว หลังจากนั้นได้มีล่ามเข้ามาอธิบายให้ฟัง ตนจึงเข้าใจว่าเป็นเขตพื้นที่ห้ามปล่อยโคม จึงได้กล่าวขอโทษ ผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ และได้แยกย้ายจากจุดเกิดเหตุในคืนดังกล่าว

ต่อมา จนท.ตำรวจ ได้ติดต่อตนเข้ามาและนายฮิราโนะ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากเข้าพบและขอโทษ หมวดทวีศักดิ์ฯ ด้วยตนเองอีกครั้ง จึงได้ติดต่อเดินทางเข้ามา พบ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อขอพบผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ ในเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันเดียวกันนี้ 

โดย ผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ ได้ยอมมาพบและรับคำขอโทษ และไม่ได้ติดใจเอาความ นายฮิราโนะ แต่อย่างใด 

แต่ความผิดอาญา อีกส่วนหนึ่ง จนท.ตำรวจ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของนายฮิราโนะฯ มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ 

จนท.ตำรวจ จึงได้อธิบายให้นายฮิราโนะฯ ทราบถึงข้อหาความผิดดังกล่าว ซึ่งนายฮิราโนะฯ เข้าใจและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวน จึงทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท 

นายฮิราโนะฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าตนขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับผิดตามกฏหมาย และหากมีโอกาสจะกลับมาเที่ยวประเทศไทย อีกแน่นอน เพราะชอบแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย และรับปากว่าไม่แสดงพฤติกรรมแบบนี้อีกเด็ดขาด

‘โปรเมียว-โปรเปียโน’ นำทัพนักกอล์ฟบางจากฯ ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน

(2 ม.ค. 68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร ‘บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด’ จับมือโปรกอล์ฟของ ‘บางจากฯ’ จัดกิจกรรม Inspirational Talk With Pro ถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน นำทีมโดย ‘โปรเมียว’ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, ‘โปรเปียโน’ อาภิชญา ยุบล นักกอล์ฟไทยที่จบอันดับดีที่สุด ท็อป 5 ในยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น รายการเมเจอร์ของแอลพีจีเอ ทัวร์ และ ‘โปรเพชร’ พชร คงวัดใหม่ ผู้เล่นในลิฟ กอล์ฟ ลีก, ‘โปรแจน’ วิชาณี มีชัย, ‘โปรมิ้ม’ วรรษวัลย์ สังขพงษ์ และ ‘แพงกี้’ แอลล่า แกลิทสกีย์ มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ทั้งในและนอกสนามแข่งขัน ส่งต่อพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้นักกอล์ฟเยาวชนไทยมุ่งสู่ความสำเร็จ ที่ Golfing Ground Performance Center สาขาบางนา 

‘โปรเมียว’ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ นักกอล์ฟสาววัย 25 ปีเจ้าของแชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการ ที่สำคัญนับตั้งแต่เทิร์นโปรเมื่อปี 2017 ก่อนเข้ามาเล่นในแอลพีจีเอ ทัวร์เมื่อปี 2019 นั้น เธอลงเล่นมา 6 ฤดูกาลโดยไม่เสียทัวร์การ์ดแม้แต่ปีเดียว ซึ่ง ปาจรีย์ เผยเคล็ดลับว่า “ต้องบอกว่าเมียวเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเอง พยายามแก้ไขและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านค่ะ ถึงตอนนี้ชนะไป 2 รายการแต่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากพัฒนาให้ดีขึ้น เมียวมีเป้าหมายให้ตัวเองตลอดค่ะ...เมียวเชื่อว่าตราบใดที่เราไม่ท้อและไม่หยุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรเราก็มีความสุขที่ได้ทำค่ะ”

ทางด้าน ‘โปรเปียโน’ อาภิชญา ยุบล ประสบการณ์ 2 ปีในแอลพีจีเอทัวร์ เล่าถึงรายการยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ที่เธอบอกว่าเป็นรายการเปลี่ยนชีวิต “หลังจากจบท็อป 100 รักษาทัวร์การ์ดในปีแรกได้ เข้าปีสองรู้สึกเล่นได้ดีแต่ไม่สามารถผ่านการตัดตัว ซึ่งโนไม่เคยตกรอบเยอะขนาดนี้ในชีวิต ตอนนั้นเครียดมากตามด้วยความคิดไม่ดีเลย กระทั่งมาชนะควอลิฟายเข้าไปเล่นในยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ซึ่งเป็นแมทช์เปลี่ยนชีวิตเพราะเป็นเมเจอร์แรกที่ผ่านตัดตัวและจบท็อป 5 เป็นเงินรางวัลมากที่สุดในชีวิต เรื่องเครียดทั้งหมดหายไปเลย หลัก ๆ คือเรื่องเงิน จากนั้นผลงานดีขึ้นเลย ๆ จนได้มาเล่นซีเอ็มอี กรุ๊ป”

ส่วน ‘โปรเพชร’ พชร คงวัดใหม่ ดีกรีแชมป์เอเชียนทัวร์ 1 รายการและชนะรายการอย่างไม่เป็นทางการของยูโรเปียน ทัวร์อีก 1 รายการกล่าวถึงประสบการณ์การเข้าไปเล่นกับมือระดับเวิลด์คลาสในลิฟ กอล์ฟ ลีก ว่า “ประสบการณ์เขาผ่านมาเยอะกว่าเรามาก ๆ ครับ ทำให้เขารู้ว่าช็อตนั้น ๆ ต้องเล่นแบบไหน ส่วนผู้เล่นเก่ง ๆ ที่เคยเล่นด้วยผมชอบ อับราฮัม อันเซอร์ ผู้เล่นตัวเล็กและสามารถเล่นได้ทุกช็อตจริง ๆ ผมสัมผัสด้วยตัวเองแล้วต้องบอกว่า เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ เขาเก่งกว่ามากจริง ๆ”

คาซัคสถานผงาด! ครองฮับการลงทุนเอเชียกลาง ดึงเม็ดเงิน 15.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024

(2 ม.ค.68) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (ESCAP) ได้เผยแพร่รายงานการลงทุนประจำปี 2024 ซึ่งระบุว่า คาซัคสถานได้กลายเป็นประเทศชั้นนำของแถบเอเชียกลางที่สามารถดึงดูดการลงทุนในโครงการใหม่ได้ถึง 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นผู้นำด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียกลาง  

ข้อมูลระบุว่าในปี 2024 การลงทุนในคาซัคสถานเพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับปี 2023 คิดเป็น 63% ของการลงทุนทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่ติดในการจัดอันดับชาติที่ได้รับการลงทุนในภูมิภาคเอเชียกลางสูงสุดคือ อุซเบกิสถาน – 4 พันล้านดอลลาร์ (-49%)  คีร์กีซสถาน – 2.1 พันล้านดอลลาร์ (+310%)  อาเซอร์ไบจาน – 1.2 พันล้านดอลลาร์ (+1%) เติร์กเมนิสถาน – 339 ล้านดอลลาร์ จอร์เจีย – 126 ล้านดอลลาร์ อาร์เมเนีย – 67 ล้านดอลลาร์  

รายงานยังชี้ให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมการลงทุนในภูมิภาคสะท้อนถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งของบริษัทนานาชาติที่มุ่งกระจายกลยุทธ์การลงทุน โดยให้ความสำคัญกับโครงการในสาขาสำคัญ เช่น พลังงานสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี  

ในรายงานของESCAP ระบุว่า “ความสำเร็จนี้สะท้อนจากความพยายามอย่างจริงจังของหน่วยงานด้านการลงทุนและกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ความสำเร็จในภาคส่วนเกิดใหม่ไม่เพียงขึ้นอยู่กับนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน แต่ยังต้องมีการสนับสนุนครอบคลุมในทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลนักลงทุนหลังการลงทุนด้วย” 

แม้จะมีความท้าทายระดับโลก แต่คาซัคสถานยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ โดยยืนหยัดเป็นเวทีสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและโอกาสใหม่ ๆ ในปีนี้ คาซัคสถานยังจัดงานสำคัญด้านการลงทุน เช่น สภานักลงทุนต่างชาติ และการประชุมโต๊ะกลมการลงทุนระดับโลกคาซัคสถาน 2024 ซึ่งช่วยย้ำสถานะของประเทศในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคนี้

‘อ.อุ๋ย’ เห็นต่าง ปมตบรางวัลตำรวจปล่อย นทท. กระชากคอเสื้อ ชี้! เป็นดาบสองคม ทำกฎหมายไทยไร้ความศักดิ์สิทธิ์

(2 ม.ค. 68) อาจารย์อุ๋ย ปชป. ชี้!  มอบรางวัลตำรวจไม่ตอบโต้นักท่องเที่ยวกระชากคอเสื้อ เป็นดาบสองคม สร้างบรรทัดฐานที่บิดเบี้ยว ทำกฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ ตำรวจไทยปฏิบัติหน้าที่ยากขึ้น ย้ำ! การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยต่างหาก คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยว 

เมื่อวันที่ (1 ม.ค. 68) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “จากกรณีที่ มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ฝ่าฝืนกฎหมายโดยการปล่อยโคมลอยสีแดง บริเวณถนนคชสาร ซอย 3 ใกล้กับประตูท่าแพ โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากห้อมล้อม และเชียร์กันอย่างสนุกสนาน จนเกิดการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปห้ามปราม จนมีการกระชากคอเสื้อของตำรวจ นั้น

แม้สุดท้ายเหตุการณ์จะจบลงด้วยดี จนมีการมอบรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่มีความอดทนอดกลั้น ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินใจของตำรวจผู้ปฏิบัติงานและผู้มอบรางวัล อย่างไรก็ดี ผมมีข้อกังวลว่าการมอบรางวัลให้กับการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะนี้ คือการไม่ตอบโต้กับผู้ที่พยายามใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ และไม่ดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโดยการปล่อยโคมลอย จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานว่า การไม่ใช้อำนาจจับกุมผู้กระทำผิด กับการไม่บังคับใช้กฎหมายในเวลาที่ต้องใช้ คือการปฏิบัติหน้าที่ที่เจ้าหน้าตำรวจทุกนายควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง งั้นหรือ ? แบบนี้ต่อไปใครจะกระชากคอเสื้อตำรวจก็ได้ สุดท้ายขอโทษแล้วจบ งั้นหรือ ? 

ซึ่งผมเชื่อว่าหากเหตุการณในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและยึดถือสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส หรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่นเอง หากมีผู้ที่ทำผิดกฎหมาย และพยายามกระชากคอเสื้อเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ จะมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อยสามถึงห้าคนเข้ามารุมล้อมและจับใส่กุญแจมือและส่งเข้ารถคุมขังทันที ซึ่งหากทำอย่างถูกต้องตามหลักการการจับกุม ผู้ถูกจับกุมจะไม่เกิดการบาดเจ็บรุนแรงแต่อย่างใด และจะต้องถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะทำให้เกิดความวุ่นวายไม่สงบเรียบร้อย 

นักท่องเที่ยวปกติ (ขอเรียกว่านักท่องเที่ยว “สีขาว”) เขาจะนิยมเที่ยวประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเขาและครอบครัวสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้อกังวลกับโจรผู้ร้าย ในขณะที่นักท่องเที่ยวสีเทาหรือสีดำ จะชอบไปท่องเที่ยวประเทศที่การบังคับใช้อ่อนแอ หละหลวม สามารถใช้เงินและอิทธิพลเหนือกฎหมายได้ ผมจึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ว่าอยากได้นักท่องเที่ยวแบบไหน และขอย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยต่างหาก คือการสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ได้ผลดีที่สุด ด้วยความปรารถนาดี” 

เชียงใหม่-มอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” 

วันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนมอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนและเสียสละ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรตำรวจ

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 00.30 น. ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองเชียงใหม่ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่กำลังจะปล่อยโคมลอยบริเวณประตูท่าแพ จึงเข้าประชาสัมพันธ์ข้อห้าม แต่เกิดความเข้าใจผิดจนมีการโต้เถียงกัน

ภายหลังประสานล่ามช่วยสื่อสาร นักท่องเที่ยวเข้าใจและแสดงความเสียใจที่ไม่ทราบข้อห้ามมาก่อน เจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีเจตนาละเมิดกฎหมาย จึงไม่ดำเนินคดี และเหตุการณ์จบลงด้วยความเข้าใจ ไม่มีผู้บาดเจ็บ

'เทสลา ไซเบอร์ทรัก' ระเบิด ดับ 1 ราย มัสก์เชื่ออาจเป็นเหตุก่อการร้าย

(2 ม.ค. 68) เกิดเหตุรถกระบะไฟฟ้า 'ไซเบอร์ทรัก' (Tesla Cybertruck) ระเบิดที่ลานจอดรถด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) กำลังเร่งตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว

ภาพจากกล้องวิดีโอแสดงให้เห็นว่า รถไซเบอร์ทรักคันดังกล่าวเกิดระเบิดและไฟลุกท่วมในขณะที่จอดอยู่ด้านนอกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล

นายเควิน แมคมาฮิลล์ นายอำเภอเขตคล้ากเคาตี เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ KSNV ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08:40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่รถคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม และเริ่มมีควันก่อนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตภายในรถ 1 ราย

สำนักงานตำรวจลาสเวกัสได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “เรากำลังสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดรถไซเบอร์ทรักที่ทางเข้าอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ส ขณะนี้เพลิงถูกควบคุมแล้ว ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว”

ตำรวจยืนยันว่า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย โดย 2 รายต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ในโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ได้รับการย้ายไปยังโรงแรมใกล้เคียงคือ รีสอร์ท เวิลด์ ลาสเวกัส

แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรายงานสรุปเหตุการณ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ABC News ว่า รถไซเบอร์ทรักคันนี้บรรทุกดอกไม้ไฟชนิดกระสุนปืนครก (fireworks-style mortars) ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังหาสาเหตุว่าการระเบิดเป็นอุบัติเหตุหรือจงใจ

“การสืบสวนกำลังพุ่งเป้าไปที่ความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมและการก่อการร้าย จนกว่าจะพบแรงจูงใจที่ชัดเจน” รายงานระบุ

ด้านนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ทีมผู้บริหารระดับสูงของเทสลากำลังสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เรายืนยันว่าเหตุการณ์เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่หรือระเบิดที่อยู่ในรถไซเบอร์ทรักที่เช่ามา และไม่เกี่ยวข้องกับระบบของรถเอง”

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้พักอาศัยในพื้นที่และผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา ซึ่งยังคงต้องติดตามผลการสืบสวนต่อไป

2 มกราคม พ.ศ. 2551 วันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระธิดาใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2466 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ทรงเป็นพระเชษฐภคินีของพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่8 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติในหลายสาขา ทั้งด้านการศึกษาและสาธารณสุข โดยเฉพาะทรงสืบสานงานมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (มูลนิธิ พอ.สว.) พระองค์ทรงนำหน่วยแพทย์ พอ.สว. ออกเยี่ยมราษฎรและตรวจรักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในผู้ป่วยบางรายทรงรับไว้ในพระอนุเคราะห์ และส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลในตัวจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2538 ในโอกาสมหามงคลเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในตามธรรมเนียมโบราณราชประเพณีพระองค์เดียวในรัชกาล โดยทรงพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์”

ปลายปี 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประชวร และเสด็จไปประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช และสิ้นพระชนม์เมื่อวันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 หรือ วันนี้เมื่อ 17 ปีที่แล้ว สิริพระชันษา 84 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2551


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top