Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

‘ปราชญ์ สามสี’ แกะรอย 'เพนกวิน' โผล่เรียนที่สหรัฐฯ สุดกังขา ใครอยู่เบื้องหลังเส้นทางหลบหนีคดี 112

( 3 ม.ค. 68) - เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์ สามสี เปิดประเด็นการหลบหนีคดีมาตรา 112 ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปต่างประเทศ ว่ามีกลุ่มใดอยู่เบื้องหลัง โดยระบุว่า เอ๊ะ จิ๊กซอว์ ต่อลงพอดีเลยแหะ?!? "เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ หลบหนีลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ดัน 'บังเอิญ' ไปโผล่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับที่อาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล สอนอยู่! อาจารย์ผู้มีจุดยืนกระทบกระเทียบสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างเปิดเผย

นี่คือโชคชะตาหรือขบวนการที่วางแผนมาแล้วอย่างแยบยล? จิ๊กซอว์นี้ต่อออกมาแล้วจะเห็นภาพอะไรกันแน่—แค่บังเอิญ หรือเรื่องที่มี 'อะไร' ซ่อนอยู่มากกว่านั้น?"

ปราชญ์ สามสี ระบุว่า จรัล ดิษฐาอภิชัย ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ว่าได้เดินทางไปเยี่ยม 'เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์' ที่สหรัฐอเมริกา โดยระบุถึงการพบปะกับ Paul Handley ผู้เขียนหนังสือ The King Never Smiles ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิพากษ์บทบาทของสถาบันกษัตริย์ไทยในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นอกจากนี้ จรัลยังกล่าวถึงการใช้เวลาร่วมกันในบริบทที่ดูเหมือนจะบ่งชี้ถึงสถานที่ของเพนกวินในอเมริกาอย่างชัดเจน

การโพสต์ดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยในแง่มุมของการหลบหนีของเพนกวิน ซึ่งเคยประกาศว่าจะยืนหยัดในประเทศไทยและไม่ลี้ภัยออกนอกประเทศ ทว่าการเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจผ่านโพสต์นี้ชี้ให้เห็นถึงที่อยู่ของเขาในสหรัฐฯ อย่างชัดเจน พร้อมเชื่อมโยงถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและเครือข่ายในวงการที่มีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ข้อผิดพลาดในลักษณะนี้นอกจากจะทำให้การหลบซ่อนตัวของเพนกวินกลายเป็นที่จับตามอง ยังอาจนำมาซึ่งคำถามทางการเมืองและสังคมเกี่ยวกับการสนับสนุนที่เขาได้รับในต่างประเทศ ซึ่งอาจรวมถึงการช่วยเหลือพิเศษหรือการประสานงานในระดับนานาชาติ

แกนนำการเคลื่อนไหวทางการเมือง 'เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์' ได้โพสต์ข้อความยอมรับถึงการสูญเสียจุดยืนทางการเมืองของตนเองในกรณีมาตรา 112 โดยเขาเคยยืนยันว่าจะไม่หลบหนีออกนอกประเทศหรือขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ท้ายที่สุดกลับจำใจต้องหลบหนี ซึ่งเขาได้ยอมรับว่าเป็นการละเมิดจุดยืนที่เคยตั้งไว้ โดยการกระทำนี้เกิดขึ้นหลังเขาต้องเผชิญคดีการยุยงปลุกปั่นและใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ไทย พร้อมกับการปล่อยให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ต้องเผชิญชะตากรรมในเรือนจำ

ข้อความที่เขาโพสต์เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ไม่เพียงสะท้อนถึงความย้อนแย้งในจุดยืนของตัวเอง แต่ยังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายของเขาขณะยืนอยู่หน้าภาพโมเสคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งหากตรวจสอบลึกลงไปพบว่าภาพดังกล่าวถ่ายในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับ UW-Madison Letters & Science (L&S) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดใน University of Wisconsin-Madison (UW-Madison) ประเทศสหรัฐอเมริกา

วิทยาลัยแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของหลายสาขาวิชาที่ครอบคลุมทั้ง ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์กายภาพ สังคมศาสตร์ และ วิทยาการคอมพิวเตอร์และข้อมูล

ทั้งนี้เริ่มมีข้อสงสัยหนาหูว่า เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้รับการช่วยเหลือพิเศษจากทางการทูตของสหรัฐอเมริกาในการจัดการให้เขาสามารถไปศึกษาอยู่ที่ University of Wisconsin-Madison (UW-Madison) แบบเป็นกรณีพิเศษหรือไม่

ซึ่งบางคนมองว่านี่อาจเป็นตัวอย่างของการใช้เส้นสายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคลในสถานการณ์ที่ควรจะเผชิญหน้ากับความจริงในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112

คำถามนี้สะท้อนความไม่พอใจในสังคมว่าการได้รับโอกาสในลักษณะนี้ อาจทำให้หลายคนมองว่าเป็นการใช้สิทธิพิเศษเกินควร โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาที่ต้องเผชิญชะตากรรมในเรือนจำ ในขณะที่ตัวเขาเองสามารถหลบหนีและได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาต่อในต่างประเทศจากสหรัฐ

เรื่องนี้จึงยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มีข้อเท็จจริงหรือเบื้องหลังใดที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศหรือไม่ และความยุติธรรมของกระบวนการเหล่านี้จะสามารถอธิบายให้สังคมยอมรับได้อย่างไร

เปิดประวัติ 'ชอลซู' หุ่นสังหารตัวใหม่จาก 'Squid Game' แรงบันดาลใจจากตัวละครในแบบเรียนเกาหลี

(3 ม.ค. 68) หลังจากที่ Netflix เปิดตัวซีรีส์เรื่องดัง Squid Game ซีซั่น 2 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024  ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดผู้ชมรวมถึง 68 ล้านวิวภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 แต่ยังครองอันดับหนึ่งในหมวดคอนเทนต์ยอดนิยมใน 92 ประเทศทั่วโลก

แม้เรื่องราวของซีซั่น 2 จะปิดฉากลง แต่ก็มีการเปิดตัวอย่างความเข้มข้นของ ซีซั่น 3 ที่วางแผนฉายในปี 2025 โดยหนึ่งในจุดเด่นที่มีการพูดถึงคือการเปิดตัวตุ๊กตาสังหารตัวใหม่ อย่าง 'ชอลซู' ที่มาเป็นคู่หูของ 'ยองฮี' หรือตุ๊กตาเด็กผู้หญิงในชุดสีเหลืองที่คนไทยรู้จักในชื่อ 'โกโกวา' จากเกม AEIOU

สำหรับแรงบันดาลใจในการสร้างชอลซูและยองฮี มาจากตัวละครในแบบเรียนประถมของเกาหลีใต้  โดยตัวละครนี้ปรากฏครั้งแรกในปี 1948 ผ่านฝีมือของ คิมแทฮยอง หนึ่งในผู้จัดทำตำราเรียนแห่งชาติ ชอลซูและยองฮีเปรียบเสมือนตัวแทนความทรงจำวัยเด็กของชาวเกาหลีใต้ คล้ายกับ 'มานะ-มานี' จากแบบเรียนภาษาไทยระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 บเรียนภาษาไทย ระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 รวม 12 เล่ม (ภาคเรียนละ 1 เล่ม) ซึ่งใช้ในการเรียนการสอนภาษาไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2521–2537 

นอกจากถูกใช้เป็นตัวละครในเรื่อง Squid Game ชอลซูและยองฮียังเป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสติ๊กเกอร์เซ็ตที่ใช้ในแอปพลิเคชัน  Kakao ด้วย

การปรากฏตัวของชอลซู ในซีรีส์ทำให้แฟน ๆ หลายคนจับตามองว่าจะมีการนำหุ่ชอลซูมาใช้ในเกมใด เพราะในซีรีส์ทั้งภาค 1 และ 2 ผู้สร้างมีการนำการละเล่นในวัยเด็กของชาวเกาหลีมานำเสนอในซีรีส์ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เกมตีกระดาษ (ตั๊กจี) เกมแกะน้ำตาล (ดัลโกนา) และหมากเก็บ (กงกี)

Squid Game จึงไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์ที่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้สู่สายตาชาวโลกอีกด้วย

‘สมภพ’ ตีแผ่ระบบการศึกษา ‘ฟินแลนด์’ ที่ได้ชื่อว่าดีสุดในโลก สุดท้ายคุณภาพนักเรียนตกต่ำ แถมคนเก่งเผ่นหนีหาความเจริญ

(3 ม.ค.68) จากเฟซบุ๊ก 'Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ หัวข้อ ฟินแลนด์ – หายนะทางการศึกษา โดยระบุข้อความว่า

พวกเราคงได้ยินว่า การศึกษาของฟินแลนด์ดีที่สุดในโลก นักเรียนฟินแลนด์เป็นนักเรียนที่มีความสุขที่สุดในโลก กันบ่อย ๆ แล้ว

วันนี้ผมเอาข้อเท็จจริง ที่ตรงข้ามกับการยกย่อง สรรเสริญ เยินยอ มาฝาก 

ฟินแลนด์เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการศึกษาของตนครั้งใหญ่ในยุค 70s โดยเลิกชั้นประถมและมัธยม ปรับเปลี่ยนหลักสูตรจากที่เคยเรียนวิชาพื้นฐานเป็นระดับจากง่ายไปยาก เป็นเรียนตามหัวข้อ เรียนเป็นโปรเจกต์ หลังจากนั้นมีการ ยกระดับการศึกษาอาชีวะและวิชาชีพให้มีความสำคัญเท่าเทียมกับการศึกษาเพื่อเตรียมเรียนต่อในมหาวิทยาลัย นำเอาระบบที่ใช้เด็กเป็นศูนย์กลาง เลิกการให้การบ้าน เลิกการสอบประจำปี จนเหลือแต่การสอบเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่เรียกว่า Matriculation ที่เป็นการสอบระดับชาติ 

โรงเรียนและการศึกษาของฟินแลนด์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว ก่อนที่เด็กนักเรียนไม่ต้องทำการบ้าน ไม่ต้องสอบ

หลังจากนั้นก็เสื่อมถอยตกตํ่าลงไปเรื่อยไปจนปัจจุบันไม่อาจกล่าวได้ว่ามีอะไรน่าชื่นชม นอกจากเรียนง่าย ๆ สบาย ๆ ซึ่งถูกจริตในหมู่คนที่ต้องการบั่นทอนบ่อนทำลายชาติ หรือโง่เง่า หรือขี้เกียจสันหลังยาวในบ้านเรา ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีกีบ ไม่ว่าจะเลี้ยงลูกที่ไหน ไม่ว่าจะเลี้ยงลูกครึ่งหรือควบครึ่งลูก

ภาพด้านซ้ายมือ คือ ผลการสอบ ด้านวิชาการ (PISA) ของนักเรียนมัธยมปลายของประเทศต่าง ๆ

คะแนนสอบการอ่านของนักเรียนฟินแลนด์ในปี 2022 ลดลงจากปี 2000 มากถึง 56 คะแนน

ส่วนคะแนนสอบคณิตศาสตร์ของนักเรียนฟินแลนด์ในปี 2022 ลดลงจากปี 2003 มากถึง 79 คะแนน

การศึกษาที่ห่วยลงย่อมส่งผลต่อคุณภาพนักเรียนที่เรียนจบ ฟินแลนด์มีปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน ปีนี้จีดีพีติดลบ 1% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งติดลบกว่า 3% เมื่อเทียบกับ 2022 และตั้งแต่ 2008 แทบจะไม่มีการเติบโตของเศรษฐกิจเลย ซึ่งเป็นผลให้ประเทศยากจนลง มีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามกราฟในภาพกลาง และคุณภาพชีวิตของคนฟินแลนด์ลดลง

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลฟินแลนด์โดยนักเลือกตั้งที่ผ่านการศึกษาฟินแลนด์เปิดรับผู้อพยพนับหมื่น ๆ คนต่อปี โดยคิดไม่ได้หรือไม่ได้คิดว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง ทำให้เกิดปัญหาสังคมและเศรษฐกิจตามมาเพิ่มเติมด้วย

ผลลัพธ์คือ คนหนุ่มสาวชาวฟินแลนด์อายุระหว่าง 20 ถึง 40 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ จำนวนมากขึ้นๆอพยพออกจากฟินแลนด์ เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ตามภาพขวาสุด

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและการจัดเก็บภาษีในรัฐสวัสดิการแห่งนี้อย่างรุนแรงต่อไป

ทั้งหมดนี้ เป็นวงจรอุบาทว์ที่เริ่มจากการทำลายการศึกษา ทำลายโรงเรียน ด้วยความหวังดีโง่ ๆ ที่อยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนสบาย ๆ 

และหากในอนาคต มีใครเห่าหอนอวยว่าโรงเรียนและการศึกษาของฟินแลนด์ดีงามแค่ไหน เราสามารถแน่ใจได้ว่า ไอ้หรืออีนั่น ไม่รู้ห่านอะไรเลยแม้แต่น้อย

ทูตจีนย้อนเกล็ดสหรัฐ หนุนเอกราชไต้หวัน ลืมสัญญาปี 1978 แล้วหรือ ย้ำรบจีนยังไงก็ไม่ชนะ

(3 ม.ค. 68) จาง ฮานฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวผ่านสำนักข่าวสปุตนิกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ในการสร้างวาทะกรรมที่ทำให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เกิดความไม่มั่นคง เพราเมื่อใดที่ไต้หวันเผชิญหน้ากับจีน ก็แพ้พลังของกองทัพจีนอยู่ดี

"การเล่นกับไฟจะทำให้เกิดการล้มเหลวในที่สุด ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ซึ่งเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มจะพ่ายแพ้" จางกล่าวในบทความที่เขียนสำหรับสปุตนิก

นายจางยังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ "มองข้ามข้อเท็จจริงและแทนที่ด้วยคำโกหก" โดยสหรัฐให้การสนับสนุนการแยกตัวของไต้หวันอย่างเปิดเผย

"สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นอย่างชัดเจนในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เมื่อปี 1978 เกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และในคำแถลงร่วมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1982 ว่าสหรัฐฯ 'ยอมรับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด' และ 'เข้าใจจุดยืนของจีนที่มีเพียงจีนเดียวในโลกและไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน' ซึ่งเป็นหลักการที่ชัดเจนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"

จางยังกล่าวว่า วอชิงตันสนับสนุนความทะเยอทะยานของนายไล่ชิงเต๋อผู้นำไต้หวัน ในการแยกตัว "แม้จะมีความเสี่ยงที่จะทำลายความสงบและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำมั่นทางการเมืองของพวกเขา"

"สิ่งนี้ยิ่งยืนยันว่า สหรัฐฯ มีแผนการที่ซับซ้อนในการเล่น 'การ์ดไต้หวัน' และใช้ 'แรงกดดันสูงสุด' ด้วยการละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง โดยหวังผลจากการสร้างความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและปกปิดเจตนาที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือในการยับยั้งจีน ซึ่งที่แท้จริงแล้วคือต้องการขัดขวางการพัฒนาของจีนและรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่กำลังเลือนหายไป เมื่อเผชิญกับพลังอันเป็นหนึ่งเดียวของชาวจีน 1.4 พันล้านคน พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้" เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมอสโกระบุ 

‘เอกนัฏ’ ซัด พวกไม่หวังดีปูดข่าวแตกคอ ‘พีระพันธุ์’ เคลียร์ชัด! ยังคุยกันดี พร้อมจับมือร่วมทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ (2 ม.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ ทางสถานีโทรทัศน์ท็อป นิวส์ ถึงกรณีที่ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยถึงการที่พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยย้ำว่า สาเหตุของการร่วมรัฐบาลเพื่อไทยก็คือ เพื่อทำตามนโยบายของพรรคในเรื่องการป้องกันการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาม.112, การป้องกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และ 2 และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ 

ดังนั้นตราบใดที่ตนเองและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังทำงานในรัฐบาล นายพีระพันธุ์ ตนเองและพรรคก็พร้อมจะเดินหน้าทำงานตามนโยบายที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนและรักษาซึ่งอุดมการณ์ที่มีอย่างเต็มที่เพื่อประเทศและคนไทย โดยไม่ขอสนใจการเล่นการเมืองหรือความที่ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามแต่ โดยเฉพาะการเมืองแบบเก่า ๆ และหากการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเดิมหรือทำให้ใครไม่พอใจ ตนเองก็ต้องขอโทษด้วย แต่ถึงวันนี้ยังยืนยันว่า อุดมการณ์ของตนไม่เคยเปลี่ยน และทุกอย่างที่ทำล้วนมีเหตุมีผลและทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศยังเดินหน้าต่อไปได้

“ไม่ได้ทำการเมือง เพื่อให้ตนเองหรือนายพีระพันธุ์ ต้องเป็นหัวหน้าไปตลอดชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องรักษาศรัทธาของประชาชนเอาไว้และยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แค่เท่านั้นเอง” นายเอกนัฏ ระบุ

นายเอกนัฏ ย้ำด้วยว่า เป็นเรื่องไร้สาระกับข่าวที่ว่าพรรคกำลังแยกกันเดินออกเป็น 2 สาย คือ สายของตนเองและสายของนายพีระพันธุ์ โดยข่าวดังกล่าวเกิดจากผู้ไม่หวังดีที่ต้องการให้พรรคแตกแยกกัน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะทุกวันนี้ตนและนายพีระพันธุ์ ยังคุยกันดี ปรึกษากันทุกเรื่องและจับมือเดินหน้าทำงานไปด้วยกัน ส่วนกรณีที่มีรูปถ่ายใกล้ชิดกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นเกิดจากการที่ตนได้พานายอากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องการลงทุนของบริษัท โตโยต้า ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตนเองคาดหวังให้โตโยต้าลงทุนในไทยด้วยเม็ดเงินราว 100,000 ล้านบาท(หนึ่งแสนล้านบาท) แต่เบื้องต้นโตโยต้าได้ตอบตกลงที่จะลงทุนในไทยเพิ่มอีกอย่างน้อย 55,000 ล้านบาท(ห้าหมื่นห้าพันล้านบาท) และเตรียมที่จะส่งคนมาสำรวจวิจัยการลงทุนในไทยเพิ่มเติมตามที่ตนได้ร้องขอ

นายเอกนัฏ ยังระบุถึงการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือร่างพรบ.โซลาร์ โดยยืนยันว่า หากร่างพระราชบัญญัตินี้ผ่านสภา มีผลบังคับใช้ คนไทยจะได้ใช้ไฟในราคาที่ถูกลงอย่างแน่นอน ทั้งยังสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง โดยไม่ต้องขออนุญาตเหมือนเช่นในอดีต ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะนำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานมาช่วยอุดหนุนควบคู่ไปกับการผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งระบบโซลาร์แบบครบชุดในราคาที่ถูก เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟสำหรับใช้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ในราคาที่ย่อมเยาด้วย โดยตนเองมั่นใจด้วยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมคาดการณ์กรอบเวลาที่จะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุด คือ ภายในไม่เกิน 1 ปีนับจากนี้

การสนับสนุนให้ภาคประชาชนสามารถติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ง่าย นอกจากส่งผลต่อบ้านเรือนที่ติดตั้งแล้ว ในภาพรวมยังสามารถลดค่าไฟฟ้าที่ทั้งประเทศจะต้องร่วมกันจ่ายได้ด้วย จากที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยลงเพราะมีการผลิตในภาคครัวเรือน ทำให้การตั้งกำลังไฟสำรองก็น้อยลงตามไปด้วย 

สำหรับการทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมเป้าหมายของตนชัดเจนคือการทำให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยฟื้นกลับมาเข้มแข็ง เพื่อที่จะเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ผ่านการจัดระบบ ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมดี ๆ ในประเทศ ควบคู่กับการเดินหน้าจัดการกับโรงงานและอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ไม่มาตรฐาน รวมถึงการปกป้องอุตสาหกรรมสำคัญของไทยไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ 

“ไม่ได้บอกว่าตนไม่เคยทำอะไรผิดพลาดในชีวิต แต่ตนเป็นคนที่เตือนสติตัวเองอยู่ทุกวันทั้งก่อนนอนและตื่นนอน ด้วยความกลัวว่าจะเป็นคนที่ไม่ดี เป็นคนที่จะอ่อนข้อให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งผมมั่นใจว่าผมชนะมารในตัวผมได้ มั่นใจได้ว่าขิงยังเป็นขิงคนเดิม” นายเอกนัฏกล่าวในตอนท้าย

รับชมรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ ฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=tZJpugth0No

‘โก๊ะตี๋’ ประกาศแยกทางภรรยา ‘กวาง’ หลังเพิ่งแต่งได้ปีเดียว ปิดฉากรัก 12 ปี

‘โก๊ะตี๋’ ประกาศแยกทางภรรยา ‘กวาง’ ยุติรัก 12 ปี หลังเพิ่งแต่งได้ปีเดียว ยันไม่มีมือที่ 3 ขอโทษทุกฝ่ายที่ทำให้ผิดหวัง 

(3 ม.ค. 68) เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา สำหรับตลกชื่อดัง โก๋ตี๋ อารามบอย และ กวาง แฟนสาว 

ล่าสุดโก๊ะตี๋ เปิดเผยถึงการยุติความสัมพันธ์ 12 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านบัญชี Instagram โดยระบุเป็นข้อความ ดังนี้

“ก่อนอื่นหนูต้องกราบขอโทษทุก ๆ คนที่หนูต้องขอแจ้งมาตรงนี้นะครับ… เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาหนูได้ตัดสินใจคุยกับน้องกวาง… ถึงอนาคตและวิธีคิดต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันต่อไป… แต่ด้วยตัวตนของหนู วิธีคิดของหนู หรือการกระทำของหนู รวมถึงอีกหลายอย่างที่อยู่รอบตัวหนู มันทำให้ความฝันของหนูและกวางคงเป็นไปได้ยากครับ… ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่หนูแบกรับมันมานานแสนนานและมันกดดันคนข้าง ๆ หนูและตัวหนูเองตลอดเวลา จึงทำให้หนูเผลอพูดคำแรง ๆ ออกไป ซึ่งผู้หญิงน้อยคนจะรับได้… ซึ่งหนูรู้ตัวเองว่าหนูเปลี่ยนมันไม่ได้ เมื่อใดที่หนูตกอยู่ภายใต้ความกดดันแบบนี้ หนูก็จะทำและเป็นแบบนี้อีก… หนูจึงบอกกับกวางว่าเราคงไม่ใช่คนที่จะเดินทางร่วมกันและสร้างความฝันที่ตั้งใจกันไว้ได้สำเร็จ… หนูขอพูดตรงนี้นะครับว่า การที่เราทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้ไม่มีมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งกวางและหนูครับ… มันคือทัศนคติล้วน ๆ ครับ… ปี๊ขอบคุณกวางที่รักผู้ชายคนนี้และเดินทางร่วมกันมา 12 ปี ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา… เราต่างก็เจ็บปวดนะเพราะเราต้องแยกย้ายกัน ทั้งที่ยังรักกัน ขอบคุณความรักของกวางที่มีให้ผู้ชายบ้าน ๆ คนนี้เสมอมา

“ปี๊ขอบคุณกวางจริง ๆ ปี๊รักกวางนะ” โกเคยบอกกับหนูว่าทะเลาะกันอย่าโพสต์ลงโซเชียลหนูต้องกราบขอโทษโกด้วยครับ ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นการทะเลาะกันเลยครับ… หนูขอบคุณผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายที่พยายามทำให้รักของเรา2คนไปกันต่อได้ แต่ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องของคน2คนจริง ๆ ครับ… หนูขอโทษอาต๋อย (ซึ่งเปรียบเหมือนพ่อคนที่ 2 ของหนู) หนูขอโทษพี่ยุทธที่หนูทำให้พี่ผิดหวัง และกราบขอโทษผู้ใหญ่ของทางกวาง ทั้งโกน้อง ทั้งแม่ พี่ชายกวางอีก 5 คนอาเจ็ก อาซิม และญาติของกวางทุก ๆ คน…ขอบคุณที่รักและเมตตาหนูมาโดยตลอด 12 ปี ก่อนหน้านี้หนูพยายามทำให้มันดีที่สุดเพราะไม่อยากให้ทุก ๆ คนต้องผิดหวังและเสียใจกับคู่ของหนูและกวางครับ… หนูยังรักและเคารพทุก ๆ ท่านเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้ด้วยเหตุผลของเรา 2 คนเดินร่วมทางกันต่อไม่ได้… มันผิดที่หนูคนเดียวครับ เพราะนี่คือการตัดสินใจของหนูเองตั้งแต่ต้นครับ

นทท.ข้ามแดนผ่านด่านยูนนานพุ่ง 3 แสน เพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบปีที่แล้ว

(3 ม.ค. 68) สถานีตรวจสอบการผ่านแดนขาเข้า-ขาออกตำบลโม๋ฮัน มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รายงานว่า ด่านรถไฟโม๋ฮันได้รองรับการเดินทางข้ามพรมแดนของประชาชนจากราว 100 ประเทศและภูมิภาค จำนวนมากกว่า 301,000 คนในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 136 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ด่านรถไฟโม๋ฮันได้รองรับการเดินทางโดยรถไฟข้ามพรมแดนในปี 2024 มากกว่า 7,900 เที่ยว ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความนิยมของการเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นับตั้งแต่เปิดให้บริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดน เนื่องจากมีราคาถูกและสะดวกสบาย

'ท่องเที่ยวจีน' เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจสูงในขณะนี้ หลังจากจีนขยายโครงการฟรีวีซ่ากับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการผ่อนปรนนโยบายเดินทางผ่าน (transit) แบบฟรีวีซ่า ซึ่งขยายระยะเวลาพำนักที่ได้รับอนุญาตสำหรับนักเดินทางชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์จากเดิม 72 และ 144 ชั่วโมง เป็น 240 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่สถานีฯ กล่าวว่า การเปิดให้บริการรถไฟโดยสารข้ามพรมแดนจีน-ลาว เส้นทางสิบสองปันนา-หลวงพระบาง เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2024 ได้เพิ่มการเดินทางข้ามพรมแดนจาก 300 คนต่อวันเป็นมากกว่า 800 คนต่อวัน โดยตัวเลขสูงสุดในหนึ่งวันอยู่ที่มากกว่า 1,200 คน

มัคคุเทศก์แซ่หวังจากมณฑลอวิ๋นหนานกล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวนั้นทั้งสะดวกและรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทาง ทำให้ผู้เดินทางเลือกใช้บริการนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

ริตชี เดวิด สจ๊วร์ต นักท่องเที่ยวชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวจีนครั้งแรกพร้อมภรรยา กล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาวนั้นให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน ทั้งสะดวกสบายและคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมทั้งสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยที่สถานีรถไฟในคุนหมิงอีกด้วย

‘ทรัมป์’ จวกรัฐบาลเดโมแครตอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ เปิดชายแดนจนประเทศล้มเหลว ย้ำพบกัน 20 ม.ค. จะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

เมื่อวันที่ (2 ม.ค.68)โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล หลังการเกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนใส่ฝูงชนในเมืองนิวออร์ลีน รัฐฐลุยเซียนา โดยว่าที่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า  ประเทศของเราตกอยู่ในหายนะ เป็นที่ขบขันของทั่วโลก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดชายแดน ด้วยความเป็นผู้นำที่ไม่มีอยู่จริง อ่อนแอ และไร้ประสิทธิภาพ กระทรวงยุติธรรม (DOJ) สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และอัยการรัฐและท้องถิ่นเดโมแครต ต่างไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน ไร้สมรรถนะ และทุจริต ใช้เวลาทำงานทั้งหมดไปกับการโจมตีคู่แข่งทางการเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือผมเอง แทนที่จะมุ่งปกป้องชาวอเมริกัน จากคนเลวจากทั้งในและนอกประเทศที่ใช้ความรุนแรงและแทรกซึมอยู่ในทุกภาคส่วนของรัฐบาลและชาติของเรา"

ทรัมป์ ระบุอีกว่า "เดโมแครตควรละอายแก่ตนที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับประเทศของเรา สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องตอนนี้ ก่อนจะสายไป สหรัฐอเมริกากำลังแหลกสลาย ความปลอดภัย ความมั่นคงแห่งชาติ และประชาธิปไตย กำลังถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างรุนแรงทั่วทั้งชาติ ความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและทรงพลังเท่านั้นที่จะหยุดยั้งได้ แล้วพบกันวันที่ 20 มกราคม ผมจะทำให้อเมริกากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

คำกล่าวของทรัมป์สะท้อนเสียงวิจารณ์ของชาวอเมริกันบางกลุ่มที่มองว่ากรณีเหตุที่นิวออร์ลีน จุดชนวนข้อถกเถียงขึ้นเกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมืองภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดนว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก็ตาม ทำให้บุคคลสำคัญฝั่งขวาหลายคนรีบเชื่อมโยงโศกนาฏกรรมครั้งนี้เข้ากับนโยบายคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน  

กฟผ. น้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ กรมสมเด็จพระเทพฯ เตรียมจัด '70 พรรษา 7 โครงการเฉลิมพระเกียรติ'

(3 ม.ค.68) กฟผ. น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดทำโครงการ '70 พรรษา 7 โครงการเฉลิมพระเกียรติ' มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ถือเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2568 กฟผ. จึงจัดทำโครงการ '70 พรรษา 7 โครงการเฉลิมพระเกียรติ' เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดังนี้

1) โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยจัดหาและปลูกรักษาพืชหายากสมุนไพรท้องถิ่น รวมถึงเพาะขยายพันธุ์แจกจ่ายกล้าไม้และเมล็ดพันธุ์พืชท้องถิ่น เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 17 แห่ง 

2) โครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ ออกหน่วยให้บริการตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นตารวม 35,000 อัน 

3) โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เบอร์ 5 กำลังผลิตรวม 70 กิโลวัตต์ ให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ในพื้นที่ห่างไกล 

4) โครงการเพิ่มคุณภาพอากาศในโรงพยาบาล โดยติดตั้งนวัตกรรมระบบหมุนเวียนและบำบัดอากาศ (City Tree) ภายในโรงพยาบาล 7 แห่ง เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และกำจัดเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย 

5) โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงาน โดย กฟผ. จะดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานใน 3 ระบบ ได้แก่ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ และระบบทำความร้อนของมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงพยาบาลภายใต้มูลนิธิเทพรัตนเวชชานุกูล รวม 3 แห่ง 

6) โครงการสนับสนุนชุดนักเรียนเบอร์ 5 ให้แก่โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ โรงเรียน ตชด. และโรงเรียนในโครงการด้วยรักและห่วงใย จำนวนทั้งสิ้น 7,000 ชุด 

7) กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ณ เขื่อนสิรินธร ระหว่างวันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 

โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 7 โครงการ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ส่งเสริมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนองพระราชปณิธานและถวายความจงรักภักดี 'เจ้าฟ้านักพัฒนา' ของปวงชนชาวไทย

‘รองนายกฯประเสริฐ’ เตรียมใช้เวที ‘ADGMIN’ ผลักดัน ‘อาเซียน’ จับมือปราม ‘ภัยออนไลน์’ ย้ำความพร้อม ‘ไทย’ เจ้าภาพประชุมใหญ่ ‘รัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล’ ครั้งที่ 5 ระหว่าง 13-17 ม.ค.นี้ 

(3 ม.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 13-17 มกราคม 2568 ประเทศไทย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Digital Ministers’ Meeting: The 5th ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ และโรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล (ADGMIN) กำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดต่อเนื่องกับการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล (ADGSOM) เพื่อเป็นเวทีสำหรับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านดิจิทัลของอาเซียน ได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่สำคัญ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านดิจิทัลในอาเซียน และส่งเสริมความร่วมมือกับคู่เจรจาอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) รวมถึงการรับรองและรับทราบเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานในกรอบอาเซียนด้านดิจิทัลในปีถัดไป

ทั้งนี้ การประชุม ADGMIN ในครั้งนี้ มีหัวข้อหลักคือ ‘Secure, Innovative, Inclusive: Shaping ASEAN's Digital Future’ หมายถึง การมุ่งเน้นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่มั่นคงปลอดภัย ตอบสนองและรับมือต่อภัยคุกคามและอาชญากรรมไซเบอร์ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุบัติใหม่ และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่านแกนหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความมั่นคง นวัตกรรม และความครอบคลุม ที่จะเป็นเสาหลักที่จะพัฒนาอนาคตด้านดิจิทัลและนำอาเซียนไปสู่ความก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ เลขาธิการอาเซียน คู่เจรจาของอาเซียน ผู้แทนระดับรัฐมนตรีจากประเทศติมอร์ - เลสเต เข้าร่วมการประชุมฯ

โดยการประชุมครั้งนี้มีวาระการพิจารณาประเด็นสำคัญ ได้แก่ การหารือระดับรัฐมนตรีด้านดิจิทัล เพื่อแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าและการพัฒนาด้านดิจิทัล โดยเฉพาะพัฒนาการที่สอดคล้องกับหัวข้อหลักของการประชุม , การรายงานผลสำเร็จของโครงการปี 2567 ภายใต้การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (ADGSOM) และหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาม (ATRC) , การติดตามผลการดำเนินการตามแผนแม่บท ASEAN Digital Masterplan (ADM) 2025 , การอนุมัติงบประมาณจากกองทุน ASEAN ICT Fund สำหรับดำเนินการในปี 2568 , การรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมฯ อาทิ ร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) ร่างแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (Joint Media Statement) ร่างเอกสารสำคัญที่เป็นแนวทางการดำเนินงานด้านต่างๆ ของอาเซียน อาทิ ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แผนปฏิบัติการสำหรับความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล การพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล แนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) เป็นต้น 

“ประเทศไทยพร้อมแล้ว สำหรับการจัดประชุม ADGMIN ครั้งที่ 5 โดยรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสนี้กระทรวงดีอี จะเสนอและผลักดันประเด็นสำคัญ คือ การดำเนินการของคณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (WG – AS) ซึ่งไทยทำหน้าที่ประธาน พร้อมผลักดันรายงานและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาแนวทางเพื่อประสานงานและรับมือกับภัยออนไลน์ระหว่างอาเซียน โดยจะมีการรับรองเอกสารข้อแนะนำของอาเซียนในการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (ASEAN Recommendations on Anti – Online Scam) เพื่อจัดการกับปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ผ่านช่องทางดิจิทัลและโทรคมนาคม ซึ่งจะถูกบรรจุอยู่ในร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) โดยจะมีการรับรองในระหว่างการประชุม ADGMIN ครั้งที่ 5 นี้” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top