Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

ชลบุรี..'น้องฝ้าย' พิมพ์พิศา รับรอง คว้าแชมป์ Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ได้สิทธิ์เข้าดวล วงสวิงกับนักกอล์ฟระดับโลกในศึกฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025

ที่สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการจัดพิธีมอบรางวัลการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ซึ่งมีการจัดแข่งในระหว่างวันที่ 7 - 8 มกราคม 2568 โดยมี นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด พร้อมด้วยนางสาวมนวรา เพชรพลากร  ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ร่วมแสดงความยินดีกับ “น้องฝ้าย” พิมพ์พิศา รับรอง ผู้ชนะการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน  ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568  ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี
     
สำหรับ การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรีในครั้งนี้ มีนักกีฬากอล์ฟหญิงทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 88 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดการแข่งขัน โดยผลการแข่งขันฝ้าย-พิมพ์พิศา นักกอล์ฟสมัครเล่นทีมชาติไทย วัย 18 ปี จากกรุงเทพมหานคร สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จด้วยผลงานยอดเยี่ยม 6 อันเดอร์พาร์ 138 (69-69) ทิ้งอันดับ 2 สรัลพร เกตุสุวรรณ ที่ทำสกอร์เข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 140 (69-71) 

ด้านนายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ซึ่งการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ) ผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี ส่งเสริมและพัฒนากอล์ฟสตรีไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติ ได้เข้าร่วมดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเวทีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของนักกอล์ฟหลายคน      

ส่วนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จะกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่และความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแฟนกอล์ฟอีกครั้งในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี สำหรับนักกอล์ฟไทยที่เข้าร่วมแข่งขัน นำโดย จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล ที่คว้า 2 แชมป์แอลพีจีเอ ในปีที่ผ่านมา ทั้ง Dow Championship และ CME Group Tour Championship ก่อนจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของโลก ในฤดูกาล 2024 พร้อมด้วย แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ โดยรายชื่อทั้งหมดของนักกอล์ฟสตรีชั้นนำระดับโลกทั้งไทยและต่างชาติจำนวน 72 คน จะมีการเปิดเผยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

'ทรัมป์' ส่งลูกชายเยือนกรีนแลนด์ เชื่อหวังฮุบน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ

(8 ม.ค.68) โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางเยือนกรุงนุก เมืองหลวงของกรีนแลนด์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หนึ่งวันหลังจากบิดาของเขากล่าวย้ำถึงความสนใจในเกาะกึ่งปกครองตนเองแห่งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเดนมาร์ก

รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ทรัมป์ จูเนียร์ ใช้เครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปยังกรุงนุก โดยใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ราว 4-5 ชั่วโมงโดยไม่มีการเข้าพบเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นแต่อย่างใด เกาะแห่งนี้มีประชากรราว 57,000 คน และเป็นจุดหมายที่เขาเผยว่าตั้งใจจะเยี่ยมชมตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา

ทรัมป์ จูเนียร์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X พร้อมวิดีโอจากห้องนักบิน ขณะเครื่องบินกำลังลงจอดบนดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะว่า “กรีนแลนด์กำลังร้อน... แต่หนาวมาก!” เขาเสริมว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการมาเยือนในฐานะนักท่องเที่ยว และพ่อของเขาก็ฝากคำทักทายมายังชาวกรีนแลนด์ด้วย

ความสนใจของทรัมป์ต่อกรีนแลนด์สร้างความฮือฮา เนื่องจากเขาเคยกล่าวไว้ว่า การที่สหรัฐเข้าควบคุมเกาะแห่งนี้เป็นสิ่งที่ “จำเป็นอย่างยิ่ง” พร้อมโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง!” แนวคิดดังกล่าวถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างประเทศที่ไม่ยึดติดกับกรอบทางการทูตแบบดั้งเดิม

ด้านนายกฯ เมตต์ เฟรเดอริกสัน ของเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้กับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างสหรัฐ และย้ำว่า “กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย” 

นายกฯ มิวต์ เอเกเด ของกรีนแลนด์เองก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า อนาคตของกรีนแลนด์ขึ้นอยู่กับชาวกรีนแลนด์ และการแสดงความคิดเห็นจากต่างชาติไม่ควรทำให้ดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนทิศทางการพัฒนาของตัวเอง

กรีนแลนด์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพสหรัฐ และยังเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงพึ่งพาการประมงและการสนับสนุนจากเดนมาร์กเป็นหลัก

สมาชิกสภาจากกรีนแลนด์ อาจา เคมนิตซ์ กล่าวชัดเจนว่า เธอไม่ต้องการให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทะเยอทะยานทางการเมืองของทรัมป์ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องดินแดนนี้จากอิทธิพลภายนอก

การเดินทางของทรัมป์ จูเนียร์ แม้จะถูกระบุว่าเป็นเพียงการเยือนส่วนตัว แต่ก็ยิ่งทำให้กรีนแลนด์กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงในเวทีการเมืองโลก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญวันเด็ก 240,000 ชิ้น แด่นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ณ  ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

(8 ม.ค. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ  นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ เข้าพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบชุดของขวัญวันเด็ก ประกอบด้วย สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด และกล่องดินสอ รวมจำนวน 240,000 ชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายให้เด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ  ห้องสีม่วง  ตึกไทยคู่ฟ้า  ทำเนียบรัฐบาล

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า งานสังคมสงเคราะห์ กิจกรรมที่สำคัญหนึ่งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทำเป็นประจำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 66 ปี  คือ การมอบของขวัญให้เด็กๆ ในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ”แบ่งปันความรัก ความสุขและเสริมการเรียนรู้  เพราะ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”  สร้างเด็กไทยในวันนี้ให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าของสังคมและประเทศชาติในอนาคต  โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้จัดพิธีมอบชุดของขวัญวันเด็กให้กับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีผู้แทนโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ ณ ลานสำนักงานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ รวมทั้งยังจัดให้มีการส่งชุดของขวัญวันเด็กของมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาค ผ่านหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ

โดยในปี พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ทั้งสิ้น รวม 3,600,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 15 ล้าน 8 แสนบาท

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการส่งเสริมด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

'เอกนัฏ' หวังเห็นค่าไฟต่ำกว่า 3 บาทต่อหน่วย เชื่อเป็นไปได้ หาก 'รัฐ-เอกชน' ร่วมมือกัน

‘เอกนัฏ’ รมต.อุตสาหกรรม หวังเห็นค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 3 บาทต่อหน่วย ขอความร่วมมือ "รัฐ-เอกชน" ผสานสร้างแต้มต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

(8 ม.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ งานประจำปี สศอ. OIE Forum ครั้งที่ 16 "Industrial Reform : ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่" ในหัวข้อ “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่” จัดโดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ว่า รัฐบาลผลักดันให้เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้าเติบโตได้ ภารกิจกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นพระเอกมีความท้าทาย หลายคนมองเอสเอ็มอีจะฟื้น ส่วนตัวหวังว่าจะมีส่วนส่วนดัน GDP ไม่ต่ำกว่า 1% โดยไม่ใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว

ทั้งนี้ จึงต้องดูสภาพเศรษฐกิจของประเทศ หากวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศ ยังอยู่ระหว่างกำลังฟื้นจากโควิด จะเห็นปัญหาหนี้สาธารณะเกือบแตะ 70% ซึ่งไทยตั้งงบขาดดุลทุกปีเพื่อนำเงินมาลงทุน เมื่อหนี้สาธารณะสูง จึงมีข้อจำกัดในการตั้งงบประมาณขาดดุลมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ก็ยังติดปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง ธนาคารไม่ปล่อยกู้ ทำให้การจับจ่ายใช้สอดหดตัว

ดังนั้น ความหวังจึงอยู่ที่ภาคอุตสาหกรรม แต่การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งเทคโนโลยี ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า คนส่วนใหญ่มองเป็นปัญหาความท้าทายที่ไทยต้องเจอ แต่ตนมองว่าเป็นโอกาสสำคัญของไทย ถ้าสามารถปรับตัวได้เร็ว และแรง เท่ากับการเปลี่ยนแปลง มั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นกลับมาเป็นพระเอกให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโตได้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ภารกิจนี้จะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ จึงต้องร่วมมือและปรับตัว ทั้งรัฐ และเอกชน เพราะจุดเด่นไทยวันนี้เป็นเป้าหมายของนักลงุทนทั่วโลก จากการมีโลเคชั่นที่ดีเชื่อมต่อเหนือลงใต้ คาบมหาสมุทรผ่านประเทศไทย มีโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนมา 10 ปี โดยใช้เงินมหาศาล มีซัพพลายเชนสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่มีความสมบูรณ์มากสุดที่หนึ่งในภูมิภาค มีคนไทย ประเทศน่าอยู่ 

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมพยายามปรับการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุด แต่ก็มีสิ่งที่ท้าทาย คือต้นทุน เชื้อเพลิง ไฟฟ้า ทรัพยากรและน้ำ จึงลงนามให้ปลดล็อกการติดตั้งโซลาร์บนหลังคาโดยไม่ต้องขออนุญาต อีกทั้งการที่อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศลดค่าไฟ 3.70 บาท นั้น ถ้าช่วยกันจะต่ำกว่า 3 บาทได้ จะเป็นแต้มต่อสำคัญของภาคอุตสาหกรรม เพราะไทยมีนโยบายบายเป็นมิตรกับการลงทุน มีซัพพลายเชน ทุกเซ็กเตอร์ได้ประโยชน์ นักลงทุนจะเข้ามาสร้างเศรษฐกิจประเทศมหาศาล    

"วันนี้เราต้องการใช้ไฟสะอาด ซึ่งการซื้อไฟโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังคงมีราคาแพง การผลิตพลังงานก็ถูกดิสรัปที่เป็นบวกเกิดต้นทุนทำให้เนื้อไฟกว่าจะมาถึงจาก 2 บาทกลายเป็น 4 บาท การปลดล็อกทำให้ไม่ต้องผ่านหลายระบบ ดังนั้น หาก กฟผ.ทำหน้าที่พัฒนาสมาร์ทกริด แอพพลิเคชันสำรองไฟโดยเฉพาะแบตเตอรี่จะสามารถเอาพลังงานเหลือกลางวันมาใช้ในกลางคืนได้ถ้าช่วยกันทำจะเห็นค่าไฟเลข 2 บาทแน่นอน"

ดังนั้น หากแก้ปัญหาพลังงาน ภาษี ปรับการส่งออก อุตสาหกรรมยานยนต์จะโต ซึ่งเซกเตอร์สำคัญ ยานยนต์ ไฮเทค อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมอาหารและชีวภาพ รวมถึงการพัฒนาคนจะฟื้นให้ภาคอุตสาหรกรรม ภาครัฐต้องทำงานร่วมกับเอกชน ปรับตัวทำให้สะดวกโปรงใส่ ลดต้นทุนพลังงาน สร้างมูลค่าเพิ่มเติมเต็มซัพลลายเชนในอุตสาหกรรมสำคัญ ปกป้องอุตสาหกรรมต้นน้ำ เอสเอ็มอีประเทศ ไม่ให้ลักลอบเอาสินค้าที่ผลิตเกินมาดั้มราคาในไทย

ผู้นำคนต่อไปใครจะมาแทน 'จัสติน ทรูโด นายกฯใหม่แคนาดา เปลี่ยนแค่หน้าหรือพลิกแนวทาง

(8 ม.ค.68) จัสติน ทรูโด ผู้เป็นนายกแคนาดา มานานเกือบ 10 ปี ประกาศลาออกท่ามกลางกระแสโกรธเกรี้ยวจากประชาชนแคนาดา ตลอดจนขาดเสียงสนับสนุนจากภายในพรรค และเรตติ้งที่ตกต่ำ ได้กลายเป็นที่จับตาว่า ใครจะเข้ามาแทนที่ทรูโดในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หนึ่งในชาติที่มีประเด็นข้อถกเถียงทางภูมิรัฐศาสตร์มากที่สุด ตั้งแต่ระดับเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงท่าทีของแคนาดาต่อความขัดแย้งในยูเครน

สำนักข่าวสปุตนิกได้รวบรวมตัวเต็งที่น่าจับตามอง ในฐานะผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา

คริสเทีย ฟรีแลนด์ จากพรรคลิเบอรัล เป็นหนึ่งในผู้ที่คาดว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคลิเบอรัลคนใหม่แทนที่นายทรูโด โดยนางฟรีแลนด์ เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.การคลังของทรูโด อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเธอมีประวัติที่ชวนให้ถกเถียง เนื่องจากเธอเป็นหลานสาวของอดีตเจ้าหน้าที่นาซีเชื้อสายยูเครน โดยที่ผ่านมาฟรีแลนด์มีส่วนช่วยกระตุ้นการคว่ำบาตรรัสเซียของตะวันตกและเป็นผู้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างการสนับสนุนจากแคนาดาต่อรัฐบาลเคียฟ

โดมินิค เลอบล็อง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบันของแคนาดา ผู้สนับสนุนแนวทางของทรูโดในการให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างเด็ดขาด ในเดือนที่แล้วเขาผลักดันให้ส่งอาวุธที่ถูกห้ามใช้ในแคนาดาไปยังรัฐบาลเซเลนสกี้

มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ผู้ที่ในปี 2022 เคยออกมาตำหนิว่าความขัดแย้งในยูเครนเกิดขึ้นเพราะรัสเซีย โดยนายคาร์นีย์เป็นนักการธนาคารและผู้แทนพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ แต่กลับมีแนวคิดขัดแย้งเพราะเขาสนับสนุนให้เพิ่มการลงทุนในพลังงานฟอสซิล ซึ่งจะเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

เมลานี โจลี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เธอเองก็มีบทบาทในการระดมทุนจากภาษีของชาวแคนาดาไปช่วยยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

และสุดท้าย นางอนิตา อานันด์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของแคนาดา ผู้สนับสนุนยูเครนอย่างเปิดเผย เธอรีบวิจารณ์การกระทำของรัสเซียในความขัดแย้งยูเครน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนใจการกระทำที่โหดร้ายเช่นเดียวกันจากฝ่ายรัฐบาลเคียฟที่กระทำต่อทหารฝ่ายรัสเซีย

ทั้งนี้ ใครจะเป็นผู้นำคนถัดไปของแคนาดา และพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญได้ดีขึ้นหรือไม่ 

รวบสาวอินฟลูฯ ร่วมมือขบวนการจีนเทา ตระเวนเข้าออนเซ็นฉกบัตรเครดิตลูกค้าไปรูด

ตำรวจ สน.ทองหล่อจับกุมสาวอินฟลูเอนเซอร์เชียร์ร้านเหล้า ร่วมมือกับคนจีนปั้มแถบแม่เหล็กปลดล็อกเกอร์ ตระเวนเข้าออนเซ็นฉกบัตรเครดิตลูกค้าไปรูด

(8 ม.ค. 68) พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.อัครพล ธนธรรม รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ สั่งการให้ พ.ต.ต.พงษ์สันต์ วิยะรันดร์ สว.สส.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.สมยศ หมาดสง่า รองสว.สส.สน.ทองหล่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ร่วมกันจับกุม นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ธัญชนก อายุ 22 ปี ตามเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 28/2568 ลงวันที่ 7 ม.ค. 2568 ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด

สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้กล่าวหาเข้าไปใช้บริการออนเซ็นที่เกิดเหตุ ลงทะเบียนชำระค่าบริการแล้วได้รับริสแบน หมายเลข 47 สำหรับใช้สแกนผ่านประตูอัตโนมัติ จากนั้นได้มีคนร้ายแอบก่อเหตุปลดล็อกตู้เก็บบัตรเครดิตของเหยื่อ แล้วนำไปรูด 3 แสนบาท ซึ่งถูกรูดไปในช่วงที่ผู้เสียหายกำลังแช่ออนเซ็น โดยผู้กล่าวหาไม่ได้เป็นผู้ใช้งาน จึงโทรอายัดกับธนาคารและรอผลการตรวจสอบของธนาคาร ต่อมาผู้กล่าวหาไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากธนาคาร จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่ามีผู้ต้องหาซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดลักเอาบัตรเครดิตของตนไปใช้ จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

พนักงานสอบสวนได้แจ้งฝ่ายสืบสวนทำการสืบหาตัวผู้ต้องหา สอบสวนปากคำผู้กล่าวหา สอบสวนปากคำพยานร้านสปา บันทึกภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ หมายเรียกพยานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบข้อมูลรายการบัญชี ผู้ใช้เครื่อง EDC เครื่องอ่านบัตรเครดิต จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทำงานเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ เชียร์คนเข้าร้านเหล้า ลักษณะทำเป็นขบวนการ โดยผู้ต้องหาจะทำทีเป็นไปใช้บริการออนเซนดังกล่าว แล้วแอบเก็บเอาริสแบนด์หรือสายรัดข้อมือที่ใช้สแกนเข้าออกและตู้ล็อกเกอร์ไปทำแถบแม่เหล็กเพิ่มโดยให้กลุ่มเพื่อนชาวจีนอีก 4 คน ช่วยทำอันใหม่ขึ้นมา แล้วตระเวนเปิดล็อกเกอร์ของผู้เสียหายแล้วรูดเงินจากการใช้บัตรดังกล่าว คาดว่าทำแล้วหลายรายเตรียมขยายผลจับกุมเพิ่มเติม เบื้องต้นนำตัวส่ง สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘พล.ต.ท.เรวัช’ เร่งสางปมประมูลขุด-ขนถ่านหินแม่เมาะ ย้ำชัด! ไม่มีธง ถูก-ผิดว่าตามข้อเท็จจริง คาดสรุปได้ภายใน ม.ค.นี้

(8 ม.ค.68) จากกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหิน ที่เหมืองแม่เมาะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังจากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง งานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของกฟผ. วงเงินงบประมาณ 7,250 ล้านบาท ว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ ฯลฯ นั้น เพื่อให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส โดยมี พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร เป็นประธานกรรมการ

ล่าสุด พลตำรวจโท เรวัช ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า หลังจากที่ท่านรองนายกฯ พีระพันธุ์ ได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการจ้างเหมาขุดถ่านหิน เหมืองแม่เมาะ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา  หลังจากนั้น ช่วงบ่ายของวันที่ 26 ธ.ค. ก็เรียกประชุมคณะกรรมการทันที พร้อมกับได้ตั้ง พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้เริ่มทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. ก่อนที่จะหยุดไปในช่วงปีใหม่ จากนั้นในวันที่ 2 ม.ค. 2568 ได้เริ่มทำการสอบปากคำอีกครั้ง โดยได้เรียกมาสอบอีกจำนวน 17 ปาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของ กฟผ. แม่เมาะ 

นอกจากนี้ ยังได้เรียกบริษัทที่ประมูลชนะ รวมถึงบริษัทที่ร้องเรียนมาให้ข้อมูลแล้วเช่นกัน 

พลตำรวจโท เรวัช ย้ำว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน จะเร่งทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จโดยเร็ว และหากได้เอกสารครบถ้วน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือนมกราคมนี้ 

“ทางคณะกรรมการสอบสวน ได้รับฟังข้อมูลของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน เพื่อนำไปพิจารณาเหตุผลตามข้อกฎหมาย ส่วนใครทําถูกหรือทําผิด ก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะการทำงานในครั้งนี้เราไม่มีธงว่า ใครจะถูกจะผิด ถ้าถูกก็บอกถูก ถ้าผิดก็บอกผิด และผมขอยืนยันว่า ไม่มีใครโทรมาขออะไรทั้งสิ้น และหลังจากนี้ เมื่อได้ผลสรุปข้อเท็จจริงแล้ว จะมีการนำเสนอต่อรองนายกฯ พีระพันธุ์ต่อไป”

ทำไมเด็กจีนถึงครองเวทีโลก เมื่อวินัยเหล็กสร้างความสำเร็จระดับโลก

(8 ม.ค. 68) สมภพ พอดี แห่งเฟซบุ๊ก Sompob Pordi ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวพูดถึงความสำเร็จของระบบการศึกษาจีน ความว่า ปัจจุบันชาวโลกที่เป็นปกติต่างยอมรับว่า จีนเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก แม้ว่าจะมีคนบางส่วนเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์ว่าการศึกษาของจีนเน้นการท่องจำ ไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พบในสังคมเผด็จการ  

ตั้งแต่ปี 2015 นครเซี่ยงไฮ้ได้เข้าร่วมการสอบวัดผล PISA ที่จัดโดยกลุ่มประเทศ OECD แม้ว่าบางคนจะมองว่าไม่มีประโยชน์ คะแนนเฉลี่ยของเซี่ยงไฮ้ในสามวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ครองอันดับ 1 ถึง 3 ติดต่อกันในช่วงสี่ปีแรก (จีนหยุดเข้าร่วมตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากโควิด)  

ค่านิยมแบบขงจื้อที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามีบทบาทสำคัญต่อความทุ่มเทของนักเรียนและครอบครัวชาวจีน พวกเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศทางการศึกษา นอกจากนี้ ระบบการศึกษาของจีนยังเน้นสร้างพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งในทุกระดับชั้น โดยไม่เน้นการแสดงความคิดเห็นที่ขาดความรู้ เมื่อผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้ที่เพียงพอแล้ว พวกเขาสามารถนำไปประยุกต์ใช้และต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ใหม่  

ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล เคยกล่าวว่า จีนดึงดูดบริษัทผู้ผลิตสินค้าไอทีเพราะมีช่างฝีมือและวิศวกรชั้นนำจำนวนมาก หากจัดประชุมวิศวกรด้านเครื่องมือในสหรัฐ ห้องประชุมห้องเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าทำในจีนต้องใช้สนามกีฬาขนาดใหญ่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสล่าและสเปซเอ็กซ์ ยืนยันว่าเป็นความจริง  

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซิริล รามาโฟซา เยี่ยมชมโรงงานของ BYD ซึ่งเป็นผู้นำด้านรถไฟฟ้าของจีน โดยมีวิศวกรมากถึงหนึ่งแสนคนทำงานอยู่ เขายิ่งประทับใจเมื่อทราบว่า BYD วางแผนเพิ่มจำนวนวิศวกรเป็นสองเท่าในสิบปีข้างหน้า  

จีนผลิตบัณฑิตระดับมหาวิทยาลัยกว่า 10 ล้านคนต่อปี โดยหนึ่งในสี่เป็นวิศวกรในหลากหลายสาขา การเข้ามหาวิทยาลัยในจีนต้องผ่านการสอบเกาเข่า ซึ่งเป็นการสอบที่เข้มข้นที่สุดในโลก จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยทุกสิ่งในจีนจะหยุดชั่วคราวเพื่อให้เด็กนักเรียนกว่า 10 ล้านคนสอบอย่างไม่มีสิ่งรบกวน  

หมายเหตุ:  โรงเรียนจีนมีเครื่องแบบนักเรียน,โรงเรียนจีนกำหนดทรงผมนักเรียน, โรงเรียนจีนมีการบ้าน, โรงเรียนจีนมีการสอบวัดผล หากสอบไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำชั้น  และไม่เคยมีคนจีนที่ต้องทุรนทุรายเพราะเครื่องแบบนักเรียน ทรงผมนักเรียน การบ้าน หรือการสอบวัดผล  

บทความนี้แปลและเรียบเรียงจาก "What makes Chinese students so successful by international standards?" โดย **The Straits Times** ของสิงคโปร์ วันที่ 21 ตุลาคม 2024  

หากไม่พอใจกับความสำเร็จของจีน อย่าบอกผม ติดต่อคนเขียนบทความนี้โดยตรงคือ **Peter Yongqi Gu** (ศาสตราจารย์ด้านภาษาที่มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย นิวซีแลนด์) และ **Stephen Dobson** (ศาสตราจารย์และคณบดีคณะศิลปศาสตร์และการศึกษาที่มหาวิทยาลัย CQ ออสเตรเลีย) 

กทม. อ่วมฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ พบ ‘หนองแขม’ สีแดง – อีก 69 พื้นที่สีส้ม เริ่มมีผลกระทบสุขภาพ

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครสรุปผลการตรวจวัด PM 2.5 ตรวจวัดได้ 48.2-81.7 มคก./ลบ.ม. พบว่า 'เขตหนองแขม' เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง และเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม จำนวน 69 พื้นที่ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรสวมหน้ากากอนามัยและลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

(8 ม.ค. 68) ทีมโฆษกศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร กรมอุตุนิยมวิทยา และสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร: ประจำวันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) : ตรวจวัดได้ 48.2-81.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐาน 75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ) จำนวน 1 พื้นที่ คือ เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 81.7 มคก./ลบ.ม.

และเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 69 พื้นที่ คือ
1.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.
2.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.
3.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 71.7 มคก./ลบ.ม.
4.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 70.1 มคก./ลบ.ม.
5.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 69.8 มคก./ลบ.ม.
6.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 69.7 มคก./ลบ.ม.
7.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 69.6 มคก./ลบ.ม.
8.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 69.3 มคก./ลบ.ม.
9.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 68.9 มคก./ลบ.ม.
10.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 67.1 มคก./ลบ.ม.
11.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 67.1 มคก./ลบ.ม.

12.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 66.7 มคก./ลบ.ม.
13.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 66.6 มคก./ลบ.ม.
14.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 66.4 มคก./ลบ.ม.
15.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 65.7 มคก./ลบ.ม.
16.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 65.6 มคก./ลบ.ม.
17.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : มีค่าเท่ากับ 65.5 มคก./ลบ.ม.
18.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 64.9 มคก./ลบ.ม.
19.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.
20.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.
21.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 64.1 มคก./ลบ.ม.
22.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 64.1 มคก./ลบ.ม.
23.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 63.6 มคก./ลบ.ม.
24.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 63.5 มคก./ลบ.ม.
25.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.4 มคก./ลบ.ม.
26.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.3 มคก./ลบ.ม.
27.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 63.3 มคก./ลบ.ม.
28.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 63.2 มคก./ลบ.ม.
29.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 62.6 มคก./ลบ.ม.

30.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 62.4 มคก./ลบ.ม.
31.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 62.0 มคก./ลบ.ม.
32.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 61.9 มคก./ลบ.ม.
33.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 61.6 มคก./ลบ.ม.
34.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 61.1 มคก./ลบ.ม.
35.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 60.8 มคก./ลบ.ม.
36.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 60.7 มคก./ลบ.ม.
37.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 60.6 มคก./ลบ.ม.
38.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 59.9 มคก./ลบ.ม.
39.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 59.7 มคก./ลบ.ม.

40.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 59.4 มคก./ลบ.ม.
41.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 58.9 มคก./ลบ.ม.
42.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 58.8 มคก./ลบ.ม.
43.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 58.6 มคก./ลบ.ม.
44.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 58.4 มคก./ลบ.ม.
45.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 58.3 มคก./ลบ.ม.
46.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 58.1 มคก./ลบ.ม.
47.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 57.9 มคก./ลบ.ม.
48.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 57.7 มคก./ลบ.ม.
49.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 57.5 มคก./ลบ.ม.
50.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 57.1 มคก./ลบ.ม.
51.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 57.0 มคก./ลบ.ม.
52.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 56.6 มคก./ลบ.ม.
53.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 56.5 มคก./ลบ.ม.
54.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 56.4 มคก./ลบ.ม.
55.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 56.3 มคก./ลบ.ม.
56.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 55.9 มคก./ลบ.ม.
57.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 55.6 มคก./ลบ.ม.
58.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 55.2 มคก./ลบ.ม.
59.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 55.1 มคก./ลบ.ม.
60.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 54.7 มคก./ลบ.ม.
61.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.6 มคก./ลบ.ม.
62.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.
63.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.
64.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 53.7 มคก./ลบ.ม.
65.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 53.6 มคก./ลบ.ม.

66.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 52.8 มคก./ลบ.ม.
67.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 52.5 มคก./ลบ.ม.
68.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 49.7 มคก./ลบ.ม.
69.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 48.2 มคก./ลบ.ม.

ข้อแนะนำสุขภาพ:คุณภาพอากาศระดับสีแดง: มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทุกคน : งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร : อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา) ในช่วงวันที่ 8 - 15 ม.ค. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ 'ไม่ดี-อ่อน-ดี' ขณะที่มีการเกิดอินเวอร์ชันใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศสามารถแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 วัน ก่อนจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

สำนักสิ่งแวดล้อมได้ประสานแจ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง เพื่อเป็นการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และขอเชิญชวนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วน โดยช่วยกันปรับเปลี่ยน พฤติกรรมและลดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ '5 วิธีลดฝุ่น คุณก็ทําได้' 1. หมั่นทําความสะอาดบ้านด้วยวิธีเช็ดฝุ่น 2. งดเผาขยะ งดจุดธูป 3. ปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับมลพิษดักจับฝุ่นละออง 4. เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และ 5. ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ ตรวจสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดํา เกินมาตรฐาน

เปิดประวัติ 'ลิม กึมยา' อดีตสส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกยิงปริศนาในไทย ด้านตร.ออกหมายจับมือยิงแล้ว

(8 ม.ค. 68) ลิม กึมยา (Lim Kim Ya) อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาจากพรรคสงเคราะห์ชาติ (Cambodia National Rescue Party หรือ CNRP) วัย 74 ปี ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 18.00 น.  

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากลิม กึมยา วิพากษ์วิจารณ์ "รัฐบาลตระกูลฮุน" อย่างหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับเกาะกูด โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลฮุน เซนกำลังวางแผนยกเกาะกูดให้ไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์ผ่านบันทึกความเข้าใจ MOU 44  

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชายขับรถจักรยานยนต์สีแดงที่คาดว่าใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ  

รายงานจากคมชัดลึกระบุว่า ลิม กึมยา ถูกยิงเข้าบริเวณชายโครงขวาและหัวไหล่ขวาอย่างละนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ชีพพยายามช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้  

ในขณะเดียวกัน สื่ออมรินทร์รายงานว่าผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัสพร้อมภรรยาชาวฝรั่งเศสและญาติชาวกัมพูชา ก่อนจะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต  

ลิม กึมยา เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรค CNRP ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2555 และเคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2556 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาได้ 55 จาก 123 ที่นั่ง พรรคนี้เป็นแกนนำในการวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จฯ ฮุน เซน และรัฐบาลของเขา  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เคยออกมาระบุว่าสมาชิกพรรค CNRP เป็น "ผู้ก่อการร้าย" และกล่าวหาว่าพรรคนี้สมคบคิดกับต่างชาติในการโค่นล้มรัฐบาล จนศาลกัมพูชาสั่งยุบพรรคในปี 2560 และห้ามสมาชิกพรรค 118 คนยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี  

การโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทำให้พรรค CNRP ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาก็เผชิญแรงกดดันจากประชาคมโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางการเมือง  

เหตุการณ์นี้ยังสร้างความสนใจในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเกาะกูด ซึ่งถูกหยิบยกมาเป็นข้อถกเถียงทั้งในฝั่งไทยและกัมพูชา โดยฝ่ายค้านกัมพูชาเชื่อว่ารัฐบาลฮุน เซน จะยกเกาะกูดให้ไทย  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อตราหน้าผู้พยายามล้มล้างรัฐบาลลูกชายของเขา ฮุน มาเนต ว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเมืองที่ยังคงสูงขึ้นในกัมพูชา  

ล่าสุด (8 ม.ค. 68) พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจชนะสงคราม เปิดเผยว่า สน.ชนะสงคราม ได้ออกหมายจับคนร้าย นายเอกลักษณ์ แพน้อย อายุ 41 ปี ที่ก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา ชายสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.68) ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรยิงปืนฯ หลังก่อเหตุยิง นาย ลิม กิมยา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 เวลา 17.45 น.บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top