Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อนุมัติส่ง!! ระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ ให้ ‘อิสราเอล’ หลัง ‘ไบเดน’ เคยสั่งระงับ!! เพราะกลัวสงคราม กระทบพลเรือน

(26 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดให้กองทัพสหรัฐส่งระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ให้อิสราเอล ซึ่งเป็นการดำเนินการที่อดีตปธน.โจ ไบเดน เคยระงับไว้

หลายฝ่ายคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดขึ้น ขณะที่ไบเดนเคยระงับการจัดส่งระเบิดหนักดังกล่าว เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพลเรือน โดยเฉพาะประชาชนในเขตราฟาห์ในกาซา ระหว่างการทำสงครามของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์

“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สั่งการและจ่ายให้กับอิสราเอล แต่มีอย่างหนึ่งที่ไบเดนไม่ได้ทำ ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว!” ทรัมป์โพสต์ผ่านทรูธโซเชียลโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดใดเพิ่มเติม

ทรัมป์และไบเดนเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างเหนียวแน่น แม้รัฐบาลวอชิงตันตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์ จากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยนเกี่ยวกับวิกฤติมนุษยธรรมในกาซาจากการโจมตีทางทหารของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในปาเลสไตน์ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้สหรัฐห้ามขายอาวุธให้อิสราเอล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ขณะนี้อิสราเอลและฮามาสอยู่ระหว่างดำเนินการภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอลกับนักโทษปาเลสไตน์ไปแล้วบางส่วน ซึ่งล่าสุดฮามาสได้ปล่อยตัวทหารหญิงอิสราเอล 4 คน แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ 200 คน เมื่อวันเสาร์

ฮามาสจับตัวประกันอิสราเอลไว้ 250 ราย ในระหว่างบุกโจมตีอิสราเอลวันที่ 7 ต.ค. 2566 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 ราย และจุดชนวนให้เกิดการนองเลือดครั้งล่าสุด ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ

ขณะที่การโจมตีทางทหารของอิสราเอลในกาซา คร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่า 47,000 คน ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขกาซา นำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งอิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

‘นิด้าโพล’ เผย!! ปชช. เกินครึ่ง คัดค้าน ‘กาสิโน - พนันออนไลน์’

(26 ม.ค. 68) ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่องการพนันร้อน ๆ มาแล้วจ้า…เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการอนุญาตการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรที่รวมกาสิโน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.16 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 

รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 

ร้อยละ 8.63 ระบุว่า เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่มีกาสิโน 

ร้อยละ 1.68 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 1.60 ระบุว่า เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการแก้กฎหมายให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 58.32 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย 

รองลงมา ร้อยละ 19.92 ระบุว่า เห็นด้วยมาก 

ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย 

และร้อยละ 10.31 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำประชามติเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่าตัวอย่าง ร้อยละ 51.07 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย 

รองลงมา ร้อยละ 37.86 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติทั้งเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย 

ร้อยละ 5.11 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน 

ร้อยละ 3.89 ระบุว่า เห็นด้วยกับการทำประชามติ เฉพาะเรื่องการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย 

ร้อยละ 1.99 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ

‘เอกนัฏ’ ขอบคุณทุกการสนับสนุน ส่งให้!! ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้อันดับ 1 พรรคที่ได้เงินอุดหนุนมากที่สุด ยัน!! มุ่งมั่นทำงานเพื่อปชช.

(26 ม.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวขอบคุณพ่อแม่พี่น้องและสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคน ที่ได้ร่วมสนับสนุน ร่วมให้กำลังใจ และร่วมยืนหยัดเคียงข้างกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จนทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนเงินกว่า 17,934,107.84 ล้านบาท(สิบเจ็ดล้านเก้าแสนสามหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยเจ็ดบาทแปดสิบสี่สตางค์) ทั้งพรรคยังมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

นายเอกนัฏ ระบุต่อว่า ตนเองขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ในทุกช่องทาง ซึ่งตนเองได้อ่านทุกข้อความ และขอยืนยันว่าจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาประเทศชาติและเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน โดยในกระทรวงอุตสาหกรรม ตนเองมีทีมการเมืองที่หนักแน่นเข้มแข็ง และมีข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องขอขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานตามนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ อย่างมุ่งมั่น

ทั้งการ ‘รื้อ’...อุตสาหกรรมเถื่อนที่ทำผิดกฎหมาย ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ผลิตของด้อยคุณภาพ ทำธุรกิจอย่างไร้ความรับผิดชอบและทำร้ายชีวิตคนไทยและเศรษฐกิจประเทศไทย

‘ลด’...มลภาวะ ผ่านการออกมาตรการลดการเผาอ้อย, การติดตั้งอุปกรณ์ CEMS เพื่อมอนิเตอร์และลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ

‘ปลด’...ล็อคข้อจำกัดทางกฎหมาย ขั้นตอนที่เป็นภาระกับผู้ประกอบการ เริ่มต้นด้วยการยกเลิกการขออนุญาตโรงงาน(รง.4) สำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ตามต่อด้วยการออกร่างพระราชบัญญัติโซลาร์ และร่างพระราชบัญญัติโรงงาน

‘สร้าง’...อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ เพิ่มมูลค่า จัดระบบให้สะดวก สะอาด โปร่งใส ด้วยกติกาที่มีมาตรฐาน และการร่างพระราชบัญญัติจัดการกากอุตสาหกรรมใหม่ ตั้งกองทุนอุตสาหกรรมยั่งยืน ช่วยธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ไทยให้ปรับตัวสู่ความยั่งยืนได้

"ตนเองต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องและสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกคนที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ จนทำให้คะแนนนิยมพรรคเพิ่มขึ้น และล่าสุดได้เป็นพรรคที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองมากที่สุดเป็นอันดับ 1" นาย เอกนัฏ ระบุทิ้งท้าย

เปิด 6 อันดับ พรรคการเมืองที่ได้เงินอุดหนุนมากที่สุด ปี 2568

(26 ม.ค. 68) กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เปิด 6 อันดับ พรรคการเมืองที่ได้เงินอุดหนุนมากที่สุด ประจำปี 2568 

กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้อนุมัติการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมืองประจำปี 2568 แก่พรรคการเมืองที่มีสิทธิ์ จำนวน 71 พรรคการเมือง โดยได้โอนเงินจัดสรรให้พรรคการเมืองแล้วจำนวน 68 พรรคการเมือง

1.พรรครวมไทยสร้างชาติ 17,934,107.84 ล้านบาท
1.พรรคเพื่อไทย  เงินอุดหนุน 16,017,804.79  บาท
2.พรรคประชาธิปัตย์ เงินอุดหนุน  14.,769,447.24 บาท
3.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 12,146,257.76 บาท
5.พรรคไทยภักดี 5,679,356.58 ล้านบาท
6.พรรคไทยสร้างไทย  4,346,532.10 บาท

สำหรับพรรคการเมืองที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินอุดหนุน เนื่องจากมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนการแจ้งรายละเอียดบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 พรรคการเมือง รายละเอียดดังนี้

1. พรรคประชาชน (เดิมชื่อ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล) อยู่ระหว่างดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อบัญชีธนาคาร
2. พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคและผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงิน 
จำนวน 2 พรรคการเมือง ได้แก่พรรคไทยรวมไทย และพรรครักแผ่นดินแม่ (เดิมชื่อ พรรคยุทธศาสตร์ชาติ)

‘นักวิชาการ วิศวะเกษตร’ เผย!! ค่าแรงงานตัด ‘อ้อยสด’ สูงกว่า ‘อ้อยเผา’ ถึง 3 เท่า ชี้!! ต้องสร้างระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืน เพิ่มมูลค่าให้ ‘ใบอ้อย’ พัฒนาเทคโนโลยี ที่เหมาะสม

(26 ม.ค. 68) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Khwan Saeng’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘การเผาอ้อย’ ในฐานะที่เติบโตมา ในโรงงานผลิตเครื่องจักรกลเกษตร ในจังหวัดที่มีไร่อ้อยเยอะมากๆ จนต่อมาได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนต่อ แล้วเลือกไปที่ Okinawa เพราะอยากจะทำรถตัดอ้อยขนาดเล็กช่วยชาวไร่จะได้ไม่ต้องเผา จนกลับมาเป็นอาจารย์ที่สาขาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยข้อความที่ ‘Khwan Saeng’ โพสต์นั้นมีใจความว่า ...

วันนี้ขอมาตอบคำถามที่หลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับอ้อยสงสัยว่า ‘ทำไมต้องเผาอ้อย’ เท่าที่ตัวเองมีความรู้ที่จะตอบได้นะคะ

ปัญหาการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว: สาเหตุ วิธีแก้ไข และอนาคต

• การเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวเป็นปัญหาสำคัญในอุตสาหกรรมอ้อยไทย เนื่องจากลดต้นทุนแรงงาน แต่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ (PM2.5) และทำลายความอุดมสมบูรณ์ของดิน

• สาเหตุหลักมาจากค่าแรงงานตัด ‘อ้อยสด’ ที่สูงกว่า ‘อ้อยเผา’ ถึง 3 เท่า เจ้าของแปลงเล็กๆ ขาดแคลนแรงงานและเครื่องจักร ทำให้ต้องพึ่งพาระบบการเผาเพื่อลดต้นทุนและขายอ้อยให้ทันเวลา

• แม้จะมีเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กสำหรับการตัดอ้อยสด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุน การใช้งาน และความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ทำให้การเปลี่ยนแปลงยังไม่ครอบคลุม

• การแก้ปัญหาจำเป็นต้องมีมาตรการควบคู่กัน ทั้งการเพิ่มราคาอ้อยสด ลดการรับซื้ออ้อยเผา การให้เงินสนับสนุนและสินเชื่อสำหรับเครื่องจักรกลเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากใบอ้อย

• งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อลดการเผาอ้อย เช่น เครื่องสับกลบใบอ้อย เครื่องอัดใบอ้อยเป็นก้อน และการใช้โดรนในการตรวจสอบการเผา

• อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และการมีส่วนร่วมของชุมชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการแก้ปัญหาการเผาอ้อยอย่างยั่งยืน การสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

• อนาคตของการลดการเผาอ้อยนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืน การเพิ่มมูลค่าให้กับใบอ้อย และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจะแก้ปัญหานี้ได้ เรายังคงต้องช่วยกันหาทางสร้าง ‘มูลค่าเพิ่ม’ ให้ใบอ้อย หาทางลดค่าขนส่งใบอ้อย ซึ่งทั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นและนักวิจัยจากหลายภาคส่วนมากๆ กำลังทำงานวิจัยด้านนี้อยู่ บางอย่างก็สำเร็จแล้วรอนำไปขยายสเกล บางส่วนก็เริ่มทดลองจริงในบางพื้นที่ และสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ 

แผนงานที่ชัดเจนและต่อเนื่อง เป็นแผนที่แปลว่า Action Plan ที่บอกว่าหน่วยงานไหนต้องทำอะไร อย่างไร แค่ไหนในแต่ละปี แผนที่ไม่ใช่แค่ยอดตัวเลขเป้าหมายแต่ไม่บอกว่าต้องทำยัไงให้ถึงเป้า (ตัวอย่างเช่นที่บราซิล รัฐ โรงงานและชาวไร่ 19,000 รายลงนามกันปี 2008 เพื่อจะแบนทุกกิจกรรมการเผาให้หมดสิ้นภายในปี 2017)

กลไกการบังคับใช้กฏหมายที่จริงจังจากภาครัฐที่จริงใจ 

กลไกทางสังคม ชุมชนที่เข้มแข็งที่ทุกคนต้องมีจุดยืนร่วมกันว่า ‘ไม่เอาคนจุดไฟเผาใบอ้อย’ ผ่านการจูงใจรูปแบบต่างๆ 

‘สาธิต’ โต้!! ‘พิธา’ ในฐานะอดีตรมช.สาธารณสุข และตัวแทนชาวระยอง ชี้!! อย่าวิจารณ์ด้อยค่าความเป็นจริง เพราะปล่อยให้อารมณ์ อยู่เหนือสติ

เมื่อวานนี้ (25 ม.ค. 68) นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความโต้กลับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับการอ้าง!! เคลมผลงานของคนระยอง เป็นของพรรคตัวเอง ในการมาปราศรัย ช่วยผู้สมัครนายกฯ อบจ.ระยอง ของพรรคประชาชน โดยได้ระบุว่า …

คุณ พิธา อยู่ระยองวันนี้ครับ

ผมอยากให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน(วัคซีน)ความเชื่อ ความหลงใหล และอารมณ์ที่อยู่เหนือ สติ สิ่งที่เขาด้อยค่า ด่า วิจารณ์ กับความเป็นจริงที่ผมทำ ที่ผ่านมาแล้วครับ 

ส่วนจะตัดสินใจ อย่างไรก็เป็นสิทธิ โดยแท้จริงของทุกท่านอีกนั้นแหละครับ

‘ดร.ธรณ์’ สงสัย?? การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทำไม?? เพิ่งจะทำ ทั้งที่รู้ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วัน

(26 ม.ค. 68) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ PM2.5 โดยมีใจความว่า .
ผมไม่มีความคิดเห็นต่อวิธีการแก้ไขปัญหาฝุ่นที่ออกมาเพราะมี 2 มุมมอง แต่ที่สงสัยคือช่วงเวลาที่ทำ

ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน เราพอทำนายสถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้าอย่างน้อยก็ 3 วัน โดยดูจากสภาพอากาศ 

ผมจึงสงสัยว่าทำไมมาตรการต่างๆ ที่ทำในกรุงเทพและจังหวัดรอบๆ บางอย่างก็ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาของฝุ่นที่พอคาดเดาได้ด้วยเทคโนโลยีและหลักวิชาการ

เราโดนฝุ่นหนักๆ กันมาตั้งแต่กลางสัปดาห์ก่อน แต่ไม่มีมาตรการใดชัดเจน 

มาถึงวันเสาร์ เราขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ต่อเนื่องไปอีกทั้งสัปดาห์ ถึงวันที่ 31 มกราคม

นอกจากนี้ ยังพอทราบว่า โรงเรียนบางแห่งปิด ให้เรียนออนไลน์ในสัปดาห์หน้า รวมถึงมหาลัยบางแห่งที่ให้อาจารย์เลือก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงเป็นออนไลน์ (เน้นย้ำ - บางแห่ง)

แต่ดูจากโมเดลพยากรณ์ต่างๆ สถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลายในวันจันทร์ 

และต่อเนื่องถึงอังคารและพุธ ที่อาจมีฝุ่นกลับมาบ้าง แต่ก็ไม่แรงเหมือนสัปดาห์ก่อน

หลังจากนั้นยังทำนายไม่ได้ หมายถึงบอกไม่ได้

ที่สงสัยคือช่วงฝุ่นแรงๆ ที่พอรู้ล่วงหน้า เราไม่ทำอะไร 

พอฝุ่นเริ่มหายไป เรากลับทำนี่นั่นตามกระแส

กระแสจะเกิดเมื่อมีฝุ่นหนัก เพราะคนมองเห็นด้วยตา แต่อากาศที่เอื้อต่อฝุ่นจะอยู่เพียงไม่กี่วัน

หากเรารอให้ฝุ่นเยอะจนเกิดกระแส จากนั้นค่อยทำ เวลามันจะเหลื่อมกันแบบนี้เสมอ

เอาเป็นว่าในวันจันทร์ หากเป็นไปตามพยากรณ์
พ่อแม่อาจมึน สงสัยว่าทำไมลูกถึงอยู่บ้านเรียนออนไลน์ ทั้งที่ฟ้าใส ก่อนเดินมึนๆ ขึ้นรถไฟฟ้าฟรีโดยใช้เงินภาษีต่อไปทั้งสัปดาห์
ก็ได้แต่ตั้งคำถามไว้แบบมึนๆ เหมือนกัน

ฝุ่นมา เราตกใจ ฝุ่นหาย เราทำ!!

‘ยายชา เถิดเทิง’ เสียชีวิตแล้ว!! หลังป่วยมะเร็งปอด เปิดโพสต์สุดท้าย ‘โจอี้ กาน่า’ เยี่ยมบ้านที่นครปฐม

เมื่อวานนี้ (25 ม.ค. 68) นาย บุญฤทธิ์ คุ้มเงินแสน หรือ ทอมมี่ เถิดเทิง หรือ ยายชา เถิดเทิง อดีตศิลปินตลกชื่อดัง ซึ่งรับบทเป็น ยายชา หญิงชราขายกล้วยแขก ตัวตัวละครในระเบิดเถิดเทิง เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ ภายหลังรักษาอาการป่วยมะเร็งที่ปอดมาระยะหนึ่ง 

ทั้งนี้ โอบะ เสียงเหน่อ เปิดเผยว่า ยายชา เถิดเทิง เสียชีวิตที่บ้านพักวันนี้จริง รดน้ำศพ 26 ม.ค. ที่วัดรางหมัน กำแพงแสน จ.นครปฐม 

สำหรับครอบครัว และภรรยาของ ยายชา เถิดเทิง นั้น เปิดร้านอาหารในวัดรางหมัน กำแพงแสน จ.นครปฐม เคยเล่าว่า ยายชา เถิดเทิง แข็งแร งเพิ่งจะมาป่วยเอาเมื่อปีที่แล้วเอง 

ทั้งนี้ ยายชา เถิดเทิง ได้ภาพ โจอี้ กาน่า ศิลปินตลกชื่อดังไปเยี่ยมที่บ้าน จ.นครปฐม พร้อมข้อความระบุว่า “ขอขอบคุณ คุณโจอี้ กาน่า และทีมงาน มาเยี่ยม ยายชา เถิดเทิง ที่บ้าน นำสิ่งของอุปโภค-บริโภค มาให้ยายชาและผู้ดูแล ขอกราบขอบพระคุณค่ะ” ซึ่งเป็นโพสต์สุดท้ายของ ยายชา เถิดเทิง เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ "กิ๊ฟ โคกคูน" ศิลปินตลกชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความอาลัย ยายชา เถิดเทิง ไว้ว่า “ดาวร่วงไปอีกหนึ่งดวง ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของยายชาด้วยนะครับ ไม่ต้องเจ็บไม่ต้องปวดไม่ต้องทรมานอีกต่อไป แล้วขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะน้องรัก”

‘ไทด์ เอกพันธ์’ เปิดใจรักใหม่!! หวานใจนางเอกคนดัง ‘ทับทิม อัญรินทร์’ เผยความสัมพันธ์!! จากเล่นละครเป็นพ่อลูกกัน จนสนิทกันจริง 15 ปี

(26 ม.ค. 68) จากเล่นเรื่องไหนเป็นพ่อลูกกันตลอด เซอร์ไพรส์มาก ไทด์ เอกพันธ์ เปิดใจรักใหม่ นางเอกคนดัง บิณฑ์ แซวเตรียมแต่งงาน เข้าใจลูกโตเป็นสาวหมดแล้วใครเข้ามาก็ต้องละเอียดอ่อน

ช่อง7 เผย คลิป ไทด์ เอกพันธ์ เปิดใจรักใหม่หวานเวอร์ เปิดโมเมนต์หวานน่ารักกับนางเอกสาวคนสนิท ทับทิม อัญรินทร์

ล่าสุดถามถึงช่วงนี้ทำคอนเทนต์เต้นด้วยกันบ่อยๆ ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร ไทด์ บอกว่า “เล่นเรื่องไหนเขาเป็นลูก เราเป็นพ่อ คลุกคลีกัน 10 กว่าปีแล้ว 15 ปีได้ น้องเขาก็น่ารัก เรารู้สึกมีความผูกพัน (ถามว่าตอนนี้เป็นพี่ชายคนสนิท ใช้คำนี้ได้ไหม) ได้”

พร้อมทั้งเผยโมเมนต์หยอกล้อกันหวานไปอีก ไทด์ แกล้ง ทับทิม จนนางเอกสาว บอกว่า “โดนแกล้งตลอด ตั้งแต่สมัยถ่ายรายการ ”

ด้าน ไทด์ บอกเลย “แม่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องมองตาปริบๆ”

ขณะที่ รายการ นิว พาซ่า ซึ่งมีพี่น้องแฝดพระเอกสายบุญ บิณฑ์ – เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ มาเปิดใจเรื่องความรักตอนหนึ่ง บิณฑ์ แซวน้องชายว่า “เอกพันธ์ เขาจะเป็นคนที่หัวใจสีชมพูตลอด เขาจะมีความรักของเขาตลอด (เอกพันธ์ เอามาตีหัวพี่ชายบอกเหรอๆ) เขาจะกุ๊กกิ๊กของเขาตลอด”

เอกพันธ์ ยอมรับว่า “คุยๆอยู่ ”

บิณฑ์ ถามว่า “เห็นว่าจะแต่งงานกันแล้วเหรอ (เอกพันธ์ หัวเราะ) ยังๆ ปีนี้ยังไม่ได้แต่ง เพราะยกช้างไม่ขึ้น ”

เอกพันธ์ กล่าวว่า “ดูๆ กันไปก่อน คบกันไปก่อน ถ้าใช่ก็ใช่ ยังไม่ฟันธง 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ ต้องดูให้กาลเวลา เรื่องแบบนี้ ละเอียดอ่อน เราอายุมากแล้ว วางแผนก้าวเดินต้องระวัง เอาคนโน้นคนนี้มาเป็นของเรา ถ้าไม่ใช่ จะเสียหายน้องเขา (บิณฑ์ : เขามีลูกสาวโตเป็นสาวหมดแล้ว ถ้าใครเข้ามา ทั้งเขาทั้งลูกละเอียดอ่อน)”

รถไฟฟ้าฟรี ลดฝุ่น PM 2.5 ดัน!! ผู้ใช้ ‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ เพิ่ม 34% หลัง ‘คมนาคม’ ออกมาตรการ ส่งเสริมการเดินทาง ด้วยระบบราง

เมื่อวานนี้ (25 ม.ค. 68) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เผยถึงปริมาณผู้โดยสารที่หันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายสีแดง ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวันแรกภายหลังจากกระทรวงคมนาคมได้ออกมาตรการงดจัดเก็บค่าโดยสารการเดินทางในโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทางราง ระหว่างวันที่ 25 – 31 มกราคม 2568 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภายใต้มาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ พบว่าปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงเพิ่มมากขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงในช่วงวันและเวลาเดียวกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงรวม จำนวน 11,949 คน แบ่งออกเป็นสายเหนือ 11,300 คน สายตะวันตก 959 คน  (ข้อมูลในช่วงเวลา 05.00-13.00 น. )

สำหรับรถไฟฟ้าในสายต่างๆ ทั้งสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเหลือง สายสีชมพูและรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงนั้นได้ร่วมให้บริการประชาชนฟรี ตามมาตรการของกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบรางนี้  ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการสาธารณะของรัฐได้ง่ายถึง และสามารถเดินทางถึงปลายทางด้วยระบบรถไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย สะอาด ตรงเวลา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้รถ ประหยัดเวลาในการเดินทาง ลดความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุ และเพิ่มมูลค่าความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นส่วนสนับสนุนการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดปัญหาการจราจรติดขัด และลดการใช้พลังงานน้ำมัน ส่งเสริมให้คุณภาพอากาศในพื้นที่ตามแนวสายทางและข้างเคียงให้ดีขึ้น โดยจะช่วยลดภาวะมลพิษ และบรรเทาปัญหาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top