Wednesday, 25 June 2025
Hard News Team

25 มีนาคม พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนากระทรวงยุติธรรม

วันนี้ เมื่อ 134 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2434 (ร.ศ. 110) เพื่อรวบรวมศาลตุลาการที่กระจัดกระจายอยู่ภายใต้หลายหน่วยงานเข้ามารวมไว้ในกระทรวงยุติธรรมเพียงกระทรวงเดียว 

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่การจัดการศาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เริ่มมีความซับซ้อนและเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา จนทำให้ไทยประสบวิกฤตทางการศาล โดยเฉพาะการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาในการปกครองประเทศเป็นอันมาก เพราะกงสุลต่างประเทศถือโอกาสตีความสนธิสัญญาและไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและการศาลไทย จึงทำให้ประเทศไทยต้องปฏิรูประบบกฎหมายและการศาลไทยใหม่อย่างเร่งด่วน

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้ระบบยุติธรรมในสยามมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม และสามารถบังคับใช้ได้แก่ประชาชนทั่วไปในสยาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2434 โดยมีการรวบรวมศาลต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเข้ามาในระบบภายใต้การควบคุมของกระทรวงยุติธรรม และกำหนดรูปแบบวิธีพิจารณาและพิพากษาคดีขึ้นใหม่อีกด้วย

มาเลเซียเตรียมล้อมกรอบชิป AI คุมเข้มนำเข้า-ส่งออก หวั่นเทคโนโลยีรั่วไหลสู่จีนตามข้อกังวลของสหรัฐฯ

(24 มี.ค. 68) รัฐบาลมาเลเซียเตรียมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าและส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

รายงานระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า ซาฟรูล อาซิส กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้มาเลเซียติดตามการเคลื่อนตัวของชิป Nvidia ระดับไฮเอนด์ที่เข้ามาในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความสงสัยว่าชิปจำนวนมากอาจลงเอยที่จีน

“สหรัฐฯ ขอให้เราตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้ตรวจสอบการขนส่งทุกครั้งที่มาถึงมาเลเซีย เมื่อเกี่ยวข้องกับชิป Nvidia” อาซิสกล่าวกับหนังสือพิมพ์

ปัจจุบัน มาเลเซียเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก โดยมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งฐานการผลิตและประกอบชิปในประเทศ ซึ่งนโยบายใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไฮเทคในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียยังคงเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย โดยระบุว่า จะกำหนดมาตรการที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศมากเกินไป

ด้าน สหรัฐฯ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อประเทศพันธมิตรทั่วโลกให้เข้าร่วมมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI และการทหารไปยังจีน โดยก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงแล้ว

นอกจากนี้ รัฐบาลมาเลเซียกำลังเร่งตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ ในกรณีการขนส่งเซิร์ฟเวอร์ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงมูลค่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสิงคโปร์ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นอาจมีชิปขั้นสูงที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ

การสืบสวนเกิดขึ้นหลังจากอัยการสิงคโปร์เปิดเผยในศาลเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า บริษัทแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ถูกกล่าวหาว่าจัดหาเซิร์ฟเวอร์จากสหรัฐฯ ให้กับมาเลเซียโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่สื่อในสิงคโปร์รายงานว่าคดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับการโอนถ่ายชิป AI ขั้นสูงของ Nvidia ไปยังบริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีน DeepSeek

DeepSeek ตกเป็นเป้าสายตาของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเปิดตัวโมเดล AI อันทรงพลังเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงเทคโนโลยี ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเทคโนโลยีของบริษัทนี้อาจใช้ชิปที่ถูกสหรัฐฯ ควบคุมและจำกัดการส่งออก

ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าสอบสวนกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยก่อนหน้านี้ วอชิงตันได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงให้กับจีน เพื่อลดความสามารถของปักกิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

ทั้งนี้ การสืบสวนครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระดับโลก

จีน-ไทย เตรียมซ้อมรบทางทะเล ปลายมีนาคมนี้ ยกระดับความร่วมมือทางทหาร เสริมศักยภาพป้องกันภัยคุกคาม

(24 มี.ค. 68) กระทรวงกลาโหมของจีนได้เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนและไทยกำลังเตรียมจัดการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันใกล้กับเมืองจ้านเจียง ในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนนี้

การซ้อมรบดังกล่าวจะเป็นการฝึกฝนร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันภัยคุกคามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันในภาวะสงครามทางทะเลและการจัดการกับภัยคุกคามทางทะเลในอนาคต

กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะมีการฝึกปฏิบัติทางยุทธวิธี การฝึกซ้อมการป้องกันภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ การป้องกันจากการโจมตีทางอากาศ รวมถึงการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

และครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือด้านการทหารระหว่างจีนและไทย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมองว่าความมั่นคงในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญ การฝึกซ้อมร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการร่วมในสถานการณ์จริง

ทั้งนี้ การฝึกซ้อมครั้งนี้มีความสำคัญในการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะในด้านการทหารและการรักษาความสงบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีทางทหาร พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กบน.ประกาศ ลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล 1 บาท/ลิตร มอบเป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงสงกรานต์

กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ลง 1 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ รองรับกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ทิศทางอ่อนตัว ส่งผลดีต่อ  ฐานะกองทุนฯ ภาระหนี้ลดลง 

(24 มี.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. ได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน 

“การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์”

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 - วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปรับลดลงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 14,063 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,989 ล้านบาท

“กบน.ยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงทำหน้าที่ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้หลักการ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” เพื่อประโยชน์ของประชาชน และทุกภาคส่วน” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าว

‘ธนกร‘ ออกโรงประท้วงป้อง ’ลุงตู่’ หลังถูก สส.ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง

(24 มี.ค. 68) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วงกรณี สส.พรรคประชาชนอภิปรายพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า อยู่ในสภาแห่งนี้ ไม่คิดว่าจะประท้วงใครเลย เพราะให้เกียรติสส. ทุกท่าน แต่การเอ่ยถึงบุคคลภายนอก ถือว่าเป็นการไม่เหมาะสม และวันนี้เป็นการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ไม่ใช่การอภิปรายนายกรัฐมนตรีท่านที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก โดยเฉพาะบุคคลที่คนไทยคิดถึงท่านอยู่ ซึ่งได้สร้างคุณงามความดีไว้เยอะแยะ

ดังนั้น ขอให้ใช้คำอื่น ไม่เช่นนั้นสภาก็ไม่ราบรื่น เพราะ สส.รวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 36 ก็จะลุกขึ้นประท้วงไม่หยุด การประชุมในวันนี้ก็จะไม่ราบรื่น 

มุกดาหาร​ - ​ระทึก! กกล.สุรนารี บุกชาร์จแก๊งยาบ้ากลางสี่แยกดอนตาล รวบผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด

(24 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) และหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เพื่อขนส่งไปยังพื้นที่ตอนใน จึงจัดกำลังตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เข้าซุ่มตรวจพื้นที่ บ้านอุบมุง อ. เขมราฐ จ.อุบลราชธานี กระทั่ง ต่อมาเวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เชฟโรเลต ทะเบียน กอ 616 อุบลราชธานี ต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงสี่แยก อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวจอดติดไฟแดง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการสกัดให้รถหยุดและขอตรวจค้นภายในรถพบกระสอบยาบ้า 6 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,200,000 เม็ด แต่ในระหว่างเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัว ชาย 2 คนที่นั่งมาในรถ ปรากฏว่า 1 ใน 2 คนร้าย ได้พยายามแย่งปืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เกิดปืนลั่นใส่ต้นขาซ้ายของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเขมราฐ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ อีกชุดหนึ่ง ยังได้ไล่ติดตามรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ แคป ทะเบียน ผพ 6913 อุบลราชธานี ซึ่งเป็นรถในกลุ่มขบวนการค้ายาบ้า ซึ่งขับหลบหนีไปอีกเส้นทางหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามไปสกัดไว้ได้ที่บริเวณ ถนนหมายเลข 2116 บ้านหนองเม็ก ต.ป่าไร่ อ.ดอนตาล จ. มุกดาหาร โดยสามารถควบคุมตัวชายและหญิง รวม 2 คนที่นั่งมาในรถไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมด้วยยาบ้า และรถยนต์ 2 คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน  สภ.เขมราฐ  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#กองกำลังสุรนารีจับยาบ้าหนึ่งล้านสองแสนเม็ด #สี่แยกดอนตาล #อำเภอดอนตาล #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

รัฐมนตรีคลังอังกฤษเผยแผนลดข้าราชการ 10,000 ตำแหน่ง หวังลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ 15%

(24 มี.ค. 68) ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยแผนการปรับลดข้าราชการ 10,000 ตำแหน่ง โดยมีเป้าหมายหลักในการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของภาครัฐลงให้ได้ 15% ภายในระยะเวลาอันใกล้

การประกาศดังกล่าวถือเป็นการดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวิกฤตโควิด-19 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลอังกฤษหวังว่าจะสามารถใช้มาตรการดังกล่าวในการปรับโครงสร้างการบริหารงานภาครัฐเพื่อความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต

“เราต้องการทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้สามารถลงทุนในโครงการที่สำคัญและสร้างผลประโยชน์ระยะยาวต่อประชาชน” ราเชล รีฟส์กล่าวในการแถลงข่าว

แม้ว่าการปรับลดข้าราชการจะส่งผลกระทบต่อบางส่วนของภาครัฐ แต่รัฐบาลอังกฤษได้ยืนยันว่าจะมีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่และองค์กรต่างๆ เพื่อรับรองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการภาครัฐ

สำหรับการตัดสินใจนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลอังกฤษในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อและลดภาระหนี้สาธารณะ เพื่อรักษาความสามารถทางการคลังและเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ณ เดือนธันวาคม 2567 มีการคาดการณ์ว่าข้าราชการพลเรือนมีพนักงานประมาณ 547,735 คน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงพนักงานชั่วคราวและพนักงานชั่วคราว 

โดยมาตรการลดข้าราชการจะเริ่มต้นภายในปีหน้าและรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้เสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างการจ้างงานภาครัฐในช่วงปลายปี 2569 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการจับตามองจากหลายฝ่าย ทั้งในแง่ของผลกระทบต่อข้าราชการและการให้บริการภาครัฐ รวมถึงการทบทวนว่ามาตรการนี้จะมีผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคมอังกฤษในอนาคตอย่างไร

ลำปาง-ตร.ภ.จว.ลำปางแถลงจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ยึดยาบ้า 1,010,000 เม็ด ผู้ต้องหา 2 คน

(24 มี.ค. 68) เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง บูรณาการหลายหน่วยงานร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ 1 คัน ของกลางยาบ้า 1,010,000 เม็ด ที่จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง โดยมีนางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, พล.ต.ต.ภูมิปัญญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง, พล.ต. วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 5, ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ณ ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง (แห่งใหม่)

โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 06.20 น. บริเวณถนนเส้นทางสายรองเถิน - แม่พริก (สายใน) ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มขบวนการยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตากจะลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยจะใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดและใช้วิธีรถนำ - รถตาม เพื่อหลบเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจยาเสพติดกลุ่มผู้ต้องหาใช้ยานพาหนะรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน สฎ 9042 กรุงเทพฯ เป็นรถบรรทุกยาเสพติด และมีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ หมายเลขทะเบียน บน 2601 ตาก เป็นรถนำทางและสำรวจเส้นทางอีกหนึ่งคัน หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไว้ตามเส้นทางและด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก
ต่อมา เมื่อรถยนต์ผ่านจุดซุ่มบนถนนสายรองแม่พริก - เถิน บริเวณบ่อขยะ หมู่ 1 อ.แม่พริก จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด่านตรวจยาเสพติดจึงได้ทำการตั้งจุดสกัดบนถนนดังกล่าว ซึ่งมีแสงไฟสว่างเพียงพอ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ส่งสัญญาณไฟเพื่อให้รถเป้าหมายหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่ผู้ขับขี่กลับเร่งความเร็วเพื่อพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งติดตามรถคันดังกล่าวจนสามารถหยุดรถได้

จากการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบนายธนิน(นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ดังกล่าว พบยาบ้าซุกซ่อนในกระสอบจำนวน 5 กระสอบ รวมประมาณ 1,010,000 เม็ด
จากการสอบถาม นายธนินฯ รับว่ารถยนต์หมายเลขทะเบียน บน 2601 ตาก เป็นรถนำเส้นทาง เจ้าหน้าที่จึงออกค้นหารถคันดังกล่าวจนพบจอดทิ้งไว้ บริเวณถนนเรียบน้ำวัง - บ้านท่าด่าน ห่างจากจุดสกัดประมาณ 2 กิโลเมตร โดยพบนายวันชัย (นามสมมุติ) อยู่บริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบรถยนต์คันนี้ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย นายวันชัยฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นคนขับรถนำเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดจริง

จากการสอบถาม นายธนินฯ ให้การว่า ตนได้ขับรถยนต์เพื่อไปรับยาเสพติดบริเวณริมทางรถไฟ บ้านแม่พวก ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ และนำไปส่งปลายทางที่ จ.สระบุรี โดยมีนายวันชัยฯ ขับรถนำเพื่อสำรวจเส้นทาง โดยได้รับการว่าจ้างให้ลำเลียงยาบ้าเป็นจำนวน 500,000 บาท เบื้องต้นได้รับเงินค่าจ้างมาแล้วเป็นจำนวน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในส่วนของการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 20 มีนาคม 2568 ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จับกุมคดียาเสพติดจำนวน 1,405 คดี คดีรายสำคัญ 7 คดี ยาบ้ารวมประมาณ 22 ล้านเม็ด มูลค่าทรัพย์สินกว่า 24 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลลูกหลานหรือบุคคลใกล้ชิดที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, Line @inthanon1 (ผบช.ภ.5) และ Application Police i lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น เข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ ขอบคุณตำรวจไทยที่จับกุมบุคคลตามหมายจับ และช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่คณะทำงาน

(24 มี.ค. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย และคณะ ได้แก่ นางอะคิยะมะ มาริ อัครราชทูตฝ่ายการเมือง , นายวาตานาเบะ นาโอโตะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ , นายซาโตะ โทโมโนริ เลขานุการโทและทูตตำรวจ (ฝ่ายกงสุล) , น.ส.แพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่สถานทูต พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ได้แก่ นายทารุอิ จุน สารวัตรใหญ่ และ นายโอโนกิ โชโกะ สารวัตรใหญ่ , ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดโอซาก้า ได้แก่ นายอิซุมิ ชิเกโตะ สารวัตรใหญ่ ,นายเดกุจิ มาซาฮิโระ สารวัตร และ นายโทชิโอกะ ทัสซึกิ ดาบตำรวจ ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขอเข้าพบเพื่อขอบคุณกรณีการจับกุม นายยามากูชิฯ บุคคลที่มีหมายจับประเทศญี่ปุ่น และการช่วยเหลือเหยื่อชาวญี่ปุ่นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา พร้อมหารือเชิญเข้าร่วมประชุมการต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

โอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้มอบเกียรติบัตรให้กับ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมคณะข้าราชการตำรวจที่ร่วมจับกุมและช่วยเหลือดังกล่าว จำนวน 27 ราย ได้แก่
1. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร  จเรตำรวจแห่งชาติ
2. พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6
3. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
4. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
5. พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
6. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
7. พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ
8. พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
9. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
10. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผู้กำกับการ (สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวน
สอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
11. พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์  รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ
12. พ.ต.อ.ชัช สูงสว่าง ผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
13. พ.ต.ท.ธงชัย ชูแก้ว ผู้ช่วยนายเวร (สบ2) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
14. พ.ต.ท.จตุรงค์ ทองพันเลิศกุล รองผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 กองการต่างประเทศ
15. พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาณุดุลกิตติ รองผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
16. พ.ต.ท.ชัยภัทร น้อยศรี รองผู้กำกับการฝ่ายสื่อสิ่งพิมพ์ กองสารนิเทศ
17. พ.ต.ท.หญิง อัจฉรา ศรีพล สารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
18. พ.ต.ท.ภูริศ คำหมื่น สารวัตร กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
19. พ.ต.ต.หญิง ภทรพัชร เพ็งคล้าย สารวัตรฝ่ายสื่อวิทยุกระจายเสียง กองสารนิเทศ
20. พ.ต.ต.โกเมน วรรณบวร  สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 
21. พ.ต.ต.ภาณุวัฒน์ สวาสดิ์นา  สารวัตร (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง    
22. พ.ต.ต.นฤดม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา สารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
23. ร.ต.อ.ศุภสัณห์ เนื่องศรี รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจ
ท่องเที่ยว
24. ร.ต.อ.กรกต เทศทอง รองสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการอาชญากรรมพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน 
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
25. ร.ต.อ.นันทวัฒน์ สนแจ้ง รองสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้า
เมือง
26. ร.ต.ท.พิชญตม์ พุกเจริญ รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้า
เมือง
27. ร.ต.อ.หญิง พิชญากร สุขทวี รองสารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีอย่างยิ่งในการประสานความร่วมมือกับทางการญี่ปุ่น ตลอดจนนานาประเทศ ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งประเทศไทยจะเดินหน้าขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสานความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อสู้และปราบปรามกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปโดยเร็ว

‘พล.อ.ประวิตร’ แสดงภาวะผู้นำสอนมวย ‘แพทองธาร’ ประเทศชาติไม่ใช่เวทีให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ ชี้ ทำให้ปชช. หนี้ท่วมหัว หุ้นดิ่งเหว ความเชื่อมั่นของประเทศถดถอย ด้าน ‘อิ๊ง’ ลุกย้อน ‘บิ๊กป้อม’ บอก “ที่พูดมาไม่เป็นความจริง”

(24 มี.ค. 68) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป คือการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ผิดพลาดล้มเหลว วันนี้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข อย่างที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทปิดกิจการจำนวนมาก ประชาชนหนี้ท่วมหัว ทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104 % ราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดิ่งเหวในรอบ 3 ปีรัฐบาลไม่มีแนวทางอะไร ที่แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

“ผมพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีให้แก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องคนไทยให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรี เคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้ แต่ปรากฎว่า นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน และที่สำคัญ คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ขาดความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาท ที่ควรอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ไปใช้ แจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและ กองทุนIMF ได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน ถ้านายกรัฐมนตรีได้ศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างรอบคอบในทุกด้าน วันนี้คนไทยจะไม่ลำบาก ทุกข์ใจ ในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วงประเทศชาติอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือเรื่องของ MOU 44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยง เรื่องการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือ ลูกเรือประมงไทยที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะพากลับประเทศแต่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับ

ในฐานะที่ตนทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดทั้งชีวิต ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนทราบดีว่า การดำเนินงานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในหลายมิติมาก ตนเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ วันนี้ประเทศชาติไม่ใช่เวที ให้มือสมัครเล่น มาซ้อมมือ

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวต่อว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามจะผลักดัน มันมีช่องให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้อย่างมาก ตนขอย้ำว่า โครงการนี้อันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้ การปล่อยปละละเลยในเรื่องต่างๆก็ส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจสีเทา และปัญหาอาชญากรรมมากมายอยู่แล้ว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขาดคุณสมบัติตาม รธน.มาตรา 160 ( 4 )(5)ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตลอดจนการปล่อยปละละเลย ให้บุคคลในครอบครัวกระทำการให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน ซึ่งเรื่องนี้ตนขอให้เป็นหน้าที่ตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลเป็นเช่นไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง

“ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวด้วยอคติ แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สส. พรรคพลังประชารัฐอีก 4 คนจะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ผมขอขอบคุณ สส.ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคน ที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ ใจบันดาลแรงในการบริหารประเทศให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังมีแรง ผมเชื่อว่าถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวพวกพ้อง ผมเชื่อว่าประชาชน จะชื่นชมและยอมรับท่านเอง ขอให้โชคดีครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลัง พล.อ.ประวิตร อภิปรายจบ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า  เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายในประเด็นต่างๆ ต่อจากนี้อีกหลายท่าน ส่วนตัวพยายามจะตอบทุกๆ หัวข้อจะได้มีความสบายใจเกิดขึ้น 

“สำหรับสมาชิกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐผู้อาวุโสเมื่อกี้ตนเองได้ฟังท่านผู้และจับเวลานาฬิกาด้วยตัวเอง ท่านพูดประมาณ 10 นาที และอยากจะบอกว่า ที่ท่านสมาชิกอาวุโสพูดเมื่อสักครู่นี้ไม่เป็นความจริงค่ะ” แพทองธาร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top