Wednesday, 25 June 2025
Hard News Team

สหรัฐฯ เล็งแบนวีซ่านักเรียนจีน อ้างเหตุผลความมั่นคง นักวิชาการเตือน อาจทำลายอนาคตนวัตกรรมอเมริกา

(25 มี.ค. 68) ไรลีย์ มัวร์ (Riley Moore) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ได้เสนอร่างกฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรชื่อ “Stop CCP VISAs Act” ที่มีเป้าหมายเพื่อห้ามไม่ให้พลเมืองจีนสามารถขอรับวีซ่านักเรียนเข้าสหรัฐอเมริกา โดยให้เหตุผลว่ามาตรการนี้มีความจำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศและเพื่อป้องกันการจารกรรมทางเทคโนโลยีและข่าวกรองจากรัฐบาลจีน

มัวร์ระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะจำกัดอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสหรัฐฯ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากนักศึกษาจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐจีน

“ทุกปี เราอนุญาตให้ชาวจีนเกือบ 300,000 คนเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน เราเชิญชวนพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาสอดส่องกองทัพของเรา ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของเรา และคุกคามความมั่นคงของชาติอย่างแท้จริง” มัวร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ และองค์กรที่สนับสนุนเสรีภาพทางการศึกษา โดยพวกเขาเตือนว่าการจำกัดวีซ่าเช่นนี้อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งผลเสียต่อสถาบันการศึกษาชั้นนำของสหรัฐฯ ที่พึ่งพานักศึกษาต่างชาติในการขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนา

ขณะที่ แกรี ล็อก (Gary Locke) อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่าร่างกฎหมายที่มัวร์เสนอ “ไม่เพียงแต่เหยียดเชื้อชาติ แต่ยังเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ” เพราะการปิดโอกาสนักเรียนจีนจะบ่อนทำลายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

ล็อกเน้นย้ำว่าความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ อาศัยความสามารถของนักวิจัยและนักศึกษาต่างชาติอย่างมาก และการจำกัดวีซ่าจะเป็นการทำร้ายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง

ด้านรัฐบาลจีนได้ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน โดยมองว่าเป็นมาตรการที่ไม่เป็นธรรมและอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดมากขึ้น 

อย่างไรก็ดีร่างกฎหมายดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร และยังไม่มีความชัดเจนว่ามาตรการนี้จะได้รับการสนับสนุนมากน้อยเพียงใดจากสมาชิกสภาคองเกรสทั้งสองพรรค

ทั้งนี้ การเสนอร่างกฎหมายนี้สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ เกี่ยวกับบทบาทของจีนในด้านเทคโนโลยีและความมั่นคงของประเทศ

ปิด โครงการ 'แด่น้องผู้มีความหวัง' ปีที่ 32 

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.68) น.อ.หญิง อัญชลี  ลี้พูลทรัพย์ หน.กลุ่มงานรังสีวิทยา ผู้แทน ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ร่วมพิธีปิด โครงการ “แด่น้องผู้มีความหวัง” ปีที่ 32

โดยมี พล.ร.ต.นิรัตน์ ทากุดเรือ รอง ผบ.นย. เป็นประธาน ณ อาคารมะรีนฮอลล์ ศฝ.นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี 

ผบช.ภ.2 ยกย่อง 'ฮีโร่' ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านบึง ปั๊มหัวใจช่วยฟื้นชีวิต ด.ญ.จมน้ำ  ชื่นชมมีทักษะ ช่วยประชาชนอย่างสุดความสามารถ

(25 มี.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)  เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.บ้านบึง จังหวัดชลบุรี ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ต.ประวัฒน์ สิงห์ผดุงศักดิ์ รอง สวป. สภ.บ้านบึง ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านบึง ได้ช่วยเหลือทำการ CPR ช่วยปั๊มหัวใจเด็กหญิงวัย 12 ปีที่จมน้ำ จนสามารถฟื้นคืนชีพกลับมามีลมหายใจ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ร.ต.ต.ประวัฒน์ ที่มีทักษะความรู้ด้านการช่วยชีวิตและเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ถูกวิธี มีสติ และมีความพยายามในการช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดความสามารถ จนสามารถช่วยชีวิตเด็กหญิงได้

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เวลา 15.10 น. ตำรวจ สภ.บ้านบึง รับแจ้งเหตุมีเด็กจมน้ำในพื้นที่สระน้ำส่วนบุคคล ตำรวจสายตรวจมาบไผ่ สังกัด สภ.บ้านบึง กับอาสาสมัครกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง  จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พบเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกช่วยขึ้นมาจากสระน้ำอยู่ในอาการหมดสติ จึงเข้าไปช่วยทำ CPR ปั๊มหัวใจ จนเด็กหญิงมีสัญญาณชีพฟื้นคืนมา กระทั่งรถกู้ชีพ รพ.บ้านบึง ไปถึงที่เกิดเหตุนำตัวเด็กหญิงขึ้นรถนำตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาล ขณะนี้ทราบว่าอยู่ในการดูแลของแพทย์และอาการดีขึ้นตามลำดับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของผู้ปกครองที่เฝ้าลุ้นระทึกหวังให้ลูกหลานของตัวเองปลอดภัย โดยได้แสดงความดีใจ และขอบคุณตำรวจบ้านบึงที่เป็นเหมือนฮีโร่ให้การช่วยเหลือช่วยชีวิตเด็กหญิงในครั้งนี้

“ต้องชื่นชม ร.ต.ต.ประวัฒน์ ที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ เป็นแบบอย่างที่ดีของตำรวจในการทำหน้าที่ช่วยเหลือดูแลประชาชนให้พ้นภัย และที่สำคัญมีทักษะความรู้ด้านการทำ CPR กู้ชีพซึ่งเป็นทักษะ ความรู้ที่ตำรวจทุกนายต้องมี เพื่อสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างถูกวิธี” ผบช.ภ.2 กล่าว 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เด็กมักเที่ยวเล่นน้ำ คลายร้อน และพบว่าช่วงเวลานี้ของทุกปี มีสถิติเด็กจมน้ำจำนวนมาก จึงขอให้ผู้ปกครองดูแลใส่ใจกวดขันเด็กในการดูแลของท่านเป็นพิเศษ มิให้ไปเล่นน้ำในพื้นที่เสี่ยงอันตราย น้ำลึก เชี่ยว ควรมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ห่วงยาง เสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัย และอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อยู่เสมอ ทั้งนี้หากมีเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือให้โทรหาตำรวจได้ที่ โทร.191 ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมดูแล ประชาชนด้วยความเต็มใจ

‘พีระพันธุ์’ ยันไม่มีการเอื้อประโยชน์นายทุน เดินหน้าทำทุกอย่างให้โปร่งใส เนื้อหาอภิปรายเรื่องเก่า เคยชี้แจงไปหมดแล้ว

เมื่อวันที่ (24 มี.ค.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า

ในลำดับแรกตนขอเรียนว่าในทุก ๆ ประเด็นที่ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับพลังงาน ตนได้ชี้แจงไปแล้วในการตอบกะทู้หลาย ๆ ครั้ง ต่อมาตนขอแจ้งว่าใน 2 รัฐบาลต่อเนื่องทั้งรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีศิลป์ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนั้น ทั้ง 2 ท่านได้มีความตั้งใจจริงในการจัดการกับปัญหาพลังงานและสนับสนุนในการทำหน้าที่ของตนในการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าอย่างเต็มที่ 

ในประเด็นการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2566-2573 สำหรับในรายละเอียดตนได้ชี้แจงแล้ว ว่าจะต้องหาทางหยุดกระบวนการไม่ให้มีการลงนามในสัญญา และก่อนการชี้แจงตนเพิ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2566-2573 ครั้งที่ 4 ตามดำริของนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่ในครั้งนั้นท่านติดภารกิจสำคัญเร่งด่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ตนเป็นประธานการประชุมแทนเพราะเล็งเห็นว่ามีการเลื่อนประชุมการแก้ไขปัญหาจะล่าช้าไปอีก

สำหรับประเด็นส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า หรือ Adder รวมทั้งสัญญาชั่วนิรันดร์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2550 รวมทั้งสิ่งที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานแจ้งว่าหากมีการยกเลิกจะทำให้ค่าไฟลดลงทันที 17 สตางค์ ยังเป็นตัวเลขที่จะต้องมีการศึกษาและตรวจสอบเพิ่มเติม รวมทั้งการจัดการกับปัญหาเกี่ยวกับค่าพร้อมจ่าย หรือ AP ที่ทุก ๆ บ้านที่ใช้ไฟฟ้าจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะต้องดำเนินการแก้ไขให้โปร่งใสมากยิ่งขึ้น

“ผมขอยืนยันว่าไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนใด ๆ ทั้งสิ้น สาเหตุที่แผน PDP ที่ยังไม่จบ เพราะรัฐบาลไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เพราะเปิดช่องให้นายทุน” นายพีระพันธุ์กล่าว

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดี - ฟันวินัยเด็ดขาด ด.ต.หัวร้อน ภ.2 แจ้งข้อหาหนัก ชื่นชม “รองสารวัตร” เข้าระงับเหตุรวดเร็ว กล้าหาญ

(25 มี.ค. 68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า จากกรณี ด.ต.กิตติศักดิ์ ฯ  สังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับอดีตแฟนสาว และทำร้ายตำรวจสายตรวจ สภ.สัตหีบ ที่เข้าไประงับเหตุ จนทำให้ ร.ต.ต.พาสกร ภาชูระเบียบนา รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตู้ยามเตาถ่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั้น ได้รายงาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา พร้อมกำชับให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา พร้อมกำชับให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเฉียบขาดด้วย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีว่า หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.สัตหีบ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งคุมตัวผู้ก่อเหตุ กระทั่งเวลา 05.00 น. ด.ต.กิตติศักดิ์ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จึงได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น ดำเนินคดีข้อหา “เข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย ในเวลากลางคืน, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” โดยตนกำชับให้ดำเนินคดีอย่างรอบคอบ ย้ำว่าแม้เป็นตำรวจก็ไม่มีการช่วยเหลือกัน ยิ่งเป็นตำรวจแล้วทำผิดเสียเองต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ส่วนการดำเนินการทางวินัย เป็นเรื่องของหน่วยต้นสังกัดที่จะดำเนินการต่อไป
 
ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า ต้องชื่นชม ร.ต.ต.พาสกร ที่เข้าระงับเหตุอย่างทันท่วงที โดยวันนี้ได้ มอบหมายให้  พ.ต.อ.อรรถพล  พงษ์สุพรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบรี เป็นผู้แทนมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุน Police Award และมอบกระเช้าเยี่ยมไข้เป็นการให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และขอให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยไว 

“ชื่นชมในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหา ระงับเหตุความเดือดร้อนของประชาชนอย่างรวดเร็ว ด้วยความกล้าหาญ แม้ว่าตัวเองจะเสี่ยงอันตราย และจากนี้กำชับให้ตำรวจสายตรวจเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าระงับเหตุ โดยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย” ผบช.ภ.2 กล่าว

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ เยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ สภ.สัตหีบ ที่บาดเจ็บจากการระงับเหตุทะเลาะวิวาท

(25 มี.ค. 68) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) พร้อมด้วย ผศ.ดร.สุเนตร สุวรรณละออง รองประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 , พ.ต.อ.อรรถพล พงษ์สุพรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และคณะแม่บ้านชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจ ร.ต.ต.ภาสกร ภาชูระเบียบนา รอง สวป.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทและช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่ง ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและชิงอาวุธปืน แล้วหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ 

ในโอกาสนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ฯ , ผศ.ดร.สุเนตรฯ และคณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ ร.ต.ต.ภาสกรฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว

25 มีนาคม พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนากระทรวงยุติธรรม

วันนี้ เมื่อ 134 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2434 (ร.ศ. 110) เพื่อรวบรวมศาลตุลาการที่กระจัดกระจายอยู่ภายใต้หลายหน่วยงานเข้ามารวมไว้ในกระทรวงยุติธรรมเพียงกระทรวงเดียว 

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่การจัดการศาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เริ่มมีความซับซ้อนและเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา จนทำให้ไทยประสบวิกฤตทางการศาล โดยเฉพาะการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาในการปกครองประเทศเป็นอันมาก เพราะกงสุลต่างประเทศถือโอกาสตีความสนธิสัญญาและไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและการศาลไทย จึงทำให้ประเทศไทยต้องปฏิรูประบบกฎหมายและการศาลไทยใหม่อย่างเร่งด่วน

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้ระบบยุติธรรมในสยามมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม และสามารถบังคับใช้ได้แก่ประชาชนทั่วไปในสยาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2434 โดยมีการรวบรวมศาลต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเข้ามาในระบบภายใต้การควบคุมของกระทรวงยุติธรรม และกำหนดรูปแบบวิธีพิจารณาและพิพากษาคดีขึ้นใหม่อีกด้วย

มาเลเซียเตรียมล้อมกรอบชิป AI คุมเข้มนำเข้า-ส่งออก หวั่นเทคโนโลยีรั่วไหลสู่จีนตามข้อกังวลของสหรัฐฯ

(24 มี.ค. 68) รัฐบาลมาเลเซียเตรียมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าและส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

รายงานระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า ซาฟรูล อาซิส กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้มาเลเซียติดตามการเคลื่อนตัวของชิป Nvidia ระดับไฮเอนด์ที่เข้ามาในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความสงสัยว่าชิปจำนวนมากอาจลงเอยที่จีน

“สหรัฐฯ ขอให้เราตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้ตรวจสอบการขนส่งทุกครั้งที่มาถึงมาเลเซีย เมื่อเกี่ยวข้องกับชิป Nvidia” อาซิสกล่าวกับหนังสือพิมพ์

ปัจจุบัน มาเลเซียเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก โดยมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งฐานการผลิตและประกอบชิปในประเทศ ซึ่งนโยบายใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไฮเทคในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียยังคงเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย โดยระบุว่า จะกำหนดมาตรการที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศมากเกินไป

ด้าน สหรัฐฯ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อประเทศพันธมิตรทั่วโลกให้เข้าร่วมมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI และการทหารไปยังจีน โดยก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงแล้ว

นอกจากนี้ รัฐบาลมาเลเซียกำลังเร่งตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ ในกรณีการขนส่งเซิร์ฟเวอร์ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงมูลค่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสิงคโปร์ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นอาจมีชิปขั้นสูงที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ

การสืบสวนเกิดขึ้นหลังจากอัยการสิงคโปร์เปิดเผยในศาลเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า บริษัทแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ถูกกล่าวหาว่าจัดหาเซิร์ฟเวอร์จากสหรัฐฯ ให้กับมาเลเซียโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่สื่อในสิงคโปร์รายงานว่าคดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับการโอนถ่ายชิป AI ขั้นสูงของ Nvidia ไปยังบริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีน DeepSeek

DeepSeek ตกเป็นเป้าสายตาของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเปิดตัวโมเดล AI อันทรงพลังเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงเทคโนโลยี ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเทคโนโลยีของบริษัทนี้อาจใช้ชิปที่ถูกสหรัฐฯ ควบคุมและจำกัดการส่งออก

ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าสอบสวนกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยก่อนหน้านี้ วอชิงตันได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงให้กับจีน เพื่อลดความสามารถของปักกิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

ทั้งนี้ การสืบสวนครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระดับโลก

จีน-ไทย เตรียมซ้อมรบทางทะเล ปลายมีนาคมนี้ ยกระดับความร่วมมือทางทหาร เสริมศักยภาพป้องกันภัยคุกคาม

(24 มี.ค. 68) กระทรวงกลาโหมของจีนได้เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนและไทยกำลังเตรียมจัดการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันใกล้กับเมืองจ้านเจียง ในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนนี้

การซ้อมรบดังกล่าวจะเป็นการฝึกฝนร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันภัยคุกคามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันในภาวะสงครามทางทะเลและการจัดการกับภัยคุกคามทางทะเลในอนาคต

กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะมีการฝึกปฏิบัติทางยุทธวิธี การฝึกซ้อมการป้องกันภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ การป้องกันจากการโจมตีทางอากาศ รวมถึงการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

และครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือด้านการทหารระหว่างจีนและไทย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมองว่าความมั่นคงในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญ การฝึกซ้อมร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการร่วมในสถานการณ์จริง

ทั้งนี้ การฝึกซ้อมครั้งนี้มีความสำคัญในการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะในด้านการทหารและการรักษาความสงบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีทางทหาร พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กบน.ประกาศ ลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล 1 บาท/ลิตร มอบเป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงสงกรานต์

กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ลง 1 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ รองรับกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ทิศทางอ่อนตัว ส่งผลดีต่อ  ฐานะกองทุนฯ ภาระหนี้ลดลง 

(24 มี.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. ได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน 

“การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์”

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 - วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปรับลดลงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 14,063 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,989 ล้านบาท

“กบน.ยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงทำหน้าที่ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้หลักการ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” เพื่อประโยชน์ของประชาชน และทุกภาคส่วน” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top