Saturday, 21 June 2025
Hard News Team

ACFTA 3.0 นำพาอาเซียนและจีนเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้าเสรี สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ขยายตลาดขนาดใหญ่รับมือวิกฤตการค้าทั่วโลก

(28 เม.ย. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่ไม่แน่นอน ผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซียและจีนได้ย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับจีน โดยเฉพาะในการใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ร่วมกันเพื่อบูรณาการภูมิภาคและต่อต้านกระแสการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ในเวทีสัมมนาอาเซียน-จีนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วนได้เห็นพ้องกันถึงศักยภาพของการร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย

โลว์ เคียน ชวน ประธานสภาธุรกิจมาเลเซีย–จีน กล่าวว่าการที่มาเลเซียดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาค และการลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ฉบับ 3.0 จะเป็นจุดสำคัญในการเสริมสร้างการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยช่วยขยายความร่วมมือในหลายมิติ

นับตั้งแต่การเปิดตัวเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนในปี 2010 ความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากการค้าโลก แต่ในไตรมาสแรกของปี 2025 มูลค่าการค้าระหว่างจีนและอาเซียนยังเติบโตขึ้นถึง 7.1% ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

ในอนาคต ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีนจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการปรับโครงสร้างห่วงโซ่มูลค่าโลก โดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างจริงจังจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในภูมิภาคนี้

‘ใบตองแห้ง’ มอง ‘พท.- ปชน.’ มีโอกาสจับมือสมัยหน้า หลังเห็นท่าที ‘เท้ง’ ชูจุดยืนล่วงหน้าขอเลือก พท. ดีกว่า ภท.

(28 เม.ย. 68) อธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Atukkit Sawangsuk' ระบุว่า...
เท้งยื่นมือให้เพื่อไทย สมัยหน้าอาจจับมือกันได้ ถ้ายอมรับทำผิดกับประชาชน

โดนพ่อแม้วเย้ยหยันซินตึ๊งซึ่งตึง โดนแบกโห่ใครอยากจับมือด้วย
เสียหายไหม
ให้นึกถึงตอนพิธาโดนเย้ย "โหนจ้ะโหน" แล้วเป็นไง

มองในมุมกว้าง Voters ทั้งสองพรรค
ถ้าไม่นับด้อมแบกที่ซัดกันในโลกออนไลน์
ก็มีส่วนที่ทับซ้อนกัน มีส่วนที่ยังผูกพันทั้งคู่ จากการต่อสู้ประชาธิปไตย ยังอยากให้จับมือกันได้
การยื่นมืออย่างนี้จึงได้ใจ ฝ่ายที่ปัดมือทิ้งต่างหาก จะทำให้ Voters ส่ายหัว

อันที่จริงคำพูดนี้แสบ ภายใต้ท่าทีสุภาพแบบเท้ง
มันคือการบอกว่า สำนึกผิดแล้วให้อภัย กลับบ้านได้  
ซึ่งทำให้เพื่อไทยและแบกดิ้น

แต่ภายใต้ความหยิ่งผยอง ปากแข็ง 
คนของเพื่อไทยที่พอมีสติก็รู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
บริหารเศรษฐกิจไม่มีผลงาน ไม่สามารถส่งมอบนโยบาย โดนขัดแข้งขัดขา ทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐราชการ 
ประสิทธิภาพ ความสามารถ ก็ไม่ได้เหมือนยุคไทยรักไทยที่คนคาดหวัง
มองข้ามไปถึงเลือกตั้ง 70 เพื่อไทยหนักแน่
ไม่ต้องพูดถึงแลนด์สไลด์ พูดแค่เอาชนะภูมิใจไทยได้หรือเปล่า

ท่าทีของเท้ง เป็นการปักจุดยืนล่วงหน้าว่า
ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย
ถ้าเพื่อไทย "สำนึกผิด" ก็ยินดีให้อภัย  
ดีกว่าไปจับมือกับพรรคเขากระโดง
ปักหลักไว้อย่างนี้จะได้ใจทั้งคนวงกว้างและคนที่สองจิตสองใจระหว่างสองพรรค

ปล.แน่ละถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์จะไม่จับมือพรรคส้มหรอก 
แต่มาถึงตอนนี้ใครก็เห็นแล้วละว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอาการหนัก

ก๋วยเตี๋ยวเรือใจกลางสยาม ความพิเศษของร้านนี้อีกอย่างคือ ให้กากหมูฟรี! เติมได้ไม่อั้น

นอกจากความอร่อยแล้ว ความพิเศษของร้านนี้อีกอย่างคือ ให้กากหมูฟรี! เติมได้ไม่อั้น สายชอบกินกากหมูกับก๋วยเตี๋ยวเรือต้องไม่พลาด

‘คิม จองอึน’ ยอมรับส่งทหารไปช่วย ‘รัสเซีย’ ในสงครามกับยูเครน มอสโกซูฮกพันธมิตรเกาหลีเหนือ ช่วยปลดปล่อยแคว้นเคิร์สก์

(28 เม.ย. 68) รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า ได้ส่งทหารไปร่วมสงครามกับยูเครนภายใต้คำสั่งของผู้นำ “คิม จองอึน” โดยมีส่วนสำคัญในการปลดปล่อยดินแดนที่ถูกยูเครนยึดไป เช่น ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึง “มิตรภาพอันแน่นแฟ้น” ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย

สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า การเข้าร่วมของทหารเกาหลีเหนือในสงครามครั้งนี้สอดคล้องกับสนธิสัญญาพันธมิตรที่ผู้นำคิมได้ลงนามกับปูตินเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกาหลีเหนือเห็นว่าดินแดนของรัสเซียเป็นเสมือนประเทศของตน และยืนยันความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างทั้งสองชาติ

มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การส่งทหารจากเกาหลีเหนือแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับสูง และการช่วยเหลือมอสโกในการปลดปล่อยแคว้นเคิร์สก์จากการรุกรานของยูเครน ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเกาหลีเหนือได้ส่งทหารประมาณ 14,000 นาย รวมถึงกำลังเสริม 3,000 นาย

ทั้งนี้ การยอมรับอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียยืนยันเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่าทหารเกาหลีเหนือต่อสู้เคียงข้างรัสเซียในภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองประเทศไม่เคยยืนยันหรือปฏิเสธการส่งทหารเข้าร่วมการรบในยูเครน

ลำปาง-ตำรวจลำปางรวบแก๊งฉ้อโกงขายรถมือสอง – ขยายผลจับผู้ต้องหาคดียาบ้า 3.6 ล้านเม็ด

(28 เม.ย. 68) เวลา 13.00 น. ที่หน้าห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง นำโดย พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.คมสันต์ บำรุงยศ ผกก.สภ.เมืองลำปาง, พ.ต.อ.ประสิทธิ์ หล้าสมศรี ผกก.สภ.แม่พริก และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงขายรถยนต์มือสอง และการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 3.6 ล้านเม็ด

คดีฉ้อโกงขายรถยนต์มือสอง
จากการสืบสวนของชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พบพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนในลักษณะแก๊งอั้งยี่ โดยมี น.ส.อิง และ น.ส.ออย (นามสมมุติ) เป็นผู้ร่วมขบวนการหลัก อ้างรับซื้อหรือรับจำนำรถในราคาถูก แล้วนำไปขายต่อโดยไม่คืนรถให้เจ้าของ แม้จะจ่ายเงินครบตามที่ตกลงแล้วก็ตาม

ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีรวม 19 คดี บางส่วนได้ส่งฟ้องศาลแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา พร้อมกันนี้ได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 5 คดี โดยหนึ่งในนั้นมีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกให้โอนเงิน 299,999 บาท เพื่อซื้อรถยนต์ ก่อนถูกแย่งรถคืนไป ทั้งยังพบพฤติกรรมใช้คนกลางหารถเป้าหมาย และหลอกให้ถอนแจ้งความเพื่อล่อลวงซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหา "อั้งยี่" และ "ร่วมกันฉ้อโกง"

คดียาบ้า 3.6 ล้านเม็ด
ในอีกคดีหนึ่ง เจ้าหน้าที่ สภ.แม่พริก และ กก.สส.ภ.จว.ลำปาง ร่วมกับตำรวจจังหวัดตาก ขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดจำนวนกว่า 3.6 ล้านเม็ดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ชาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้ที่จุดตรวจท่าเล่ ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา

ผู้ต้องหารายนี้ถูกออกหมายจับในข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายและมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า และมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรม โดยจากการติดตามเส้นทางรถยนต์ ISUZU D-MAX สีขาว ทะเบียน ยบ 1534 เชียงใหม่ ของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับได้และนำตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.แม่พริก

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากประชาสัมพันธ์ หากประชาชนคนใดตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในคดีรถยนต์มือสองดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สภ.เมืองลำปาง ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จเรตำรวจแห่งชาติหารือร่วมอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น และคณะ แลกเปลี่ยนข้อมูล เดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(28 เม.ย. 68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายเอกุจิ อาริชิกะ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นและคณะ ประกอบด้วย นายเรียว ยาสึเอดะ ผู้บัญชาการสืบสวนระหว่างประเทศ กรมปราบปรามอาชญากรรมองค์กร/หัวหน้าตำรวจสากลโตเกียว (NCB TOKYO) , นายเทรุซาโตะ อิโนะอุเอ ผู้กำกับการกองปราบปรามอาชญากรรม , นายอาริกะ คิตาโมโตะ ผู้กำกับการกองปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ , นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตตำรวจอาวุโสฯ , นายโยชิโนริ นาราซากิ เลขานุการโทและผู้ช่วยทูตตำรวจฯ , นางสาวแพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่ประสานงานและล่ามไทย-ญี่ปุ่น และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ร่วมต้อนรับ ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนั้น พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมด้วยอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น และคณะ ได้ประชุมหารือความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ โดยในการประชุมได้มีการหารือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการกวาดล้างจับกุมกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะที่มีชาวญี่ปุ่นเกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจไทยในการร่วมมือสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือเหยื่อ จากนี้ไปจะมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการกำจัดกลุ่มแก๊งดังกล่าวมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องขอขอบคุณทางการญี่ปุ่นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะสานต่อความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันต่อไป สำหรับในเรื่องข้อมูลแหล่งที่ตั้งฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียวมา และประเทศกัมพูชา นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และขยายผลการปฏิบัติ โดยหากจะมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพบว่ามีชาวญี่ปุ่นร่วมอยู่ในกลุ่มแก๊งใด ทางตำรวจไทยจะประสานทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นให้ทราบ เพื่อเตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันท่วงที ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับการพาคนญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะขยายผลเพื่อดำเนินคดีโดยเร็ว ย้ำว่าจะต้องทำลายระบบเครือข่ายของแก๊งเหล่านี้ให้หมดไป

น้ำมันอาเซอร์ไบจานยังส่งผ่านตุรกีสู่ท่าเรือไฮฟา ท่ามกลางมาตรการตัดสัมพันธ์การค้าของอังการา

(28 เม.ย. 68) สื่ออิสราเอลรายงานว่า แม้รัฐบาลตุรกีประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งหมดกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ เพื่อตอบโต้การโจมตีฉนวนกาซ่า แต่การส่งออกน้ำมันจากสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานไปยังอิสราเอลผ่านท่าเรือตุรกียังคงดำเนินต่อไป

Globes สื่อเศรษฐกิจของอิสราเอลเปิดเผยว่า น้ำมันดิบจากอาเซอร์ไบจานยังคงส่งผ่านท่อบากู-ทบิลิซี-เจฮานถึงท่าเรือเจฮานในตุรกี ก่อนถูกลำเลียงต่อไปยังท่าเรือไฮฟาในอิสราเอลโดยเรือบรรทุกน้ำมัน ทั้งนี้ อิสราเอลนำเข้าน้ำมันดิบจากอาเซอร์ไบจานมากกว่า 523,000 ตันในเดือนมกราคม คิดเป็นมูลค่าเกือบ 297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียด ฮิกเมต ฮาจิเยฟ ผู้ช่วยฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน ได้พบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูที่สถานทูตอาเซอร์ไบจานในกรุงเทลอาวีฟ เพื่อหารือเรื่อง "การพัฒนาในภูมิภาค" โดยเน้นความพยายามไกล่เกลี่ยกับตุรกีเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฮาจิเยฟเดินทางต่อไปยังกรุงอังการา เพื่อพบกับฟาเรตติน อัลตุน หัวหน้าสำนักงานสื่อสารแห่งชาติของตุรกี และผู้ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีเออร์โดกัน โดยทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระดับโลก ท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกการดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568

(28 เม.ย. 68) เวลา 10.00 น. พลเรือเอก จิรพล  ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึก CALFEX ของ นย. ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

การฝึก CALFEX นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ซึ่ง เป็นการฝึกปฏิบัติการจริงของหน่วยกำลังรบประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการและทดสอบความพร้อมทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์

สำหรับการฝึก CALFEX จะทำการเข้าตี ยึดครอง รักษาที่หมายและสถาปนาเส้นแนวหัวหาดพร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าตีด้วยการยิงอาวุธสนับสนุนของ นย. และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) รวมถึงร้องขอการโจมตีเป้าหมาย High Value Targets จากกองทัพอากาศ ซึ่งได้จำลองสถานการณ์และพื้นที่การฝึกมาที่สนามฝึก กองทัพเรือหมายเลข 16 
   
สำหรับอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกในส่วนของกองทัพเรือประกอบด้วย ยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก AAV จำนวน 6 คัน ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน ยานเกราะล้อยาง BTR -3E1 จำนวน 4 คัน รถ AWAV 7 คัน รถยนต์บรรทุกฮัมวี่ 4 คัน ปืนใหญ่สนามขนาด 155 มม.จาก นย. และ สอ.รฝ. หน่วยละ 2 กระบอก ปืนใหญ่สนามขนาด 105 มม. 2 กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 40/60 มม. 2 กระบอก อาวุธยิงสนับสนุนภายในอัตรากองพันทหารราบ ชุดแทรกซึมทางอากาศจากกองพันลาดตระเวน  กองพลนาวิกโยธิน อากาศยานไร้คนขับแบบ M SOLAR-X 1 ระบบ 

โดยมีอากาศยานของกองทัพเรือที่ร่วมการฝึกประกอบด้วย เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลดอร์เนียร์สำหรับการส่งชุดแทรกซึมทางอากาศ เครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้าแบบ T-337 สำหรับการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support : CAS ) และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ EC-645 สำหรับการส่งกลับสายแพทย์  

ทั้งนี้ กองทัพบกได้จัดรถหุ้มเกราะติดอาวุธแบบ M1126 Stryker ICV 4 คัน เข้าร่วมการฝึกสำหรับการดำเนินกลยุทธ์เข้าตีและยึดครองที่หมาย ในขณะที่กองทัพอากาศจัดเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง สำหรับการขัดขวางกำลังเพิ่มเติมของฝ่ายตรงข้าม โดยมีชุดควบคุมอากาศยานโจมตี (Combat Control Team) จากกรมปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน แนะนำการติดต่ออากาศยานเข้าพื้นที่การปฏิบัติการ
  
ผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการฝึกในครั้งนี้ นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ กองทัพบก และกองทัพอากาศจะได้ใช้ยุทธวิธีหลักนิยมในการรบร่วม และทดสอบแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือให้เป็นไปตามแผนป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดความรู้ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกจริงแล้ว ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังพลในปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับเหล่าทัพต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือ โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เลย-มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 แถลงปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe  ยึดยาบ้า  5.5 ล้านเม็ด 

(27 เม.ย. 68)  เวลา 13.30 น. ที่กรมทหารพรานที่ 21 ต.ศรีสองรัก อ.เมืองเลย จ.เลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) พร้อมด้วยนายชัยพจน์  จรูญพงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ในพื้นที่อำเภอชายแดน ของจังหวัดเลย  โดยมี  พล.ต.ต.วีระเดช เลขะวรกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย นายกิตติคุณ  บุตรคุณ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย  พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 ( ร.8 )  นางสาวภูมารินทร์  คงเพียรธรรม  ปลัดจังหวัดเลย  พันเอกอินทราวุธ  ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21  นายสุชิน จันทร์ป่าน นายอำเภอปากชม และหัวหน้าส่วนราชการ  เข้าร่วมแถลงข่าว

โดยเมื่อวันที่  25  เมษายน 2568 เวลา  02.00  น. กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 สืบทราบจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่บ้านปากมั่ง ตำบลหาดคัมภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย จึงได้ประชุมวางแผนการปฏิบัติ ร่วมกับ ชป.505 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,จนท.สภ.ปากชม จากนั้นได้วางกำลังซุ่มเฝ้าตรวจพบ เรือกีบ 1 ลำ แล่นเข้ามายังฝั่งไทยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน  กำลังแบกกระสอบสีดำขึ้นจากเรือมาวางริมถนน จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะถอยเข้ามาเพื่อทำการขนกระสอบสีดำขึ้นท้ายกระบะ จนท.ชุดซุ่ม จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ พบเห็นว่าเป็น จนท. จึงได้กระโดดลงน้ำแม่โขงหลบหนีไปได้ แต่จนท.สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน ต่อมาจึงได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวมาร่วมทำการตรวจสอบกระสอบสีดำ พบเป็นกระสอบบรรจุยาบ้ารวม ทั้งหมดประมาณ 15 กระสอบ พบเป็นยาเสพติดทั้งหมด 5,566,000 เม็ด  พร้อมทั้งนำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ให้ สภ.ปากชม เพื่อทำการขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรณีที่มีการตรวจยึดจับกุมในครั้งนี้ นบ.ยส.24 ในพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ พื้นที่ตามแนวชายแดน ในห้วงที่ผ่านมานั้น มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดเลย  จำนวน 186 ครั้ง ผู้ต้องหา 240 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 14,898,762 เม็ด, ไอซ์ 993 กิโลกรัม และเคตามีน 250 กิโลกรัม การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบของ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อำเภอ จำนวน 696 ครั้ง ผู้ต้องหา 974 คน โดยมี ของกลางยาบ้ามากถึง 104,955,437 เม็ด, ไอซ์ 4,084 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กิโลกรัม, เคตามีน 777 กิโลกรัม, และอื่นๆ (ยาอี 3,490 เม็ด,  happy Water 1,156 ซอง, ฝิ่น 1 กรัม) รวมมูลค่ามากถึงเจ็ดพันกว่าล้านบาทเศษ

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมนำเยาวชนทัศนศึกษาทัศนศึกษาประจำปี 2568  “จากภาคเหนือตอนล่าง สู่ภาคเหนือตอนบน”

(28 เม.ย. 68) เวลา 09.00 นาฬิกา ที่สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พันเอกหญิง สุชาดา  แจ่มสุวรรณ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับเยาวชนกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมให้โอวาทแก่เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมทัศนศึกษานอกพื้นที่ ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 ก่อนจะเดินทางไปยังแหล่งเรียนรู้และสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

กองทัพภาคที่ 3  จัดกิจกรรมนำเยาวชนในพื้นที่พื้นภาคเหนือตอนล่าง เดินทางไปทัศนศึกษาภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้วิถีคนเมือง สัมผัสวัฒนธรรมล้านนา เสริมสร้างปัญญา พัฒนาเยาวชน” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางสังคม ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ทหารยุคใหม่ รวมถึงการดำเนินงานตามศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ภายในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3  โดยมีเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 25 คน จาก เยาวชนที่เคยเข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมของหน่วย / มัคคุเทศก์น้อย / เยาวชนจากโรงเรียนในโครงการทหารพันธุ์ดี “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” / นักเรียนที่สนใจสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนทหารในส่วนของกองทัพบก

โดยระหว่างการทัศนศึกษา เยาวชนจะได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ของชาติ อาทิเช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  และประวัติศาสตร์ด้านการทหาร พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของ กองทัพภาคที่ 3 หรือ โครงการทหารพันธุ์ดี และเดินทางสัมผัสวิธีชีวิตคนเมือง ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ณ จังหวัดเชียงใหม่อดีตศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา ตลอดจนนิทรรศการเกี่ยวกับการก่อตั้งโครงการในการดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม

กองทัพภาคที่ 3 มุ่งหวังให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “พลเมืองรุ่นใหม่” ที่มีคุณภาพ มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์และมิติทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่หล่อหลอมจนกลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความรู้ควบคู่คุณธรรม และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top