Saturday, 21 June 2025
Hard News Team

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

(27 เม.ย. 68) พลเรือเอก จิรพล  ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ณ ค่ายตากสิน อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี พลเรือโท อภิชาติ  ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยวิชาการนาวิกโยธินในฐานะ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ส่วนแยก 3 พร้อมด้วยกำลังพลในสังกัดกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รับการตรวจเยี่ยม 

โอกาสนี้ ผู้บัญการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมกำลังพลกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและตั้งใจ ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย  เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ป้องกันประเทศบริเวณพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก และให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน ตลอดจนปฏิบัติงานตามที่รัฐบาลมอบหมายอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง  พร้อมทั้งเน้นย้ำ กำลังพลทุกนายในการปฏิบัติงานโดยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท  หมั่นฝึกฝนและเตรียมกำลังให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดต่อไป

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้พบปะทักทายกำลังพล และเยี่ยมชม ยุทธโธปกรณ์ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดในการปกป้องอธิปไตยและช่วยเหลือประชาชน   ก่อนเข้ารับฟังการบรรยายสรุป เพื่อรับทราบถึงปัญหา ข้อขัดข้อง ตลอดจนข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน 

       สำหรับกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เกิดขึ้นตามที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด (ปัจจุบันคือ กองบัญชาการกองทัพไทย ) ได้สั่งการให้ กองทัพเรือรับผิดชอบ ในการป้องกันพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดรวมทั้งให้มีหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองเรือประมง ในน่านน้ำไทย และสนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการป้องกันมิให้เรือประมงไทยล้ำเขตน่านน้ำกัมพูชาเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีการตั้งหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่หลายหน่วยงาน โดยมีกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดน และกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1/1 ปฏิบัติภารกิจในการรักษาความมั่นคงภายในซึ่ง กองทัพเรือ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว กองบัญชาการทหารสูงสุดจึงสั่งการให้ กองทัพเรือจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2522 เพื่อควบคุมบังคับบัญชากำลังทั้งสิ้นที่ปฏิบัติในพื้นที่ ทั้งด้านการป้องกันชายแดน และการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมี ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) เป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการใช้กำลัง และควบคุมบังคับบัญชากำลังทหาร , ตำรวจ , อาสารักษาดินแดน , ราษฎรอาสาสมัครต่าง ๆ และกำลังอื่น ๆ ที่ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด กองทัพเรือจึงมีคำสั่งเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของกองบัญชาการทหารสูงสุด และเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น ตลอดจนเพื่อเป็นการ กำหนดอำนาจ การบังคับบัญชาของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ต่อหน่วยกำลังต่าง ๆ ที่ขึ้นควบคุมทางยุทธการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงมอบให้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) เป็น ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) รับผิดชอบในการป้องกันชายแดน ที่ติดต่อกับ ประเทศ กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ทั้งทางบกและทางทะเล และให้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จัดตั้งกองกำลังด้าน จันทบุรี - ตราด (กจต.) เพื่อปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดทั้งทางบกและทางทะเล ให้ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็น ผู้บัญชาการกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด อีกตำแหน่งหนึ่ง

ทั้งนี้ ภารกิจของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในปัจจุบัน คือการป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล อำนวยการในการปกครอง พื้นที่ ควบคุมรักษาระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายทั้งปวงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติเนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีระยะทางตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร

”รองนายกฯ พีระพันธุ์“ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติตำรวจต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์-นักข่าวภาคสนามดีเด่น-ผู้ประกาศข่าวดีเด่น

(27 เม.ย. 68) ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถนนพหลโยธิน กทม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 16 นายตำรวจ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” และ “นักข่าวภาคสนาม-ผู้ประกาศข่าวดีเด่น” และมอบทุนการศึกษาบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคม ฯ, นายสมชาย จรรยา อุปนายก ฯ, นายสุรชัย นิโครธานนท์ อุปนายกฯ, นายธนากร ริตุ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ, น.ส.ขนิษฐา อมรเมศวรินทร์ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคม ฯ และคณะสื่อมวลชน-ตำรวจผู้รับมอบรางวัล และบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว

นายไพโรจน์ ได้กล่าวว่าทุกองค์กรย่อมมีคนดีและคนไม่ดี ทางสมาคมฯ มีวัตถุประสงค์สนับสนุนผู้ที่ทำดีเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละท่านและเชิดชูให้กับบุคคลที่ทำคุณงามความดีเพื่อสังคม โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยตัวแทนจากสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ได้มีการประชุมคัดเลือกและพิจารณามอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ ให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลงานดีเด่นจนเป็นที่ยอมรับของสังคม และมีสื่อมวลชนได้เสนอชื่อข้าราชการตำรวจเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการคัดเลือกและลงมติเหลือเพียง 16 รางวัล ส่วนรางวัล “นักข่าวภาคสนามดีเด่น” 8 รางวัล และรางวัลผู้ประกาศข่าวดีเด่น 5 รางวัล สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ

1.พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
2. พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น เจ้าของวลีที่ว่า “ทำงานเหนื่อยเพื่อตัวเอง อยู่แค่สิ้นลม แต่ทำงานเพื่อสังคม มันอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย”
3. พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
4. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
5. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามองค์กรอาชญากรรม ดีเด่น
6. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น
7. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ดีเด่น
8. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบชายแดนใต้ ดีเด่น
9. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
10. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามคอร์รัปชัน ดีเด่น
11. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น

12. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น
13. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสอบสวน ดีเด่น
14. ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รองสารวัตรตำรวจทางหลวงนครปฐม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
15. จ.ส.ต.เมธาวุฒิ เพ็ชรศรี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองขอนแก่น รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
16. จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ ผบ.หมู่ ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาวีรบุรุษชายแดนใต้

สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้สื่อข่าวภาคสนามดีเด่น และผู้ประกาศข่าวดีเด่น ที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนและเป็นกระจกเงาสะท้อนสังคม ได้แก่ น.ส.ดารินทิพย์ วิมลพัฒน์ จากช่อง 7 นายสุวรรณ เพ็งอ้น จากช่อง 3 น.ส.ทัศนีย์ ดำมุณี จากช่อง 9 นายกฤษฎากร ภูกาบเงิน จากช่อง 8 นายสุธิวัฒน์ ครุฑสุธา ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม เดลินิวส์ นายณเดช โรจนประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ข่าวสดออนไลน์ น.ส.ปิยะธิดา เพชรดี ผู้สื่อข่าว อัมรินทร์ออนไลน์ และนายนเรศ หมีเทพ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐ

ส่วนรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ประกาศข่าวดีเด่น คือ น.ส.อรชพร ชลาดล ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี, น.ส.เปรมสุดา สันติวัฒนา ผู้ประกาศข่าวช่อง 7, น.ส.ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3, นายณัฐธีร์ โกศลพิสิษฐ์ ผู้ประกาศข่าว โมโน 29 และนายภาณุพงศ์ กรรณาธิกรณ์ ผู้ประกาศข่าว ททบ.5

สวนนงนุชพัทยา โดย “กัมพล ตันสัจจา” จัดโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนพฤษภาคม พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษวันแรงงานแห่งชาติ

(27 เม.ย. 68) สวนนงนุชพัทยา ภายใต้การบริหารของ นายกัมพล ตันสัจจา เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มและกิจกรรมพิเศษเอาใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

1.สิทธิพิเศษสำหรับนิสิต นักศึกษาตลอดทั้งเดือน พฤษภาคม 2568เพียงแสดงบัตรนักศึกษา ณ จุดจำหน่ายบัตร จะได้รับสิทธิ ส่วนลด 50% สำหรับบัตรผ่านประตู เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใกล้ชิดธรรมชาติและเสริมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน

2. ผู้ที่เกิดในเดือนพฤษภาคม รับบัตรผ่านเข้าฟรีตลอดทั้งเดือน!เพื่อร่วมฉลองเดือนเกิด สวนนงนุชพัทยามอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับผู้ที่เกิดในเดือนพฤษภาคม

3.กิจกรรมสุดพิเศษ “วันแรงงานแห่งชาติ” 1 พฤษภาคม 2568
ร่วมเฉลิมฉลองวันแรงงานแห่งชาติด้วยกิจกรรมสนุกสนาน ลูกทุ่งวันแรงงานการแสดงวัฒนธรรมไทย และการแสดงของน้องช้างแสนรู้

นายกัมพล ตันสัจจา เผยว่า “เราต้องการมอบความสุข ความคุ้มค่า และความประทับใจให้กับทุกคนที่มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวทั่วไปหรือครอบครัวให้สวนนงนุชพัทยาเป็นแหล่งเรียนรู้และพักผ่อนในทุกโอกาส”โปรโมชั่นอื่นๆสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทร: 038-238061-63
เว็บไซต์ : www.nongnoochtropicalgarden.com
Facebook: สวนนงนุชพัทยา Nongnooch Garden Pattaya
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งร่างตำรวจกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก ไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนา พร้อมดูแลพิธีต่าง ๆ ทุกแห่งอย่างสมเกียรติ 

(27 เม.ย. 68) พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวข้าราชการตำรวจ 6 นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม ในพื้นที่ทะเล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจัดพิธีอย่างสมเกียรตินั้น จึงได้สั่งการกำชับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ดูแลการดำเนินการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติแก่ผู้วายชนม์และครอบครัว , จัดกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรในเส้นทางจนถึงสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา และจัดกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกในงานพิธี จนกว่าจะเสร็จพิธี

ทั้งนี้ ญาติของผู้วายชนม์ได้กำหนดให้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล ทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิลำเนา โดยในวันประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ จะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินทางไปเป็นประธานในพิธี ดังนี้

1. พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) งกบ.บ.ตร. และ ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข  วิศวกรอากาศยาน (สบ 1) จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

2. พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูล นักบิน (สบ 3) งกบ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร.(ดอนเมือง) โดยเครื่องบินฟอกเกอร์ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568)  เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังสนามบินลำปาง เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดบ้านต้า ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

3. ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน (สบ 1) งกบ.บ.ตร. ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร โดยรถยนต์ของศูนย์ส่งกลับ โรงพยาบาลตำรวจ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) นำส่งเพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

4. จ.ส.ต.ประวัติ พลหงสา ผบ.หมู่ งชอ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร. (ท่าแร้ง)โดยเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 412 EP ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว เทศบาลตำบลโคกล่าม อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดราชวรี บ้านโคกล่าม ต.โคกล่าม อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นประธานในพิธี

5. ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ผบ.หมู่ งชอ.บ.ตร. ออกเดินทางจาก บ.ตร. (ดอนเมือง) โดยเครื่องบินฟอกเกอร์ ในวันนี้ (27 เมษายน 2568) เวลา 12.00 น. นำส่งไปยังท่าอากาศยานสงขลา เพื่อจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดปะโอ ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. โดยมี พล.ต.ท.สำราญ  นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละจากเหตุการณ์ครั้งนี้

แหล่งท่องเที่ยว กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ที่สวยงามและยั่งยืน

ระหว่างวันที่ 22 - 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พลเรือเอก สมประสงค์  วิศลดิลกพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ และผู้อำนวยการการท่องเที่ยวกองทัพเรือ พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมและประเมินผลแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 

โดยมี พลเรือตรี โชคชัย เรืองแจ่ม ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ ในการนี้ ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเทึ่ยวต่าง ๆ ภายในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 อาทิ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมสนอ่อน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ "โคก หนอง นา" พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และค่ายพักแรม พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อรับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ของแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาให้มีความพร้อม ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชน ได้อย่างแท้จริง

กองทัพเรือ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนพื้นที่ในหน่วยทหาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชนและบุคคลทั่วไป โดยนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปี งบประมาณ 68 กำหนดให้ หน่วยของกองทัพเรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในกองทัพเรือ ให้สะอาด เรียบร้อย สวยงาม และมีมาตรฐาน

นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568

ความรู้ที่เกิดจากบุคคลผู้มี
กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต
ย่อมไม่เรียกว่าปัญญา
เพราะปัญญาคือความรอบรู้และความเข้าใจ
ในเหตุผล ดีชั่ว คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ ‘Apple’ จะย้ายโรงงานผลิต จากจีนไปอินเดีย ต้องผ่านมาตรการศุลกากร ข้อบังคับทางการค้า ด้านการส่งออก

(26 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

อินฟลูเปรียบเทียบประโยคที่ เมื่อครั้งนายเจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน และอดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สอนนักข่าวฮ่องกง ถามเรื่องการลงสมัครเป็นผู้ว่าการเกาะฮ่องกงของนายถัง ซึ่งเป็นผู้ว่าการฯในขณะนั้น โดยใช้มุกสัมภาษณ์ควาย ๆ ยิงคำถามเดิมซ้ำ ๆ และคาดเดานัยของคำตอบซึ่งไม่ถูกใจ ด้วยการถามใหม่ปรับเปลี่ยนบางคำในประโยคคำถามนั้น คล้ายว่าหากตอบไม่ตรงกับความตั้งใจที่แฝงมากับคำถาม ก็จะทู่ซี้ถามอีก นายเจียง ตัดบทหลายครั้งหลังตอบคำถามเมื่อถูกถามว่าตนสนับสนุนนายถังหรือไม่? และตอบไปแล้วว่าโดยส่วนตัวเขาสนับสนุน แต่นักข่าวต้องการคำตอบว่าจีนกดดันฮ่องกงให้เลือกนายถังหรือเปล่า? นายเจียงถามนักข่าวว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน? นักข่าวชี้ว่ามาจากสื่อตะวันตก นายเจียงจึงสอนนักข่าวว่า “ในฐานะสื่อฯ คุณไม่ควรคาดเดาเอาเอง หรือมโนฯเพียงสัมผัสลม ก็ฟันธงว่ามีฝน พวกคุณต้องพิจารณาว่าแหล่งข่าวน่าเชื่อถือหรือไม่ แล้วตัดสินใจก่อนจะนำมา ต่อเรื่องเป็นตุเป็นตะ พวกคุณยังอ่อนวัยเกิน, คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันง่าย ๆ จนทำตัวเองให้ดูเหมือนพวกอ่อนต่อโลก (เอเคเอ ปัญญาอ่อน)” 

แอปเปิ้ลก็มีข่าวว่า วางแผนจะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปอินเดีย จากนโยบายสุดระห่ำของไอ้บ้า 'คนขายส้ม' เอเคเอ ดิ ออเรนจ์แมน (ฉายาที่สื่อฯอเมริกันใช้นิยามทรัมป์) ซึ่งคาดว่าการย้ายฐานการผลิตจะเกิดขึ้นภายในปี 2026 แต่ที่ทิม คุ๊ก ซีอีโอแอปเปิ้ล อาจแสร้ง หรือคาดไม่ถึงคือ จีนเห็นการย้ายฐานการผลิตของแอปเปิ้ลเป็นเรื่องที่ “คิดได้ ถึงกล้าทำแต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ” แอปเปิ้ลอาจคิดว่าจีน เป็นแค่โรงงานรับจ้างผลิต ทั้งยังเป็นตลาดขนาดใหญ่รองรับสินค้านับหลายร้อยล้านเครื่องต่อปี จึงคิดว่าแค่ย้ายโรงงานไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือดำเนินการยากแต่อย่างใด

แต่เอาเข้าจริง การส่งออกวัตถุดิบตลอดจนเครื่องจักรจากจีน เพื่อที่จะย้ายไปอินเดียนั้น แบบไม่ต้องประกาศอย่างโจ๋งครึ่มแต่อย่างใด ทางการจีนสามารถใช้มาตรการทางศุลกากร และข้อบังคับทางการค้า ด้านการส่งออก เป็นเครื่องมือในการปิดประตูหน้า, ขวางประตูข้าง และทิ้งช่องประตูด้านหลังโรงงานเล็ก ๆ ไว้ให้ กว่าแอปเปิ้ลจะดำเนินการจนแล้วเสร็จคาดว่า อาจหมดสมัยทรัมป์ไปแล้ว หรือแย่กว่านั้น ระหว่างตั้งโรงงาน สหรัฐดันคุยกับจีนแล้วตกลงกันได้ ทิม คุ๊ก ก็อาจมีสภาพต้องกินอาหารเม็ดไปเลยก็เป็นได้

ผู้แทนชาวน่าน เข้าขอบคุณ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ หลังช่วยผลักดัน!! ออกโฉนดที่ดิน ได้สำเร็จ

(26 เม.ย. 68) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ นายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน และอดีตผู้สมัคร สส.น่าน เขต 1 นายเรืองเดช จอมเมือง อดีตผู้สมัคร สส.น่าน เขต 3 ซึ่งเดินทางมาจาก ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน จ.น่าน เป็นตัวแทนประชาชนจังหวัดน่าน ในการแสดงความขอบคุณต่อนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ผลักดันให้การออกโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดน่านสำเร็จเป็นรูปธรรม เมื่อครั้งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังประชาชนต้องรอคอยการพิสูจน์สิทธิและกระบวนการทางกฎหมายยาวนานกว่า 30 ปี โดยการดำเนินการครั้งนี้ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่ไม่อยู่ในเขตจำแนกเป็นป่าไม้ถาวร หรือที่ดินต้องห้ามออกโฉนดตามข้อ 14 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 เช่น พื้นที่สาธารณประโยชน์ เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่ลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ และที่สงวนหวงห้ามอื่น ๆ

ในครั้งนั้น นายนิพนธ์ ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมที่ดิน ได้สั่งการให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย สำรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยนายนิพนธ์ ได้มอบโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่ผ่านการเดินสำรวจและตรวจสอบสิทธิแล้ว เฉพาะในพื้นที่จังหวัดน่านกว่า 2,300 แปลง โดยมีตัวแทนประชาชนจากอำเภอเมืองน่าน เข้ารับมอบโฉนดที่ดิน จำนวนกว่า 50 แปลง ณ และนายนิพนธ์ ยังได้ลงพื้นที่ไปมอบโฉนดถึงบ้านเรือนประชาชนผู้สูงอายุเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 10 แปลง เพื่ออำนวยความสะดวกและแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่

โดยในวันนี้ ผู้แทนประชาชนจังหวัดน่าน ที่ได้รับมอบโฉนดที่ดินดังกล่าว ได้เดินเข้าพบนายนิพนธ์ เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างเป็นทางการแทนกลุ่มประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ซึ่งสะท้อนถึงความยินดีและความซาบซึ้งใจที่ประชาชนมีต่อนายนิพนธ์ และทีมงาน ที่ได้ดำเนินการผลักดันเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จ หลังจากที่ชาวบ้านต้องรอคอยการแก้ไขปัญหามานานหลายทศวรรษ

สำนักข่าวอิศรา เปิดธุรกิจ ‘กัน จอมพลัง’ ลูกน้องคนสนิท ‘ผู้กองธรรมนัส’ จากร้านบะหมี่ สู่ ‘คนขายหวย - รักษาความปลอดภัย’ รายได้!! หลายสิบล้าน

(26 เม.ย. 68) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ จ.นครศรีธรรมราชเมื่อ 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

โดยได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ ในการช่วยเหลืองานสังคม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือกรณีนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี สองผัวเมีย ถูกนายสมิทธิพัฒน์ หรือพีช หลีนวรัตน์ ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ ‘นายกเบี้ยว’ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สี เบียดปาด เหตุเกิดบนถนนกาญจนาภิเษก กม.22 มุ่งหน้าบางปะอิน จนได้รับบาดเจ็บและรถยนต์เสียหายเป็นข่าวดังครึกโครม และยังบอกกรณีนักการเมืองรายหนึ่งออกมาปูดมีคนตั้งค่าหัวนายกัณฐัศว์ 5 แสนบาทว่า ไม่มีใครทำอะไร‘กัน จอมพลัง’ได้หรอก ถ้ามีใครทำอะไร ‘กัน จอมพลัง’ ก็เหมือนทำเขาด้วย เพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่ ‘กัน จอมพลัง’ ยังไม่ดัง

จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เคยเป็นเจ้าของร้านขายบะหมี่ ‘จอมพลัง’ซึ่งมีร้านหนึ่งอยู่แถวอุโมงค์ ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ตอนนี้ปิดตัวแล้ว ปัจจุบัน นายกัณฐัศว์ มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้น 3 บริษัท

1.บริษัท สลากรวยดี จำกัด ชื่อเดิม บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 22 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากทุกชนิดที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์จำหน่าย ที่ตั้งเลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร นายกัณฐัศว์ เป็นคนจดทะเบียนก่อตั้ง นายกัณฐัศว์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,995 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 10 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี เป็นกรรมการ ที่ตั้งปัจจุบัน 305/241 ซอยรามอินทรา 123 ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ล่าสุด 18 ธันวาคม 2567 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สลากรวยดี จำกัด ผู้ถือหุ้นยังคงเดิม

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 59,965,429.89 บาท ต้นทุนขาย 52,975,000 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 8,945,202.41 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,965,295.40 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 2,982,132.17 บาท หนี้สิน 551,515.24 บาท กำไรสะสม 1,430,616.93 บาท

2.บริษัท ไทยคิงเทค จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และให้คำปรึกษาทางด้านซอฟต์แวร์ทุกประเภท ที่ตั้งสำนักงานเดียวกับ บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด เลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 2,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี เป็นกรรมการ
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยคิงดี จำกัด ซึ่งเป็นชื่อปัจจุบัน เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท และย้ายสำนักงานที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี แจ้งวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการ จัดงานนิทรรศการต่างๆ บริการรับจัดงานอีเว้นตรมสถานที่ทุกประเภทประกอบกิจการนำเข้า ส่งออก และจำหน่าย ผักสด ผลไม้สด และสินค้าทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ แปรรูป ทุกชนิด บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บ.อบจ.5) วันที่ 30 เม.ย.2567 นายกัณฐัศว์, นายธานี ถือหุ้นคนละ 24,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ 2,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 1,093,903.89 บาท ขาดทุนสุทธิ 752,866.45 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 331,638.86 บาท หนี้สิน 101,505.31 บาท ขาดทุนสะสม 769,866.45 บาท

3.บริษัท จอมพลัง รวยดี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 เม.ย. 2566 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล ที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี (ที่ตั้งเดียวกับ บริษัท ไทยคิงดี จำกัด) นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 5,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และร่วมกันเป็นกรรมการ

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 6,731.51 บาท ขาดทุนสุทธิ 768.49 บาท (ทั้ง 3 บริษัท ยังไม่มีข้อมูลงบการเงินปี 2567)

ในทางการเมือง อาจไม่เกินคาดหมาย หากจะมีชื่อ ‘เสี่ยกัน’ เป็นผู้สมัคร สส.พรรคกล้าธรรม ในวันข้างหน้า!!

บทบาท ‘ทรัพยากรเชิงชาติพันธุ์’ ของชาวไทยเชื้อสายจีน เบื้องหลัง!! ความสัมพันธ์เศรษฐกิจ ‘จีน – ไทย’

(26 เม.ย. 68) แม้ว่าประเทศไทยและจีนจะมีความสัมพันธ์อันดีในหลายมิติ แต่เมื่อพูดถึงคำว่า 'พี่น้องไทย - จีน' แล้ว ที่มาและความหมายที่แท้จริงของคำนี้คือความเป็นพี่น้องทางสายเลือดจริง ๆ ซึ่งถ้าใครอยู่ในวงการความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้น ก็น่าจะเคยได้ยินฝ่ายจีนใช้คำว่า '血脉相连 - เสว่ ม่าย เซียง เหลียน' ซึ่งแปลว่า 'เชื่อมต่อกันทางสายเลือด' โดยหมายถึงชาวไทยเชื้อสายจีน หรือชาวจีนที่เกิดในประเทศไทยและเป็นเชื้อสายของผู้อพยพชาวจีน หรือชาวจีนโพ้นทะเล ที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านคนในประเทศไทย คิดเป็น 11–14% ของจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ ที่จำนวนมากเติบโตและประสบความสำเร็จด้านการค้าขาย เป็นผู้นำองค์กร เป็นผู้ถือครองทรัพย์สินจำนวนมาก บ้างก็มีตำแหน่งสำคัญในราชการ 

นายกรัฐมนตรีไทยจำนวน 19 จาก 31 คน ล้วนมีเชื้อสายจีนทั้งสิ้น

แม้ว่าคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากจะถูกกลืนกินทางวัฒนธรรมจนกลายเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังมีเครือข่ายสายสัมพันธ์กับคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งได้กลายมาเป็น 'ทรัพยากรเชิงชาติพันธุ์' และกลายเป็น 'สะพาน' ในการเชื่อมสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-จีน อย่างมีนัยยะสำคัญมาโดยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

ในยุคที่จีนดำเนินนโยบายตามกรอบแนวคิดริเริ่ม 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' (Belt and Road Initiative - BRI - 一带一路) และยุทธศาสตร์ 'เดินออกไปข้างนอก' (Going Out Strategy - 走出去战略) ของรัฐบาลจีน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 มีเป้าหมายในการผลักดันบริษัทจีนออกไปลงทุนในต่างประเทศ ขยายเครือข่ายธุรกิจ และสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระดับโลก

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนจีนไม่ได้พิจารณาเพียงปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเท่านั้น หากยังได้รับอิทธิพลจากเครือข่ายทางสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างจีนและประเทศเป้าหมายในระดับพื้นที่ ซึ่งกลายเป็น 'ทรัพยากรเชิงชาติพันธุ์' ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญตามทฤษฎีเศรษฐกิจเชิงชาติพันธุ์ (Ethnic Economy)

ประเด็นนี้เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย ที่การเข้ามาของ FDI นั้น มักต้องอาศัยพันธมิตรในท้องถิ่น ความรู้เชิงบริบท และการเข้าถึงระบบราชการ ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องพึ่งพา 'กลุ่มตัวกลาง' ในท้องถิ่น ในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ตามทฤษฎีการตัดสินใจของ FDI ในตลาดเกิดใหม่ (FDI Decision-making in Emerging Markets) รวมถึงทฤษฎีเครือข่ายทางสังคม (Social Network Theory) ที่มองว่าความสัมพันธ์ทางสังคมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในบริบทที่มีความไม่แน่นอนสูง เช่น การลงทุนข้ามชาติในประเทศเกิดใหม่ ประเทศที่การเมืองไม่มั่นคง หรือประเทศที่มีอัตราการคอร์รัปชันสูงในระดับท้องถิ่น

ทั้งนี้ บทบาทของชาวไทยเชื้อสายจีนตามกรอบแนวคิดและทฤษฎีข้างต้นนี้ โดยหลักแล้วถือว่าเป็น 'ตัวกลางทางเครือข่าย' รวมถึงเป็น 'กลุ่มผลประโยชน์' และ 'พันธมิตรสนับสนุน' (advocacy coalition) ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะบทบาทการเชื่อมโยงนักลงทุนและรัฐบาลท้องถิ่น ทั้งการสนับสนุนด้านข้อมูลทางกฎหมาย นโยบาย การทลายกำแพงด้านภาษาและวัฒนธรรม รวมถึงการสร้างอำนาจต่อรอง บริหารและจัดสรรผลประโยชน์ของทุกฝ่ายบนหน้าฉากก็ดี... หลังฉากก็ดี... (กรณีนี้คือว่ากันตามหลักการ ในความเป็นจริงอาจมีประเด็นผลประโยชน์ส่วนตัวและการคอร์รัปชัน ที่เป็นต้นตอของปัญหาเรื่องทุนต่างชาติสีเทาในปัจจุบัน)

ในรูปธรรมของการก่อตัวเป็นกลุ่มผลประโยชน์ของคนไทยเชื้อสายจีนนั้น สามารถเห็นได้จากการตั้งองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ สมาคมการค้า หอการค้า สภาธุรกิจ หรือมูลนิธิอาสา ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น จัดงานเลี้ยง งานประชุม งานอาสาต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการสร้างชุมชน China town ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชาวจีนโพ้นทะเลในท้องถิ่นต่าง ๆ เพิ่มโอกาสในการพบปะทางสังคม และมีบทบาทในการสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ ส่งต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะในระดับประเทศ หรือระดับท้องถิ่น เป็นพื้นที่ที่นักลงทุนทั้งสองฝ่ายรู้สึก 'ปลอดภัย' และ 'เข้าถึงง่าย' ช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาด ทำให้นักธุรกิจจีนเกิดความรู้สึก 'เหมือนอยู่บ้าน'

ในทางกลับกัน ฝ่ายรัฐบาลท้องถิ่นที่ต้องการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากภายนอกนั้น ก็สามารถดำเนินการประสานด้านข้อมูลและใช้เครือข่ายขององค์กรสมาคมการค้าและมูลนิธิต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจีนเช่นกัน

องค์กรรูปแบบนี้สามารถพบเห็นได้ในแทบจะทุกจังหวัดของประเทศไทย จะมีมากและเข้มแข็งเป็นพิเศษในเมืองยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ หาดใหญ่, เชียงใหม่, ภูเก็ต, กลุ่มจังหวัดโซน EEC และหลายจังหวัดในภาคอีสาน (ที่อาจเป็นทางผ่านของรถไฟความเร็วสูง)

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า นัยยะสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับข้อตกลงหรือเอกสารทางการต่าง ๆ เท่านั้น แต่มาจากความสัมพันธ์ของผู้คน ความเชื่อใจ ความใกล้ชิด และเครือข่ายที่ยึดโยงกันข้ามรุ่น จากบทบาทของคนไทยเชื้อสายจีนในฐานะ 'ตัวกลาง' ที่เข้าใจทั้งสองฝั่งอย่างลึกซึ้ง

ไม่เพียงแค่ไทยเท่านั้น ชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วโลกก็กำลังมีบทบาทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่มีชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่ค่อนข้างเข้มแข็งและมีบทบาทต่อเศรษฐกิจ

ด้วยเหตุเช่นนี้ การ 'เดินออกไปข้างนอก' ตามยุทธศาสตร์ Going Out Strategy นั้น จึงเป็นการ 'เดินออกไปข้างนอกแต่ก็ยังเจอเพื่อน' ที่จะช่วยแนะนำที่ทางในการค้าขาย และเป็น 'กันชนทางวัฒนธรรม' ที่ทำหน้าที่ลด culture shock และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 'เจ้าบ้าน' และ 'แขกหน้าใหม่' พร้อมสร้างความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นวัฒนธรรมและระบบ เกิดความยั่งยืนจากการส่งต่อแบบรุ่นสู่รุ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top