Saturday, 21 June 2025
Hard News Team

‘เจ๊เจี๊ยบ อมรัตน์’ โพสต์เฟซ ประกาศลั่น!! ถ้าเลือกตั้ง นครปฐม ‘ปชน.’ แพ้ทั้งหมด จะวางมือ

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 68) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ ‘เจี๊ยบ’ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเลือกตั้งเทศบาลจังหวัดนครปฐม ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ว่า …

“ตั้งใจจะเที่ยวเล่นยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด ถ้าผลเลือกตั้งเทศบาลจ.นครปฐมแพ้หมดทั้ง 3 แห่ง ที่พรรคประชาชนส่ง” 

ทั้งนี้ จ.นครปฐม พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครนายกเทศมนตรี 3 แห่ง ดังนี้
1. เทศบาล(เมือง) นครปฐม นายวิชัย (หนุ่ย) ถ้ำเพชร์
2. เทศบาล(นคร) นครปฐม นายชัชวาล (หมอชัช) นันทะสาร
3. เทศบาลเมืองไร่ขิง นายเอกวิทย์ (เอก) นวเศรษฐ

'ศศิกานต์ วัฒนจันทร์’ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย!! ‘ค่าไฟไม่ได้แพงขึ้น แต่ลดลงต่อเนื่อง’

(26 เม.ย. 68) กระทรวงพลังงานภายใต้การนำของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ คุมเข้มค่าไฟปี 2567 ตรึงราคาไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 68 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย และข่าวดี!!! งวด พ.ค.-ส.ค. ตั้งเป้าลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย 

สำหรับการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเริ่มโครงการมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน มีการเซ็นสัญญาไปแล้วถึง 67 โครงการ และเซ็นสัญญาในวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมาเพียง 3 โครงการ และอีก 13 โครงการยังไม่ได้เซ็นสัญญาซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียด 

แม้สัญญาจะมีการเซ็นไปแล้ว แต่หากตรวจสอบพบความผิดปกติในการประมูล มีความไม่ชอบมาพากล หรือการทำผิดกฎหมาย สามารถยกเลิกสัญญาได้ในทันที ไม่ต้องรอหมดสัญญา

ย้ำ!! ทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เป็นประโยชน์กับทุกคน

‘กรมขนส่งทางราง’ เร่งพัฒนา!! เส้นทางรถไฟสาย ‘สิงคโปร์ - คุนหมิง’ เชื่อมยุโรป เน้นให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ขนส่งสินค้าผลไม้ ไปยัง ‘จีน – ยุโรป’ ผ่านการขนส่งทางราง

(26 เม.ย. 68)  กรมขนส่งทางราง เร่งพัฒนาเส้นทางรถไฟสาย 'สิงคโปร์– คุนหมิง' พร้อมชูจุดแข็งไทยศูนย์กลางภูมิภาค ขนส่งสินค้าผลไม้ ไปยุโรปผ่านรางรถไฟ เร่งผลักดันความร่วมมือ Single Window เป็นศุลกากรเดียว หวังให้ผู้ประกอบการไทยมีช่องส่งออกสินค้า ผลไม้ไทยได้รวดเร็ว ลดต้นทุนขนส่งแบบไร้รอยต่อ

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยถึงการเดินทางไปศึกษาดูงานเส้นทางการขนส่งทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะสื่อมวลชนว่า การมาศึกษาดูงานที่นครฉงชิ่ง เนื่องจากนครฉงชิ่ง ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของเส้นทางเชื่อมโยงทางการค้าและการขนส่งของจีนในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจากนครฉงชิ่งยังเป็นเส้นทางการขนส่งทางรางที่สามารถเชื่อมต่อจากจีนไปยังยุโรปได้ ซึ่งถือเป็นเส้นทางขนส่งทางรางที่มีศักยภาพสูง เปิดเส้นทางรถไฟ 'สิงคโปร์–คุนหมิง' เชื่อมโลก

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง และการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศของจีน เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาการเชื่อมต่อระบบรางของประเทศไทยผ่านรถไฟทางคู่ไทยมายังจีน ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากในปัจจุบันไทยได้มีการขนส่งสินค้าประเภทต่างๆ มายังฉงชิ่ง ซึ่งการขนส่งทางรางดังกล่าวอยู่ในแผนพัฒนาเส้นทางรถไฟสาย 'สิงคโปร์-คุนหมิง' ที่มีไทยเป็นศูนย์กลาง ขณะเดียวกันไทยยังหวังที่จะส่งผลไม้ที่สำคัญมายังจีนผ่านทางรางเชื่อมต่อออกไปยังยุโรป

เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ถือเป็นเส้นทางที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไปยังตลาดการค้าสำคัญอย่างจีน และยุโรป เนื่องจากเส้นทางรถไฟสายนี้มีแนวเส้นทางผ่านไทยเป็นศูนย์กลาง เริ่มต้นจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ท่าเรือแหลมฉบัง/มาบตาพุด ผ่านหนองคาย เวียงจันทน์ บ่อเต็น โม่ฮาน คุนหมิง ฉงชิ่ง ซินเจียง อี้หนิง คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ และเข้าสู่ทวีปยุโรป

โดยในปัจจุบันไทยได้มีการทดลองขนส่งสินค้ามายังยุโรปผ่านเส้นทางแล้ว โดยได้ทดลองขนสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์จากมาบตาพุด ประเทศไทยไปยังฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี พบว่าใช้เวลาประมาณ 30 วันในครั้งแรก และลดลงเหลือ 22 วันในครั้งที่สอง ปลดล็อกศุลกากรเดียว 'ไทยถึงยุโรป'

นายพิเชฐ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันยอมรับว่าการขนส่งในเส้นทางรถไฟสายนี้ยังใช้เวลามาก เพราะยังมีข้อจำกัดเรื่องศุลกากรระหว่างประเทศ ที่จำเป็นต้องตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบสินค้า รวมไปถึงสับเปลี่ยนขบวนรถเมื่อข้ามพรมแดนประเทศ เนื่องจากปัจจุบันรถไฟของแต่ละประเทศยังมีการใช้ระบบรางที่แตกต่างกัน แต่ทุกประเทศอยู่ระหว่างร่วมกันแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ ซึ่งข้อจำกัดที่พบว่าสามารถร่วมกันแก้ไขได้ คือ การตรวจสอบเอกสารศุลกากร ให้เป็นการจัดทำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการจัดทำเอกสารภายใต้รูปแบบเดียวกัน หรือ Single Win dow หากทำได้จะส่งผลให้กระบวนการศุลกากรสามารถกรอกข้อมูล และตรวจสอบผ่านระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ได้ทีเดียว

อย่างไรก็ดี หากแก้ไขข้อจำกัดเรื่องนี้ได้ คาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางรางไปได้ครึ่งนึง โดยจะทำให้การขนส่งสินค้าทางรางจากไทยไปยังหลายประเทศในยุโรปที่ปัจจุบันใช้เวลาเฉลี่ยราว 22 วัน จะลดลงเหลือเพียง 11 วันเท่านั้น และนับเป็นโครงข่ายการขนส่งระหว่างประเทศที่รวดเร็ว คุ้มค่ามากที่สุด หากเทียบกับการขนส่งสินค้าทางเรือที่มีต้นทุนไม่สูงแต่ก็พบว่าปัจจุบันต้องใช้เวลามากกว่า 1 เดือนในการขนส่งสินค้าไปยังยุโรป

นายพิเชฐ กล่าวเสริมว่า ทั้งนี้ ขร.ยังได้ประเมินโอกาสและความได้เปรียบทางการขนส่งของไทย นอกจากภูมิประเทศจะอยู่ตรงศูนย์กลางของเส้นทางรถไฟสายนี้ก็ตาม ก็จะต้องสร้างโอกาสในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อให้เชื่อมต่อกันสมบูรณ์ ในส่วนของผู้ประกอบการไทยก็มีโอกาสในการส่งออกสินค้าของไทยไปยังประเทศต่างๆ ผ่านเส้นทางรถไฟสายนี้ โดยเฉพาะสินค้าที่เน่าเสียง่าย ผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ มะม่วง ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าผลไม้ที่ปลูกในจีนหรือเวียดนาม ก็ส่งออกสินค้า ผ่านรถไฟ ใช้เวลาไม่นาน ควบคุมคุณภาพได้ และมีต้นทุนขนส่งที่ต่ำ หวังรถไฟไทย–จีนเปิดเต็มสูบช่วยขนสินค้า

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า จากที่ ลาว และจีนได้มีการเปิดให้บริการ รถไฟลาว-จีน อย่างเต็มรูปแบบในปี 2564 วันนั้นก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีน เพราะผู้ประกอบการขนส่งได้หันมาขนส่งสินค้าทางรถไฟมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากสถิติปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างไทย-สปป.ลาว ในปี 2564 มีปริมาณการขนส่งเพียง 2,288 ตัน แต่พอมาในปี 2566 กลับเพิ่มขึ้นเป็น 46,287 ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น 63,676 ตันในปี 2567 คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 37.56% เมื่อเทียบกับปี 2566 และเมื่อเทียบกับปี 2564 พบว่ามีการเติบโตอย่างมาก

ดังนั้นหากประเทศไทยมีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน เส้นทาง กทม.-หนองคาย แล้วเสร็จ และเปิดบริการในปี 2572 ตามกำหนด เส้นทางนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางขนส่งทางรางที่สำคัญของไทย ที่นอกจากขนส่งคนในการเดินทางแล้ว ยังเป็นระบบการขนส่งที่สำคัญที่จะขนสินค้าประเภทต่างๆ หรือสินค้าที่เน่าเสียง่าย โดยเฉพาะผลไม้ตามฤดูกาลของไทย เช่น ทุเรียน ไปยังตลาดโลกได้ ในระยะเวลาที่สั้นลง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประทานผลไม้ที่สดมากๆ

นายพิเชฐ ยังได้กล่าวย้ำว่า ในปัจจุบันไทยมีการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านทางรถไฟทางคู่ไทยเชื่อมต่อไปยังนครฉงชิ่ง ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 4 วัน และหากไทยมีรถไฟความเร็วสูง ไทย จีน ก็จะยิ่งส่งผลให้ประเทศไทยไปยังจีน และยุโรปได้เร็วขึ้นจากเดิม ซึ่งนั่นก็จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันการขนส่งสินค้า และ การค้าเพิ่มขึ้นในตลาดโลกได้

‘จิรายุ’ เผย!! แพทย์ อนุญาต ให้ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ กลับบ้านได้ ยัน!! กำหนดการ เดินทางไปร่วมประชุม ครม. จันทร์นี้ ที่นครพนม

(26 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยระบุว่า ล่าสุดแพทย์ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า น.ส.แพทองธารสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้ว

นายกรัฐมนตรีได้แจ้งกับแพทย์ว่า ขออนุญาตกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้น น.ส.แพทองธารได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักผ่อนที่บ้านเรียบร้อยแล้ว และจะเดินทางไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี สัญจรที่จังหวัดนครพนมในเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้

พระราชไมตรีระหว่าง ‘ไทย - ภูฏาน’ ท่ามกลางระเบียบโลก ที่เปลี่ยนแปลง สองประเทศเล็ก ที่เชื่อมั่นในความพอเพียง จะก้าวเดินร่วมกัน โดยไม่หวั่นไหว

กลางหุบเขาสูงเสียดฟ้าแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ภาพแห่งมิตรภาพที่งดงามได้บังเกิดขึ้น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พร้อมด้วยการต้อนรับที่เปี่ยมด้วยไมตรีจิตและวัฒนธรรมอันงดงาม

กิจกรรมที่สะท้อนสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น

ตั้งแต่การเสด็จฯ ถึงสนามบินพาโรที่ยากที่สุดในโลก
การตรวจแถวกองเกียรติยศ ณ ป้อมทาชิโช
การร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ พระพุทธรูปดอร์เดนมา
ทอดพระเนตรโครงการหลวงเดเชนโชลิง และนิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน
เยี่ยมชมศิลปวัฒนธรรมภูฏาน การยิงธนู และหัตถกรรมท้องถิ่น
ตลอดจนการพบหารือกับผู้นำรัฐบาลภูฏาน

ทุกกิจกรรมไม่ได้เป็นเพียงพิธีการ แต่เป็นการถักทอสายใยแห่งพระราชไมตรีอย่างแท้จริง — สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เสมือนพี่น้องที่เข้าใจหัวใจกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยถ้อยคำมากนัก

จับมือกัน... ท่ามกลางโลกที่สั่นไหว

ในห้วงเวลาที่ระเบียบโลกเก่ากำลังสั่นคลอน — เมื่อมหาอำนาจแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี ประเทศเล็กและกลางต้องเลือกระหว่าง การไหลตามกระแส หรือ การวางรากฐานให้มั่นคงด้วยตนเอง

ไทยและภูฏานต่างเลือกหนทางที่คล้ายกัน คือ การพึ่งตนเองอย่างพอเพียง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด และสร้างภูมิคุ้มกันผ่านการพัฒนาจากภายใน ไม่ใช่การไขว่คว้าตัวเลข GDP ที่ว่างเปล่า

การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการเยือน แต่คือ การประกาศเจตจำนงเงียบ ๆ ว่า ไทยและภูฏานจะไม่เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในเกมโลก แต่จะยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรี โดยจับมือกันไว้ เดินไปด้วยกัน บนเส้นทางที่มั่นคงจากภายในสู่ภายนอก

บทเพลงที่พูดแทนใจสองชาติ

การที่ชาวภูฏานเลือกเพลง 'จับมือไว้' ของไทย มาใช้ในการแสดงต้อนรับเสด็จ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากคือสัญญะสำคัญ — ว่าในวันที่โลกวุ่นวายที่สุด มนุษย์สองประเทศเล็กกลางหุบเขา ก็ยังสามารถ จับมือกันไว้ ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นในสันติ ความพอเพียง และการก้าวเดินร่วมกันอย่างไม่หวั่นไหว

บทสรุป
ในวันที่ความขัดแย้งและความโลภฉุดกระชากโลกให้ปั่นป่วน
สองราชอาณาจักรเล็ก ๆ อย่างไทยและภูฏาน เลือกจะไม่แย่งชิงบทบาท
แต่เลือกที่จะยืนยัน — ด้วยรอยยิ้ม ด้วยมิตรภาพ และด้วยเศรษฐกิจพอเพียง — ว่าความมั่นคงที่แท้จริงนั้น ไม่ได้วัดด้วยขนาดหรืออำนาจ แต่ด้วยรากฐานของหัวใจที่ไม่หวั่นไหว

"จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน" จึงไม่ใช่แค่ทำนองเพลง แต่คือพันธสัญญาร่วมกันในโลกที่กำลังเปลี่ยน"

ไทย เกิดพีคไฟฟ้ารอบ 4 ของปี 2568 ช่วงค่ำ 24 เม.ย. หลังพบยอดใช้ไฟฟ้าพุ่ง 34,620.4 เมกะวัตต์

ไทยร้อนจัด 42-43 องศาเซลเซียส ดันยอดใช้ไฟฟ้าพุ่งทำสถิติสูงสุดของปี 2568 เกิดพีคไฟฟ้าขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 หลังจากเพิ่งเกิดพีคไฟฟ้าครั้งที่ 3 ไปได้เพียง 2 วันเท่านั้น โดยพีคไฟฟ้าล่าสุดเกิดในช่วงค่ำของวันที่ 24 เม.ย. 2568 เวลา 20.48 น. เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าถึง 34,620.4 เมกะวัตต์ ไต่ระดับเทียบเคียงกับพีคไฟฟ้าที่เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทยเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2567 ที่ 36,792.1 เมกะวัตต์ พลังงานคาดยอดใช้ไฟฟ้าปี 2568 อาจใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา มั่นใจไฟฟ้ามีเพียงพอรองรับพีคได้  

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) รายงานว่า ประเทศไทยเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีคไฟฟ้า) ขึ้นอีก เป็นครั้งที่ 4 ของปี 2568 หลังจากเพิ่งจะเกิดพีคไฟฟ้าไปเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยพบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) พุ่งสูงขึ้นจนเกิดพีคไฟฟ้าอีกครั้งในวันที่ 24 เม.ย. 2568 ช่วงกลางคืนเวลา 20.48 น. มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดถึง 34,620.4 เมกะวัตต์ (เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่เกิดพีคไฟฟ้า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 เวลา 20.47 น. ที่มีการใช้ไฟฟ้า 34,130.1 เมกะวัตต์)

ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้ ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าเพื่อคลายร้อนพุ่งสูงขึ้น สำหรับอุณหภูมิสูงสุดของวันที่ 24 เม.ย. 2568 ที่รายงานโดยกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิพุ่งสูงถึง 42-43 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคกลางและภาคตะวันออกอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 40-42 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑลอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย อยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามกรมอุตุฯ ได้คาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้าอาจจะเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิและการใช้ไฟฟ้าลงได้

สำหรับยอดการใช้ไฟฟ้าของไทยในปี 2568 นับตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงปัจจุบัน พบว่ามีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยเดือน ม.ค. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. 2568 เวลา 18.48 น. ที่ระดับ 27,953.3 เมกะวัตต์ 

เดือน ก.พ. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 28 ก.พ. 2568 เวลา 19.18 น. ที่ระดับ 30,942 เมกะวัตต์ 

เดือน มี.ค. 2568  ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 29 มี.ค. 2568 เวลา 20.33 น. ที่ระดับ 33,658.3 เมกะวัตต์

เดือน เม.ย. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย. 2568 เวลา 20.48 น. ที่ระดับ 34,620.4 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตามสถิติพีคไฟฟ้าดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะในปี 2568 แต่เมื่อพิจารณาพีคไฟฟ้าระดับประเทศพบว่า สถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังคงอยู่ในวันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา 22.24 น. เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าถึง 36,792.1 เมกะวัตต์  ดังนั้นพีคไฟฟ้าของปี 2568 ยังไม่ทำลายสถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดของประเทศแต่อย่างใด

ส่วนการใช้ไฟฟ้าล่าสุดของวันที่ 25 เม.ย. 2568 เวลา 14.10 น. ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 33,155.4 เมกะวัตต์ เนื่องจากสภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าวและสะสมความร้อนมาต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้ 

อย่างไรก็ตามแม้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าของไทย (จากระบบไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า) ยังมีเพียงพอรองรับพีคไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน โดยในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทย พ.ศ. 2567-2580 (ร่าง PDP 2024) ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แต่มีข้อมูลระบุว่าการผลิตไฟฟ้าของไทยในปี 2568 ยังใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ประมาณ 55,947 เมกะวัตต์ โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 กระทรวงพลังงานระบุว่าไทยยังมีสำรองไฟฟ้าเหลืออยู่ 25.5% ดังนั้นจึงเพียงพอรองรับพีคไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปในปี 2567 จะพบว่าตลอดปี 2567 ได้เกิดพีคไฟฟ้าขึ้นถึง 11 ครั้ง เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมทั่วประเทศ โดยบางพื้นที่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส โดยในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2567 เกิดพีคไฟฟ้าทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปถึง 4 ครั้ง โดยไปจบที่สถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ วันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา 22.24 น. ที่ระดับ 36,792.1 เมกะวัตต์

‘ทรัมป์’ เผยเริ่มเจรจากับจีนแล้ว แต่ฝั่งปักกิ่งบอกไปคุยตอนไหน สหรัฐฯ ‘คุยกับใครเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่อง!’ ยันยังไม่เจอตัวแทนวอชิงตัน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ได้มีการเจรจากับทางการจีนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร แม้ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะออกมาปฏิเสธการเจรจาดังกล่าว โดยระบุว่า “ยังไม่มีการพูดคุยทางการค้าใดๆ” ระหว่างสองฝ่ายในขณะนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่ดำเนินมายาวนาน

ทรัมป์กล่าวระหว่างการประชุมกับนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ที่ทำเนียบขาวว่า “พวกเขาประชุมกันเมื่อเช้านี้” และเสริมว่า “เราได้ประชุมกับจีนแล้ว” อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวแทนของฝ่ายจีน โดยระบุเพียงว่าอาจมีการเปิดเผยในภายหลัง แต่ยืนยันว่าการเจรจาเกิดขึ้นแล้ว

ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว โดยโฆษกเหอ หยาตง (He Yadong) ย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ และข่าวใด ๆ ที่ระบุว่ามีความคืบหน้าเป็นเพียงการคาดเดา โดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ พร้อมระบุว่าจีนยังยึดมั่นในแนวทางการเจรจาบนพื้นฐานของความเสมอภาค

แม้ยังไม่มีความชัดเจนในข้อเท็จจริง แต่นักลงทุนมองว่าการแสดงท่าทีเชิงบวกของสหรัฐฯ อาจช่วยผ่อนคลายความกังวล ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากภาวะขาดทุนในเดือนเมษายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีรายงานว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงมาอยู่ในช่วง 50% ถึง 65%

ทรัมป์ยังใช้แพลตฟอร์ม Truth Social กล่าวโจมตีจีนเพิ่มเติม ทั้งในประเด็นการชะลอรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง และการปล่อยให้เฟนทานิลไหลเข้าสหรัฐฯ ผ่านเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมเรียกร้องให้โบอิ้งเป็นฝ่ายเรียกร้องจีนที่ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ยอมรับมอบ พร้อมกำหนดอัตราภาษีนำเข้าต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก เพื่อกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการค้าและควบคุมปัญหายาเสพติด

ตำรวจเมียนมารวบ ‘หมอดู’ TikTok ร้อนวิชาวัย 21 ปี ทำนายแผ่นดินไหวใหญ่ล่วงหน้าสุดมั่ว ทำคนตื่นตระหนก

(25 เม.ย. 68) ทางการเมียนมาจับกุมนายจอห์น โม (John Moe) หมอดูหนุ่มวัย 21 ปี ผู้มีผู้ติดตามกว่า 300,000 คนบน TikTok หลังโพสต์คลิปทำนายว่าแผ่นดินไหวรุนแรงจะเกิดขึ้นอีกครั้งทั่วประเทศภายใน 12 วัน ซึ่งสร้างความวิตกในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 3,700 ราย

ในวิดีโอทำนายของหมอดูรายนี้ มียอดเข้าชมถึง 3.3 ล้านครั้ง เขาแนะนำให้ผู้คน “อย่าอยู่ในตึกสูง” และ “พกของสำคัญหนีออกจากอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว” โดยคำเตือนนี้ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 9 เมษายน เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งก่อน ซึ่งทำให้ผู้รอดชีวิตจำนวนมากยังไม่กล้ากลับเข้าไปอยู่ในบ้าน

ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บุกจับเขาที่บ้านในเมืองโมนยวา เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา และแถลงผ่านสื่อของรัฐในวันที่ 24 เมษายนว่า การทำนายดังกล่าวเข้าข่ายเผยแพร่ข่าวปลอม ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในประเทศ

ศ.นพ.ยง แสดงความเห็นกรณีแพทย์รุ่นน้อง bully แพทย์รุ่นพี่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ข้อโต้แย้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับ Hippocratic Oath

มีเสียงวิจารณ์กันมากในสื่อสังคม ในฐานะที่เป็นกลาง และพยายามให้ความรู้ ที่เกิดจากงานวิจัยของเรามาโดยตลอด เมื่อได้รับฟังในสื่อสังคม ก็อดไม่ได้ ที่อยากจะให้ความคิดเห็นของแพทย์รุ่นพี่ ที่รุ่นน้องเรียกว่าลุง

ต้องยอมรับก่อนว่า วัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด 19 ที่มีระยะฟักตัวสั้น และมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพของวัคซีน ไม่ได้สูงอย่างวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี หรือวัคซีนป้องกันหัด และป้องกันโรคต่างๆ ในเด็กเล็ก วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันการติดเชื้อได้ต่ำมาก แต่เชื่อว่าลดความรุนแรงของโรค ลดการนอนโรงพยาบาล

ปีที่แล้วผมได้ฉีดวัคซีนให้กับลูกหลานทุกคน แต่ก็ติดไข้หวัดใหญ่เกือบทุกคน แต่ไม่มีใครนอนโรงพยาบาลเลย ผมเองก็ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มามากกว่า 20 ปีแล้วไม่เคยขาด แต่ก็เป็นไข้หวัดใหญ่ ปีเว้น 1 หรือ 2 หรือ 3 ปีมาโดยตลอดเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยนอนโรงพยาบาล ด้วยเรื่องไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีประสิทธิภาพในสถานการณ์จริงในการลดการนอนโรงพยาบาล 40-60% เท่านั้น

ถ้าถามว่า ปีนี้จะฉีดให้กับลูกหลานและตัวเองหรือไม่ ตอบได้เลยว่า “ฉีด” อีก ทั้งนี้เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนที่ปลอดภัย ใช้กันมานานมาก และมีราคาไม่แพง ซึ่งตรงข้ามกับวัคซีนโควิด 19 ถ้าถามว่าจะฉีดไหม ผมตอบได้เลยว่า “ไม่ฉีด” โรคโควิด 19 ขณะนี้ไม่ต่างเลยกับไข้หวัดใหญ่ ที่ไม่ฉีดก็เพราะว่าวัคซีนมีราคาแพงมาก แพงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่มากกว่า 10 เท่า และอาการข้างเคียงก็มีมากกว่า ถึงจะเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่เคยเป็นมาเลยก็ไม่ฉีด เมื่อก่อนที่ฉีด ก็เพราะโรคในความรุนแรงลงปอดได้สูงมาก ปัจจุบันเปลี่ยนไป ตามวิวัฒนาการ และเป็นเหตุที่ทำให้วัคซีนโควิด 19 จึงเลิกผลิตกันถึงเกือบหมด วัคซีน mRNA ที่มีการชื่นชอบกันมากในช่วงของโควิด 19 มีการศึกษาระยะสั้นเร่งด่วน ขณะนี้ก็ไปไม่รอด แนวโน้มก็คงจะเลิกผลิตทั้งหมด

งานทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการศึกษาวิจัย ถ้าสมมติทำการศึกษาวิจัย 10 โครงการ แน่นอนใน 10 โครงการนั้นมีทั้งโครงการที่ให้ผลบวกและผลลบ แล้วแต่ใครจะหยิบโครงการไหนมาพูด จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ผมให้ความรู้ จะใช้จากงานวิจัยที่เราได้ทำ โดยเฉพาะทำในประเทศไทย สังคมไทย มากกว่าที่จะอ่านวารสารมาให้ฟัง และไม่เคยทำวิจัยในเรื่องนั้นเลย สิ่งที่สำคัญก็คือบางครั้งแค่อ่านหนังสือได้ ไม่ได้วิเคราะห์หรืออ่านหนังสือเป็น ก็มาวิพากษ์วิจารณ์กันทำให้ประชาชนสับสน

ในทางการแพทย์ ก่อนจบแพทย์ จะมีการอบรมปัจฉิมนิเทศ และมีการแจก ให้อ่านและเป็นเอกสารที่สวยงาม โดยเฉพาะ Hippocratic Oath ที่แพทย์ทุกคนควรจะได้พึงปฏิบัติเช่นเดียวกันกับ Hippocratis ซึ่งสามารถค้นอ่านได้จากออนไลน์ได้ง่ายมาก ถ้ากระดาษแผ่นนั้นหาย และจะต้องอยู่ในจิตใจ

ในการที่แพทย์รุ่นน้อง bully แพทย์รุ่นพี่ ผมเห็นว่า แนวทางการปฏิบัติไม่ได้ถูกอบรมตามแบบอย่าง Hippocratic Oath หรือไม่เช่นนั้นก็ไปอยู่เมืองนอกเสียนานเลยลืมหมด ผมคงไม่ได้แตะต้องเนื้อหาความรู้ เพราะผมเชื่อว่าสมัยนี้ความรู้ที่พูดออกมาจากการอ่านวารสารให้ฟัง ประชาชนทั่วไปในสื่อสังคมสามารถตัดสินใจได้

ในช่วงของโควิด 19 ผมเองก็ถูกบุลลีอย่างหนัก แต่ไม่เคยตอบโต้ และมีการพูดจาอย่างสุภาพเสมอในฐานะที่เราเป็นแพทย์ และไม่เคยโกรธเกลียดใคร การพูดครั้งนี้ก็พยายามพูดเป็นกลาง

ไทย-จีนร่วมเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ด้วยภาพยนตร์ 'สายใยรักสองแผ่นดิน' ถ่ายทอดมิตรภาพผ่านศิลปะบนแผ่นฟิล์ม

เมื่อวันที่ (24 เม.ย.68) ผ่านมา สมาคมมิตรภาพไทย-จีน ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ 'สายใยรักสองแผ่นดิน' เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ณ โรงแรมแม่น้ำ รามาดาพลาซา

นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 ได้เติบโตและลึกซึ้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งระดับรัฐบาลและภาคประชาชน พร้อมย้ำว่านี่คือ 'ความสัมพันธ์ที่พิเศษยิ่ง'

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ผ่านโครงเรื่องแนวดราม่าโรแมนติก นำแสดงโดย มุก วรนิษฐ์ และ เอส ชิษณุพงศ์ ขณะที่ดนตรีประกอบจะได้รับการออกแบบโดย ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ โดยมีเป้าหมายสานสายใยมิตรภาพไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top