Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

'รัดเกล้า' เผย!! 'ธนาคารออมสิน' ถูกเพจปลอมแอบอ้าง ยัน!! ไม่มีนโยบายให้เงินกู้ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์

(7 มี.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีธนาคารออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อผ่านเพจชื่อ 'ออมสิน สินเชื่อเพื่อประชาชนทุกคน' นั้น จากการตรวจสอบโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นข่าวปลอม โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบกับธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ซึ่งยืนยันว่า กรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลเรื่องธนาคารออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อผ่านเพจบนเฟซบุ๊ก (Facebook) ชื่อ 'ออมสิน สินเชื่อเพื่อประชาชนทุกคน' นั้น ประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลเท็จ โดยเพจดังกล่าว ไม่ใช่เพจของธนาคารและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับธนาคารออมสิน

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ธนาคารออมสินไม่มีนโยบายให้เงินกู้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook แอปพลิเคชัน LINE และ Messenger แต่อย่างใด โดยเพจดังกล่าวได้แอบอ้างนำชื่อและตราสัญลักษณ์ธนาคารออมสินไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังเผยแพร่ข้อมูลปลอม อันแสดงเจตนาจงใจหลอกลวงประชาชน

"ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อเพจแอบอ้างดังกล่าวที่ โดยสามารถติดตามข่าวสารจากสื่อช่องทางหลักของธนาคารได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปพลิเคชัน MyMo, Social Media ช่องทาง GSB Society และ GSB Now เท่านั้น" รองโฆษกรัฐบาล กล่าว

สตม.ทลายแก๊งพนันออนไลน์เวียดนามตั้งฐานเช่าบ้านหรูกลางเมือง

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 กก.1 บก.สส.สตม. ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีแก๊งชาวต่างชาติใช้เป็นฐานเปิดบ่อนพนันออนไลน์ จนสามารถจับกุม น.ส.คิม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมกับพวกรวม 18 คน (ชาย 10 คน หญิง 8 คน) โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของกลาง จำนวน 39 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดี ตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักแห่งหนึ่งหนึ่งย่านพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 

กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนว่าที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ มีกลุ่มชาวต่างชาติมีพฤติกรรมน่าสงสัยรวมกลุ่มจำนวนหลายคนอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ลักษณะมีการเปิดไฟทำงานกันตลอดทั้งวันทั้งคืน และคนในบ้านไม่ค่อยออกไปไหน กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ทำการตรวจสอบแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งชาวต่างชาติลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ และได้ทำการสืบสวนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมคนภายในบ้านจนทราบว่าเป็นกลุ่มชาวเวียดนามจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คน และพบพยานหลักฐานว่ามีการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์จริง จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นบ้านหลังดังกล่าวต่อศาลอาญาพระโขนงและทำการตรวจค้น 

ผลการตรวจค้นพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านสองชั้น ชั้นที่ 1 จัดเป็นที่พักผ่อนและรับประทานอาหาร ชั้นที่ 2 เป็นห้องพัก ส่วนห้องโถง เป็นสถานที่ทำงานมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ตั้งอยู่ จำนวน 10 ชุด มีพนักงานนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการเข้าระบบเว็บพนันออนไลน์ b29./cafe, b69./cafe, Choang/club99, kingfun./247 และเข้าระบบโปรแกรมสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสนทนา ประกาศ ชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันและติดต่อแก้ไขปัญหาในการเล่นการพนันออนไลน์ และพบไฟล์เอกสารตารางการทำงานและดูแลระบบเว็บพนันของพนักงานแต่ละคน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพนักงานทั้ง 18 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และจากการสอบถามคนต่างด้าวทั้ง 18 คนให้การยอมรับว่าพวกตนทำงานเป็นแอดมินเติมเครดิตให้กับลูกค้าและชักชวนลูกค้าให้มาเล่นการพนันออนไลน์ โดยมีการแบ่งหน้าที่และช่วงเวลากันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีนายทุนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 20,000 บาท และเงินส่วนแบ่งที่ได้จากการชักชวนลูกค้าที่มาเล่นการพนัน โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นฐานกระทำผิดมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สตม.จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ “ฟอกเงิน” พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท

ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ สภ.ม่วงสามสิบ จับกุม นางสุด (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติลาว ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 281/2566 ลงวันที่ 28 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับอนุญาต, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับอนุญาต, รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ม่วงสามสิบ จว.อุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร (สถานีย่อยกระทุ่มแบน) ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ตม.จว.สมุทรสาคร ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ม่วงสามสิบ ว่านางสุด (นามสมมุติ) ซึ่งผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานีความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายยาเสพติด และฟอกเงิน ได้หลบหนีหมายจับมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ร่วมกันได้ออกสืบสวนหาข่าวและติดตามตัวนางสุด จนกระทั่งสืบทราบว่านางสุด จะมาติดต่อธุระส่วนตัวบริเวณใกล้กับที่ทำการ ตม.จว.สมุทรสาคร จึงได้ไปตรวจสอบ จนกระทั่งพบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนางสุดซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับทำการจับกุม จากการสืบสวนทราบว่านางสุด ได้เปิดบัญชีธนาคารสำหรับรับโอนเงินกลับประเทศลาว โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป  

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศเปลี่ยนชื่อ ‘ม.เมธารัถย์’ กลับมาเป็น ‘ม.ชินวัตร’ ชี้ มีผลตั้งแต่ 19 ก.พ.67

เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง การเปลี่ยนชื่อสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567

อนุญาตให้มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ (METHARATH UNIVERSITY) ตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ที่ 10 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยชินวัตร (SHINAWATRA UNIVERSITY) ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

ประกาศ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
ศุภมาส อิศรภักดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

สำหรับ มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ มีจุดเริ่มต้นมาจากความคิดริเริ่มของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 และเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยเมธารัถย์ ในปี 2565 ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อมหาวิทยาลัยชินวัตรอีกครั้งในปี 2567

ชื่นชม!! ‘พ่อค้าร้านบะหมี่’ วิ่งสับขาคืนเงิน ‘ลูกค้าชาวจีน’ หลังกดโอนผิดมา 3 แสนบาท พร้อมขอไม่รับสินน้ำใจ

เมื่อวานนี้ (6 มี.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

จากโพสต์พี่โจวันก่อน ที่เล่าเรื่องจริงว่าพี่โจลืมกระเป๋าเงินใส่มือถือพร้อมเงินสดนับ 10,000 บาท ไว้ในห้องน้ำห้างเซ็นทรัล แล้วมีน้องผู้หญิงเก็บได้ และไม่ยอมรับเงินสินน้ำใจจากพี่โจ
แล้วก็มีคอมเมนต์บอกว่าพี่โจโชคดีบ้าง หรือตัวเขาเองลืมแบบนี้แต่ไม่ได้คืนบ้าง

เพจริงไซด์การเมือง เพิ่งลงเรื่องจริงของคุณพี่เจ้าของร้านบะหมี่ ที่ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนสี่คนมาทานบะหมี่ที่ร้าน แล้วโอนเงินผ่านแอปฯ ด้วยจำนวนตัวเลขที่ผิด แทนที่จะโอน 210 บาทกลับโอนถึง 333,000 บาท!

คุณพี่เจ้าของร้านรีบวิ่งไปตามลูกค้าเพื่อจะคืนเงินให้ แม้ลูกค้าชาวจีนจะซาบซึ้งและต้องการมอบสินน้ำใจตอบแทน แต่คุณพี่เจ้าของร้านก็ไม่รับค่ะ คุณลูกค้าจึงวางเงิน 1,000 บาทให้แทน พร้อมกับนำความรู้สึกสำนึกคุณอย่างลึกซึ้งหอบกลับแดนมังกรไปด้วย

เรื่องจริงนี้พี่โจนำมาลงเพื่อจะบอกแฟนๆ สองเรื่อง

1. สังคมต้องการชูเรื่องแบบนี้เยอะๆ จนกลายเป็นกระแสหลักว่า...ใครที่ไหนก็ทำความดีแบบนี้ได้ทั้งนั้น ทุกที่ทุกคน เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทย และ

2. จริงอยู่เมืองไทยคนไม่ดีมีอยู่ทุกที่แต่… คนดีก็มีอยู่ทุกที่เช่นกัน ในจำนวนมากกว่า
มันอยู่ที่ “เราเลือกเชื่อและปลูกฝังทัศนคติแบบไหน” หมาป่าดำหรือหมาป่าขาวค่ะ

‘พีระพันธุ์’ มั่นใจ!! ค่าไฟรอบใหม่ (พ.ค. - ส.ค.) จะไม่สูงกว่ารอบปัจจุบัน

(7 มี.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ถึงกรณีตรวจเยี่ยมแท่นขุดเจาะก๊าซกลางอ่าวไทย และราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่ (พฤษภาคม - สิงหาคม) ระบุว่า…

หลังจากที่ไปตรวจการผลิตก๊าซกลางอ่าวไทยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีก๊าซมากพอเพื่อเป็นปัจจัยหนึ่งของการยันราคาค่าไฟฟ้าในรอบใหม่นี้ 

ต่อมาผมได้หารือกับท่านเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และท่านปลัดกระทรวงพลังงาน ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ และล่าสุดได้หารือกับผู้บริหาร กฟผ. เพื่อขอให้ช่วยกันดูแลประชาชนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้เต็มที่เพื่อไม่ให้มีภาระค่าไฟฟ้ามากไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านทุกฝ่ายพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะทาง กฟผ. พร้อมที่จะแบกรับภาระหลายอย่างเพื่อประชาชน 

ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าราคาค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไป (พฤษภาคม - สิงหาคม) จะไม่สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

ขอให้มั่นใจครับว่าผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้อีกครั้งครับ

'รทสช.' ยัน!! รัฐพร้อมแจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง แม้จะยังไม่ได้ใช้งบฯ-ไร้ปมทุจริต ขอแค่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่หวังใช้เวทีตีกินทางการเมืองเป็นพอ 

(7 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ 

เมื่อถามว่า 6 เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ ที่ถูกอภิปรายฯ? นายธนกร กล่าวว่า ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนถือเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 ยังไม่ได้ใช้งบฯ และยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา 

"ฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ผมมองว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริต จึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม" นายธนกร กล่าว

สรุป 15 ทิศทางของจีนประจำปี 2024 ผ่านเวทีการประชุม 'เหลี่ยงฮุ่ย' (两会)

‘จีน’ เริ่มการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress : NPC) และสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (Chinese People’s Political Consultative Conference : CPPCC) ที่เรียกว่า ‘ประชุมสองสภา’ (Two Sessions) หรือ ‘เหลี่ยงฮุ่ย’ ประจำปี 2024 ไปเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา

THE STATES TIMES ได้รวบรวม 15 ทิศทางที่จีนจะใช้เดินหน้าประเทศในปี 2024 ทั้งในด้าน การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!!

ผลการศึกษาชี้ มีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากขึ้นที่ประเมินความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูงเกินไป

ข้อมูลชี้ว่า ผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษที่มองว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่มวนมีจำนวนลดลง แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าการสูบบุหรี่มวนนั้นส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพมากกว่า และบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกได้

ผลการสำรวจในผู้สูบบุหรี่กว่า 28,000 รายในช่วงปี 2557 ถึง 2566 ชี้ว่า การรับรู้กําลังเปลี่ยนไป โดยผลการสำรวจรอบล่าสุดพบว่า 57% ของผู้สูบบุหรี่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายพอๆ กับการสูบบุหรี่หรือมากกว่านั้น

บริการสุขภาพแห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักร หรือ National Health Service (NHS) กล่าวว่า ตามหลักการแล้ว ผู้คนไม่ควรสูบบุหรี่หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้า

การใช้บุหรี่ไฟฟ้าทําให้ผู้ใช้ได้รับสารพิษในระดับที่ต่ำกว่าสารพิษที่ได้รับจากการสูบบุหรี่มวนมาก บุหรี่มวนปล่อยสารเคมีต่างๆ หลายพันชนิดเมื่อเผาไหม้ หลายชนิดมีพิษและกว่า 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ บุหรี่ยังทําให้เกิดโรคร้ายแรงอื่น ๆ รวมถึงโรคปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

สารเคมีที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่ในควันบุหรี่ รวมถึงน้ํามันดินและคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่ได้อยู่ในละอองลอยจากบุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง และ NHS ไม่แนะนําให้ผู้ไม่สูบบุหรี่รวมถึงคนหนุ่มสาวที่มีอายุต่ํากว่า 18 ปีเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ได้แก่:
• ไอ ปากและลําคอแห้ง
• การระคายเคืองที่ปากและลําคอ
• หายใจถี่
• ปวดหัว

ข้อมูลที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open มาจากการสํารวจรายสัปดาห์ของ Cancer Research สนับสนุนโดยสหราชอาณาจักร ซึ่งดําเนินการตั้งแต่ปี 2549 เพื่อติดตามรูปแบบการสูบบุหรี่ในระดับประเทศและแจ้งนโยบายเลิกสูบบุหรี่ พบว่า

ในเดือนพฤศจิกายน 2014:
• 44% ของผู้สูบบุหรี่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่
• 11% คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่
• 30% คิดว่าเป็นอันตรายเท่าเทียมกัน
• 15% ไม่ทราบ

แต่ภายในเดือนมิถุนายน 2023:
• มีเพียง 27% เท่านั้นที่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่า
• 23% คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่
• 34% คิดว่าเป็นอันตรายเท่าเทียมกัน
• 16% ไม่ทราบ

ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรอยู่เบื้องหลังแนวโน้มดังกล่าว เนื่องจากการศึกษาไม่ได้มุ่งเน้นไปถึงเหตุผล แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการหยุดสูบบุหรี่มีความกังวล หนึ่งในนักวิจัย ดร.ซาร่าห์ แจ็คสัน จากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) กล่าวว่า “การค้นพบเหล่านี้มีความหมายที่สําคัญทางสาธารณสุข”

"ความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นต่ํากว่าความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่มาก – แต่ข้อมูลนี้กลับไม่ถูกสื่อสารออกไปสู่ผู้คนอย่างชัดเจน”

"ความเข้าใจผิดนี้เป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพในตัวของมันเอง เนื่องจากความเข้าใจผิดนี้อาจกีดกันผู้สูบบุหรี่จากการลดอันตรายลงอย่างมหาศาลผ่านการเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า”

"มันอาจสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวบางคนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าหันมาสูบบุหรี่เป็นครั้งแรก หากพวกเขาเข้าใจว่าอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนนั้นนั้นไม่ต่างกัน”

"จําเป็นต้องมีการสื่อสารที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพเพื่อให้ผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่สามารถพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์นิโคตินที่พวกเขาจะใช้ได้"

ศาสตราจารย์เจมี่ บราวน์ จาก UCL กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งใหม่และได้รับความสนใจอย่างมากในสื่อ โดยบทความข่าวมักจะพูดเกินจริงถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่”
"มีรายงานค่อนข้างน้อยเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เกิดจากการสูบบุหรี่ แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตในอังกฤษจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 75,000 คน”

"รัฐบาลวางแผนที่จะเสนอชุดอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มต้นให้กับผู้สูบบุหรี่หนึ่งล้านคนควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านพฤติกรรมเพื่อช่วยให้พวกเขาเลิกบุหรี่”

"ความคิดริเริ่มนี้อาจไม่สำเร็จหากผู้สูบบุหรี่จํานวนมากไม่เต็มใจที่จะลองบุหรี่ไฟฟ้าเพราะพวกเขาเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นอันตรายเท่ากับหรือมากกว่าบุหรี่ทวน"
ไซมอน คลาร์ก ผู้อํานวยการกลุ่มผู้สูบบุหรี่ Forest เห็นด้วยว่าต้องมีการสื่อสารที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงสัมพัทธ์ของผลิตภัณฑ์นิโคตินต่างๆ รวมถึงบุหรี่แบบเผาไหม้และบุหรี่ไฟฟ้า เขาเสริมว่า "รัฐบาลเป็นหนึ่งในตัวการที่ก่อให้เกิดความสับสน เพราะการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งและขู่อย่างรุนแรงว่าจะจํากัดการแสดงสินค้ารวมถึงบรรจุภัณฑ์ของบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงที่ช่วยให้ผู้สูบบุหรี่หลายล้านคนเลิกบุหรี่”

"ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ผู้สูบบุหรี่สับสนเกี่ยวกับระดับความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ข้อความที่มาจากรัฐบาลและหน่วยงานสาธารณสุขกล่าวว่าผู้ที่ควรใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีเพียงผู้ใหญ่ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่เท่านั้น และไม่มีใครควรใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวหรือใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ"
เดโบราห์ อาร์นอตต์ ผู้บริหารระดับสูงของ Action on Smoking and Health (Ash) กล่าวว่า "เรื่องน่ากลัว" เกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคนหนุ่มสาวอาจทําให้เกิดความเข้าใจผิดที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงอย่างน้อยเท่ากับการสูบบุหรี่

“ดังนั้น อาจมีผู้สูบบุหรี่หลายล้านคนที่ไม่เคยใช้วิธีช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่ายที่สุดอย่างบุหรี่ไฟฟ้า” เธอกล่าว

“โศกนาฏกรรมที่ตามมาคือผู้สูบบุหรี่จํานวนมากอาจสูบบุหรี่ต่อไปแม้ที่จริงแล้วพวกเขาจะสามารถเลิกบุหรี่ได้ ทําให้ตัวเองมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อโรคมะเร็ง ระบบทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ ตามด้วยการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร”

7 มีนาคม พ.ศ. 2494 รำลึกวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ‘สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร’ อธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก ผู้แยกหน้าที่ 'แพทย์-เภสัชกร' ตามแบบแผนที่ถูกหลัก

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระราชโอรสองค์ที่ 52 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่อง สนิทวงศ์ (ธิดาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์) โดยประสูติในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา ตรงกับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 หลังให้ประสูติกาลพระราชโอรสได้ 12 วัน เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่องก็ถึงแก่อนิจกรรม

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอุ้มพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ มาพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ด้วยพระองค์เองพร้อมกับตรัสว่า “ให้มาเป็นลูกแม่กลาง” สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวีทรงรับพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ไว้อุปการะพร้อมทั้งพระเชษฐภคินี คือ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท โดยทรงเลี้ยงดูพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งทรงมีพระชนมายุใกล้เคียงกับเจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดชเหมือนกับพระราชโอรสที่ประทานกำเนิดด้วยพระองค์เอง

เสด็จในกรมฯ ทรงเข้ารับการศึกษาเบื้องต้น ณ โรงเรียนราชกุมารในพระบรมมหาราชวัง และยังทรงได้รับการอบรมอย่างใกล้ชิดในเรื่องประวัติศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี และความรู้ทั่วไปจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ นอกจากนั้น ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตามเสด็จทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง

พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จออกเดินทางไปยุโรปเพื่อรับการศึกษาที่ประเทศเยอรมัน เสด็จในกรมฯ เข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยม เมืองฮัลเบอร์สตัด และทรงเข้าศึกษา ณ มหาวิทยาลัยเมืองไฮเดิลแบร์ก ทรงสนพระทัยที่จะศึกษาวิชาแพทย์มานานแล้ว แต่สมเด็จพระบรมชนกนาถรับสั่งว่า พระพลานามัยไม่สมบูรณ์ วิชาทหารและวิชาแพทย์ไม่เหมาะสม จึงทรงแนะนำให้ศึกษาวิชากฎหมายแทน ซึ่งจะน่ากลับมาช่วยบ้านเมืองได้มากมาย

เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาและเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมที่ ‘กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร’ ทรงรับราชการเป็น ‘ผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง’ กระทรวงธรรมการ และรับหน้าที่เป็น ‘ผู้บัญชาการโรงเรียนราชแพทยาลัย’

พ.ศ. 2458 ทรงปรับปรุงหลักสูตรการเรียนวิชาพยาบาลผดุงครรภ์ ให้ได้มาตรฐาน ซึ่งในสมัยนั้นยังนิยมใช้การแพทย์แผนโบราณ คลอดบุตรโดยหมอตำแยกันอยู่ ทรงส่งเสริมให้ข้าราชบริพารในสมเด็จพระศรี สวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เข้าเรียนต่อหลักสูตรของศิริราชพยาบาล สนับสนุนให้ศึกษาวิชาแพทย์และพยาบาลแผนปัจจุบันให้มากขึ้น ทรงปลูกฝังความนิยมในการเรียนแพทย์ให้เป็นที่แพร่หลาย จัดการศึกษาในโรงเรียนแพทย์ให้มีมาตรฐาน นอกจากนี้พระองค์ท่านยังเป็นผู้โน้มน้าวสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ให้ทรงสนพระทัยวิชาการแพทย์

พ. ศ. 2460 ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยในกระทรวงธรรมการ เสด็จในกรมฯ ได้ทรงเพิ่มคณะใหม่ๆ ในมหาวิทยาลัย ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ และให้โรงเรียนราชแพทยาลัยเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาแพทย์เพิ่มระยะเวลาการศึกษาเป็น 6 ปี

พ.ศ. 2460 ทรงจัดตั้งกองนักเรียนแพทย์เสือป่า และทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมนักเรียนแพทย์เสือป่าหลวง

พ.ศ. 2461 ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก สมัยนั้นคำว่า ‘สาธารณสุข’ ยังเป็นคำใหม่ซึ่งคนไทยไม่เข้าใจ จึงทรงวางรากฐาน ประสัมพันธ์และวางแผนจัดทำโครงการ แบ่งงานสาธารณสุขในพระราชอาณาเขตเป็นสาธารณสุขจังหวัดในปัจจุบัน แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงห่วงใยเรื่องหลักสูตรแพทย์ปรุงยา โดยทรงรับสั่งกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไว้ว่า

“เรื่องการเภสัชกรรมนั้นมีความสำคัญมาก สมควรที่ต้องมีกฎหมายบังคับคุ้มครองขึ้น จัดให้มีการแบ่งแยกหน้าที่ของแพทย์และเภสัชกรตามแบบแผนที่ถูกต้อง ตลอดจนถึงการควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานของยาตามแบบยุโรป เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน”

ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสาธารณสุขทรงริเริ่มงานการศึกษาและฝึกอบรม นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลงานสำคัญที่คนโดยมากไม่ใคร่รู้ ซึ่งก็คือการที่พระองค์ทรงจัดให้มี ‘กองกำกับโรคระบาด’ ขึ้น ทำให้มีการกักกันผู้เป็นโรคและผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคเมื่อเดินทางเข้ามาในสยาม ซึ่งรู้จักกันในสมัยนี้ว่า State quarantine

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ประเทศได้มีการจัดวัคซีนหมู่ ป้องกันโรคระบาด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนั้น ทรงให้มีการประชาสัมพันธ์ให้มีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ อีกทั้งได้ทรงออกมาตรการใหม่ขึ้นมาปราบปราม โรคร้ายต่าง ๆ ที่เคยมีและพบมากในประเทศ เช่น ไข้มาลาเรีย โรคเรื้อน และอหิวาตกโรค จึงได้ถูกควบคุมและเริ่มลดลงไปตามลําดับ ซึ่งในกาลต่อมาหน่วยงานเหล่านี้ได้วิวัฒนาการ มาเป็น กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน ภายใต้กรมควบคุมโรค จนพัฒนามาเป็นสถาบันวัคซีนแห่งชาติในปัจจุบัน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการควบคุมโรคระบาดด้วยความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ การกักกันผู้ป่วย หรือผู้ต้องสงสัยว่ามีเชื้อโรค (Maritime quarantine) รวมไปถึงการริเริ่มฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันและปราบปรามโรคระบาด ในสยามประเทศ ล้วนเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในยุคนี้ ทรงรับใช้ชาติโดยการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสาธารณสุขอยู่ถึง 7 ปีเต็ม จนพระองค์ทรงลาออกจากราชการเมื่อต้นปี 2468

หลังจากเกษียณจากราชการแล้ว ก็ทรงดำเนินชีวิตส่วนพระองค์อย่างเรียบง่าย ทรงงานศิลปะ ออกแบบ ตกแต่งภายในจากผลงานศิลปะและโบราณวัตถุที่ทรงสะสมทั้งจากต่างประเทศและภายในประ เทศ อันเป็นที่ชื่นชมกันว่าทรงมี ‘ตาดี’ ในเรื่องงานศิลปะ ที่ทรงสืบทอดมาจาก สมเด็จพระราชบิดา ทรงงานอดิเรกถ่ายภาพและถ่ายภาพยนตร์โดยทรงเป็นกรรมการผู้ร่วมก่อตั้ง ‘สมาคมภาพยนตร์สมัครเล่นแห่งสยาม’ นอกจากนี้ ยังทรงเป็นผู้พัฒนาและบุกเบิกการพัฒนาที่ดินรุ่นแรกๆ ของสยามอีกด้วย

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน ณ วังถนนวิทยุ เมื่อเวลาประมาณ 1 นาฬิกาของวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2494 ด้วยพระโรคหืดและโรคพระหทัยวาย เป็นราชโอรสองค์สุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระชนม์ยืนที่สุดด้วยพระชนมายุ 65 ปี 4 เดือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top