Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

เปิดงบทำเนียบฯ ทุ่ม 5 แสนรื้อสนามหญ้าตึกไทยฯ โละพรมเก่า ปูพรมขนแกะทอมือราคา 10 ล้าน

หรูหราสุด ๆ !! เปิดงบทำเนียบฯ ปรับปรุงจัดเต็ม รื้อสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ ทุ่มงบ​เกือบ​ 5 แสน​ ปลูกหญ้าพลาสพาลัม​เทียบเกรดสนามกอล์ฟ​ หวังเป็นหน้าเป็นตารับแขกบ้านแขกเมือง​ พร้อมโละพรมเก่าปูพรมขนแกะทอมือมูลค่ากว่า​ 10 ล้าน​ ​ปรับรั้วหลังตึกไทย​หลังทรุดเอน​ ขณะที่สังคายนาระบบปลอดภัย​ไซเบอร์ 58 ล้าน​สกัดมือแฮกเกอร์​ 

(7 มี.ค. 67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำนักนายกรัฐมนตรี​ ประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องรายการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ลงไว้เมื่อวันที่​ 1 มีนาคม​ 2567 จำนวน 12 รายการ​ รวมวงเงิน​ 138 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. จ้างเปลี่ยนกระจกหน้าต่างห้องทำงาน ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า วงเงิน 302,300 บาท ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ช่วงเวลาดำเนินการ ธันวาคม 2566

2. จ้างปรับปรุงสนามหญ้าบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า วงเงิน 498,352 บาท วิธีเฉพาะเจาะจง เดือนกุมภาพันธ์ 2567 

3. ซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ 3 รายการ วงเงิน 4,317,600 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567

4. ซื้อรถบรรทุก (ดีเซล) ปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า 2,900 ซีซี 1 คัน วงเงิน 1,160,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป

5. จ้างพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์รัฐบาลไทย (www.thaigov.go.th) จำนวน 1 งาน ราคา 5 ล้านบาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567 

6. จ้างทอพรมทอมือ เส้นใยขนแกะ 100% พร้อมติดตั้ง 9 ผืน วงเงิน 10,557,200 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567

7. จ้างพัฒนาระบบสำนักงานดิจิทัล (Digital Office) 1 ระบบ วงเงิน 11,739,200 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

8. ซื้อระบบบริหารจัดการ DNS,DHCP และ IP Address Management พร้อมติดตั้ง 1 ระบบ วงเงิน 8,560,000 บาท ประกาศเชิญชวน เมษายน 2567

9. จ้างพัฒนาระบบบริหารจัดการผู้ใช้งานแบบรวมศูนย์ (Single Sign-on) 1 ระบบ วงเงิน 3,164,100 บาท ประกาศเชิญชวน เมษายน 2567 

10. ซื้อครุภัณฑ์ในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) พร้อมติดตั้ง 1 ระบบ 58 ล้านบาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567

11. จ้างติดตั้งระบบดูดอากาศตรวจจับควัน แบบระบุตำแหน่งได้ ของอาคารตึกไทยคู่ฟ้า 1 ระบบ วงเงิน 32,100,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

12. จ้างปรับปรุงรั้วริมคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า 1 งาน วงเงิน 2,869,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

ประกาศรายการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นไปตามแนวทางของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สํานักงาน ปปช.) ที่ได้กําหนดแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ Open Data Integrity and Transparency Assessment (OIT) ให้หน่วยงานของรัฐแสดงรายการการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ

สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงขอประกาศรายการการจัดซื้อจัดจ้างของสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะมีการดําเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังกล่าว

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า​การปรับปรุง​สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงส่วนต่าง ๆ​ เป็นไปตามแผนงานปรับปรุง​ภูมิ​ทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล​ เนื่องจากทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน​ เป็นหลุมเป็นบ่อ​ สนามหญ้าเสื่อมสภาพ​ และทำเนียบรัฐบาลถือเป็นสถานที่ไว้สำหรับรับแขกบ้านแขกเมืองต่างประเทศ รวมไปถึงรัฐพิธีต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมเกียรติ

ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างขนแกะทอมือ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง โดยสเปคเป็นไปตามของเดิม ส่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนเนื่องจากเสื่อมตามสภาพอายุการใช้งาน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เป็นไปตามแผนงานเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนรั้วบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเนื่องจากพื้นทรุด ทำให้รั้วเกิดการเอียง โดยงบประมาณทั้งหมด ได้มีการเสนอตามขั้นตอนและผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว

สำหรับการปรับปรุงสนามหญ้าบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นั้น จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 13 มี.ค. 2567 ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจที่ยุโรป ซึ่งในรัฐบาลที่ผ่านมา ได้ซ่อมแซมสนามสนามหญ้าเพียงในส่วนที่เสียหาย แต่ไม่ได้รื้ออัดดิน และทำใหม่ โดยใช้หญ้าพันธุ์พาสพาลัม ที่นิยมปลูกในสนามกอล์ฟ เป็นพืชในตระกูลหญ้าที่ใช้แพร่หลายไปทั่วเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา ที่รู้จักกันทั่วไปว่าหญ้าพาสพาลัม เป็นหญ้าที่เจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน​ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งแต่เดิมใช้หญ้าพันธุ์​นวลน้อย

'เศรษฐา' เยือน!! 'เยอรมนี' ใต้อุณหภูมิ 2 องศา หยอดหวาน 'ผ้าขาวม้าร้อยเอ็ด' ช่วยให้อบอุ่น

(7 มี.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ ภายหลังเดินทางถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระบุว่า “เดินทางถึงเยอรมันแล้วครับ ลงเครื่องมาอุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศา ได้ผ้าขาวม้าสวย ๆ จากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดนี่แหละครับช่วยให้อบอุ่น”

“วันนี้ผมมีภารกิจที่กรุงเบอร์ลินช่วงสั้น ๆ คือการเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดในเดือนมีนาคมของทุกปี พร้อมพบผู้บริหารบริษัทเอกชนของเยอรมนี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐฝรั่งเศสครับ” นายเศรษฐา ระบุ

เปิดความเร็ว T-Flight สุดยอดม้าเหล็กจีนที่ลุ้นพิชิตสปีด 2 พัน กม.ต่อชม. เทียบระยะเวลา 'กรุงเทพ' ไป 'เชียงใหม่' แค่ 30 นาทีถีง

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.67 Techhub รายงานว่า เป็นอีกครั้งที่จีนประสบความสำเร็จในการสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟใหม่นี้เรียกว่า T-Flight และมันเพิ่งทำลายสถิติความเร็วใหม่ที่ 387 ไมล์ต่อชั่วโมง (623 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำลายสถิติรถไฟที่เร็วที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง MLX01 ที่วิ่งด้วยความเร็ว 361 ไมล์ต่อชั่วโมง ไปแล้ว

T-Flight ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า maglev (Magnetic Levitation) เป็นรถไฟที่ใช้หลักการทางแม่เหล็กในการยกตัวลอยเหนือราง ช่วยลดแรงเสียดทาน รวมกับท่อสุญญากาศต่ำ (Hyperloop) ทำให้ T-Flight จึงสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงได้ขนาดนี้ได้

วิศวกรชาวจีนได้ตั้งเป้าหมายความเร็วนี้ที่ 1,243 ไมล์ต่อชั่วโมง (2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเร็วกว่าความเร็วกว่าเครื่องบินโบอิ้ง 737 ถึงสองเท่า ซึ่งถ้าหากได้ความเร็วนี้ เราสามารถโดยสารจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ รถไฟ T-Flight ได้รับการพัฒนาโดย China Aerospace Science and Industry Corporation (CASIC) ซึ่งในระหว่างการทดสอบที่เมืองต้าถง มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน รถไฟ T-Flight ทำความเร็วได้ที่ 387 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในท่อสุญญากาศต่ำที่มีความยาวเพียง 1.2 ไมล์ หรือ 2 กิโลเมตรครับ  และต้องรอดูการทดสอบในระยะไกล ๆ อีกครั้ง ว่ามันจะมีปัญหาอะไรไหม

'หนุ่มจีน' แชร์!! ทุ่มงานหนักทั้งชีวิต จนสมหวังได้เงินเดือนหลักแสน แต่สุดท้าย 'ป่วยอัมพาตครึ่งซีก-เกือบตาย' ใช้เวลา 6 ปีฟื้นสภาพ

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า ชายชาวจีนวัย 31 ปีเล่าถึงการต่อสู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตถึงขีดต่ำสุด ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองเป็นอัมพาตครึ่งซีก จากที่เคยมีรายได้เดือนละ 2 แสนกว่าบาท ต้องสู้ชีวิต 6 ปีกว่า สุขภาพจึงจะกลับมาเหมือนเดิม แชร์เป็นอุทาหรณ์

ตามรายงานเผยว่า ชายชาวจีนรายนี้ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจากนิสัยเสียเดิม ๆ จนทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งเขาใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายนานถึง 6 ปีถึงจะกลับมาเป็นปกติ โดยช่วงเช้าวันหนึ่ง ตื่นนอนมาพร้อมกับอาการที่ร่างกายซีกหนึ่งของเขาไม่สามารถขยับได้ แขนขาซ้ายควบคุมไม่ได้ และพูดไม่ชัด

ต่อมา พบว่าใบหน้าของเขาเป็นอัมพาตและไม่สามารถแสดงสีหน้าใด ๆ ที่ซีกซ้ายได้ พร้อมกับอาการอ่อนแรงแบบเฉียบพลันซึ่งทำให้เขาสลบไปในที่สุด และตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่โรงพยาบาลหลังต้องนอนเป็นผู้ป่วยโคม่าถึง 3 วัน

แพทย์ได้วินิจฉัยว่า เขามีอาการโรคหลอดเลือดสมองตีบ และอัมพาตครึ่งซีก ดั่งโลกพังทลายชีวิตช่วงนั้นกำลังรุ่งสุด ๆ เพราะเขามีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราว 2.5 แสนบาท ใช้ความเพียรพยายามนานกว่า 10 ปี

อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบไว้ว่า มาจากพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ คือ การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยเฉลี่ยเพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เพราะเขาทำงานหนักตั้งแต่เรียนจบเพื่อจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ชายรายนี้ยังกล่าวอีกว่า จากคนที่เคยมีรายได้เดือนละหลักแสน หลังจากเกิดเรื่องนี้ทำชีวิตพลิกชั่วข้ามคืน เนื่องจากเขาสูญเสียความสามารถในการทำงาน ทำให้เขาไม่มีรายได้ เขาต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน เพื่อรับการบำบัดฟื้นฟู กายภาพบำบัด

ทั้งนี้ เขาได้ทิ้งท้ายไว้ว่า เขายังโชคดีที่มีแม่ ภรรยา และครอบครัวที่คอยดูแล เขาต้องใช้เวลาในการฝึกหัดสิ่งต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมดเหมือนเป็นเด็กทารก เช่น การเดิน และการพูด ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 6 ปี ร่างกายทุกส่วนของเขาเกือบจะเป็นปกติ สามารถกลับมาทำงานได้แล้ว

NARIT เผย!! 'แสงวาบ-ลูกไฟ' คาดเป็น 'ดาวตกชนิดระเบิด' ชี้!! หากพบลูกไฟ 2 ครั้งในพื้นที่เดียวกันช่วงนี้ ไม่ถือว่าผิดปกติ

(7 มี.ค.67) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. (NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เผยว่า ช่วงหัวค่ำ 6 มีนาคม 2567 มีผู้พบเห็นแสงสว่างวาบเป็นทางยาว เหนือท้องฟ้าหลายพื้นที่ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของไทย แสงดังกล่าวปรากฏขึ้นประมาณสองครั้ง เวลาประมาณ 19:13 น. มีลักษณะหัวเป็นสีฟ้า หางเป็นสีเขียว จากนั้นแตกออกเป็น 2-3 ส่วน และเวลาประมาณ 20:21 น. ปรากฏขึ้นอีกหนึ่งครั้ง มีสีส้ม มองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน คาดว่าเป็น 'ดาวตกชนิดระเบิด'

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าคล้ายดาวตก 2 ครั้ง ติดต่อกัน ครั้งแรกเวลาประมาณ 19:13 น. ปรากฏเป็นทางยาวพาดผ่านท้องฟ้าจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ส่วนหัวมีสีฟ้า ส่วนหางมีสีเขียว ขณะเดียวกันได้แตกออกเป็น 2-3 ส่วน ส่วนหัวมีสีส้ม หางสีเขียว จากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมงถัดมา ปรากฏขึ้นอีกครั้งเวลาประมาณ 20:21 น. มีสีส้ม พบเห็นแต่ละครั้งนานประมาณ 10 วินาที

เหตุการณ์ครั้งนี้พบเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนในหลายจังหวัดกระจายอยู่เกือบทุกภูมิภาคของไทย อาทิ ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ปราจีนบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ ศรีสะเกษ ชุมพร บุรีรัมย์ ชลบุรี สมุทรสาคร นครปฐม นครนายก ระยอง ชัยภูมิ เชียงใหม่ เป็นต้น

จากข้อมูลดังกล่าวคาดว่าอาจเป็นดาวตกชนิดระเบิด ซึ่งเกิดจากวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็ก เช่นดาวเคราะห์น้อย หรือเศษชิ้นส่วนที่กระเด็นจากการพุ่งชนบนดวงจันทร์หรือดาวอังคาร เป็นต้น เมื่อเศษชิ้นส่วนดังกล่าวเคลื่อนที่เข้ามายังชั้นบรรยากาศโลก เสียดสีกับอนุภาคในชั้นบรรยากาศ เกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้จึงมองเห็นเป็นแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ที่เราเรียกว่า ดาวตก 

กรณีที่เศษชิ้นส่วนมีขนาดใหญ่ ความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย หากมีความสว่างเทียบเท่ากับความสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง หรือเกิดการระเบิดขึ้นกลางอากาศ นักดาราศาสตร์จะเรียกว่า ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide)

นายศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดาวตกในครั้งนี้ยังปรากฏสีที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งสีเขียว สีฟ้า สีส้ม โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ ขณะพุ่งเข้าชนกับชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ทำให้อะตอมของดาวตกเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่าง ๆ เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน

ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ และสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ในช่วง 2 วัน มีลูกไฟโผล่มารัวๆ มีอะไรที่ต้องกลัวหรือไม่นั้น? ด้าน สมาคมดาราศาสตร์ ได้เผยว่า จากสถิติ ดาวตกที่สว่างระดับลูกไฟมีคืนละกว่าร้อยดวงทั่วโลก ดังนั้น การที่พบลูกไฟสองครั้งในพื้นที่เดียวกันภายในเวลา 2 วัน ยังไม่ถือว่าผิดปกติ

‘หวังอี้’ ย้ำ!! จีนไม่ปล่อย ‘ไต้หวัน’ แยกตัวจากมาตุภูมิ ฮึ่ม!! ใครหนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ เท่ากับท้าทายอธิปไตยจีน

(7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่านโยบายของจีนต่อปัญหาไต้หวันนั้นชัดเจน นั่นคือยังคงพยายามรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจที่สุด

"บรรทัดฐานสำคัญที่สุดนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง นั่นคือจีนจะไม่มีทางปล่อยให้ไต้หวันแยกตัวจากมาตุภูมิ" หวังกล่าวที่การแถลงข่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ

หวังตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ข้ามช่องแคบหลังมีการเลือกตั้งผู้นำและสมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวันว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นของจีน และผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจะไม่เปลี่ยนแปลงกระแสธารแห่งประวัติศาสตร์ที่ว่าไต้หวันจะกลับคืนสู่มาตุภูมิ

"เราจะมีภาพถ่ายรวมประชาคมระหว่างประเทศที่เหล่าสมาชิกล้วนยึดมั่นหลักการจีนเดียว นี่เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น"

หวังกล่าวว่าหลักการจีนเดียวเป็นฉันทมติของประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมเตือนว่าผู้ที่ยังคงสมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ กำลังท้าทายอำนาจอธิปไตยของจีน และประเทศที่ยืนกรานรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันกำลังแทรกแซงกิจการภายในของจีน

กิจกรรมแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา ‘เอกราชไต้หวัน’ ยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวันมากที่สุด ดังนั้นยิ่งยึดมั่นหลักการจีนเดียวอย่างแน่วแน่มากเท่าไร ย่อมจะยิ่งช่วยรับประกันสันติภาพข้ามช่องแคบมากเท่านั้น

ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมใน ‘เอกราชไต้หวัน’ บนเกาะไต้หวันจะต้องรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ และใครก็ตามในโลกที่สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ จะต้องถูกแผดเผาเพราะเล่นกับไฟ และลิ้มรสชาติอันขมขื่นจากการกระทำของตนเอง

ทั้งนี้ หวังเรียกร้องประชาชนชาวจีนทั้งผองยึดมั่นผลประโยชน์โดยรวมของชนชาติจีน ร่วมกันคัดค้าน ‘เอกราชไต้หวัน’ และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติ

‘หนุ่ม’ สงสัย ‘ข้าวมันไก่’ เสิร์ฟกึ่งดิบ กินได้จริงหรือ ด้าน ‘ชาวเน็ต’ แนะ!! หากยังไม่สุกดี ไม่น่าเสี่ยง

(7 มี.ค. 67) กลายเป็นไวรัล ถกสนั่นไปทั่วโลกโซเชียลฯ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ลงในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ แชร์ประสบการณ์การทานร้าน ‘ข้าวมันไก่’ แต่กลับข้องใจไม่กล้ากิน เพราะเนื้อไก่มีลักษณะเนื้อสีชมพู ดูเหมือนไม่สุก 

โดยระบุว่า “รบกวนสอบถามพี่ๆ หน่อยครับแบบนี้กินได้ไหม พอดีไปกินประจำของพี่ที่รู้จัก เรามองแล้วไม่สบายใจเลยไม่กินแต่พี่แกบอกว่ามันกินได้เลยอยากรู้ว่ามันทานได้จิงๆ หรอครับ”

งานนี้เมื่อโพสต์ดังกล่าวแชร์ออกไป ชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นล้นหลาม หลายคนบอกว่า เส้นบางๆ ระหว่างคอลลาเจนกับดิบ, ยังไม่สุกดีเลยนะนั้น, ไม่กล้ากินค่ะ, อันนี้คิดว่าไม่สุกเลยค่ะ

เรื่องของเมนู ‘ไก่ดิบ’ นั้นเป็นประเด็นมาหลายครั้งแล้ว และหากถามว่ากินได้จริงหรือไม่? คำตอบคือ มีการกินเมนูนี้จริงๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งแบบซาชิมิ และแบบทาทากิ (คือการย่างเนื้อสัตว์ให้ผิวด้านนอกสุกแต่ด้านในดิบ) โดยร้านที่ขายจะต้องมีประสบการณ์ และต้องเลือกใช้ไก่จากฟาร์มไก่แบบพิเศษ ปลอดสาร ปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีชาวญี่ปุ่นที่ป่วยจากการกินไก่ดิบเป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี

ขณะที่ในเมืองไทย ยังไม่พบว่ามีฟาร์มไก่ที่ได้มาตรฐานจนถึงขนาดสามารถกินดิบได้ และนอกจากนี้ ที่มีคำแนะนำว่าไม่ควรกินเนื้อไก่ดิบก็เนื่องจากไก่เป็นพาหะของเชื้อแบคทีเรีย ‘ซัลโมเนลลา’ ซึ่งไก่สามารถมีเชื้อตัวนี้อยู่ในตัวเองโดยไม่แสดงอาการอะไร หากเราเอาเนื้อหรือไข่ดิบของไก่ที่มีเชื้อตัวนี้มากิน ก็อาจเกิดการติดเชื้อรุนแรง หรือผู้ใดที่ไม่มีภูมิต้านทาน อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิตได้ นอกจากซัลโมเนลลา ยังมีเชื้ออีกตัวที่น่ากลัวไม่ต่างกัน คือ แคมไพโลแบคเตอร์ ที่ทำให้ท้องเสียขั้นรุนแรงได้หากกินเข้าไป รวมถึง เชื้อคลอสตริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์ ต้นเหตุของอาหารเป็นพิษ 

เนื่องจากไก่ดิบมักมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนมาด้วย ซึ่งเป็นต้นเหตุของการท้องร่วง อาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อในลำไส้ และในไก่ดิบ มักมีตัวอ่อนของพยาธิตัวจี๊ด เมื่อกินเข้าไปจะกลายเป็นตัวแก่ในกล้ามเนื้อ ส่งผลให้มีอาการคัน บวมแดง หรือบวมๆ ยุบๆ และเคลื่อนที่ได้ สำหรับบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นตาบอด หรือสมองอักเสบ จึงแนะนำให้กินแบบสุกเท่านั้น

กินไก่อย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อซื้อไก่สดมา ไม่ต้องล้าง เนื่องจากการล้างไก่สดอาจทำให้เชื้อโรคที่ปะปนอยู่บนเนื้อหรือน้ำที่ซึมออกจากเนื้อไก่ กระจายออกไปปะปนสู่ภาชนะหรือวัตถุดิบอื่นๆ หากจะเก็บในตู้เย็น ให้ซ้อนถุงอีกชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ซึมออกจากเนื้อไก่ปนเปื้อนกับอาหารอื่น แนะนำให้รีบแช่ไก่สดในตู้เย็นภายใน 1 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุดคือควรกินไก่สุก โดยใช้อุณหภูมิสูงกว่า 75 องศาเซลเซียส ไม่น้อยกว่า 5 นาที

สรุปแล้ว ไม่ควรกินเมนู ‘ไก่ดิบ’ โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่อาจมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย และด้วยอุณหภูมิในบ้านเราที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ยิ่งทำให้เสี่ยงติดเชื้อมากขึ้นไปอีก ฉะนั้น กินไก่สุกปลอดภัยกว่า

'คลัง' ชี้!! หลักการ 'ธนาคารไร้สาขา' สแกนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ช่วย 'คนรากหญ้า-ไร้รายได้ประจำ' กู้ได้จริง ตัดวงจรกู้หนี้นอกระบบ

ไม่นานมานี้ ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ หลักเกณฑ์ฯ การขอและการออกใบอนุญาต Virtual Bank ให้เป็นธนาคารไร้สาขา ผสานความเชี่ยวชาญ 3 ด้าน ได้แก่ 'ธนาคาร-เทคโนโลยีดิจิทัล-ข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรม' เข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน เร่งเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและก้าวสู่ฮับการเงินอาเซียน

โดย 'ธนาคารไร้สาขา' จะมุ่งเน้นบริการทางการเงินแก่ 1. ผู้ไม่มีรายได้ประจำ และ SMEs 2. กลุ่มที่ไม่ได้รับบริการการเงินอย่างเพียงพอ (Underserved) 3. กลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Unserved) และ 4. กลุ่มเข้าไม่ถึงสินเชื่อและกลุ่มเป็นหนี้นอกระบบ 

นอกจากนี้ยังไม่จำกัดจำนวนใบอนุญาต (เดิมจำกัด 3 ราย) เนื่องจากคลังต้องการเปิดกว้างแก่ผู้มีศักยภาพและผ่านคุณสมบัติ โดยให้ ธปท. พิจารณาใบอนุญาตในจำนวนที่จะกระตุ้นการแข่งขัน และไม่เสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน

ทั้งนี้ 'ธนาคารไร้สาขา' จะกำกับโดย ธปท. เสมือนธนาคารพาณิชย์อื่น โดยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ธนาคารไร้สาขาจะไม่ใช้ระบบเงินฝาก ระบบสินเชื่อ Internet Banking ร่วมกับสถาบันการเงินอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยกระทรวงการคลังและ ธปท. ร่วมกันพิจารณาคำขออนุญาตภายใน 9 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดการยื่นคำขอ ต้องจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดและเปิดบริการใน 1 ปี

โดยกระทรวงคลังกำหนดให้ตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ในระยะแรก และไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ในระยะปกติ สามารถเป็นบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพิ่มเติมได้

6 เดือน ‘รมช.กฤษฏา’ ปลดแอกหนี้ครัวเรือนไทย

‘กฤษฎา จีนะวิจารณะ’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ สางหนี้ครัวเรือนไทย - กลุ่มเปราะบาง - ล้างหนี้เสีย - แก้กฎหมายเครดิตบูโร

📌สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid 19 (รหัส 21)
🟢ช่วยเหลือให้หลุดจากการเป็นหนี้เสีย พักชำระหนี้เพื่อผ่อนปรนภาระชั่วคราว และลูกหนี้ SMEs ที่เข้าเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างน้อย 3 เดือน จะได้รับการพักชำระหนี้ไม่เกิน 1 ปี และได้ลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 1 ต่อปี

📌กลุ่มมีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมาก
🟢ช่วยลดดอกเบี้ยให้สมความเสี่ยง ถ่ายโอนหนี้ไว้ที่เดียว และผ่อนปรนการชำระ ทางด้าน ธปท. และเจ้าหนี้บัตรเครดิตรายใหญ่ ร่วมปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยนำเงินต้นคงค้างมาคำนวณตารางผ่อนใหม่ ยาว 10 ปี พร้อมลดดอกเบี้ย 75% ส่วน ธ.ออมสิน เข้าสนับสนุนสภาพคล่องแเก่สหกรณ์ เพื่อปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และการ Re-Finance

📌กลุ่มมีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง
🟢พักชำระหนี้ชั่วคราว ลดเงินงวดให้สอดคล้องกับรายได้ที่ผันผวน กำหนดหลักเกณฑ์ควบคุม กำกับดูแลการให้สินเชื่อ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เกษตรกรได้เริ่มดำเนินการ โดยลูกหนี้เกษตรกรที่มีเงิน (Principle) รวมหนี้คงเหลือทุกสัญญาไม่เกิน 300,000 บาท พักชำระตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2567

📌กลุ่มเป็นหนี้เสียคงค้างกับสถาบันทางการเงินมาเป็นเวลานาน
🟢ช่วยให้หลุดพ้นจากหนี้เสีย พักชำระหนี้เพื่อผ่อนปรนภาระเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนระหว่าง SFIs และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ (บบส.) โดย ธปท. อยู่ระหว่างหารือกับ ก.การคลัง และ SFIs เพื่อช่วยเหลือปิดจบหนี้ของลูกหนี้ได้คล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ 'พรรครวมไทยสร้างชาติ' ยื่นเสนอกฎหมายฉบับแรกต่อสภาฯ แก้ไข 'พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. 2545' หรือ 'เครดิตบูโร' ซึ่งส่งผลเดือดร้อนแก่ประชาชน เพราะหลังสถานการณ์โควิด เกิดวิกฤตเกี่ยวกับบัตรเครดิต และหนี้สินภาคธุรกิจ ทำให้คนจำนวนมากมีปัญหาด้านการเงิน จนต้องหนีไปสู่วงจรหนี้นอกระบบ

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เข้าป้ายแก้มือ ‘โจ ไบเดน’ หลัง ‘เฮลีย์’ ถอย ท่ามกลางอเมริกันชนที่เริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

(7 มี.ค. 67) เอเอฟพี รายงานว่า การขับเคี่ยวแย่งชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว หลัง ‘นิกกี เฮลีย์’ ยอมยกธงขาว ทำให้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้เป็นตัวแทนพรรคฯ ในท้ายที่สุด

หลังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในศึกไพรมารี ‘Super Tuesday’ นิกกี เฮลีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ก็ขอถอนตัวจากการแข่งขัน และภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น โจ ไบเดน วัย 81 ปี และ โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี ก็ได้เริ่มแคมเปญหาเสียงกับผู้สนับสนุนของเฮลีย์ทันที ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างชายสูงอายุ 2 คน ภายใต้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมากที่กล่าวว่า “พวกเขาไม่ต้องการเหล่าคนชรา”

ด้าน เฮลีย์ หลังพ่าย ก็ปฏิเสธที่จะสนับสนุนทรัมป์ จากเหตุผลที่ตัวทรัมป์มักจะต้องเผชิญกับความผิดทางอาญาหลายครั้งและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความพยายามโค่นล้มการเลือกตั้งในปี 2020 โดยเธอกล่าวว่า ทรัมป์จะต้องทำงานอย่างหนักหากหวังได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเธอ

“ฉันขอแสดงความยินดีกับเขาและอวยพรให้เขาโชคดี” เฮลีย์ วัย 52 ปี กล่าวถึงทรัมป์ พร้อมเสริมว่า “สหรัฐฯจะต้องเดินหน้าด้วยการหันหลังให้กับความมืดมิด, ความเกลียดชัง และการแบ่งแยก”

ทั้งนี้ หลังจากที่ ทรัมป์ โค่นเฮลีย์ลงได้แล้ว ก็จะเชื้อเชิญผู้สนับสนุนของเธอมาเข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

สำหรับชัยชนะของ ทรัมป์ ต่อ เฮลีย์ เป็นการชนะได้ถึง 14 รัฐจาก 15 รัฐ และเฮลีย์ชนะเขาได้ที่รัฐเวอร์มอนต์เพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงการพ่ายแพ้ในรัฐเซาท์แคโรไลนาที่เป็นบ้านเกิดของเธอเอง และทำให้ตัดสินใจยอมยกธงขาวในท้ายที่สุดด้วย

ฟาก ไบเดน ยกย่องความกล้าหาญของเธอในการบอก ‘ความจริงเกี่ยวกับทรัมป์’ และกล่าวว่ามีที่ว่างเสมอสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนเฮลีย์ ในการรณรงค์หาเสียงของเขา

สำหรับการถอนตัวของ เฮลีย์ จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน นั้น น่าตื่นเต้นขึ้นเป็นพิเศษ เพราะจะถือเป็นการเดิมพันด้วยระเบียบโลกที่นานาชาติจับตา ในขณะที่ชาวอเมริกันเริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

แม้ ไบเดน จะกวาดชัยชนะจากการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตได้อย่างง่ายดายในศึก Super Tuesday แต่ตอนนี้ต้องจดจ่อกับการเตรียมพร้อมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชายวัย 81 ปีที่ไม่เป็นที่นิยมคนนี้ต้องโน้มน้าวให้ประชาชนลดความกังวลเกี่ยวกับอายุของเขา, สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซา

ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะอื้อฉาวหนักจากคดีฟ้องร้อง 2 กระทง และถูกตั้งข้อหาอาญา 91 กระทงในการพิจารณาคดี 4 คดี จนทำให้เขามีประวัติไม่เหมือนกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดในประวัติศาสตร์ แต่การยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อชนชั้นแรงงาน, ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบท และประชาชนคนขาวในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาชายแดนและเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน

ศึก Super Tuesday ซึ่งเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการแข่งขันในปี 2024 ได้บทสรุปผู้เข้าชิงชัยรอบสุดท้ายจากทั้งสองพรรคแล้ว และ 8 เดือนต่อจากนี้จะได้เห็นการหาเสียงอย่างดุเดือดของคู่แค้นเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อน

ผลสำรวจความนิยมล่าสุด ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นไบเดนจึงหวังใช้การปราศรัยต่อรัฐสภาวาดภาพการเลือกตั้งด้วยทางเลือกที่ชัดเจนระหว่างตัวเขากับภัยคุกคามต่อประเทศอย่างทรัมป์

แม้ไบเดนจะเสียความนิยมไปเยอะจากความชราภาพและการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามฉนวนกาซา แต่ทรัมป์เองก็มีบาดแผลเต็มตัวเช่นกัน ทั้งคดีความ, เรื่องอื้อฉาว และพฤติกรรมสร้างความวุ่นวายในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top