Thursday, 10 July 2025
Hard News Team

พังงา เพิ่มขีดความสามารถการปฐมพยาบาลด้วยการทำ CPR 'เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต'

กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 จัดการอบรมการกู้ชีพพื้นฐานให้กับกำลังพล และการปฐมพยาบาลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR (Cardiopulmo nary Resuscitation ) และการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ (AED ) จากวิทยากร โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 โดยมี นาวาโท ศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นประธาน 

พิธีเปิดการฝึกอบรม ณ ห้องประชุมกองบังคับการกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2567

'รมว.ปุ้ย' ยกย่อง!! หลากองค์กรไทยในเวทีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ 66 ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชูศักยภาพทางการแข่งขันให้โลกได้ประจักษ์

(7 มี.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานใน 'พิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ประจำปี 2566' ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 เพื่อมอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีให้แก่ 10 องค์กรไทยที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ นำโดย กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ผู้คว้ารางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand  Quality Award) ตามด้วยองค์กรจากหลายภาคส่วน ที่ได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่น (Thailand Quality Class Plus) และรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class)

พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ และนายสุวรรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดี

ทั้งนี้ รมว.พิมพ์ภัทรา ได้กล่าวชื่นชมองค์กรไทยและเผยถึงความสำคัญของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมชูศักยภาพทางการแข่งขันขององค์กรไทยในระดับโลก 

“กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสำเร็จอย่างสมดุลใน 4 มิติ ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน การได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคม การตอบโจทย์กติกาสากลด้านสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้สู่ชุมชน ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมสนับสนุน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยมาตรฐานของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติที่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก จึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันและยกระดับผลิตภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งยังส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรไทย ภารกิจสำคัญนี้ต้องอาศัยการผนึกกำลังกันทุกภาคส่วน เพื่อช่วยยกระดับสังคมไทยให้พร้อมเดินหน้าสู่ความยั่งยืน สามารถต่อสู้กับทุกความท้าทาย กล้าเผชิญความเปลี่ยนแปลง พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน” 

ตามด้วยการกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีพิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ โดย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  

“กระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ สนับสนุนให้มีการจัดพิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประกาศเกียรติคุณให้แก่องค์กรที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ และรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ โดยองค์กรเหล่านี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่องค์กรไทยในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานจัดการองค์กรที่ทั่วโลกยอมรับ  

ปีนี้ นับเป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัล TQA Leadership Excellence Award แก่ผู้บริหารสูงสุด ขององค์กรที่เคยได้รับรางวัล TQA หรือ TQC Plus จำนวน 21 องค์กร เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแก่ผู้บริหารองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันและกระตุ้นให้องค์กรทุกภาคส่วนในประเทศไทย ด้วยการเผยแพร่ความรู้ในฐานะองค์กรต้นแบบที่เป็นเลิศ ส่งผลให้เกิดการขยายองค์ความรู้ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ  

ทั้งยังเป็นที่น่าภูมิใจ ที่องค์กรไทยได้รับรางวัลในระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัล Global Performance Excellence Award (GPEA) ในระดับ World Class ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้นำทางธุรกิจและเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 2 องค์กร ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน (TQA winner 2022) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด (TQA winner 2021)” 

นายสุวรรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงานในครั้งนี้ ร่วมกล่าวถึงเป้าหมายของพิธีมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ เพื่อเชิดชูเกียรติและผลักดันองค์กรไทย ให้มุ่งสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน รวมทั้งมีการประกาศรายชื่อองค์กรที่ได้รับรางวัลโดย นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้มีองค์กรที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) 1 องค์กร รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่น (TQC Plus) 3 องค์กร และรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (TQC) 6 องค์กร รวมทั้งสิ้น 10 องค์กร 

ทหารปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำออกช่วยเหลือชาวบ้านรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง

กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  พ.อ.ชัยวุฒิ   พรมทอง  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 พร้อมด้วยสนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล เทศบาลตำบลคลองขุด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และภาคเอกชน   ร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์ภัยแล้ง ตามนโยบายของกองทัพบก ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ตามโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2567”  

พ.อ.ชัยวุฒิ   พรมทอง  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5  กล่าวว่า   กองทัพบกได้ประสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่มีศักยภาพ   ร่วมแรงร่วมใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ในการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น ใน 7 อำเภอของจังหวัดสตูล  ได้มีความพร้อมในการกระจายกำลังและร่วมสนับสนุนในการช่วยเหลือชาวบ้านทีประสบภัย  สามารถติดต่อหน่วยงานหลักอย่าง ปภ. ท้องถิ่น หรือหน่วยงานใกล้บ้าน  รวมทั้งกำลังทหาร  ที่มีความพร้อมทั้งกำลังพลและรถบรรทุกน้ำ   สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชม.

สำหรับโครงการ “ราษฎร์ รัฐ  ร่วมใจช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2567” มีพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำ พร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่จังหวัดสตูล จะเห็นได้ว่าระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี  จะประสบกับปัญหาภัยแล้งอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะประชาชนที่พักอาศัยในถิ่นทุรกันดาร พี่น้องกลุ่มเกษตรกร มักจะมีปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค การจัดกิจกรรมครั้งนี้ กองทัพบกจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน    รวมระยะเวลากว่า 25 ปี   โดยได้ใช้กำลังพล และทรัพยากรที่มีอยู่ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เสียสละ ทุ่มเท เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของโครงการ คือ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่ง   ในการ บําบัดทุกข์  บํารุงสุข ให้กับประชาชนในพื้นที่

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

'จีน' ประกาศดำเนินนโยบาย 'ฟรีวีซ่า' 6 ประเทศยุโรป  กระตุ้นการฟื้นคืนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศโดยเร็ว

(7 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เข้าร่วมการแถลงข่าวนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน นอกรอบการประชุมครั้งที่ 2 ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 14 ในกรุงปักกิ่งของจีน

โดยสาระสำคัญจากการแถลงนั้น หวังอี้ ได้เปิดเผยว่า จีนจะดำเนินนโยบายฟรีวีซ่า (ระยะทดลอง) กับ สวิตเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, ฮังการี, ออสเตรีย, เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก เริ่มต้นวันที่ 14 มี.ค. นี้

หวังแสดงความหวังว่าประเทศต่างๆ จะอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าแก่พลเมืองจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงทำงานร่วมกับจีนเพื่อสร้างโครงข่ายการเดินทางข้ามพรมแดนที่รวดเร็ว และกระตุ้นการฟื้นคืนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศโดยเร็ว

หวังเสริมว่าการดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่การเดินทางไปยังต่างประเทศของพลเมืองจีน และช่วยให้เพื่อนพ้องชาวต่างชาติในจีนรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านของตัวเอง

สหรัฐฯ ขีดเส้นตาย 6 เดือนให้ ByteDance หากไม่ขายแอปฯ TikTok ทิ้ง เจอแบนแน่

(7 มี.ค.67) ทางการสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ บริษัทเทคฯ จีนอย่าง ByteDance ขายแอปพลิเคชัน TikTok ภายใน 6 เดือนหรือจะพบกับการแบนจากสหรัฐฯ 

สืบเนื่องจากปัจจุบัน ทางการสหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมากจากการที่ข้อมูลผู้ใช้ในแอปพลิเคชันอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ทำให้ทั้งสองพรรคในสภาสหรัฐฯ กำลังกดดันทางกฎหมายอย่างหนัก ทำเอาทาง TikTok ไม่พอใจอย่างมากและกล่าวว่านี่คือการแบนโดยสมบูรณ์ และกล่าวว่าการออกกฎหมายนี้จะเป็นการเหยียบย่ำสิทธิของชาวอเมริกันถึง 170 ล้านคน และทำลายธุรกิจเล็ก ๆ กว่า 5 ล้านแห่งบนแพลตฟอร์ม

ในร่างกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติสหรัฐฯได้กล่าวอ้างว่า TikTok ถูกควบคุมโดยชาติอื่นที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์และสร้างความเสี่ยงอันไม่สามารถยอมรับได้ต่อความมั่นคงของชาติ โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการถอนทุนออกก่อนที่จะถูกบล็อกจาก App Store และแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวจากทางสภาของสหรัฐฯ รวมถึงเคยมีความพยายามที่จะแบบอย่างสมบูรณ์ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

2 เดือนแรกปี 67 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 6.7 ล้านคน อานิสงส์ ‘ฟรีวีซ่า-เพิ่มเที่ยวบิน’ โกยรายได้ 3.2 แสนล้านบาท

เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด พบขณะนี้ตั้งแต่วันที่ วันที่ 1 มกราคม - 3 มีนาคม 2567 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย ทั้งสิ้น 6,730,914 คน สร้างรายได้ 326,034 ล้านบาท

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

-จีน 1,238,353 คน
-มาเลเซีย 889,948 คน
-รัสเซีย 444,837 คน
-เกาหลีใต้ 430,701 คน
-อินเดีย 327,768 คน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ล่าสุด (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2567) พบว่า ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 749,680 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 14,175 คน หรือ 1.86 % คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 107,098 คน

โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซีย แซงนักท่องเที่ยวจีน ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ซึ่งเป็นผลมาจากการการปิดภาคเรียนภายในประเทศ และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ โดยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 11,897 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาด 5 อันดับแรกที่เที่ยวไทยมากที่สุด พบว่านักท่องเที่ยวมาเลเซีย 130,120 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 10.06 % นักท่องเที่ยวจีน 124,037 คน นักท่องเที่ยวรัสเซีย 47,831 คน นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 42,956 คน และนักท่องเที่ยวอินเดีย 34,639 คน โดยนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ รัสเซีย จีน และอินเดีย ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

‘iQAir’ ชี้!! ‘เชียงใหม่’ มี ‘มลพิษ’ มากที่สุด ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากโกลกาตา-เดลี

(7 มี.ค. 67) ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2567 ณ 07:00 น. สรุปดังนี้

ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์

จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.อุดรธานี จ.นครพนม จ.หนองบัวลำภู จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด จ.อำนาจเจริญ จ.ชัยภูมิ จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.นครราชสีมา และ จ. สุรินทร์

> ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 43.9 - 196.1 มคก./ลบ.ม.

> ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 37.2 - 136.0 มคก./ลบ.ม.

> ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 23.2 - 46.4 มคก./ลบ.ม.

> ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 15.7 - 31.5 มคก./ลบ.ม.

> ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 15.8 - 33.0 มคก./ลบ.ม.

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ​ ​กทม. ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 16.2 – 33.4 มคก./ลบ.ม.

ด้าน เว็บไซต์ iQAir จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด พบว่า จ.เชียงใหม่ มีมลพิษมากที่สุด เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากโกลกาตา และ เดลี ประเทศอินเดีย

ขณะที่ เว็บไซต์ของ NASA Firms ที่อัปเดตจุด hotspot ที่เผยจุดความร้อน การเผาป่า ไฟป่า ต้นเหตุควัน และฝุ่น PM 2.5 เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2567 พบว่าในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ พบจุดความร้อน เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ ฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงมากในพื้นที่

สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและเครือข่าย ต้อนรับมกุฎราชกุมารมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานตกลงความร่วมมือ MOU สื่อไทย สื่อมาเลย์

วันนี้ 7 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้องธามาริน โรงแรมญันนันตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตวนกูไซยิดไฟซุดดิน ไซยิดจามาลุลไลล์  (Tuanku syed Faizuddin Syed Jamalullail Raja Muda Perlis) มกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ทรงเป็นประธานงานกาลาดินเนอร์  ทรงร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือ MOU สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กับ สมาคมนักข่าว 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย ด้านการท่องเที่ยว สังคม วิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัด นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ผู้บริหารระดับสูง ภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชนจากมาเลเซีย สื่อไทย แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม 

พิธีการเริ่มต้น ทุกคนยืนขึ้นคารพเพลงชาติมาเลเซีย บนเวที นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ นายกสมาคมนักข่าวรัฐเปอร์ลิส  โดยมรมกุฎราชกุมารมีพระราชดำรัส ถึงความร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย จานั้นมีการนำเสนอผ่านวิดีโอถึงภารกิจต่างๆ ของมกุฎราชกุมาร เสด็จลงมายังพื้นล่างและบันทึกภาพร่วมกันทุกคน
มีการแสดงวัฒนธรรมทั้งสองฝ่าย โดยประเทศไทย แสดงรำโนรา การแสดงศิลปะมวยไทย ประเทศมาเลเซีย การแสดงดนตรีพื้นบ้านจากรัฐซาบาห์ สะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายของมาเลเซีย โต๊ะร่วมเสวยพระกระยาหาร ประกอบด้วย มกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิส นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ โมฮัมหมัดสุกรี รอมลี มุขมนตรีรัฐเปอร์ลิส และนายกสมาคมท่องเที่ยวมาเลเซีย ร่วมสนทนาถึงความร่วมมือของจังหวัดสงขลากับรัฐเปอร์ลิส 

ตูแวตานียา มือนิงิง ประธานอนุกรรมการฝ่ายต่างประเทศ สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ ในฐานะล่าม ได้สรุปถึงการสนทนาว่า ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกระหว่างจังหวัดสงขลากับรัฐเปอร์ลิศ จะดำเนินการใน 3 เรื่อง ประการแรกจะมีการขยายเวลาเปิดด่านจนถึง 20.00 น.

ประการที่ 2  จะมีการขยายพื้นที่เป็นฟรีโซน (Free Zone) ด้านธุรกิจให้มากขึ้นเหมือนกับด่านวังประจันน์ จ.สตูล และสุดท้ายคือการใหนังสือผ่านแดนเดินทาง จะเป็นกลุ่มหรือคณะ โดยการอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น

บรรยากาศภายในงาน เป็นไปด้วยความเรียบง่าย มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย จนเมื่อถึงเวลาพอสมควร มกุฎราชกุมาร ได้เสด็จกลับ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ ได้ส่งเสด็จและมอบส้มโอควนลัง และ ผ้าทอเกาะยอ ให้เป็นที่ระลึก

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

หนีไม่รอด! ผู้สั่งการขนคนต่างด้าวรายใหญ่โร่มอบตัว ตม.3 หลังถูกกดดันหนักจนหนีไปนอนป่า

วันนี้ (7 มี.ค.67) เวลา 10.00 น.ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผdก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์  ผกก.1 บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

กก.สส.บก.ตม.3 จับกุมนายเจด (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 115-116/2567 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตให้รอดพ้นจากการจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ตม.จว.สมุทรปราการ และ กก.สส.บก.ตม.3  ได้ร่วมกันจับกุมคนไทย 3 คน ในข้อหา “ช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม ขณะกำลังลักลอบพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวม 10 คน มาส่งที่บ่อปลาแห่งหนึ่งในเขต จว.สมุทรปราการ นำส่งพนักงานสอบสวนของ กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สมุทรปราการ และ กก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนขยายผล จนพบความเชื่อมโยงว่า นายเจด (นามสมมุติ) เป็นผู้สั่งการในการลักลอบขนคนทั้งสองคดีก่อนหน้านี้ และในระหว่างช่วงต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน บัญชีธนาคารของนายเจดมีเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท โดยมีการทำธุรกรรมพัวพันกับผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้าถึงกว่า 1 พันครั้ง พนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 จึงขออนุมัติหมายจับ จำนวน 2 หมาย ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลได้อนุมัติตามคำขอ ในระหว่างติดตามจับกุมตัว ยังได้ปรากฏอีกว่า เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 18.20 น. ตม.จว.ฉะเชิงเทรา ได้พบเหตุลักลอบขนคนกัมพูชาในพื้นที่ โดยได้ควบคุมตัวคนต่างด้าวไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางกว่า 20 คน แต่ผู้ขับรถที่มาขนคนได้หลบหนีไปก่อน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า นายเจด คือ ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงระดมกำลังติดตามจับกุมตัว นายเจด มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง 

ต่อมานายเจดได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 โดยนายเจดรับรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายจริง และที่มามอบตัว ก็เพราะ รู้สึกกดดันที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตัวอย่างหนัก จนตัวเองต้องหนีไปนอนในป่าหลายวัน และสุดท้ายคงหนีไม่รอด จึงขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จากการขยายผลเพิ่มเติม พบว่านายเจดนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในคดีอื่นอีก ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘อินเดีย’ รวบ!! ‘7 เดนนรก’ ได้แล้ว หลังก่อเหตุทำร้าย-ขืนใจ ด้าน ‘คู่รักชาวสเปน’ เอ่ยขอบคุณ เชื่อ!! ทุกประเทศมีทั้งคนดี-ไม่ดี

(7 มี.ค.67) จากเรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์อย่างกระหน่ำ 2 คู่รักสัญชาติสเปน นักเดินทางที่ไปมาแล้วกว่า 60 ประเทศ ฝ่ายชายนามว่า วินเซนเต้ และฝ่ายหญิงนามว่า เฟอนานด้า เจ้าของช่องท่องเที่ยว Vueta Al Mundo En ขณะที่เขาทั้ง 2 แวะพักริมทาง ได้ถูกกลุ่มชายชาวอินเดีย 7 คน เข้ามาทำร้ายฝ่ายชาย และรุมกระทำชำเราฝ่ายหญิง ซึ่งตำรวจจับกุมแล้ว 3 ราย

ล่าสุด ทางการอินเดียออกมาเผยว่า สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ครบแล้ว โดย อันจาเนยูลู ด็อดเด รองผู้กำกับการตำรวจเขตดุมกะ (Dumka) ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยอีก 4 คนถูกควบคุมตัวแล้ว และทั้งหมดถูกนำตัวขึ้นศาลเป็นเรียบร้อย

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังขอบคุณผู้ติดตามที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุน พร้อมระบุว่า ทุกประเทศก็มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top