30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ‘สเปน’ ผ่านร่างกฎหมายอนุญาต ‘สมรสเพศเดียวกัน’ กลายเป็นประเทศที่ 3 ของโลก หลังเนเธอร์แลนด์-เบลเยียม

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน นำโดยนายกรัฐมนตรี นายโฆเซ ลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ได้เริ่มการรณรงค์การรับรองสิทธิในการ ‘สมรสเพศเดียวกัน’ รวมถึงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมโดยคู่ครองเพศเดียวกัน ภายหลังจากการอภิปรายอย่างกว้างขวาง รัฐสภาสเปนได้ผ่านร่างกฎหมายอนุญาตการสมรสเพศเดียวกันเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และประกาศลงในรัฐกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 และมีผลใช้บังคับในวันถัดไป ทำให้สเปนกลายเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่การสมรสเพศเดียวกันชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม และก่อนหน้าประเทศแคนาดา 17 วัน

ทั้งนี้ แม้ว่าการรับรองกฎหมายฉบับนี้จะได้รับความสนับสนุนจากประชาชนกว่า 66% ก็ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะปราศจากความขัดแย้งแต่อย่างใด บุคคลผู้มีตำแหน่งในศาสนจักรโรมันคาทอลิกได้คัดค้านอย่างแข็งขัน โดยวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำให้ความหมายของการสมรสนั้นเสื่อมลง ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ก็ได้แสดงความห่วงใยต่อประเด็นเรื่องการรับบุตรบุญธรรมของคู่ครองเพศเดียวกัน การออกมาชุมนุมเพื่อสนับสนุนและคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ ได้มีผู้เข้าร่วมเป็นหลักพันจากทั่วประเทศสเปน และภายหลังจากที่ได้มีการรับรองสิทธิดังกล่าวแล้ว ‘พรรคประชาชน’ ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมฝ่ายขวาของประเทศ ได้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญสเปนเพื่อวินิจฉัย

โดยในปีแรกของการประกาศใช้กฎหมาย คู่ครองเพศเดียวกันกว่า 4,500 คน ได้ทำการสมรสในประเทศสเปน ไม่นานหลังจากการใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว ประเด็นสถานะของการสมรสกับบุคคลต่างชาติ ซึ่งประเทศเจ้าของสัญชาติยังไม่รับรองการสมรสเพศเดียวกันก็ได้เป็นที่กล่าวถึง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวว่า กฎหมายรับรองการสมรสเพศเดียวกันของสเปนอนุญาตให้ชาวสเปนสามารถสมรสกับบุคคลต่างชาติ แม้ว่าประเทศเจ้าของสัญชาติจะไม่รับรองความเป็นคู่ครองทางกฎหมายก็ตาม อย่างไรก็ตาม คู่ครองหนึ่งคนนั้นจะต้องมีสัญชาติสเปนจึงจะสามารถสมรสได้ แต่บุคคลต่างชาติสองคนอาจสมรสกันได้หากทั้งคู่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสเปนโดยชอบด้วยกฎหมาย

ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 พรรคประชาชนได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย นายมาเรียโน ราฆอย หัวหน้าพรรคดังกล่าวได้คัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน แต่การตัดสินใจว่าจะยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าวหรือไม่นั้นจะกระทำขึ้นได้ภายหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสเปน และเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ศาลรัฐธรรมนูญสเปนได้รับรองกฎหมายฉบับดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 3 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอัลเบร์โต รุยซ์-กัลยาร์ดอนได้ประกาศว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยและจะไม่ยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าว


ที่มา : Wikipedia