Friday, 29 March 2024
ไบเดน

ทหารสหรัฐฯ บุกจู่โจม ‘ผู้นำไอเอส’ ในซีเรีย ด้านผู้นำจนมุม บึ้มตัวเอง ลากเด็กตายเพียบ

อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ซึ่งขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ‘ไอเอส’ ได้เสียชีวิต หลังจากที่เขาตัดสินใจจุดชนวนระเบิดตัวเองและสมาชิกในครอบครัว ระหว่างทหารสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการจู่โจมในซีเรีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ซึ่งก่อความเสียหายครั้งใหญ่ต่อกลุ่มญิฮาดกลุ่มนี้ที่กำลังพยายามรวมกลุ่มใหม่ในฐานะกองโจร หลังจากสูญเสียดินแดนยึดครองอันกว้างขวางไปเกือบหมดแล้ว

อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ซึ่งขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ‘ไอเอส’ ตั้งแต่การเสียชีวิตของอาบู บักร์ อัล-บักดาดี ในปี 2019 โดย อัล-บักดาดี เองก็เสียชีวิตด้วยการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายเช่นกัน ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมจากหน่วยคอมมานโดของสหรัฐฯ

ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าในระหว่างที่กองกำลังของอเมริกาเข้าใกล้ กูราจี ในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อคืนวันพุธ (2 ก.พ.) เขาจุดชนวนระเบิด ซึ่งคร่าชีวิตสมาชิกในครอบครัวของเขาเช่นกัน ในนั้นรวมถึงเด็กหลายคน

แรงระเบิดรุนแรงมากถึงขั้นซัดศพหลายศพปลิวออกจากอาคาร 3 ชั้น ซึ่งเป็นแหล่งหลบซ่อนของ กูราจี และตกลงสู่ถนนที่อยู่โดยรอบ ในเมืองอัตเมห์ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พร้อมกล่าวโทษพวกรัฐอิสลามสำหรับชีวิตพลเรือนทุกคนที่ต้องมาสูญเสียไปในเหตุการณ์นี้

"ขอบคุณความกล้าหาญของทหารของเรา ไม่มีอีกแล้วผู้นำก่อการร้ายที่น่าขยะแขยง" ไบเดนกล่าวในทำเนียบขาว

ทั้ง ไบเดน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ให้ตัวเลขของผู้เสียชีวิต แต่หน่วยกู้ภัยของซีเรียระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย ในนั้นเป็นผู้หญิง 4 คน และเด็ก 6 คน

การเสียชีวิตของกูราจี ถือเป็นความเสียหายอีกครั้งของกลุ่มรัฐอิสลาม เกือบ 3 ปีหลังจากคำประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบของพวกเขาพังครืนลง ในขณะที่นักรบของพวกเขาประสบความปราชัยต่อกองกำลังสหรัฐฯ และอิรัก

นับตั้งแต่นั้นกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ก็หันมาโจมตีก่อความไม่สงบในอิรักและซีเรีย หนล่าสุดเร็วๆ นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว โดยกลุ่มมือปืนบุกจู่โจมเรือนจำแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งใช้เป็นสถานที่คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยไอเอส

ไบเดนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า กูราจี วัย 45 ปี คือกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยยาซิดี ทางภาคเหนือของอิรักในปี 2014 และบอกว่าเขาเคยดูแลเครือข่ายของรัฐอิสลามสาขาต่างๆ ไล่ตั้งแต่แอฟริกาไปจนถึงอัฟกานิสถาน

"ปฏิบัติการเมื่อคืนที่ผ่านมา สามารถพรากผู้นำก่อการร้ายคนสำคัญออกจากสมรภูมิรบ และส่งสารอย่างแข็งกร้าวถึงพวกก่อการร้ายทั่วโลก เราจะไล่ล่าพวกแกและหาพวกแกพบ" ไบเดน กล่าว 

ทั้งนี้ ปฏิบัติการสังหาร กูราจี ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลไบเดนคืนมาได้บางส่วน หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องจากปฏิบัติการอพยพกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

ชาวบ้านในเมืองอัตเมห์ ใกล้แนวชายแดนซีเรีย-ตุรกี เผยว่า พบเห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำลงจอด และได้ยินเสียงปืนและระเบิดดังระงม ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมที่เริ่มต้นขึ้นตอนราวๆ เที่ยงคืน กองกำลังสหรัฐฯ ได้ใช้ลำโพงประกาศเตือนผู้หญิงและเด็กให้ออกนอกพื้นที่

เพนตากอนเผยว่า มีชาวบ้าน 10 คนได้รับการอพยพออกจากพื้นที่จู่โจม ในนั้นรวมถึงเด็ก ขณะที่ พล.อ.แฟรงค์ แม็คเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่าทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยและปล่อยไว้ ณ จุดเกิดเหตุ ตอนที่กองกำลังสหรัฐฯ ถอนตัวออกมา

'ไบเดน' โทษ 'ปูติน' ทำให้ปชช.อเมริกันกระเป๋าฉีก น้ำมัน-อาหาร-ของใช้ ราคาแพง เงินเฟ้อสูงในรอบ 40 ปี

ประชาชนชาวอเมริกาต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น สำหรับซื้อเบนซิน อาหารและข้าวของจำเป็นอื่นๆ ในเดือนที่แล้ว ท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันอังคาร (12 เม.ย.) ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวโทษต้นตอไปที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.1981 เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้อีกด้านหนึ่งพวกเขากำลังหาทางลงโทษรัสเซียเพิ่มเติม ต่อกรณีที่เปิดปฏิบัติการทหารรุกรานยูเครน

อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นฉุดรั้งคะแนนนิยมของไบเดนให้ลดต่ำลง และประธานาธิบดีรายนี้พยายามกล่าวโทษไปที่ประธานาธิบดีวลาดิมร์ ปูติน และการรุกรานที่ก่อความปั่นป่วนแก่ตลาดพลังงานโลก

"ราคาที่เพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 70% มาจากการขึ้นราคาเบนซินของปูติน" ไบเดนกล่าวอ้างระหว่างปราศรัยในไอโอวา แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่ามันคิดเป็นสัดส่วนราวๆ เกือบครึ่งหนึ่งเท่านั้น

ราคาต่างๆ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และในขณะที่รายงานล่าสุดเผยให้เห็นว่าแม้ราคาจะแตะระดับสูงสุดในหลายรายการ แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามันอาจกำลังเข้าสู่ระดับคงที่

ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. เป็นไปตามที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้แต่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหลัก ซึ่งไม่รับรวมภาคอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% น้อยกว่าที่คาดหมายไว้

'ไบเดน' เดินยุทธศาสตร์ 'ศาลโลกล้อมรัสเซีย' กล่าวหา 'ปูติน' ด้วยข้อหา 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์'

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวออกสื่อเป็นครั้งแรกว่า การใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นความผิดร้ายแรงถึงระดับ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"

โดยไบเดนให้สัมภาษณ์ว่า "ใช่ครับ! ผมเรียกมันว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะสิ่งที่ปูตินทำลงไป มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาพยายามลบล้างความเป็นชาวยูเครน และมีหลักฐานเยอะมาก"

ไบเดนยังกล่าวอีกว่า "พวกเราได้ให้ทีมกฎหมายดำเนินการแล้วว่าสิ่งที่รัสเซียทำเข้าข่ายหรือไม่ แต่ในความเห็นของผม ผมแน่ใจว่ามันเป็นเช่นนั้น"

ก่อนหน้านี้ ไบเดนใช้คำว่า "อาชญากรสงคราม" เมื่อเอ่ยถึงปูติน กับปฏิบัติการทางทหารในยูเครนบ่อยครั้ง แต่มาครั้งนี้ ที่ไบเดนเปลี่ยนมาใช้คำว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ที่ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุด

ซึ่งข้อหา "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนเคยใช้มาก่อน หลังจากที่เข้าไปสำรวจความเสียหายในเมืองบูชา (Bucha) หลังทหารรัสเซียถอนกำลังออกไป และพบผู้เสียชีวิตจำนวนมากภายในเมือง โจ ไบเดน จึงให้ผู้นำยูเครนรวบรวมหลักฐานมาประกอบสำนวนในการฟ้องร้องปูตินที่ศาลโลก

ถึงแม้โจ ไบเดน ได้ออกมาเปิดหน้าแล้วว่าจะผลักดันให้มีการดำเนินคดีปูตินถึงข้อหาสูงสุด แต่ด้านวลาดิมีร์ ปูติน ก็ได้แถลงออกสื่อครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์เช่นกันว่า รัสเซียจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อไปอย่างเป็นจังหวะ และใจเย็น และเชื่อมั่นว่ากองทัพรัสเซียจะสามารถบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ข้อหาเรื่อง "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ก็ยังมีข้อถกเถียงอย่างมากในเรื่องการตีความ ซึ่งนิยามของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มีระบุในที่ประชุมเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขององค์การสหประชาชาติเมื่อเดือน ธันวาคม 1948 ไว้ว่าเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายล้างกลุ่มชนชาติ ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือศาสนา ให้สูญสิ้นไปทั้งหมด

บทละครที่ถูกจับทาง 'เสธ.นิด' มอง!! 'สงครามรัสเซีย-ยูเครน' ใต้เงา 'สหรัฐ-นาโต' ในวันที่ 'ปูติน' ไม่โดดเดี่ยวอย่างที่ 'ไบเดน' คาดหวังไว้ .

พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ 'เสธ.นิด' อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Vachara Riddhagni' เผยถึงสงครามการเมืองการทูตรัสเซีย/ยูเครน 2022 ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า...

รัสเซียโดยประธานาธิบดีปูตินไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่ประธานาธิบดีไบเดนคาดการณ์ไว้ “เพราะคิดว่าเงาปีศาจสตาลินจะมาหลอกหลอน” คนทั้งโลกได้

แต่ขณะนี้ หลังจากรัสเซียประกาศขับไล่นักการทูตสหภาพยุโรปออกจากกรุงมอสโก เพื่อเป็นการตอบโต้ที่หลายประเทศในสหภาพยุโรปขับไล่นักการทูตรัสเซีย 

ผลตามมา คือ การเจรจาเพื่อยุติสงครามในขณะนี้เป็นไปยากขึ้นและในขณะที่รัสเซียกำลังได้เปรียบในสงครามนี้ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย “เริ่มมีความได้เปรียบมากขึ้น” เพราะว่า...

1. สังคมโลกเริ่มมองย้อนหลังและสามารถเปรียบเทียบ “พฤติกรรมสงครามของสหรัฐฯ, อังกฤษ, นาโต” ในยุคสงครามก่อการร้ายโลกกับพฤติกรรมสงครามของรัสเซีย ว่า มีข้อแตกต่างกันมาก!!

ตั้งแต่ครั้งรัสเซียโดยประธานาธิบดีเบรสเนฟแห่งสหภาพโซเวียตบุกอัฟกานิสถาน เพราะมีปัญหาวุ่นวายการเมืองภายในอัฟกานิสถานเองและโซเวียตที่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอัฟกานิสถาน เห็นโอกาสอันดีที่จะเข้าครองอิทธิพลในเอเชียกลาง จึงส่งกองทัพเข้ายึด

สหรัฐฯ ได้โอกาสที่จะทำลายศรัทธาโซเวียตและพรรคคอมมิวนิสต์อัฟกานิสถาน จึงสนับสนุน มูจาฮิดีน ต่อสู้แบบกองโจรต่อเนื่อง จนในที่สุดโซเวียตเห็นว่า “สิ้นเปลืองไม่คุ้มค่าทางการเมืองและไม่มีผลประโยชน์อะไรจึงถอนทัพ” 

การแทรกแซงของต่างชาติในอัฟกานิสถานทำให้เกิด “แนวคิดต้นตำรับอิสลามเรียกว่า Taliban แปลว่า The Students ซึ่งยึดมั่นในวิถีอิสลามแบบเก่าอย่างเคร่งครัดและสนับสนุน Jihad สงครามศักดิ์สิทธิ์แบบอิสลามและได้ให้ที่พักพิง “อุซามะฮ์ บินลาดิน” ที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นตัวการก่อการวินาศกรรมด้วยการจี้เครื่องบินโดยสารสหรัฐฯ 3 ลำและใช้เครื่องบินเหล่าบินชนตึก WT 1, 2 และเพนตากอน

ด้วยเหตุที่รัฐบาลตอลิบานไม่ส่งตัว อุซามะฮ์ บินลาดิน...สหรัฐฯ จึงถล่มกรุงคาบูลอย่างหนักแบบราบเป็นหน้ากลอง แล้วสร้างให้ใหม่

พร้อมทั้งทำสงครามกองโจรก่อการร้ายกับตอลิบานและดึงเอากองทัพนาโต้เข้าร่วมรบด้วย

แต่ไม่นานกองทัพนาโตถอนตัวเหลือสหรัฐฯ โดดเดี่ยวและไม่สามารถกำจัดกองทัพตอลิบานได้อย่างเด็ดขาด สิ้นเปลืองงบประมาณมากมายมหาศาล จึงถอนทัพในที่สุดเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว (2564)

2. สงครามอ่าวครั้ง 1 และ 2 สหรัฐฯ โจมตีกรุงแบกแดดอย่างหนักจนราบเป็นหน้ากลองและสหรัฐฯ เข้ายึดครองประเทศและบ่อน้ำมันทั้งหมด งานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ประเทศเป็นของนายทุนสหรัฐฯ และสหรัฐฯ สร้างบริษัทหรือกองทัพทหารรับจ้าง Black Water เข้ารับงาน รปภ.บริษัทอเมริกันทั้งหมดในอิรัก

3. ช่วงการต่อต้านเปลี่ยนรัฐบาลในตะวันออกกลาง Arab Springs ซึ่งหลายประเทศมีลักษณะเป็น “เผด็จการ” ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนั้น NGO ตะวันตกถือโอกาสแทรกแซง ปราบปรามผู้นำที่สหรัฐฯ ควบคุมไม่ได้และจะเป็นภัยกับอิสราเอล ซึ่งมีความผูกพันกับนักการเมืองยิวที่มีอิทธิพลมากๆ ในพรรคการเมือง

และรัฐบาลสหรัฐฯ จะแสวงหาคนที่ “ตะวันตก” ควบคุมได้ง่ายกว่าผู้นำก่อนหน้านี้ เป็นรัฐบาลผนวกกับป้องกันอิสลามหัวรุนแรงไม่ให้เข้าไปมีอำนาจปกครองประเทศซึ่งจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้

4. ทุกครั้งที่กลุ่มแสวงผลประโยชน์ชาติตะวันตกเกิดขึ้น ก็เกิดกลุ่มต่อต้านที่เป็นมุสลิม และกลุ่มใหม่ คือ กลุ่ม ISIS ที่พัฒนาจากกลุ่มต่อต้านสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ ใช้ในการโค่นล้มประธานาธิบดี อัล อัสซัด แห่งซีเรีย แต่ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็นสงครามการเมืองและรัสเซียเข้าช่วยประธานาธิบดีอัล อัสซัด ต่อสู้กับ ISIS ซึ่งเชื่อกันว่า สหรัฐฯ จัดตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อทำลายความแข็งแกร่งของชาติตะวันออกกลางที่สหรัฐฯ ควบคุมไม่ได้

5. สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่ตั้ง ISIS เพื่อเล่นละครหลอกสังคมโลก จนบ้านเมืองพินาศไม่เหลือซากเพื่อต้องการเพียงสังหารผู้นำ ISIS ซึ่งต่อมาเรียก สั้นๆ ว่า IS 

สหรัฐฯ จะใช้ยุทธวิธีเด็ดหัว Decapitation ด้วยเครื่องโจมตีทิ้งระเบิด

6. หากเปรียบเทียบตั้งแต่สหภาพโซเวียตล้มสลายลงนั้น “รัสเซียจำเป็นต้องรักษาอำนาจอิทธิพลของรัสเซียไว้ให้ได้”

จึงมีการรบปราบปรามการก่อการร้ายในจอร์เจียและเชชเนียที่ต้องการออกจากอิทธิพลของรัสเซีย

การทำลายที่มั่นกองกำลังก่อการร้าย ก็เพราะหากหลุดมือไปสหรัฐฯ จะเข้ามาครอบงำกลุ่มประเทศเหล่านี้ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซียโดยตรง

แต่การโจมตีของกองทัพรัสเซียแตกต่างจากการทิ้งระเบิดถล่มของสหรัฐฯ เพราะรัสเซียใช้กองกำลังรถถังมากกว่า ผลการโจมตีทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ น่าจะเป็นแบบอย่างให้อิสราเอลโจมตีที่มั่นกลุ่ม Hamas ในปาเลสไตน์

ส.ส.สหรัฐฯ เสนอให้อำนาจเด็ดขาด 'ไบเดน' ส่งทหารมะกันร่วมรบ ไม่ต้องสนนานาชาติ

อดัม คินซินเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (1 ..) ว่า จะหาทางยื่นญัตติเรื่องการให้อำนาจการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวแก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการอนุมัติใช้กำลังทหารหากรัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ

คินซินเกอร์ พยายามมาตลอดสำหรับผลักดันให้สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น และก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่ามันอาจนำมาซึ่ง "สงครามโลกครั้งที่ 3"

ข้อเสนอของ คินซินเกอร์ จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับใช้กองทัพอเมริกาเข้าช่วยเหลือปกป้องและกอบกู้บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ตอบโต้กรณีที่รัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ บนแผ่นดินของยูเครน

ญัตตินี้จะให้อำนาจเด็ดขาดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการลงความเห็นว่าการรุกรานลักษณะดังกล่าวของรัสเซียเกิดขึ้นจริงแล้วหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ แต่สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย ระบุว่ามันอาจก่อแรงจูงใจให้กองกำลังยูเครนจัดฉากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ ในความหวังว่าจะลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้ง

รายงานข่าวระบุว่า ญัตตินี้จะทำงานเหมือนกับกฎหมาย "การอนุญาตให้ใช้กำลังทหาร หรือ AUMF" ยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ต่ออายุการใช้ทุกปีมาตั้งแต่ปี 2001 โดยการอนุญาตนี้เคยมอบไฟเขียวทางกฎหมายให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติโจมตีมาแล้วหลายสิบประเทศ โดยไม่ต้องประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ในนั้นรวมถึงอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย โซมาเลีย และเยเมน

"อย่างที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ เคยพูดว่า ปูตินต้องหยุด" ถ้อยแถลงจากสำนักงานของคินซินเกอร์ระบุ "ดังนั้น ผู้บัญชาการโดยตำแหน่งของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของโลกควรมีอำนาจและหนทางที่จะดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นตามนั้น"

คินซินเกอร์ สมาชิกรีพับลิกันที่มีความเห็นสอดคล้องกับเดโมแครตในประเด็นต่างๆ เกือบทั้งหมด เคยเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้สหรัฐฯ เข้าร่วมกับความขัดแย้งนี้ โดยไม่กี่วันหลังจากกองกำลังรัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาเรียกร้องให้นาโต้บังคับใช้เขตห้ามบินเหนือประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวที่จะเห็นพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ทำหน้าที่สอยเครื่องบินรบรัสเซียและโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย

แม้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องบังคับใช้เขตห้ามบินเช่นกัน แต่ทาง ไบเดน ปฏิเสธ โดยบอกว่ามันจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซีย นอกจากนี้ คินซินเกอร์ ยังกดดันรัฐบาลไบเดน ให้เป็นผู้ส่งมอบเครื่องบินรบที่บริจาคโดยโปแลนด์แก่ยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยอ้างถึงความเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัสเซีย

การตลาดแบบ 'คนธรรมดา' กระแสไวรัลที่มาได้จังหวะเวลา เมื่อคนเบื่อกับโฆษณา ที่จริตเยอะเกินจริง | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.51

✨ การตลาดแบบ 'คนธรรมดา' กระแสไวรัลที่มาได้จังหวะเวลา เมื่อคนเบื่อกับโฆษณา ที่จริตเยอะเกินจริง

✨ ‘ไบเดน’ แอนด์ ‘คณะฯ’ โดนฟ้อง!! ข้อหาสมคบคิดบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ เซ็นเซอร์ ‘ข่าวฉาว - ความเห็นต่าง’

✨ ‘ตอลิบาน’ ผิดสัญญา!! บังคับ ‘ผู้หญิง’ คลุม ‘บูร์กา’ และห้ามเรียนหนังสือ-ทำงาน

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

คาดการณ์!! ไบเดนเตรียมเยือนซาอุฯ ง้อเจ้าชายฯ หลังราคาพลังงานในสหรัฐฯ พุ่งสูงฉุดไม่อยู่

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียในเร็วๆ นี้ และน่าจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกกับ เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัลซาอุด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ผู้ที่เขาเคยตราหน้าว่าเป็นฆาตกรด้วย

แหล่งข่าวเผยว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาเรื่องการเยือนซาอุดีอาระเบียของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งจะรวมถึงการประชุมกับผู้นำกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ จีซีซี (GCC) 6 ประเทศ ประกอบด้วยบาห์เรน, คูเวต, โอมาน, กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้นำอียิปต์, อิรัก และจอร์แดน 

โดยเรื่องนี้มีมูลขึ้นมา ในช่วงที่ผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เรื่องน้ำมันและความมั่นคงบีบให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องทบทวนนโยบายรักษาระยะห่างกับซาอุดีอาระเบียที่ไบเดนได้หาเสียงไว้ระหว่างลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 

แต่แน่นอนว่า งานนี้อาจทำให้ไบเดนวัย 79 ปี ดูต่ำต้อยในสายตาสาธารณะ เพราะน่าจะต้องพบกับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียพระชนมายุ 36 พรรษา ผู้ปกครองประเทศโดยพฤตินัย ที่ไบเดนเคยประณามจากกรณีผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียถูกฆ่าหั่นศพในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของตุรกีเมื่อปี 2561

'ไบเดน' จวก บ.พลังงาน โกยเงินบนความทุกข์ เจอสวนกลับ!! น้ำมันแพง เพราะนโยบายรัฐ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โวยวายใส่เอ็กซอน ยักษ์ใหญ่พลังงานสัญชาติอเมริกันเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.) กล่าวหาบริษัทแห่งนี้ "กำลังโกยเงินมากกว่าพระเจ้า" ในขณะที่ประชาชนชาวสหรัฐฯ กำลังเผชิญความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตาม ทางเอ็กซอน ออกมาตอบโต้ว่าพวกเขาได้ยกระดับกำลังผลิตแล้ว ในขณะที่พวกฝ่ายอนุรักษ์นิยมกล่าวโทษราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ว่า มีต้นตอจากนโยบายต่างๆ ของไบเดนเอง

ระหว่างแถลงข่าวที่ท่าเรือในลอสแองเจลิส ไบเดนหยิบยกแพะรับบาปต่างๆ กล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ และเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ในนั้นรวมถึงภาคอุตสาหกรรมขนส่ง และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เช่นเดียวกับปัญหาติดขัดในห่วงโซอุปทาน

ในเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ไบเดนล็อกเป้าไปที่เอ็กซอน บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ สำหรับการซื้อหุุ้นคืน (stock buyback) แทนที่จะนำสภาพคล่องที่เหลือจากการดำเนินงานเหล่านั้นไปลงทุนขยายกิจกรรมการขุดเจาะ

"เอ็กซอนทำเงินมากกว่าพระเจ้าเสียอีกในปีนี้" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว "สิ่งแรกที่ผมอยากพูดก็คือ พวกบริษัทน้ำมันไม่ได้ขุดเจาะเพราะพวกเขาจะทำเงินมากขึ้น หากไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มเติม"

ไบเดน กล่าวต่อว่า "อย่างที่ 2 คือ เหตุผลที่พวกเขาไม่ขุดเจาะก็คือ พวกเขากำลังซื้อหุ้นของตัวเองคืน ซึ่งบอกตรงๆ มันควรเสียภาษี" เขาระบุ "เอ็กซอนควรเริ่มลงทุนและเริ่มจ่ายภาษีของคุณ ขอบคุณ"

อย่างไรก็ตาม โฆษกของเอ็กซอน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์บส์ ว่า ที่จริงแล้วทางบริษัทได้ยกระดับการขุดเจาะในแหล่งหินน้ำมัน Permian Basin ใต้รัฐเทกซัส 70% ระหว่างปี 2019 ถึง 2021 และเพิ่มศักยภาพการกลั่นในภูมิภาคแถบนี้มากกว่า 50% ในปี 2022 เมื่อเทียบกับปี 2021"

นอกจากนี้ ทางโฆษกของเอ็กซอน ให้ข้อมูลว่าทางบริษัทขาดทุนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 และเสียภาษีในปี 2021 ถึง 40,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ราว 17,800 ล้านดอลลาร์

ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และความกังวลทางเศรษฐกิจ คือ 3 ลำดับแรกในประเด็นที่ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุด และในผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยเอบีซีนิวส์เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีชาวอเมริกันชนมากถึง 71% ที่ไม่พอใจ ไบเดน ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ และอีก 72% ไม่พอใจประธานาธิบดีรายนี้ในความพยายามฉุดราคาเชื้อเพลิงให้ลดต่ำลง

มะกันกระอัก!! 'เบนซิน' แพงพุ่งเป็นประวัติการณ์ ราคาหน้าปั๊มอยู่ที่ 5 ดอลฯ ต่อแกลอน

ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินพรีเมียมหน้าปั๊มพุ่งทะลุ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ จากการเปิดเผยของสมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA) เมื่อวันเสาร์ (11 มิ.ย.)

ราคาระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มีขึ้นท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานต่อเนื่องนานหลายเดือน และเป็นตัวแทนข่าวร้ายล่าสุดสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 5 เดือน ก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมอันสำคัญ

เมื่อ 1 ปีก่อน ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ อยู่ที่แค่ 3.07 ดอลลาร์ ทว่านับตั้งแต่นั้นมันดีดตัวขึ้นมาแล้ว 62%

ในขณะที่ชาวยุโรปคุ้นเคยมาช้านานกับการจ่ายเงินแพงกว่าสำหรับราคาน้ำมันหน้าปั๊ม แต่สำหรับในสหรัฐฯ แล้ว มีการเก็บภาษีน้ำมันในระดับต่ำ นั่นจึงทำให้ชาวอเมริกันผู้ชื่นชอบรถยนต์ต้องอยู่ในภาวะช็อกกับราคาที่พุ่งทะยาน

การพุ่งขึ้นของราคาเบนซิน เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากครั้งหนึ่งเคยดำดิ่งในช่วงต้นๆ ในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งฉุดรั้งอุปสงค์ทางพลังงาน แต่อุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นหลังกิจกรรมเศรษฐกิจโลกกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ราคาน้ำมันพุ่งสูงยิ่งขึ้นอีก หลังจากมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ชาติผู้ผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลก เริ่มมีผลบังคับใช้

สัญญาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ระดับเหนือกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งในตลาดลอนดอน และนิวยอร์ก

ทริปล่ม!! ไบเดนกลับท่าที บอกยังไม่ตัดสินใจบินไปซาอุฯ | NEWS GEN TIMES EP.56

✨ ‘โบว์ ณัฏฐา’ เตือนม็อบและกองเชียร์ หากมีหลักการจริง ต้องกล้าพูดว่าอะไรผิด และควรแยกการ ‘ชุมนุม’ ออกจาก ‘จลาจล’

✨ ทริปล่ม!! ไบเดนกลับลำ!! บอกชัดยังไม่ตัดสินใจบินไปซาอุฯ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเขาคงต้องไปเยือน เพื่อหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการแก้ไขปัญหาราคาพลังในสหรัฐฯ

✨โชว์ 'แอคหลุม' มาซะ! Elon Musk บีบ Twitter ระบุจำนวน ‘บัญชีปลอม’ ทั้งหมด หากอยากให้เขาปิดดีลซื้อ Twitter

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top