Monday, 29 April 2024
ปิยบุตร

เนติบริการไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ! "ปิยบุตร" โต้ "วิษณุ" ปมทูลเกล้าฯ ร่างแก้ รธน.60 -  ชี้ พระมหากษัตริย์ต้องลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เท่านั้น ไม่มีเรื่องกำหนด 90 วัน - อำนาจวีโต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และ 91 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้นำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. โดยจะครบกำหนด 90 วันในวันที่ 2 ม.ค. 2565 นั้น นายปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ตั้งคำถามต่อกรณีดังกล่าวในเฟซบุ๊กเพจล่าสุดว่า "ทำไมการให้สัมภาษณ์ของ วิษณุ เครืองาม นี้ต้องอ้างเรื่องครบกำหนด 90 วันในวันที่ 2 ม.ค. 2565?"

นายปิยบุตร ระบุว่า หากวิษณุพูดเรื่อง '90 วัน' เพื่อหมายถึงพระราชอำนาจของกษัตริย์ในการวีโต้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเหมือนกับการวีโต้ร่างพระราชบัญญัตินั้น ความเห็นนี้ผิด ผิดทั้งในทางตัวบทรัฐธรรมนูญ ผิดทั้งในทางหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลักการกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ไม่มีกรณี ส.ส. ส.ว. เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วและรอไว้ 15 วันแล้ว นายกรัฐมนตรีจะทูลเกล้าฯ ให้กษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้และกษัตริย์ต้องลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ทันที ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เลยว่าให้กษัตริย์มีอำนาจในการยับยั้งการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หรือ veto  บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่พูดถึงพระราชอำนาจในการยับยั้งการประกาศใช้กฎหมายมีเพียงมาตราเดียว คือ มาตรา 146   คือ กรณีพระราชอำนาจในการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม และรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนให้นำมาตรานี้มาใช้โดยอนุโลมกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น หากเป็นกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พระมหากษัตริย์ย่อมไม่มีพระราชอำนาจในการ “ไม่ทรงเห็นขอบด้วยและพระราชทานคืนมายังรัฐสภา” และไม่มีพระราชอำนาจในการ “มิได้พระราชทานคืนมาเมื่อพ้นเก้าสิบวัน”

"กล่าวให้ชัดเจนก็คือ กษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจในการวีโต้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กษัตริย์ต้องทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เท่านั้น  หากจะอ้างว่าเป็นประเพณีการปกครองฯ หรือหากจะอ้างว่า เป็นการตีความกฎหมาย เทียบเคียงกฎหมาย ก็ไม่ใช่อีก หลักการของ Constitutional Monarchy กษัตริย์มีพระราชอำนาจได้เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้กษัตริย์วีโต้ได้เฉพาะร่างพระราชบัญญัติ พระราชอำนาจในการวีโต้ก็มีได้เฉพาะร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น ไม่รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หากจะให้รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมด้วยก็ต้องเขียนไว้ให้ขัดเจน จะอ้างประเพณีการปกครองฯ ย่อมไม่ได้ เพราะตัวบทรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว ยิ่งหากลองเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ก็จะเห็นได้ชัดว่า หากรัฐธรรมนูญต้องการให้กษัตริย์มีอำนาจในการยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก็ต้องเขียนให้ชัดว่าให้นำมาตราที่ว่าด้วยการยับยั้งร่างพระราชบัญญัติมาใช้โดยอนุโลมกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมด้วย ดังที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 313 (7) และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 (7)" ปิยบุตร ระบุ

'ดร.นิว' ซัด 'ปิยบุตร' ชอบปั้นวาทกรรมใส่ร้ายสถาบันฯ แถม ‘อำมหิต’ ชอบหลอกใช้คนรุ่นใหม่ไปติดคุก

‘ดร.นิว’ ซัด ‘ปิยบุตร’ หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน หลอกใช้คนรุ่นใหม่ติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิต

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ว่า ทำไม "ปิยบุตร แสงกนกกุล" หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน มโนขึ้นมาเองคนเดียวแบบมั่ว ๆ เพ้อเจ้อเหลวไหลไม่ต่างจากคนป่วยทางจิต

‘หมอวรงค์’ หวิดเจอ ‘ปิยบุตร’ ที่อุบลฯ ถึงบางอ้อทำไมไม่โดนคดี เหตุปั่นเสร็จแล้วชิ่งทุกที

15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้...

“ผมไปประชุมสมาชิกและเสวนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยภักดี ที่อุบลราชธานี มีสมาชิกจาก 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ

"ปิยบุตร" โพสต์จับตา ส.ส. โหวตร่าง รธน.ฉบับปชช. เหน็บ ส.ว. ขอให้จิตสำนึกอยู่เหนือฝักฝ่าย พร้อมถามหาโอกาสใช้อำนาจที่แท้จริงของประชาชน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 

ความหวังถึงรัฐสภา : ขอให้จิตสำนึกอยู่เหนือฝักฝ่าย ทำเพื่อชาติและประชาชนจริง ๆ สักครั้ง

ส.ว. มักทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองตลอด เวลาจะมีการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญ ๆ ที่ลดทอนอำนาจของตนเอง แต่กลับไปสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่เกี่ยวกับวุฒิสภา เช่น ระบบเลือกตั้ง ส่วนอะไรก็ตามที่นำไปสู่การทำให้ตนเองเสียประโยชน์ หรือกระทั่งนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ส.ว. ก็ไม่เคยเอาด้วย

คำถามก็คือตกลงแล้วรัฐธรรมนูญ 2560 จะอยู่ชั่วฟ้าดินสลายไปอย่างนั้นหรือ โดยที่เราเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้เลย? หรือเราจะได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะเรื่องประเด็นเล็กน้อยเท่านั้น? นี่คืออุปสรรคใหญ่ จนนำมาซึ่งวิกฤติการเมืองที่เป็นอยู่ตลอดปีที่ผ่านมา ทั้งเสียงเรียกร้องของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เสียงเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน

อุปสรรคการแก้รัฐธรรมนูญมีเยอะพอสมควร ขั้นแรกต้องมี ส.ว. เห็นด้วยจำนวน 1 ใน 3 แล้วต่อให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เราผ่านด่านนี้ไปได้ เมื่อไปถึงการลงมติวาระที่สาม ก็ยังต้องมี ส.ว. และเสียงของฝ่ายค้านด้วย สุดท้ายด้วยความที่เราแก้ไขหลายประเด็น ก็จะต้องประชามติอีก ยังไม่นับรวมว่าจะมีมือดีร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่ ๆ

การแก้รัฐธรรมนูญของประเทศนี้ต้องผ่านผู้ออกใบอนุญาตไม่รู้กี่ด่าน ปัญหาก็คือแล้วประชาชนอยู่ตรงไหนของสมการแบบนี้? ประชาชนซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่เป็นเจ้าของอำนาจ แต่ถึงเวลาพอประชาชนจะใช้อำนาจจริงกลับถูกสกัดขัดขวางตลอดเวลา

ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า “ระบบผู้แทน” จะสนองต่อความต้องการของประชาชนมากน้อยแค่ไหน? เปิดให้ประชาชนมีสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ ประชาชนก็ทำตามกระบวนการทั้งหมด แต่แล้วแต่ถึงเวลา ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีอำนาจที่จะขัดขวางได้ตลอด

“แรมโบ้” ซัด “ปิยบุตร-ไอติม” ดันร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับใต้ตาตุ่มปิยบุตร ฝันยกบ้านเมืองให้นักเลือกตั้ง สถาปนาระบอบทักษิณสายพันธ์ุใหม่ อันตรายกว่าเดิม เตือนชื่อ ปิยบุตร อย่าทรพีแผ่นดินเกิด ประชามติ 16 ล้านเสียงมาจากเสียงประชาชนอย่าดูหมิ่นดูแคลนเสียงประชาชน 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ อภิปรายในรัฐสภา กล่าวหาโจมตีนายกฯประยุทธ์ว่าเป็นไวรัสประยุทธ์ และผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ‘ล้ม-โละ-เลิก-ล้าง’  

 นายเสกสกลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ วัคซีนที่มารักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ปล่อยให้การเมืองสามานย์กินบ้านโกงเมืองอยู่ก่อนหน้านี้ จะเห็นว่ามีคนโกงหนีคดี มีอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงเข้าคุกคดีโกงไม่รู้กี่คนต่อกี่คน รวมถึงใช้อำนาจคณะรัฐประหารจ่ายเงินค่าข้าวชาวนาที่รัฐบาลนักเลือกตั้งชักดาบชาวนาทิ้งไว้ด้วย 

"นายไอติมหลงคิดว่าตนเองวิเศษวิโส แกว่งปากหาเสี้ยน สอบตกในพื้นที่ กทม. ได้เข้าสภาก็เพราะวิ่งหาแสง อาศัยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาแล้วประดิษฐ์วาทกรรมกร่าง หลอกนายกฯในสภา คิดว่าโก้ ถือดีว่าเป็นนักเรียนนอก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานประสบความสำเร็จอะไรเลย ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เหมือนกบในบ่อน้ำ เห็นแค่ปากบ่อ คิดว่านั่นคือแผ่นฟ้าทั้งหมดแล้ว น่าเวทนามาก” 

นายเสกสกลยังกล่าวถึงนายปิยบุตรด้วยว่า ร่างที่เสนอมา อ้างว่าฉบับประชาชน แต่ใครยกร่าง ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมแท้จริงหรอก เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับใต้ตุ่มในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนั่นเอง แต่คราวนี้เป็นใต้ตาตุ่มของนายปิยบุตร ผู้มีแนวคิดปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง และหวังล้างแค้นศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ทั้งที่ตนเองทำผิดรัฐธรรมนูญจริงๆ สู้คดีก็แพ้ ขอขนานนามว่า “ปิแยร์กิโยติน หลวงชำนาญกฎหมายพ่ายทุกคดี” 

"ที่สำคัญ ร่างแก้ไขฉบับใต้ตาตุ่มปิยบุตร มุ่งรวบอำนาจให้นักการเมือง เหลือสภาเดียว ขนาดสหรัฐ อังกฤษ ก็มีสองสภาทั้งนั้น แบบนี้ส.ส.จะใหญ่คับบ้านคับเมือง เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงแม้กระทั่งอำนาจศาลยุติธรรม  เท่ากับจะยกบ้านยกเมืองให้นักการเมือง สถาปนาระบอบทักษิณสายพันธ์ุใหม่ ร้ายแรงกว่าเก่า ไม่ต่างจากโควิดสายพันธ์ุใหม่ แถมลบล้างผลพวงรัฐประหาร นักการเมืองโกงที่ได้ผลร้ายได้อานิสงส์ ทะลุฝาโลง ลุกขึ้นมาจากหลุม สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย การนำเสนอเช่นนี้เหมือนแบ่งงานกันทำกับขบวนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นเอง”

‘ไอติม-ปิยบุตร’ ผิดหวังร่างรธน. ไม่ผ่านสภา ขอโทษประชาชน 1.3 แสนคน ดันภารกิจไม่สำเร็จ 

วันที่ 17 พ.ย. นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำกลุ่ม Re-Solution ในฐานะผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ….ฉบับภาคประชาชน ที่มีการเข้าชื่อจำนวน 135,247 คน ร่วมกันแถลงภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติไม่รับหลักการในร่างฯ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าผิดหวัง ตรงที่ข้อเสนอของเราไป ถูกนำไปปฏิบัติในสังคม ขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อเสนอเราไม่ได้สุดโต่ง หรือพยายามให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบ เราไม่อยากให้ติดกับดักวาทกรรมสุดโต่ง ที่พูดกันในสภาฯ วานนี้ (16 พ.ย.) หรือมี ส.ว. บางคนทำให้เราเข้าใจผิดเช่นนั้น เพียงแต่ต้องการสร้างระบบการเมืองที่ควรจะเป็น คือ 

ค. คืนศักดิ์ศรีให้กับสถาบันการเมือง ที่กำลังเสื่อมศรัทธา โดยให้เป็นสภาฯ เดี่ยว และที่มาของศาล องค์กรอิสระ ให้มีความเป็นกลาง สามารถเป็นที่พึ่งพาของประชาชน 

ว. ไว้ใจ สร้างระบบการเมืองที่ไว้ใจประชาชนให้กำหนดอนาคตตัวเอง มีอิสระเสรีภาพในการเลือกนโยบายพรรคการเมือง สามารถลงโทษพรรคการเมืองที่ไม่ทำตามนโยบายที่สัญญาไว้ มากกว่ามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มาครอบงำ 

และ ร. ระบบกติกาที่เป็นกลาง สามารถแข่งขันกันได้อย่างเสรีเป็นธรรม รวมถึงทุกรัฐบาลต้องถูกตรวจสอบโดยศาล องค์กรอิสระที่เป็นกลางจริง ตนต้องขอโทษประชาชน 135,247 คน ที่มาร่วมเดินทางกับเรา รวมถึงที่ติดตามการอภิปราย คาดหวังจะให้ร่างฯ ของเราผ่าน

“ยอมรับว่า ภารกิจเรายังไม่ได้สำเร็จ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ถ้ายังมีรัฐธรรมนูญที่มีที่มา กระบวนการเนื้อหาไม่ชอบธรรม มันไม่สามารถแก้ไขวิกฤตทางการเมืองได้ ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2562 มีการแก้ไขร่างฯ มา 3 ครั้ง ผ่านฉบับเดียว คือ การแก้ไขระบบเลือกตั้ง ที่ไม่ใช่สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ นี่หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไว้ว่า เป็นนโยบายเร่งด่วน พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคได้กล่าวไว้ว่าจะเป็นเงื่อนไขร่วมรัฐบาล หวังว่า คงไม่ใช่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญใด ๆ ก็ตาม ที่ไม่แตะ ส.ว. กลไกสืบทอดอำนาจ ก็ไม่สามารถแก้วิกฤตได้” นายพริษฐ์ กล่าว

‘ปิยบุตร’ โหนแนวคิด ‘อานันท์’ ชี้ คดีม.112 มีเยอะ ต้องแก้ด้วยการนิรโทษกรรม

นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า ...

ถึงเวลาหรือยัง "เจตจำนงการเมือง" นิรโทษคดี ม.112? - หวังฝ่าย "รอยัลลิสต์" ออกมาเตือนสติสังคมก่อนจะสาย!

ในรายการ "เอาปากกามาวง" ตอนล่าสุด ได้พูดถึงเรื่องสำคัญหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ "ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112" หรือ "ป.อาญา ม.112" หรือที่วันนี้เรามักจะเรียกกันสั้นๆ แต่เข้าใจตรงกันว่า "ม.112"

มี 3 กรณีของบุคคลที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา และ 1 กรณีของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ที่ชัดเจนว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งได้ออกมาเตือนสติสังคมเรื่องการใช้กฎหมายมาตรานี้

แม้จะพูดไปในรายการแล้ว แต่เห็นว่ามีบางช่วงบางตอนซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะชี้ให้เห็น จึงขอนำมาบอกกล่าวเป็นข้อเขียนตรงนี้อีกครั้งแบบสรุปรวบยอด ดังนี้

เริ่มที่ 3 กรณี ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดี ม.112

***กรณีแอดมินเพจ 'กูKult' ต้องไม่ตีความรวม "วัตถุสิ่งของ"***

กรณีแรก คือกรณีของ นรินทร์ กุลพงศธร แอดมินเพจ 'กูKult' ซึ่งไปติดสติกเกอร์บนพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 10 ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563

มีเรื่องที่อยากชวนคิดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการพิจารณาในศาล ที่จากรายงานของไอลอร์พบว่า ในการสืบพยานมีการแนะนำ แนะแนวเรื่องของการยอมรับผิด ลดโทษต่างๆ กับทางผู้ต้องหา, เรื่องการไม่บันทึกการถามค้านของพยานถึง 5 ประเด็น โดยหนึ่งในนั้นก็คือคำถามเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ว่าเป็นความผิดทางไหน ทำลายทรัพย์สินราชการ หรือเข้าข่ายผิด ป.อาญา ม.112

รวมถึงการตัดพยานผู้เชี่ยวชาญของจำเลยออก โดยศาลให้เหตุผลว่าสามารถพิจารณาได้เอง จนทำให้ในที่สุด คดีนี้ก็มีคำพิพากษาออกมาอย่างรวดเร็วมาก และน่าจะเป็นคดี ม.112 คดีแรกที่เกิดจากการชุมนุม ในช่วงปี 2563-2564 ที่ศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิด ซึ่งจำเลยเตรียมที่จะอุทธรณ์ต่อไป

สิ่งที่อยากชวนพิจารณาคือว่า ในคำอธิบายกฎหมายอาญา ของปรมาจารย์ของผู้พิพากษาทั้งหลายอย่าง ศ.หยุด แสงอุทัย และ ศ.จิตติ ติงศภัทิย์ เขียนตำราระบุคำอธิบายในรายมาตรา 112 โดยอธิบายความหมายของคำว่าหมิ่นประมาทและดูหมิ่น โดยที่คำว่า "หมิ่นประมาท" ก็ให้ไปดูแบบ ม.326 คือให้เป็นแบบหมิ่นประมาทคนธรรมดา, หรือคำว่า "ดูหมิ่น" ก็ให้ตีความคำว่าดูหมิ่น เหมือน ม.134, ม.136, ม.393 เรื่องดูหมิ่นคนธรรมดา เช่นกัน

ตำรากฎหมายของปรมาจารย์ทั้งสองท่านระบุชัดว่า คำว่า "หมิ่นประมาท" กับ "ดูหมิ่น" ที่ปรากฏอยู่ใน ป.อาญา ม.112 ใช้นิยามเดียวกับคนธรรมดา คือต้องกระทำต่อตัวบุคคล จะขยายความกว่านี้ไม่ได้ ยิ่งกฎหมายอาญานั้น การตีความต้องเคร่งครัด

แต่จากกรณีของคุณนรินทร์ เป็นที่น่าสังเกตว่า คำว่า "หมิ่นประมาท" กับ "ดูหมิ่น" นั้น มีแนวโน้มของศาลที่จะขยับไปถึงเรื่องวัตถุสิ่งของด้วย

***วอนศาลพิจารณาอนุญาต ให้ "รวิสรา" ได้ไปเรียนต่อ***

ต่อมา คือกรณีของรวิสรา เอกสกุล บัณฑิตจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในจำเลยของคดี ม.112 จากการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อ 26 ตุลาคม 2563 ซึ่งเธอเป็นคนอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาเยอรมัน โดยต่อมาเธอสอบได้ทุนจาก ศูนย์บริการการแลกเปลี่ยนทางวิชาการเยอรมัน (DAAD) ของรัฐบาลเยอรมัน แต่ติดปัญหาคือ ติดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

แม้เคยมีคำร้องขออนุญาตศาลมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ศาลไม่อนุญาต และล่าสุด ศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ยกคำร้องอีกเช่นเคย โดยอธิบายว่า ศาลเห็นว่าจำเลยยังไม่ผ่านการคัดเลือกว่าจะได้รับทุนหรือไม่ ทั้งเงื่อนไขที่จำเลยเสนอมาว่าหากได้รับอนุญาต จำเลยยินดีจะไปรายงานตัวและแสดงที่อยู่ต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศเยอรมัน ทุกๆ 30 วัน โดยขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาและบิดาเป็นผู้กำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่บุคคลทั้ง 2 อยู่ในประเทศไทย แต่จำเลยอยู่ต่างประเทศ จึงเป็นการยากที่จะกำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ จึงไม่เป็นการหนักแน่นเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่า จำเลยจะปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยเคร่งครัด

ทั้งที่ เอกสาร หลักฐานที่ใช้ยื่นคำร้องต่อศาลชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจดหมายเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เอกสารรับทุน DAAD แต่ก็ถูกพิจารณาด้วยว่า เพราะว่าการไปอยู่ต่างประเทศดูแลได้ยากที่จะกำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัว

นี่คืออนาคตของเยาวชนคนหนึ่ง อนาคตของคนที่จะได้ไปศึกษาหาความรู้ นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์กลับมาพัฒนาประเทศไทย

อยากให้ศาลพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากประสบการณ์ คนที่ไปเรียนต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วเวลาปิดภาคการศึกษาก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัว มาเยี่ยมบ้าน คงไม่มีใครอยู่ดีๆ แล้วอยากหนีคดี

ขวัญใจวัยรุ่น!! "ปิยบุตร" สุดป๊อบ! คณะก้าวหน้าบูธเเตก  ปชช. - นศ แห่ซื้อหนังสือ พร้อมขอลายเซ็นพรึ่บ

ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 บรรยากาศที่บูธ A14 ‘ คณะก้าวหน้า ’ มีนักศึกษาเเละประชาชนที่สนใจเเละผู้สนับสนุนติดตามในผลงานของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 17.15 น. "ปิยบุตร แสงกนกกุล" แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางมาถึงบูธคณะก้าวหน้า เพื่อแจกลายเซ็นให้สำหรับนักศึกษา ประชาชน ที่เดินทางเข้ามาซื้อหนังสือ “จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

“ถามว่า เราจะสู้กันไปเมื่อถึงจะชนะ คำถามนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาธิปไตยมันอาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดก็ได้ เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนไป มันก็เปลี่ยนไปตาม ปัญหาระดับใหญ่คือ โครงสร้างทางการเมือง มันไปกระจุกตัวอยู่ไม่กี่คน ตั้งเเต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา สิ่งสำคัญคือ เราต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองเดิม ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจรัฐ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เเละนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันไปต่อสู้กับกลุ่มทุนอำนาจใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ"  ปิยบุตร กล่าว

“น้องๆ ที่มาซื้อหนังสือ หลายคนมาซื้อหนังสือตั้งแต่ตอนยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง จนวันนี้เขามีสิทธิที่จะเลือกตั้งเเล้ว นี่สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน นิวโหวตเตอร์มันเปลี่ยนไป เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนเเปลงของสังคม ที่พวกเราจะส่งมอบอนาคตให้พวกเขาในวันข้างหน้า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ ที่คนกรุงเทพมหานคร ต้องตื่นตัวทางการเมือง หลังจากที่เราไม่ได้เลือกตั้งภายหลังการรัฐประหารของระบอบเผด็จการ “ ปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติม

'ปิยบุตร' ค้านศาลประหารชีวิตทางการเมือง 'ปารีณา' ชี้ ไม่ควรสะใจ แต่ต้องทำให้เห็นพิษภัย รธน.60

7 เม.ย. 65 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลฎีกา พิพากษา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากคดี รุกป่าราชบุรี โดยให้พ้นตำแหน่ง ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี และไม่มีสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น

มีความเห็นที่น่าสนใจ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวในทวิตเตอร์ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้กรณีนักการเมืองละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงไปให้ศาลฎีกาตัดสินและมีโทษประหารชีวิตทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

1.) มาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณ เป็นเรื่องภายในองค์กร ต้องให้แต่ละองค์กรกำหนดและชี้ขาดกันเอง หน่วยงานอื่นๆ เขาก็ทำกันเอง ลงโทษกันเอง

2.) มาตรฐานทางจริยธรรมไม่ใช่เรื่องเกณฑ์ทางกฎหมาย ไม่ใช่ถูกหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความเหมาะสม จึงไม่ควรให้ศาลชี้ขาด ลงโทษ ศาลเกี่ยวข้องได้แบบรีวิวทบทวน เช่น ข้าราชการถูกลงโทษทางวินัย ก็อาจฟ้องศาลให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษได้ เป็นการตรวจสอบว่าคำสั่งลงโทษชอบด้วย กม. หรือไม่

แต่กรณีนักการเมืองกลับนำมาตรฐานจริยธรรมที่ศาล รธน. และองค์กรอิสระออกมาปรับใช้ และยังให้ ปปช. มาชี้มูล ส่งให้ศาลฎีกาชี้ขาด

3.) โทษสูง การตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ควรมี นี่คือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง ประหารชีวิตทางการเมือง

หลักการหรือหลักกู  'ทิพานัน’ ติง 'ป๊อก’ ยุติความเห็นผิดเพี้ยน ปั่นนักการเมืองให้มีอภิสิทธิ์  เตือน!! คิดแบบ 'หลักกู' สังคมจะตราหน้า ‘นักกาลกิณีเมือง' 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเรื่องต้องทำลาย "กรงขังทางกฎหมาย" ที่ล้อมคอกนักการเมืองจนไม่กล้าทำอะไรโดยกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎระเบียบที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบนักการเมือง ป้องกันการทุจริตคอรัปชันเป็นสิ่งที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของนักการเมือง ว่า โพสต์ดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นที่อันตราย มีการใช้ตรรกะแบบพวก “นอกกฎหมาย” โดยมีการประดิษฐ์คำสวยหรูและเหตุผลประกอบที่ชวนเชื่อให้ประชาชนไม่เคารพกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมพรรคการเมืองที่มีนายปิยบุตรเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายจึงทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยใช้เงินที่ผิดกฎหมายดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจนถูกยุบพรรคเพราะ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความคิดของนายปิยบุตรที่ไม่มี “หลักการ” มีแต่ “หลักกู”

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายปิยบุตรไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยและยึดมั่นหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เป็นกฎเกณฑ์เพื่อกำหนดว่าบุคคลทุกคนตลอดจนรัฐบาลและสถาบันทุกสถาบันในชาติจำต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐ เพราะเมื่อหลักนิติธรรมมีผลบังคับใช้ กฎหมายทั้งหมดที่ได้ออกมาใช้บังคับแก่ประชาชนจะเป็นหลักประกันได้ว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม

ดังนั้นสิ่งนายปิยบุตรคิด จึงไม่ได้ยึดหลักคนเท่ากันตามที่ชอบกล่าวอ้าง นายปิยบุตรกำลังปลุกปั่นนักการเมืองให้ฝ่าฝืนหลักนิติธรรมและกำลังให้อภิสิทธิ์นักการเมืองเหนือประชาชนกลุ่มอื่น

"จึงอยากถามนายปิยบุตรว่าทำไมนักการเมืองถึงมีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น? ทำไมคนไม่เท่ากัน? ทำไมส่งเสริมให้นักการเมืองทำลาย "กรงขังทางกฎหมาย" เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบการทำงานและการทุจริตคอร์รัปชั่น? หรือว่านายปิยบุตรฝักใฝ่หลักกูมากกว่าหลักการจึงเห็นว่า Rule by Law ที่นายปิยบุตรกำลังสร้างขึ้นมานั้นมีความชอบธรรมมากกว่าหลักนิติธรรม Rule of Law ที่รัฐไทยกำลังยึดมั่นอยู่" น.ส.ทิพานัน กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top