Saturday, 20 April 2024
ตำรวจท่องเที่ยว

ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ คณะฯ ลงพื้นที่กระบี่เยี่ยมเยียนและสร้างกำลังใจในการปฏิงานตามแนวท่องเที่ยววิถีใหม่ แก่เจ้าหน้าที่ฯ ตามแนวนโยบายการเปิดประเทศ 

ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวกระบี่ ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมคณะฯ ประกอบด้วยพล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์  โชคชัย รอง ผบช.ทท./พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3 /พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ รอง ผบก.ทท.3 /พ.ต.อ.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ รอง ผบก.ทท.3 /พ.ต.อ.ยุทธภูมิ  ปั้นลายนาค   รอง ผบก.ทท.3 /พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.2 บก.ทท.3 

โดยมี พ.ต.ท.ศักดิ์อนันต์ คำไสย รรท.สว.ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 หัวหน้าสถานีตรวจท่องเที่ยวกระบี่ และเจ้าหน้าที่รวมถึง ล่ามแปลภาษาประจำสำนักงานฯ และอาสาสมัครท่องเที่ยว ที่เป็นทีมทำงาน ร่วมให้การต้อนรับ และรับนโยบายการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมอบสิ่งของอุปโภค​บริโภคให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ 

ผู้บัญชา​การตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวกระบี่ เพื่อมาดูการทำงานที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายกรัฐมนตรี ในการเปิดประเทศ​ทเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน​2564 เนื่องจากจังหวัดกระบี่ ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ สีฟ้าของประเทศ ที่เป็น 1 ใน 4 จังหวัดนำร่อง ท่องเที่ยวประกอบด้วย กรุงเทพ​มหานคร​ กระบี่ ภูเก็ต พังงา ที่สามารถ ร่วมโครงการเปิดประเทศ ท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด 

ในส่วนจังหวัดกระบี่นั้น มีพื้นที่เป้าหมาย  Phuket Sandbox ที่มีความเข้มงวดตามเงื่อนไข การทดลองเปิดประเทศก่อนหน้านี้  จำนวน 3  แหล่งท่องเที่ยว คือ เกาะพีพี เขตอุทยานแห่งขาติหาดนพรัตน์​ธารา​และหมู่เกาะพีพี  เกาะไหง ในเขตอุทยานแห่งขาติหมู่เกาะลันตา อ่าวไร่เล เขตอำเภอเมือง 

การท่องเที่ยวในแนวทางใหม่ เป็นเรื่องการดูแล​ความปลอดภัย​ทางสาธารณสุข​ มาตรฐานการ​รักษา​โรค ในโลกสีเขียว วิถีใหม่เป็นเรื่องที่ตำรวจท่องเที่ยวจะต้องปรับตัวในการทำงานให้เกิดผลดีที่สอดคล้องกับแนวนโยบายฯและได้ทำการทดลองใช้ อุปกรณ์​และตรวจสอบ การทำงานของ Call Center 1155 สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว ตามสโลแกน Your First Friend " เพื่อนคนแรกของนักท่องเที่ยว" ที่ให้บริการ สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว เมื่อมีปัญหา และสอบถามข้อมูล ที่มีล่ามแปล สนทนาได้ 5 ภาษา ตลอด 24 ชั่วโมง อีกด้วย 

ท่องเที่ยวอุ่นใจและปลอดภัย ไปกับ ตร.ท่องเที่ยว!! ด้วยแอปพลิเคชัน “Tourist Police i lert u”

วันนี้ 15 ธ.ค.64 พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวร่วมการแถลงข่าวเปิดตัวแพลตฟอร์ม “ระบบการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling)” อันเป็นการขานรับนโยบายการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวบนเว็บไซต์ Entry Thailand มุ่งหวังจะช่วยอำนวยความสะดวกและบูรณาการการปฏิบัติต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ในการนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด พัฒนาแอปพลิเคชันในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชัน Tourist  Police i lert u บน Smartphone โดยใช้ระบบ Global positioning System หรือ GPS การใช้งานเพียงนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ กดปุ่มขอความช่วยเหลือ

พร้อมกับ “ข้อความขอความช่วยเหลือและภาพถ่าย” ระบบจะส่งตำแหน่งสถานที่จุดเกิดเหตุ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องของนักท่องเที่ยวที่ขอความช่วยเหลือ ส่งไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1155 และเจ้าหน้าที่อยู่บนพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ Call Center 1155 จะติดต่อกลับไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่นักท่องเที่ยวได้แจ้งไว้ตามที่ลงทะเบียนในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยจะใช้การสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันกับนักท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันสายด่วน 1155 สามารถรองรับได้ 5 ภาษา คือ อังกฤษ, จีน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น และเกาหลี และจะเพิ่มการให้บริการในภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน, อาเซียน และอาหรับ รวมเป็น 9 ภาษาในปี 2565

 

นทท.ซาอุฯ ปลื้ม!! ตำรวจท่องเที่ยวไทย ช่วยตามหาของหาย สัญญามาไทยอีกแน่นอน

วานนี้ (16 ก.ค. 65) เวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะ โฆษกกองบัญชาการฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีความประสงค์แจ้งให้สื่อมวลชนและสาธารณะทราบว่าในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 01.40 น. Mrs.Algarz Rehub Saleh A  นักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียพร้อมเพื่อน ได้ทำกระเป๋าสัมภาระซึ่งมีของสำคัญหายระหว่างการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโรงแรมที่พัก และได้เดินทางกลับมาขอความช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาต่อมา 

ต่อมาเพียงเวลาไม่นาน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.อ.มิลินทร์ เพียรช่าง ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยวได้ตรวจสอบจนพบรถแท็กซี่ที่นักท่องเที่ยวใช้บริการ และได้ประสานแจ้งคนขับจนสามารถนำกระเป๋าดังกล่าวกลับคืนมาอย่างปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวซาอุฯ ดังกล่าวได้เขียนชื่นชมประเทศไทยและตำรวจท่องเที่ยวว่า

"เจ้าหน้าที่ (ตำรวจท่องเที่ยว) ใจดีและทำงานแบบมืออาชีพมากๆ พวกเขาช่วยเราหาของที่เราทำหายเองและมีการบริหารจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จริงเราหมดหวังที่จะได้ของคืนไปแล้ว แต่ตำรวจท่องเที่ยวก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังจนได้ของคืนมาจนได้"

"ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกขอบคุณของเราอย่างจริงใจได้ เรารักกรุงเทพฯ และกรุงเทพช่างเป็นเมืองที่โชคดีมากที่มีตำรวจท่องเที่ยวแบบนี้ เราจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอนเพราะการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว พวกเขายอดเยี่ยมที่สุด"

ปลื้ม..!! ตำรวจท่องเที่ยว ภรรยาผู้บริหารยางบริดจ์สโตน ทำโทรศัพท์มือถือหาย ตำรวจท่องเที่ยว ช่วยตามหาส่งคืน

วันนี้ (31 ก.ค.2565) เวลา 12.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการและโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงต่อสื่อมวลชนว่า 

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.2565) เวลา 10.50 น. สถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยา ได้รับแจ้งจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1155 ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาจึงได้นำตำรวจท่องเที่ยวพร้อมล่ามแปลไปพบนักท่องเที่ยวดังกล่าวทันที  

จากการสอบถามผ่านล่ามทราบว่า นักท่องเที่ยวดังกล่าวชื่อ นางอะยาโนะ ยาสุฮาระ ( Ayano Yasuhara ) อายุ 45 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เป็นภรรยาของผู้บริหารระดับสูงบริษัทผลิตยางยี่ห้อบริดจ์สโตน เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา และมีกำหนดบินกลับญี่ปุ่นในวันที่ 2 ส.ค.2565 ได้ทำโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนหายเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันเดียวกัน

ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาได้สอบถามนางอะยาโนะว่าไปที่ไหนมาบ้าง และทราบภายหลังว่า ก่อนมาไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยานั้น ตนเองได้เเวะปั๊มน้ำมันเชลล์ที่ตำบลบ้านป้อม จังหวัดอยุธยา เพื่อเข้าห้องน้ำ ตำรวจท่องเที่ยวจึงรีบพานางอะยาโนะไปตรวจสอบที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวทันที 

เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน ได้พบนางวันเพ็ญ มาเมือง พนักงานทำความสะอาดประจำปั๊มน้ำมันดังกล่าว ซึ่งแจ้งว่าตนเองเป็นผู้พบโทรศัพท์มือถือไอโฟนตกอยู่หน้าห้องน้ำจึงเก็บมา แล้วไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ปั๊มน้ำมันเพราะคิดว่าเจ้าของโทรศัพท์ต้องกลับมาติดต่อรับคืนอย่างแน่นอน ตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบเเล้วพบว่าเป็นของนางอะยาโนะจริง จึงให้นางวันเพ็ญนำมาส่งคืนให้นางอะยาโนะด้วยตนเอง
      
ทันทีที่คุณอะยาโนะได้รับโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืน ได้แสดงอาการดีใจและเข้ามาขอบคุณนางวันเพ็ญ และตำรวจท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ยืนยันว่า จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกแน่นอน 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ ถือโอกาสนี้ ขอบคุณตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณคุณวันเพ็ญ มาเมือง ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยว โดยกล่าวยกย่องการกระทำของคุณวันเพ็ญ นำมาซึ่งความประทับใจต่อนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายนี้อย่างมากมาย ซึ่งเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกนำไปถ่ายทอดให้กับคนญี่ปุ่นอีกหลายคนต่อไป จะส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและจะเป็นมหาอำนาจของการท่องเที่ยวของโลกต่อไป 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวเสริมอีกว่า ตำรวจท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวมีคุณภาพไปได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม และเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมทั้งครั้งก่อนๆ ที่ตำรวจท่องเที่ยวได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่ผ่านมา จะเป็น good signature ของการท่องเที่ยวไทยที่นักท่องเที่ยวไม่มีวันลืมเลือนจากหัวใจ 

ปลื้ม..!! ตำรวจท่องเที่ยว ภรรยาผู้บริหารยางบริดจ์สโตน ทำโทรศัพท์มือถือหาย ตำรวจท่องเที่ยว ช่วยตามหาส่งคืน

วันที่ (31 ก.ค. 2565) เวลา 12.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการและโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงต่อสื่อมวลชนว่า 

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค. 2565) เวลา 10.50 น. สถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยา ได้รับแจ้งจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1155 ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาจึงได้นำตำรวจท่องเที่ยวพร้อมล่ามแปลไปพบนักท่องเที่ยวดังกล่าวทันที

จากการสอบถามผ่านล่ามทราบว่า นักท่องเที่ยวดังกล่าวชื่อ นางอะยาโนะ ยาสุฮาระ ( Ayano Yasuhara ) อายุ 45 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เป็นภรรยาของผู้บริหารระดับสูงบริษัทผลิตยางยี่ห้อบริดจ์สโตน เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา และมีกำหนดบินกลับญี่ปุ่นในวันที่ 2 ส.ค. 2565 ได้ทำโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนหายเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันเดียวกัน

ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาได้สอบถามนางอะยาโนะว่าไปที่ไหนมาบ้าง และทราบภายหลังว่า ก่อนมาไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยานั้น ตนเองได้เเวะปั๊มน้ำมันเชลล์ที่ตำบลบ้านป้อม จังหวัดอยุธยา เพื่อเข้าห้องน้ำ ตำรวจท่องเที่ยวจึงรีบพานางอะยาโนะไปตรวจสอบที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวทันที 

เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน ได้พบนางวันเพ็ญ มาเมือง พนักงานทำความสะอาดประจำปั๊มน้ำมันดังกล่าว ซึ่งแจ้งว่าตนเองเป็นผู้พบโทรศัพท์มือถือไอโฟนตกอยู่หน้าห้องน้ำจึงเก็บมา แล้วไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ปั๊มน้ำมันเพราะคิดว่าเจ้าของโทรศัพท์ต้องกลับมาติดต่อรับคืนอย่างแน่นอน ตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบเเล้วพบว่าเป็นของนางอะยาโนะจริง จึงให้นางวันเพ็ญนำมาส่งคืนให้นางอะยาโนะด้วยตนเอง

ทันทีที่คุณอะยาโนะได้รับโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืน ได้แสดงอาการดีใจและเข้ามาขอบคุณนางวันเพ็ญ และตำรวจท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ยืนยันว่า จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกแน่นอน 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ ถือโอกาสนี้ ขอบคุณตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณคุณวันเพ็ญ มาเมือง ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยว โดยกล่าวยกย่องการกระทำของคุณวันเพ็ญ นำมาซึ่งความประทับใจต่อนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายนี้อย่างมากมาย ซึ่งเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกนำไปถ่ายทอดให้กับคนญี่ปุ่นอีกหลายคนต่อไป จะส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและจะเป็นมหาอำนาจของการท่องเที่ยวของโลกต่อไป 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวเสริมอีกว่า ตำรวจท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวมีคุณภาพไปได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม และเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมทั้งครั้งก่อน ๆ ที่ตำรวจท่องเที่ยวได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ที่ผ่านมา จะเป็น good signature ของการท่องเที่ยวไทยที่นักท่องเที่ยวไม่มีวันลืมเลือนจากหัวใจ 

อยากให้ตำรวจท่องเที่ยวช่วยเหลือสิ่งใด เพียงโทรหมายเลข 1155 หรือติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น tourist police I-lert-U 

ตำรวจท่องเที่ยวคือเพื่อนการเดินทางคนแรกของคุณเสมอ

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกงสุล 18 ประเทศรับนักท่องเที่ยว high season

วันนี้ (22 ส.ค. 2565) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ในวันอังคารที่ 23 ส.ค.2565 ที่จะถึงนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้แทนสถานทูต 18 ประเทศ อันประกอบด้วย ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบอร์กโมร็อกโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สโลวาเกีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศจากกลุ่มทวีปยุโรปถึง 15 ประเทศรวมทั้งสิ้นมากกว่า 40 คน จะหารือร่วมกันในลักษณะการประชุมเชิงปฏิบัติการถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพในช่วง high season (ต.ค. 65 - ก.พ. 66) ที่จะถึงนี้ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยผู้แทนหน่วยงานตำรวจทั้งสองหน่วยจะนำเสนอมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและการป้องกันไม่ให้อาชญากรรมข้ามชาติที่จะแฝงมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศได้อย่างเด็ดขาด และแม้หากหลุดรอดเข้ามาได้ ก็จะมีมาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศในการสืบสวน ติดตาม ผลักดันจับกุมส่งดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากการหารือ จะมีการพาผู้แทนสถานทูตดังกล่าวสำรวจความพร้อมของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จะถึงนี้ว่า เป็นแนวคิดร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและผู้แทนสถานทูตทั้งหมดโดยได้รับความร่วมมือสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเตรียมการรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเที่ยวประเทศไทยในช่วง high season ที่จะถึง โดยแนวความคิดนี้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐบาล ของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการเห็นการท่องเที่ยวของไทยเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและมีความยั่งยืนสอดคล้องต่อนโยบายขององค์การการท่องเที่ยวโลกหรือ UNWTO ในเรื่องของ Sustainable Tourism และสอดคล้องต่อมาตรการสากลว่าด้วยการคุ้มครองนักท่องเที่ยวหรือ International Code for the Protection of Tourists ที่ได้รับการรับรองแล้วจากสหประชาชาติแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว

โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวยังกล่าวอีกว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับกับการท่องเที่ยวจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่จะมีมาตรการและความร่วมมือออกมาอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้นานาชาติเห็นว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะปรับตัวและปรับมาตรการทั้งหมดให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีคุณภาพ ปลอดภัยและมั่นคง ซึ่งผลการหารือจากการประชุมเชิงปฏิบัติการเป็นอย่างไร จะนำเรียนสื่อมวลชนให้ทราบต่อไป

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมมือกงสุลพร้อมรับนักท่องเที่ยว

วันนี้ (24 ส.ค.2565) เวลา 9.30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท.สคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แจ้งต่อสื่อมวลชนถึงผลสรุปของการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมรับนักท่องเที่ยวในช่วง high season ระหว่างตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่กงสุลมากกว่า 40 คนจากสถานทูต 18 ประเทศอันได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบอร์กโมร็อกโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สโลวาเกีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นในวันเดียวกันช่วงเวลา 9.00-13.00 น. ว่า ผลการประชุมบรรลุเป้าหมายและเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างดี กล่าวคือ

1. การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสร้างความเข้าใจการทำงานและแก้ไขอุปสรรคปัญหาของกันและกันเป็นอย่างดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลมีความเข้าใจในการทำงานตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น โดยจะนำไปแจ้งให้รัฐบาลของตัวเองประชาสัมพันธ์ให้คนของประเทศตัวเองทราบต่อไป

2. เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานและเป็นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างดียิ่ง อันจะส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ที่ดีการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

3. เป็นการส่งสัญญาณให้นานาประเทศทราบว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะรับและดูแลนักท่องเที่ยวในช่วง high season (ต.ค.๖๕ - ก.พ.๖๖) ให้ดีที่สุด 

4. เป็นการส่งสัญญาณให้องค์การการท่องเที่ยวโลก และนานาประเทศทราบว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะปรับมาตรการที่มีอยู่ให้สอดคล้องต่อมาตรฐานสากลว่าการคุ้มครองนักท่องเที่ยว หรือ International Code for The Protection of Tourists (ICPT) ซึ่งได้รับการรับรองแล้วจากองค์การการท่องเที่ยวโลกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มาตรฐานการท่องเที่ยวไทยสอดคล้องต่อมาตรฐานของโลกมากยิ่งขึ้น

พล.ต.ต. อภิชาติฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การประสานกับหน่วยงานระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในการประชุมเชิงปฏิบัติการเมื่อวาน (๒๓ ส.ค. ๖๕) เป็นเพียงมาตรการหนึ่งเท่านั้น การดูแลนักท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวในภาพรวมทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องต่อ ICPT ยังต้องทำอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้การท่องเที่ยวไทยมีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปกรอบนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มุ่งเน้นให้การท่องเที่ยวของไทยเป็น Top of Mind ของโลกอย่างต่อเนื่องต่อไป 

นอกจากนี้ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า ผู้แทนจากสถานทูตที่เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการทุกท่านชื่นชมแนวคิดและการประชุมของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเป็นอย่างมากที่ได้สร้างความเข้าใจมากขึ้นสำหรับการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เป็นการหารือกันอย่างใกล้ชิดแบบตรงไปตรงมาระหว่างตำรวจสองหน่วยงานกับเจ้าหน้าที่กงสุลจากสถานทูตของต่างประเทศ 

ในนามของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน จึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณผู้แทนจากสถานทูตทุกท่าน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมตามหาคนเยอรมันหาย

วันนี้ (15 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้มีข่าวแพร่กระจายใน social media หลาย platforms กรณีขอให้สังคมช่วยกันตามหาคนเยอรมันสูญหายชื่อ Mr Tim Pössel ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และติดต่อครอบครัวครั้งสุดท้ายวันที่ 20 ส.ค. 65 จากนั้นได้หายตัวไปโดยไม่สามารถติดต่อได้อีกนั้น 

ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รับทราบกรณีดังกล่าวตามที่แพร่กระจายใน social media แล้วจากการประสานงานของ Police TV ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทาง Police TV ไว้ ณ ที่นี้ และได้ร่วมเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบและตามหาบุคคลสูญหายรายนี้ด้วย 

โดยการดำเนินการนั้น ได้ประสานกับกงสุลสถานทูตเยอรมันีประจำประเทศไทยเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อที่จะทำงานบูรณาการไปด้วยกัน จากนั้นได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เร่งสืบหาโดยด่วน รวมทั้งหาข้อมูลการเข้าออกเมืองโดยประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย นอกจากนี้ยังติดต่อไปยังเพจต้นทางที่ลงเรื่องนี้ และกำลังพยายามติดต่อกับครอบครัวของผู้สูญหายอยู่ 

โดยเมื่อเย็นวันที่ (14 ก.ย. 65) ก็ได้รับแจ้งข้อมูลว่า Mr Tim Pössel ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ (5 ก.ย. 65) โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 

สำหรับข้อมูลทั่วไปที่เปิดเผยได้นั้น Mr Tim Pössel มีชื่อเต็มว่า Timothy  Benjamin Pösel เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน มีการเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง โดยเข้าครั้งล่าสุดในวันที่ 16 ส.ค.65  และเดินทางประเทศไทยไปล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.65 ตามที่ได้กล่าวไป ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวขอถือโอกาสนี้แจ้งสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือแจ้งไปยัง social media ทุก platforms ต่อกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และจะหาทางติดต่อครอบครัวของ Mr Tim Posel ให้ทราบความคืบหน้าต่อไป 

พล.ต.ต. อภิชาติฯ โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้กล่าวขอบคุณ Police TV ที่ได้แจ้งเรื่องนี้มาให้ทราบ และขอขอบคุณสื่อใน social media ทุก platforms ที่ได้ช่วยกันทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีในครั้งนี้ โดยเมื่อสังคมและประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแล้ว ตำรวจก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น นี่คือบรรยากาศที่ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการอย่างยิ่ง นั่นคือ ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยหากความร่วมมือในลักษณะนี้เข้มแข็งแล้ว สังคมก็จะปลอดภัย และการท่องเที่ยวก็จะมีความมั่นคง ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยได้อย่างดี นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นี่คือการใช้เทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกเป็นอย่างย่ิง ตำรวจท่องเที่ยวพร้อมเสมอที่จะรับใช้สังคมและประชาชน และดูแลความปลอดภัยคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศทุกคนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

'ตำรวจท่องเที่ยว' เตือน 'แท็กซี่' ไม่รับ ผดส. มีความผิด หากพบเจอ 'ถ่ายรูปรถ-ทะเบียนรถ' แจ้ง 1155 ได้ทันที

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 65) ที่ บช.ทท.พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่า กรณีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยร้องเรียนผ่านสายด่วนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 1155 เข้ามาถึงพฤติกรรมแท็กซี่ที่ปฏิเสธการรับและบริการผู้โดยสารในบริเวณแหล่งและสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาฝนตกหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างยิ่งนั้น 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้พิจารณาพฤติกรรมดังกล่าวของแท็กซี่แล้วเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของคนไทย และบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ซึ่งแน่นอนรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงขอถือโอกาสนี้ ขอแสดงความห่วงใยและฝากเตือนไปยังผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะทุกประเภทว่า ขอความกรุณาอย่าแสดงพฤติกรรมอันไม่มีความเป็นมืออาชีพกับนักท่องเที่ยวเลย เพราะจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก 

ขอเรียนว่า จนถึงปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวของไทยเรามาได้ดีแล้ว หลายสถาบันระหว่างประเทศที่ทำสำรวจความเห็นนักท่องเที่ยวก็มักบอกเสมอว่า ประเทศไทยเป็นที่หมายต้นๆ ของโลกด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น การกระทำที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเพียงคิดง่ายๆ ไม่คำนึงถึงภาพรวมของประเทศ จะส่งผลให้ภาพรวมของประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก

ตำรวจท่องเที่ยวเอาจริง รวบตัวแท็กซี่แสบ ส่งตำรวจท้องที่ ฐานทำภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย เรียกราคาเกินจริง -ปฎิเสธรับ 'นักท่องเที่ยว-ผู้โดยสาร'

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) พล.ต.ต.อภิชาติ  สุริบุญญา รอง ผบช.ทท และโฆษก บช.ทท.เปิดเผย จากกรณีที่ บช.ทท.ได้รับร้องเรียน ทาง 1155 จากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปฎิเสธ การรับผู้โดยสาร รวมถึงการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกฏหมายกำหนด จากรถรับจ้างสาธารณะนั้น 

ซึ่ง พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมายน ผบช.ทท.ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยในสังกัด บช.ทท. ให้กวดขันจับกุมผู้ขับรถสาธารณะที่ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางบก อย่างจริง เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการฝ่าฝืนการกระทำผิด ทำให้เสียภาพลักษณ์ประเทศซึ่งเป็นช่วงกำลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก ซึ่งนโยบายจากรัฐบาลเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ 

ในวันนี้ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.จิรัฏฐวัฒน์ กาญจนวรางกูร รอง ผกก.1 บก.ทท.1 ฯพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ทท.1 ได้ทำการจับกุม นายวิทูลย์ พิหูสูตร อยู่บ้านเลขที่ 359/527 หมู่ที่3 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการโดยกล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน “ปฏิเสธผู้โดยสาร”เหตุเกิดที่ บริเวณถนนข้าวสาร ชั้นจับกุม ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่ง พงส.สน.ชนะสงคราม เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

รายที่ 2 งานสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 ร่วมจับกุมผู้กระทำความผิด ชื่อนายสุพรหม อ่อนศรี
อายุ  43 ปี ความผิดฐาน "ไม่ใช้มาตรมิตเตอร์ (จ้างเหมา) "โดยจับกุมที่ บริเวณริณปากซอยถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.นำส่ง สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top