Friday, 3 May 2024
ตำรวจท่องเที่ยว

‘ตำรวจท่องเที่ยว’ จัดการนักท่องเที่ยวมาเลเซียขับรถซ่า หลังสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม-ประชาชนโดยรวม

วันนี้ (31 ต.ค. 65) เวลา 09.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการฯ แจ้งความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนกรณีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทราบชื่อภายหลังว่า MR.ABDUL RAIMI BIN AZMI อายุ 32 ปี เกิดความคึกคะนองดริฟต์รถเก๋งหรู BMW สีน้ำเงิน เป็นวงกลม 3 รอบ บริเวณลานจอดรถสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สร้างความเดือดร้อนให้กับรถยนต์คันอื่น ๆ ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น

พล.ต.ต. อภิชาติ แจ้งว่าหลังจากได้รับแจ้งเหตุแล้ว พล.ต.ต. กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ซึ่งควบคุมรับผิดชอบพื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ทั้งหมดได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลาตรวจสอบทันที จนกระทั่งวันที่ (29 ต.ค. 65) เวลา 22.00 น. ตำรวจท่องเที่ยวได้พบรถยนต์คันดังกล่าวทะเบียน VGC 2014 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงเรียกให้หยุดและสอบถาม ซึ่ง Mr.Abdul ผู้ขับขี่ให้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถแบบคึกคะนองในวันที่เกิดเหตุจริง จึงได้เชิญตัวมายังสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ พร้อมกับได้เรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกัน 

ผลจากการเจรจาไกล่เกลี่ย Mr.Abdul ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายทั้งหมดรวมเป็นเงิน 99,000 บาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าตำรวจได้แจ้งข้อหาให้ Mr.Abdul ทราบด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายของไทย กล่าวคือ “ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควรจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน” ซึ่ง Mr.Abdul ให้การรับสารภาพโดยพนักงานสอบสวนได้สั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท ก่อนจะปล่อยตัวเดินทางกลับประเทศมาเลเซียต่อไป 

พล.ต.ต. อภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอขอบคุณพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุและประชาชนที่ได้ถ่ายภาพและคลิปวิดีโอในครั้งนี้ไว้ได้ ซึ่งใช้เป็นหลักฐานได้อย่างดีในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและส่งผลให้การไกล่เกลี่ยเกิดประสิทธิภาพเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และอยากถือโอกาสนี้ให้คำแนะนำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกท่านว่า ประเทศไทยนั้นให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านเสมอด้วยความอบอุ่นและเต็มใจ 

นทท.ฝรั่งเศส พร้อมชวนเพื่อนให้มาท่องเที่ยวไทย หลังประทับใจคนไทย เก็บกระเป๋าเงินส่งคืน

เปิดใจเจ้าหน้าที่วัดใหญ่ชัยมงคล พระนครศรีอยุธยา หลังเก็บกระเป๋าสตางค์นักท่องเที่ยวสาวชาวฝรั่งเศสที่ทำตกไว้ก่อนส่งมอบให้ตำรวจท่องเที่ยวตามหาเจ้าของและติดตามส่งมอบกระเป๋าสตางค์คืนก่อนบินกลับบ้านเกิด ด้านเจ้าของกระเป๋าซาบซึ้งใจ พร้อมขอบคุณคนไทยและตำรวจท่องเที่ยวที่ช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ได้กระเป๋าคืน และจะนำเหตุการณ์ดังกล่าวไปเล่าให้เพื่อนที่ประเทศตนฟัง เพื่อชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย 

เมื่อวันที่ (22 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้ที่เก็บกระเป๋าสตางค์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้แล้วนำส่งคืนเจ้าของ คือ นางสงบ ควรคะนอง เจ้าหน้าที่ของวัดใหญ่ชัยมงคล โดยนางสงบ เปิดเผยว่า เนื่องจากในวันดังกล่าวมีคนมาเข้าห้องน้ำแล้วเก็บกระเป๋าเงินได้ บอกป้าว่ามีเงินเยอะด้วยฝากป้าไว้หน่อยนะ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นกระเป๋าเงินของชาวต่างชาติหรือเปล่า เพราะไม่กล้าเปิด ป้าก็เก็บใส่ถุงไว้ไม่กล้าเปิด เพราะกลัวว่าลายนิ้วมือของเขาจะหาย จากนั้นจึงรีบแจ้งนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดเอากระเป๋ามาตรวจสอบหาเจ้าของ จึงทราบว่าเป็นกระเป๋าของชาวต่างชาติเลยส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการส่งคืนเจ้าของ

ต่อมา พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.อ.มิลิน เพียรช่าง ผกก.3 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ธนากร ธรรมเมธา สว.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อส่งมอบกระเป๋าสตางค์ให้กับ Mrs.Nathalie Jeanne Chaignion ชาวฝรั่งเศส หลังทำหล่นหายที่วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยแจ้งกับทางนักท่องเที่ยวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนางสงบ ควรคะนอง เจ้าหน้าที่ดูแลห้องน้ำของวัดใหญ่ชัยมงคลว่า พบกระเป๋าสตางค์ตกหล่นอยู่บริเวณภายในห้องน้ำวัด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของนักท่องเที่ยวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ดังกล่าว เป็นของ Mrs.Nathalie Jeanne Chaignion ชาวฝรั่งเศส จึงได้พยายามติดต่อเพื่อนำกระเป๋าดังกล่าวส่งคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ 

จากนั้นได้ทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่า Mrs.Nathalie เป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 และจะเดินทางกลับในวันที่ 20 พ.ย. 65 เวลา 23.30 น. โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ Tk069 จึงได้นำฝากไว้กับตำรวจท่องเที่ยวของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อคืนให้กับ Mrs.Nathalie

ตำรวจท่องเที่ยวและภาคีเครือข่ายร่วมพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.2566

วันนี้ (13 เม.ย.66) กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.2566 “ท่องเที่ยวปลอดภัยสืบสานประเพณีไทยวันสงกรานต์ ( Songkran Festival 2023 )” ณ บริเวณลานจอดรถ สเตเดียมวัน ซอยจุฬาลงกรณ์ ๕ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ในการรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน รวมถึงประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทย ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 

โดยมี พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. และนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกอบกับผู้แทนหน่วยราชการ หน่วยงานต่างประเทศเข้าร่วมพิธีฯ

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักร การให้ความปลอดภัย ให้บริการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญในหลักการดังกล่าวข้างต้น และเป็นการยกระดับการเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านการรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

‘ผบ.ตร.’ สั่งสอบ!! ปม ‘ตร.ท่องเที่ยว’ ถือกระเป๋าให้ทนายดัง กำชับ!! การทำงานต้องชัดเจน-ไม่เลือกปฏิบัติ ป้องกันต่อภาพลักษณ์องค์กร

(23 เม.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า “ตามที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารทางสื่อโซเชียล กรณีนี้ตำรวจท่องเที่ยวให้การต้อนรับ ช่วยเหลือ ขนกระเป๋า สัมภาระต่างๆ โดยมีการพาดพิงถึงทนายความรายหนึ่งที่มีผู้ใหญ่ให้การดูแลช่วยเหลือนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการด่วนให้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวที่เกิดขึ้นโดยละเอียดว่า การดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เกิดขึ้นที่ไหนอย่างไร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.ทท. หรือไม่ เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ รวมทั้งการให้บริการอำนวยความสะดวกดังกล่าว มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร มีการสั่งการให้ดูแลอำนวยความสะดวกเป็นกรณีพิเศษ หรือใช้อภิสิทธิ์ชน จนกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว” 

ตำรวจท่องเที่ยวจัดอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว 2,273 คน

วันนี้ (11 พ.ค. 66) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ในช่วงวันที่ 10-11 พ.ค. 66 ตำรวจท่องเที่ยวได้จัดให้มีการอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวขึ้น ซึ่งผู้มาสมัครทำหน้าที่อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวในปีนี้ถึง 2,273 คน แบ่งเป็นคนไทย 2,092 คน และคนต่างชาติ 181 คน 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ ในฐานะเป็นวิทยากรอบรมในโปรแกรมนี้ด้วยเปิดเผยว่า ทางตำรวจท่องเที่ยวได้เชิญผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวจากทุกสาขามาให้ความรู้กับอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกคน โดยการอบรมเป็นลักษณะออนไลน์ซึ่งสอดคล้องกับบริบทปัจจุบันและเป็นการประหยัดงบประมาณด้วย 

หลังจากเสร็จสิ้นการอบรม กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะได้อาสาสมัครที่พร้อมเป็นผู้ช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวมากกว่า 2,000 คน ซี่งจะกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้ไม่เพียงทราบประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของแหล่งท่องเที่ยวดีเท่านั้น ในส่วนของอาสาสมัครชาวต่างชาติ ยังสามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวด้วยภาษาต่างประเทศได้อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกและเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีไทยมากยิ่งขึ้น 

โฆษกกองบัญชาการตำรวจยังกล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวไทยกำลังเดินทางไปได้สวยงามและสร้างรายได้ให้ประเทศได้อย่างดี คนไทยทุกคนโชคดีที่เราที่เราได้รักษาและรังสรรค์ประเทศของเราจากรุ่นสู่รุ่น จนประเทศของเราเป็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกชาติทุกภาษา รวมไปถึงวัฒนธรรมประเพณีที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใครทำให้ประเทศไทยมีเสน่ห์อย่างไม่รู้ลืมที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวจากที่ไหนเดินทางมา ก็ต้องกลับมาเที่ยวอีก จึงขอเรียนคนไทยทุกคนให้เกิดความภาคภูมิใจในประเทศและดินแดนของเรา

ตำรวจท่องเที่ยว เร่งเครื่อง! เพิ่มความเชื่อมั่นการดูแลนักท่องเที่ยว กระชับสัมพันธ์ต่างประเทศ-เอกชน

เมื่อวานนี้(12 ต.ค.2566) พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา, Ph.D. รองผู้บัญชาการรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินหน้าพูดคุยกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ กับหน่วยงานทั้งต่างประเทศและภาคเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลนักท่องเที่ยว

โดยช่วงเช้า เวลา 10.00 น. Ms.Jane Ohlsson นายตำรวจประสานงานตัวแทนกลุ่มประเทศนอร์ดิก ประกอบด้วย นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ เดินทางมาพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความปลอดภัยและกระชับความร่วมมือที่มีต่อกัน 

เวลาต่อมา ทีมงานนายตำรวจประสานงานจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Mr.Yuichiro Doi และ Mr.Kobayashi Satoshi ได้เดินทางมาเยือนกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อกระชับความร่วมมือและหารือร่วมกันถึงมาตรการที่จะดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยในช่วง high season ที่จะถึงนี้อีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงบ่าย พล.ต.ต.อภิชาติ ยังได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ (Consortium of Creative Collaboration) ของกลุ่มเอกชนภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และไอที เพื่อสนับสนุนบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในอนาคต อีกทั้งยังร่วมแลกเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในอนาคต ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งกับหน่วยงานต่างประเทศและภาคเอกชนในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำว่า “นักท่องเที่ยวจะต้องปลอดภัยตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้าย” เมื่อเดินทางมาประเทศไทย และภายใต้การอำนวยการของ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เร่งสร้างความร่วมมือกับตำรวจต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์เน้นย้ำกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สาธารณะชนได้รับทราบถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วง high season ที่จะถึงนี้ รวมถึงหลังจากนี้ด้วย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะดำเนินการเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยให้มีความปลอดภัยตลอดไป

ตำรวจท่องเที่ยวไอเดียเก๋ ออกคลิป 2 ภาษา แนะนำ 5 ข้อแนะนำ การท่องเที่ยวในวันฮาโลวีนให้ปลอดภัย

วันนี้ (31 ต.ค.66) พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ปี 2566 นั้น วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมเที่ยวกันวันฮาโลวีนในลักษณะของงานปาร์ตี้ โดยสถานที่ที่มักนิยมไปเที่ยวกัน มักจะเป็นลักษณะของร้านที่มีการจำหน่ายสุรา ผับ บาร์ เช่น ถนนข้าวสาร เป็นต้น

ด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงได้จัดทำคลิป 5 ข้อแนะนำ ในการเที่ยวฮาโลวีนให้ปลอดภัย ได้แก่ 

1. เตรียมแผนเดินทางล่วงหน้า เพื่อจะได้รู้จักเส้นทาง หากเป็นสถานที่ปิด ก็ควรรู้จักทางออกฉุกเฉิน เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

2. ควรมีเพื่อนไปด้วย เพราะในวันฮาโลวีนบางสถานที่ผู้ที่ไปเที่ยวอาจแต่งหน้าแนวแฟนตาซี ทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครหากพบเจอเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เพื่อนจะจำเราได้ และคอยช่วยเหลือกัน 

3. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันเรื่องการล้วงกระเป๋า รวมไปถึงการเบียดเสียดกับคนจำนวนมาก เพื่อเวลาฉุกเฉินจะได้เอาตัวเองออกมาจากสถานที่นั้นได้ง่าย

4. หากจำเป็นต้องดื่ม ให้ดื่มอย่างมีสติ และก็ต้องดื่มแล้วไม่ขับ 

5. ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือมาตรการการรักษาความปลอดภัยของสถาานที่นั้นๆ เช่น ไม่ทำให้เกิดประกายไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้ คลิป 5 ข้อแนะนำ ในการเที่ยวฮาโลวีนให้ปลอดภัย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดทำเป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยสามารถชมคลิปนี้ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Tourist Police Bureau กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หรือ www.facebook.com/1155TPB

ตำรวจท่องเที่ยวปฎิบัติตามนโยบายผบ.ตร. ให้สวม 'เสื้อกั๊กตำรวจแบบใหม่' นำร่องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้(10 พ.ย.66) เวลา 09.00 น. บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รรท.ผบช.ทท., พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.มนพร  ลิขิตมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ทท.1 มอบหมายให้ พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 ลงพื้นที่ปล่อยแถวเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความอุ่นใจ ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตทั้งร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับช่องเทศกาล

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่กำหนดพื้นที่นำร่องสร้างภาพลักษณ์เป็นมิตร ยกระดับรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน และได้มอบเสื้อกั๊กสะท้อนแสงแบบใหม่ให้ตำรวจ ที่ปฏิบัติงานในสถานีตำรวจนำร่องเมื่อวันที่16 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มอบในกับพื้นที่ ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เพื่อให้ตำรวจใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว  

ด้าน พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำนโยบายดังกล่าวฯมาปรับใช้กับท้องที่ที่ดูแลว่า การใส่เสื้อกั๊กแบบการใช้สีแบบ Retroreflector หรือสีสะท้อนแสงและยังเป็นสีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และในอีกหลายประเทศใช้สวมใส่ทับเครื่องแบบ เป็นการยกระดับมาตรการในการดูแลและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว การส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว ช่วยให้ประชาชนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ง่ายตั้งแต่ระยะ 200-500 เมตร เป็นที่เข้าใจในระดับสากล และ เสริมสร้างบุคลิกภาพของตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม มีความคล่องตัว ความปลอดภัย และมีความเป็นมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก 

พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนช่วงเทศกาลลอยกระทงที่กำลังจะมาถึง อยากให้ประชาชนอุ่นใจในการออกจากบ้านไปร่วมงานเทศกาล ว่าจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยที่สุดเพราะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง และ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีการวางแผนการดูแลพื้นที่ต่างๆ อย่างรัดกุม และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว และให้เชื่อมั่นว่ามาตราการรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะไม่สงผลต่อความเป็นส่วนตัวของนักท่องเที่วและประชาชน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายตำรวจท่องเที่ยว เด้งรับนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ

เมื่อวานนี้ (วันอังคารที่ 14 พ.ย.66) เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 4) เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการ โดยมี พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. และ รอง ผบช.ทท. ให้การต้อนรับ ในการมอบนโยบายการปฏิบัติราชการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) ได้กำชับการทำคนน้อยให้เป็นคนมาก ตำรวจท่องเที่ยวต้องร่วมเข้าไปตรวจตราดูแลนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมกับสถานีตำรวจ ต้องตรวจตามแผนการตรวจ พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต้องป้องกันเหตุให้ได้ ต้องไม่มีเหตุเกิดกับนักท่องเที่่ยว หากเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว เราต้องให้ความสำคัญ ต้องกระตือรือร้น ตำรวจท่องเที่ยวต้องช่วยตำรวจพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย หากเป็นเหตุสำคัญ หรือคดีสำคัญ ผู้กำกับการต้องไปควบคุมกำกับดูแลด้วยตนเอง หากติดปัญหาทางตัว รอง ผบ.ตร. ก็จะช่วยแก้ปัญหา ประสานการปฏิบัติให้เอง จะไม่ปล่อยให้ลูกน้องต้องทำงานโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน 

ตำรวจท่องเที่ยวต้องหมั่นดูแลสถานทูต ต้องรู้จักประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตในพื้นที่ และช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวชาติต่าง ๆ ในการประชุมระดับจังหวัด สารวัตรท่องเที่ยวต้องรู้จักไปประชุมด้วยตนเอง เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ในจังหวัดได้ ไม่ใช่มอบรองสารวัตร หรือชั้นประทวนไปประชุม จนทำให้ตำรวจท่องเที่ยวไร้ตัวตนในการทำงานในพื้นที่สำคัญ หรือการทำงานระดับจังหวัด หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เช่น สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องประสานความร่วมมือตรวจสอบความปลอดภัย การบำรุงรักษาเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์เหล่านั้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว และต้องรู้จักประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

อีกทั้งในสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตำรวจท่องเที่ยวก็ต้องช่วยตำรวจพื้นที่ ออกตรวจพื้นที่ตามแผนการตรวจร่วมที่ได้ประชุมกำชับสั่งการไปแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะตรวจสอบผลการตรวจผ่าน ระบบ Police 4.0 ด้วยตนเอง หากพื้นที่ใดไม่ตรวจ ไม่มีผลการตรวจ ไม่ใส่ใจ ก็จะขอพบสารวัตรท่องเที่ยวที่รับผิดชอบเพื่อสอบถามถึงสาเหตุว่าติดขัดหรือมีปัญหาข้อขัดข้องประการใด แต่ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ก็ต้องช่วยกันตรวจตามแผน ตามอำนาจหน้าที่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เน้นย้ำว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยตำรวจที่สำคัญ เป็นหน่วยตำรวจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชางต่างชาติ มีส่วนในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ อันเป็นนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล นโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล เช่น ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากชาติสำคัญ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน หรือการเปิดสถานบริการในพื้นที่สำคัญ เช่น กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ถึงเวลา 04.00 น. ตำรวจท่องเที่ยวก็ต้องตามให้ทัน ต้องปรับแผนการตรวจ การบริการนักท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปฎิบัติงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและการจราจรปีใหม่ได้ดี ขอบคุณอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ที่ช่วยเหลือแบ่งเบางานตำรวจไม่ย่อท้อ

วานนี้ (9 ม.ค.67) เวลา 18.00 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ตำรวจท่องเที่ยวอุดรธานี ส.ทท.5 กก.1 บก.ทท.2 จังหวัดอุดรธานี 

การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบถุงยังชีพ และนำหน้ากากอนามัย รวมทั้งข้าวสาร  ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการดูแลสุขภาพตัวเอง ในขณะปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจาก ตำรวจท่องเที่ยวมีหน้าที่หลักในการคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ในที่ชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังพบปัญหาฝุ่น PM 2.5 และการระบาดของไวรัส ทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้กล่าวชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวว่าที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการปฎิบัติการดูแลนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ และยังร่วมอำนวยการจราจรทำให้สามารถลดอุบัติเหตุและยอดผู้บาดเจ็บเสียชีวิตอย่างได้ผล มีสถิติเสียชีวิตและบาดเจ็บน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นขอให้ตำรวจท่องเที่ยว ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน หมั่นพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ ความสำเร็จนี้ ส่งผลไปถึงเทศกาลอื่นๆที่กำลังจะมาถึง เป็นเทศกาลถัดไป โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาครั้งใหญ่อีก เพื่อไปเฉลิมฉลองกับครอบครัว

นอกจากนี้ยังได้กล่าวชื่นชมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าที่ผ่านมาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแบ่งเบาภาระให้กับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอาสาสมัครที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะนี่เป็นกลไกสำคัญอีกด้าน ที่จะส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเป็นซอฟพาวเวอร์ เพราะนักท่องเที่ยวจะมีความเชื่อมั่นว่าสามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ เมื่อเกิดปัญหาในการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยและจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยขอให้ทุกคนรักษา ศักยภาพในการปฎิบัติหน้าที่ให้ดี เพื่อเป็นแบบอย่าง ให้ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นและชื่นชม จะได้เลือกไทยเป็นเป้าหมายในการเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจฐานรากในการจับจ่ายใช้สอยภายในชุมชนที่มีชาวต่างชาติมาเยือน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top