Monday, 12 May 2025
World

‘อีลอน มัสก์’ นั่งแท่นเจ้าของใหม่ ‘ทวิตเตอร์’ พร้อมเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหาร ข้อหาหลอกลวง

รอยเตอร์สรายงานความเคลื่อนไหวของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสล่า มอเตอร์ ได้กลายเป็นเจ้าของใหม่ของทวิตเตอร์ โซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดัง หลังปิดดีลมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ดำเนินการเจรจาซื้อกิจการมาตั้งแต่เมษายน โดยมัสก์ ประเดิมงานแรกในฐานะเจ้าของใหม่ ด้วยการเซ็นไล่ออก 4 ผู้บริหารชุดเดิมรวมถึง ปารัค อกราวัล (Parag Agrawal) CEO และเน็ต ซีกัล (Ned Segal) CFO และวิชญา กัทเด (Vijaya Gadde) หัวหน้าฝ่ายนโยบายและกฎหมาย

อีลอน กล่าวว่า เขาต้องการ “เอาชนะ” บอทสแปมบนทวิตเตอร์ สร้างอัลกอริธึมที่กำหนดวิธีการนำเสนอเนื้อหาต่อสาธารณะแก่ผู้ใช้ และป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มกลายเป็นห้องสะท้อนความเกลียดชังและการแบ่งแยก แม้ว่าเขาจะจำกัดการเซ็นเซอร์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท เขาได้กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเลิกจ้างงาน ทำให้พนักงานของ Twitter ประมาณ 7,500 คนกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา นอกจากนี้ เขายังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาไม่ได้ซื้อ Twitter เพื่อสร้างรายได้ แต่ “เพื่อพยายามช่วยเหลือมนุษยชาติที่ผมรัก”

ทำความรู้จัก ‘อักชตา มูรธี’ ภรรยานายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่

เมื่อสามีเป็นนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดและหนุ่มที่สุดของสหราชอาณาจักรอังกฤษหมาดๆ,นายริชชี่ ซูนัค, คนอาจใคร่รู้ว่า ภรรยาของเขาคือใคร

Akshata Murty  หรือ อักชตา (อัก-ชะ-ตา) มูรธี วัย ๔๒ เช่นเดียวกับสามีเธอ ทั้งคู่แต่งงานกันในปีพ.ศ. ๒๕๕๒ และมีบุตรสองคน เราอาจจะคิดว่าเธอเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่งแต่ถ้าเอ่ยชื่อเธอหรือบิดาของเธอในอินเดียแล้ว นั่นหมายถึงบิดาและบุตรสาวฐานะมหาเศรษฐีของอินเดีย

อักชตา ถือหุ้นในบริษัทอินโฟซี Infosys  ๐.๙ % หมายถึงมูลค่า ๗๐๐ ล้านปอนด์ที่เธอเป็นเจ้าของตามรายงานประจำปีล่าสุดของบริษัท นั่นยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นที่เธอและสามีร่วมลงทุนอีกราว ๓๐ ล้านปอนด์

บิดาของอักชตาคือ นารายณ์ มูรธี ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัททางด้านไอทีในอินเดียเมื่อราว ๓๐ ปีที่แล้วกับเพื่อนๆอีก ๖ คนด้วยเงินลงทุนที่ยืมมาจากภรรยาของเขาเพียง ๒๕๐ ดอลล่า ซึ่งเขายังรำลึกถึงบุญคุณของเธอจนปัจจุบัน

และปัจจุบัน Infosys มีสำนักงานใน ๕๐ ประเทศมีพนักงานกว่าหนึ่งแสนคนและมีรายได้หลายพันล้านดอลล่า

ฟังดูแล้วเราอาจจะคิดว่าอักชตา ภรรยาของริชชี่ สุนัคมีชีวิตที่แสนสะดวกสบายมาตั้งแต่ต้นซึ่งตรงกันข้ามกับเรื่องราวที่บิดาของเธอได้เล่าในเวลาต่อมาว่า

เมื่ออักชตาเกิดอีกในเมืองหนึ่งในเดือนเมษายนปี พ.ศ. ๒๕๒๓ แต่บิดาเธอมาทำงานอีกในเมืองหนึ่งกว่าเขาจะรู้ว่าภรรยาเขาให้กำเนิดบุตรสาวก็อาศัยข่าวจากเพื่อนที่รู้จักที่เดินทางมายังเมืองที่เขาอยู่เพราะเขาไม่มีโทรศัพท์ที่จะติดต่อกับครอบครัว อักชตาอายุได้เพียง ๒-๓ เดือนก็ต้องไปอยู่กับย่า เพราะพ่อและแม่ของเธอต้องไปทำงานที่มุมไบ และหนึ่งปีให้หลังพ่อของเธอก็ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทซอฟท์แวร์ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบิล เกตส์แห่งอินเดียในเวลาต่อมา

บิดาของเธอเห็นความสำคัญของการศึกษาของลูก ๆ และเพื่อให้ลูกสนใจในการศึกษามากที่สุดภายในบ้านจึงไม่มีโทรทัศน์ เขาส่งอักชตาไปเรียนยังวิทยาลัยเอกชนในสหรัฐด้านเศรษฐกิจและภาษาฝรั่งเศส และเธอยังได้ประกาศนียบัตรด้านแฟชั่นที่เธอสนใจอีกด้วย

เธอเริ่มอาชีพด้านการเงินที่บริษัท Deloitte และ ยูนิลีเวอร์ ต่อมาเธอเข้าศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดของสหรัฐ ที่ซึ่งเธอได้พบกับสามีคือริชชี่ ซูนัค

หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ตั้งบริษัทในปีพ.ศ. ๒๕๕๖ ในการที่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ อักชตา มีชื่อในธุรกิจหลายอย่างเช่น Digme fitness เครือบริษัทสถานออกกำลังที่จ่ายเป็นรายครั้งที่เข้าเล่น นอกจากนี้เธอยังมีชื่อเป็นผู้อำนวยการบริษัทขายเสื้อผ้าผู้ชายราคาแพงอีกด้วย

นอกจากเรื่องราวชีวิตที่ดูเหมือนเทพนิยายที่ครอบครัวสร้างฐานะร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีของประเทศและล่าสุดสามีของเธอได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดของประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นมหาอำนาจแห่งหนึ่ง เรื่องราวของอักชตาในขณะนี้ก็ยังไม่มีประเด็นที่จะถูกวิจารณ์มากนัก ยกเว้นเรื่องภาษีที่เธอถูกวิจารณ์ว่าน่าจะเสียให้กับประเทศที่ครอบครัวเธออาศัยอยู่บ้าง

เรื่องของเรื่องก็คือ อักชตา อยู่ในอังกฤษในฐานะ ที่เรียกกันว่า non-dom; non-domiciled individual หมายถึง ผู้อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่ภูมิลำเนา ซึ่งก็คือคนต่างชาติ(ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช้ประเทศภูมิลำเนาของตน) หรือพูดได้ว่าคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ลงทะเบียนเสียภาษีในประเทศนั้น

'สวิตฯ' แจกใบปลิว!! แจ้งสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม กรณีฉุกเฉินไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์

(28 ต.ค.65) จากเฟซบุ๊ก 'Manutnun Leu' ของคนไทยที่อาศัยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

วันนี้สวิตฯ แจกใบปลิว สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินไม่มีไฟฟ้า

อยู่มา 14 ปี สวิตฯ ไม่เคยมีไฟดับ ฟังแล้วหนาวเลยตรู

ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวยังโพสต์ถึงรายละเอียดของใบปลิวอีกด้วย โดยระบุว่า ด้านหลังจะเป็นพวกรายการอาหารของจำเป็นในการดำเนินชีวิต 2 สัปดาห์ ส่วนหน้าแรกจะเป็นพวกเครื่องใช้สำหรับให้เกิดแสงสว่าง หรือฟังข่าวสารค่ะ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าไฟฟ้าจะดับจริงตามใบปลิวหรือไม่ เพราะเจ้าของเฟซได้ระบุต่อว่า...น้ำมันก็ถูกลงนะคะที่สวิตฯ และสวิตฯ ก็มีเตานิวเคลียร์สร้างกระแสไฟฟ้าตั้ง 5 โรง ไม่เข้าใจว่าทำไมยังขาด โรงงานอุตสาหกรรมก็มีไม่มาก มีแต่โรงงานผลิตยา เจอใบปลิวเตือน ยังงงๆ ว่า มีทางเป็นไปได้ด้วยหรือ!!!

เหตุเกิดจาก...ความชะล่าใจ สุดท้ายต้องได้พักในที่ไม่อยากอยู่

ฮัลโหลบอสตัน

เมื่อเราขับรถเข้าถึงเมืองบอสตันก็ตกเย็นแล้ว เราสองคนก็เลยตั้งใจหาโรงแรมพักใกล้ๆ Boston University สถานศึกษาที่เราสมัครมาเรียนภาษา เราจึงตัดสินใจพักอยู่ Howard Johnson หนึ่งคืน เพราะเป็นโรงแรมชั้นกลางราคาพอสมควร แถมอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัย จะไปทำธุระก็ไม่ต้องขับรถไปไกล 

ขณะที่กำลังจะอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน พี่เขาถามว่าโรงเรียนเปิดเมื่อไหร่ เราก็เปิดแฟ้มที่มหาวิทยาลัยส่งมาให้ เราถึงกับอึ้งกิมกี่ เพราะโรงเรียนเปิดไปเมื่อสองวันที่แล้ว พี่เขาถามเราว่าเราจัดเรื่องที่พักอาศัยเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เราบอกโรงเรียนน่าจะจัดให้แล้ว เราก็เปิดดูในปึกเอกสารเพื่อตรวจสอบข้อมูล เปิดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยเกิดอาการหน้าซีด ใจหาย ตระหนักว่าเรายังไม่ได้ทำเรื่องที่พักเลย พี่เขาปลอบว่าไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปติดต่อถามทางมหาวิทยาลัยว่าเขายังมีห้องพักให้เราหรือเปล่า เราก็เลยนอนอย่างใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

วันรุ่งเราเดินทางไป CELOP (The Center of English & Orientation Programs) ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นหน่วยจัดสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนต่างชาติ ทางโรงเรียนบอกว่าสองวันก่อนนั้นเขามีการปฐมนิเทศ (Orientation) เกี่ยวกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย และชีวิตในเมืองบอสตัน 

วันต่อมาทางโรงเรียนจัดการสอบเทียบระดับเพื่อให้นักเรียนได้เข้าเรียนตามระดับความถนัดทางภาษาอังกฤษ ดังนั้นวันที่เราไปที่โรงเรียนคือวันแรกของการเรียน เจ้าหน้าที่กลัวเราจะขาดเรียนหลายวัน เลยรีบให้เราสอบวัดระดับตอนเช้านั้นเลย เพื่อที่จะได้เข้าเรียนในวันรุ่งขึ้น เราทั้งเหนื่อยทั้งไม่ได้เตรียมตัวพร้อม แต่ก็จำต้องสอบ โชคดีที่ฟลุ๊กได้เข้าชั้นระดับรองลงมาจากชั้นสูงสุด เนื่องจากเราต้องจัดการเรื่องที่พัก เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนอนุญาตให้เราหยุดหนึ่งวันโดยไม่นับว่าขาดเรียน เราและพี่เลยพุ่งไปที่แผนกจัดที่พักนักเรียนโดยทันที

เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้เปิดเทอมมาแล้วเป็นเวลาสองวัน เจ้าหน้าที่บอกว่าห้องพักที่มีห้องน้ำส่วนตัวนั้นนักเรียนได้เช่ากันไปหมดแล้ว ถ้าเราจะอยู่ ต้องไปพักกับเพื่อนร่วมห้องและแชร์ห้องน้ำกับเหล่านักเรียนที่พักในชั้นนั้นซึ่งเป็นนักเรียนปีหนึ่งและปีสองที่ศึกษาระดับปริญญาตรี นอกจากนั้นเขาเพิ่มเติมข้อมูลว่า วันพุธถึงวันอาทิตย์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนซึ่งตรงกับเทศการขอบคุณพระเจ้า ทั้งมหาวิทยาลัยซึ่งรวมถึงหอพักนักศึกษาจะปิด 

ถ้าเรายังจะอยู่ในบอสตัน เราต้องหาที่พักในช่วงเวลานั้นเอง เมื่อเราได้รับข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับที่พัก ใจเราก็หดหู่ แถมหัวมึนตึ้บ มืดไปแปดด้าน จะหันไปไหนก็ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องจำใจยอมรับสภาพอยู่ในห้องรวมในหอพักกับเพื่อนร่วมห้องรุ่นน้อง ผู้เขียนอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็นอุทาหรณ์ต่อท่านผู้อ่านที่มีลูก หรือตนเองที่จะไปเรียนต่างประเทศว่า ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่างประเทศ นอกจากจะจัดการเรื่องการเรียนให้เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมหาที่พักไว้ด้วย จะได้ไม่ตกที่นั่งลำบาก ต้องตัดสินใจแบบขายผ้าเอาหน้ารอด พักในที่ที่ตนเองไม่อยากอยู่ จะเซ็งไปอย่างน้อยหนึ่งเทอมถึงหนึ่งปีเลยเชียว

‘คามาลา แฮร์ริส’ จะเข้าร่วม APEC 2022 ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ทำเนียบขาวยืนยันแล้ว รองประธานาธิบดีสหรัฐ ‘คามาลา แฮร์ริส’ มาไทยร่วมเอเปกซัมมิต 18-19 พ.ย.นี้แทนปธน.โจ ไบเดน 

(29 ต.ค. 65) ‘คารีน ฌอง ปิแอร์’ โฆษกทำเนียบขาว แถลงยืนยันว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริส จะเป็นตัวแทนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินทางมาที่กรุงเทพ เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับผู้นำเอเปกในระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. โดยการมีส่วนร่วมของรองประธานาธิบดีสหรัฐจะเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ รวมถึงพูดถึงเป้าหมายสำหรับการเป็นเจ้าภาพเอเปกของสหรัฐในปี 2566 ด้วย

ขณะที่เยือนประเทศไทยรองประธานาธิบดีสหรัฐยังจะได้พบกับผู้นำไทยและตัวแทนภาคประชาสังคม เพื่อยืนยันและเสริมสร้างความเข้มแข็งของการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐและไทย รวมถึงเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือต่างๆ หลังจากนั้น เธอจะเดินทางไปเยือนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

การมาเยือนประเทศไทยของรองประธานาธิบดี ‘คามาลา แฮร์ริส’ ถือว่าสมเกียรติส
มศักดิ์ศรีมากแค่ไหน ‘นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว’ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศและที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศของสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้แสดงความคิดเห็นไว้ดังนี้…

ส่อง ‘เงินเดือน’ ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ พร้อมสิทธิพิเศษการเข้าถึงงบอื่นๆ หลังปลดระวาง

ขณะที่ข่าวนายกรัฐมนตรีอังกฤษกำลังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับจ้องมองดู อาจมีใครที่ใคร่รู้ว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษนั้นมีหน้าที่การงานอะไรบ้างและได้เงินเดือนมากน้อยเพียงใด

เริ่มต้นก่อนคือ ก่อนที่จะเข้ารับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัวเขาจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าแผ่นดินเสียก่อน ปัจจุบันคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

เมื่อเข้ารับหน้าที่แล้ว ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ เขาจะต้องรับผิดชอบต่อนโยบายของรัฐบาลทั้งหมด รวมถึงการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในการบริหารประเทศด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี สามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีได้ 22 คน ซึ่งในระบบของอังกฤษ รัฐมนตรีที่มีอาวุโสที่สุดจะเรียกว่า Cabinet Ministers, หรือ รัฐมนตรี ที่มีหน้าที่บริหารกระทรวงสำคัญที่ได้รับมอบหมาย เช่น กระทรวง 'การคลัง' หรือ 'มหาดไทย' ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีนี้ นายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งหรือปลดออกได้ หรือสามารถยุบกระทรวงและตั้งกระทรวงใหม่ขึ้นได้ (อังกฤษจะมีการเปลี่ยนแปลงกระทรวงให้เหมาะสมกับความต้องการในการบริหารงานในด้านต่างๆ ของประเทศ)

นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำงานคู่ขนานกับรัฐมนตรีคลังในเรื่องภาษีและนโยบายงบประมาณของรัฐบาล รัฐบาลอังกฤษจะมีการแถลงนโยบายงบประมาณสองครั้งในรอบหนึ่งปี คือในฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม) และฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม) และทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสามารถที่จะออกกฎหมายมาบังคับใช้ในประเทศได้โดยได้รับการสนับสนุนจากสภาผู้แทน

ไม่เพียงแต่นายกฯ จะควบคุมดูแลคณะรัฐมนตรีของตนแล้ว เขายังมีอำนาจและหน้าที่สั่งการข้าราชการในกระทรวงหรือหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลอีกด้วย

นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องการป้องกันและความมั่นคงของประเทศ เช่น ตัดสินใจที่จะส่งกำลังทหารเข้าปฏิบัติการ แต่ประเด็นนี้เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการหารือกันว่าควรจะให้สภาเห็นด้วยไม่ใช่เพียงนายกฯ คนเดียวตัดสิน และมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นไปได้

หน้าที่รับผิดชอบอื่นๆ ที่ยังตกอยู่บนบ่าของนายกรัฐมนตรีคือ ต้องตัดสินใจว่า จะยิงเครื่องบินที่ถูกจี้หรือเครื่องบินที่ไม่สามารถที่จะรู้ว่าเป็นของใครได้ และที่พูดถึงกันบ่อยๆ คือ สามารถสั่งการยิงอาวุธนิวเคลียได้อีกด้วย

และที่อังกฤษยังถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่จนถึงปัจจุบันคือ นายกรัฐมนตรีจะต้องเข้าเฝ้าถวายรายงานต่อพระเจ้าแผ่นดินทุกสัปดาห์ในเรื่องการบริหาราชการงานเมืองของรัฐบาล หากแต่จะเป็นการพบส่วนตัวและไม่มีการจดบันทึกการหารือแต่อย่างใด

>> ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญ คือ แล้วนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับเงินเดือนเท่าไหร่?

ตามอัตราที่ปรากฏในปีพ.ศ. 2565 นี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะได้เงินเดือนทั้งหมดปีละ 164,757 ปอนด์ โดยจะแบ่งออกเป็นสองยอด คือ ในฐานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปีละ 84,144 ปอนด์ และในฐานะผู้แทนราษฎรอีก 79,936 ปอนด์ สามารถอยู่ในบ้านพักประจำตำแหน่งฟรี คือ 10 ถนนดาวน์นิ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษอาศัยอยู่มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1735 (นายกฯ บางคนจะเปลี่ยนมาอยู่ในบ้านเลขที่ 11 ที่อยู่ติดกันแทน เพราะกว้างใหญ่กว่า)

นอกจากบ้านพักทางการในลอนดอนที่ถนนดาวน์นิ่งแล้ว นายกรัฐมนตรียังมีบ้านพักต่างอากาศของทางการในชนบทที่ชื่อ 'เชคเกอร์' Chequers ที่ตั้งอยู่ในเขต บัคกิ่งแฮมเชียร์อีกด้วย

ถ้าจะว่าไปแล้วเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อหารออกมาแล้วก็ตกเดือนละ 13,729 ปอนด์ ซึ่งดูจะน้อยกว่าผู้นำประเทศตะวันตกอื่นๆ พอสมควร เช่น ถ้าเป็นนายกฯ แคนาดาจะรับปีละ 200,000 ปอนด์ หรือนายกฯ เยอรมนี 280,000 ปอนด์ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะนี้ เงินเดือนสูงที่สุด ตกปีละ 300,000 ปอนด์ (จำนวนเงินจะปรับในแต่ละปี) ตามรายงานของ National world.com

นี่เป็นเงินเดือนขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี !!

ทว่า หลังจากหมดหน้าที่นายกฯ แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรียังสามารถได้รับเงินเดือนอีกปีละ 115,000 ปอนด์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในหน้าที่การงานในตำแหน่งพิเศษ แต่จะต้องเป็นงานเพื่อสาธารณะ และเงินนี้จะใช้เป็นค่าเช่าสำนักงาน เพื่อรับเรื่องหรือจ้างพนักงานทำงาน โดยเงินก้อนนี้อดีตนายกฯ สามารถเบิกใช้จ่ายได้ตามหน้าที่การงาน แต่ไม่ใช่นำมาใช้จ่ายส่วนตัว

สะพานคนเดินในอินเดียพังถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 80 คน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ (30 ต.ค. 65) ที่ผ่านมา เกิดเหตุสลดขึ้นในรัฐคุชราต ทางภาคตะวันตกของอินเดีย เมื่อสะพานคนเดินที่อัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่กำลังสนุกสานกับเทศกาลวันหยุดพังถล่ม และฉุดให้ผู้คนมากกว่าร้อยคนที่อยู่บนสะพานตกลงสู่แม่น้ำที่อยู่เบื้องล่าง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 81 คน

ภาพวิดีโอเผยให้เห็นนักท่องเที่ยวหลายสิบคนกำลังห้อยต่องแต่งอยู่บนสายเคเบิลและซากบิดเบี้ยวที่เหลืออยู่ของสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำมักชู ในเมืองมอร์บี โดยที่หน่วยฉุกเฉินพยายามหาทางช่วยเหลือพวกเขา บางส่วนปีนขึ้นไปบนซากหักพังเพื่อมุ่งหน้าเข้าหาตลิ่ง และบางส่วนตัดสินใจว่ายน้ำไปยังที่ปลอดภัย 

อย่างไรก็ตามมีผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นี้จำนวนมากและมีเด็กหลายคน

ประทีค วาซาวา ผู้อยู่ในเหตุการณ์และประสบเหตุด้วยตัวเอง เขาว่ายน้ำเข้าฝั่งหลังตกจากสะพาน และสัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า เห็นเด็กหลายคนตกลงแม่น้ำ “ผมอยากดึงเด็กบางส่วนในนั้นมาพร้อมกับผมด้วย แต่พวกเขาจมน้ำไปแล้ว หรือไม่บางคนก็ถูกกระแสน้ำซัดลอยไป” เขากล่าว พร้อมเล่าว่าสะพานพังถล่มภายในเวลาไม่กี่วินาที

ทางด้าน อาตุล ปราจาปาตี เจ้าหน้าที่แพทย์ของโรงพยาบาลประจำรัฐ ซึ่งอยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุ ระบุว่า “เราพบร่างไร้วิญญาณ 81 รายและได้เริ่มกระบวนการพิธีการทางศาสนาแล้ว” และบอกว่านอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้น ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ามีประชาชนมากกว่า 400 คนที่อยู่บนและแถว ๆ สะพานแขวนเก่าแก่ยุคอาณานิคมแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่มันพังถล่ม ส่วนรัฐมนตรีมหาดไทยอินเดียเสริมว่ามีมากกว่า 150 คนที่อยู่บนตัวสะพาน

ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ผนึกกำลังแก้ปัญหา ภายหลังเกิดเหตุฝูงชนล้มทับกันในย่านอิแทวอน

เมื่อคืนวันที่ (29 ต.ค. 65) เกิดเหตุสลดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150 รายในย่านอิแทวอน ย่านไนต์คลับชื่อดังของเกาหลีใต้ โดยการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดภายใต้ตรอกซึ่งเป็นทางลาดลงเนินเพื่อไปยังผับชื่อดัง นักท่องเที่ยวที่ต่อแถวและแอดอัดได้เบียดกันไปมา ก่อนที่สุดท้ายจะมีคนล้มลงแล้วล้มทับต่อกันเป็นโดมิโน่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงกว่า 150 ราย 

ภายหลังจากเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น ทางรัฐบาลและฝ่ายค้านของประเทศเกาหลี ได้เรียกประชุมสภาเป็นการด่วน โดยยกเลิกหมายกำหนดการณ์ทุกอย่างที่เตรียมไว้แล้ว และมุ่งหน้าไปประชุมสภาวาระฉุกเฉิน 

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ตาม

โดย พรรคพลังประชาชน หรือ People Power Party (PPP) พรรคแกนนำรัฐบาลของเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางพรรคฯ ได้ยกเลิกการประชุมตามกำหนดการเดิมทั้งหมด โดยจะจัดการประชุมที่รัฐสภาเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนรับมือเหตุฉุกเฉินแทน

ชุง จิน-ซุค หัวหน้าพรรค PPP โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า “มันเป็นอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียด” 

ขณะที่พรรค Democratic Party พรรคฝ่ายค้าน ระบุว่า ผู้นำพรรคฯ จะประชุมฉุกเฉินเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตและเตรียมแผนรับมือ

ลี แจ เมียง (Lee Jae-myung) หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กว่า เขารู้สึก "ตกใจและเสียใจ" ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่น ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ ในการรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุสลดในครั้งนี้

โดยนายลี กล่าวว่า “เราต้องมุ่งความสำคัญไปที่การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียอย่างทันท่วงที ตลอดจนการรักษาและฟื้นฟูผู้บาดเจ็บ และให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่” 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นอีกเหตุสลดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น 

แต่ทันทีที่เกิดเหตุเราได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน โดยฝ่ายค้านไม่ได้หยิบเอาประเด็นที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาลเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง

‘อีลอน มัสก์’ ไล่บอร์ดบริหารทวิตเตอร์ออกยกแผง อ้าง!! มีพฤติกรรมปกปิดตัวเลขบัญชีผู้ใช้ปลอม

‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกยุบทิ้งบอร์ดบริหารบริษัททวิตเตอร์ เพื่อกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ หลังเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับกิจการตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ แจ้งว่า คณะกรรมการบริหารชุดเดิม ไม่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวต่อไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขการเข้าซื้อกิจการของ อีลอน มัสก์ ที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า มัสก์ คือกรรมการผู้บริหารเพียงคนเดียวของทวิตเตอร์ อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมัสก์ แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่าต้องการเข้ามาควบคุมการบริหารของทวิตเตอร์อย่างเบ็ดเสร็จ

โดยทันทีที่เทคโอเวอร์บริษัทได้สำเร็จ สิ่งแรกที่ มัสก์ ทำคือการไล่ประธานกรรมการบริหาร (CEO) และผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ออกในทันที และ ‘ถูกเชิญ’ ออกจากอาคารสำนักงาน

แหล่งข่าวเผยว่า สาเหตุที่มัสก์ไล่ ปารัก อักราวัล ซึ่งเป็น CEO กับเน็ด เซกัล ซึ่งเป็น CFO และวิจายา แกดเด หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและนโยบายออก เนื่องมาจากพฤติกรรมของทั้งสามที่ต้องการปกปิดตัวเลขบัญชีผู้ใช้ปลอมบนทวิตเตอร์


ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/183642

Alexa เอไอ ของ Amazon โชว์โหด!! แนะพ่อ ‘ต่อยคอเด็ก’ เพื่อให้หยุดหัวเราะ

พ่อชาวอังกฤษวัย 45 ปี สุดช็อกหลัง ‘Alexa’ ลำโพงเอไอของแอมะซอนที่เพิ่งได้มาตั้งคำถามถึงวิธีการเลี้ยงดูเด็กแนะนำให้เขาต่อยคอลูกเพื่อให้หยุดหัวเราะ แอมะซอนยืนยันรีบลบข้อมูลทันทีที่รู้เรื่อง

เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวันที่ (1 พ.ย. 65) ว่า พ่อชาวอังกฤษวัย 45 ปี อดัม แชมเบอร์เลน (Adam Chamberlain) จากเชฟฟิลด์ (Sheffield) ตกใจและเปิดเผยต่อสาธารณะหลังพบว่า ‘อเล็กซา’ (Alexa) ซึ่งเป็นเอไอลำโพงคอมพิวเตอร์แอมะซอน Echo ที่โด่งดังและเพิ่งได้มาใหม่นั้น ได้แสดงวิธีการเลี้ยงดูเด็กที่เป็นอันตราย

โดย แชมเบอร์เลน ได้โพสต์วิดีโอคลิปที่เป็นการถามตอบระหว่างเขาและอเล็กซา และกลายเป็นที่โด่งดังไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยในวิดีโอคลิปพบว่าคุณพ่อวัย 45 ปี ได้ตั้งคำถามถึงวิธีการทำให้เด็กหยุดหัวเราะ ซึ่งในคลิปเขาถามอเล็กซาว่า “อเล็กซา คุณจะหยุดเด็ก ๆ จากการหัวเราะได้อย่างไร”

และในวิดีโอคลิปพบว่าอเล็กซา ซึ่งเป็นเอไอตอบกลับมาว่า...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top