Saturday, 10 May 2025
World

ชาวไทยแห่ชมวัฒนธรรมโบราณและธรรมชาติอันเขียวขจี ดันยอดนักท่องเที่ยวไทยพุ่ง 223% หลังจีนเปิดฟรีวีซ่า

(10 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า การเปิดให้บริการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเข้าสู่เมืองเฉิงตูในปีนี้ ส่งผลให้จำนวนผู้เดินทางจากไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง โดยมียอดการเดินทางมาเยือนเพิ่มขึ้นถึง 223% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (อ้างอิงจาก : ข้อมูลสำนักงานการท่องเที่ยวเฉิงตู)

การเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 68 ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม และธรรมชาติอันงดงามของเมืองเฉิงตู โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้าเฉิงตู, ถนนโบราณจินหลี่ และสวนหยวนหมิง หยวนที่น่าสนใจ

นางหลิว เหวยเหวี่ยน ผู้แทนสำนักงานการท่องเที่ยวเฉิงตูกล่าวว่า “เราเห็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเลิกวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาจากประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองเฉิงตูและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ”

นักท่องเที่ยวไทยหลายคนที่เดินทางมาเยือนเฉิงตูได้แสดงความคิดเห็นว่า การเปิดให้เข้าชมเมืองโดยไม่ต้องขอวีซ่าทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นมาก และเป็นโอกาสที่ดีในการสำรวจเมืองที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 

ทางการจีนตั้งเป้าในปีนี้ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศไทยให้มาเยือนมากขึ้น เนื่องจากเมืองเฉิงตูถือเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจีน

ทั้งนี้ การขยายตัวของนักท่องเที่ยวจากไทยยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่ทางการจีนและประเทศไทยเตรียมความพร้อมในการสร้างความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกัน

ชาวเนปาลนับหมื่น แห่รับ ‘สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ’ พร้อมเรียกร้องให้ฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง

กลุ่มสนับสนุนสถาบันกษัตริย์นับหมื่นรวมตัวกันที่สนามบินเพื่อมาต้อนรับสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งเนปาล อดีตกษัตริย์เนปาลที่ถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2008 ซึ่งได้เดินทางกลับกรุงกาฐมาณฑุ

พร้อมเรียกร้องให้คืนสถาบันกษัตริย์ที่ถูกโค่นอำนาจไป ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้สนับสนุนของสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ประมาณ 10,000 คน รวมตัวกันใกล้ทางเข้าหลักของสนามบินนานาชาติตริภูวันในกรุงกาฐมาณฑุ ขณะพระองค์เสด็จกลับจากการเดินทางไปเนปาลตะวันตก

“ขอให้พระองค์ทรงกลับมาเถิด ทรงกลับมาเป็นกษัตริย์ มาช่วยประเทศชาติ กษัตริย์ที่รักของเรา จงทรงพระเจริญ เราต้องการสถาบันกษัตริย์” ประชาชนพากันตะโกน

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ วัย 77 ปี ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2001 หลังจากพี่ชายของเขา Birendra Bir Bikram Shah และครอบครัวของเขาถูกสังหารในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่คร่าชีวิตสมาชิกราชวงศ์ไปเกือบหมด

พระองค์ทรงปกครองประเทศในฐานะประมุขแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีอำนาจบริหารหรืออำนาจทางการเมืองจนถึงปี 2005 เมื่อพระองค์ได้เข้ายึดอำนาจเบ็ดเสร็จโดยกล่าวว่าเพื่อปราบกบฏเหมาอิสต์ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์

พระองค์สั่งยุบรัฐบาลและรัฐสภา จำคุกนักการเมืองและนักข่าว และตัดการติดต่อสื่อสาร ประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้กองทัพปกครองประเทศ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการประท้วงบนท้องถนนครั้งใหญ่ จนในปี 2006 สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ต้องส่งมอบอำนาจให้กับรัฐบาลหลายพรรค

รัฐบาลดังกล่าวได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มเหมาอิสต์ ซึ่งยุติสงครามกลางเมืองยาวนานกว่าทศวรรษที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน

ในปี 2008 พระองค์ได้ลงจากบัลลังก์หลังจากรัฐสภาลงมติให้ยกเลิกระบอบกษัตริย์ฮินดูที่ปกครองมายาวนาน 240 ปีของเนปาล ทำให้ประเทศกลายเป็นสาธารณรัฐฆราวาส

แต่ตั้งแต่นั้นมา เนปาลมีรัฐบาล 13 ชุด และหลายคนในประเทศ เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับสาธารณรัฐนี้ พวกเขาบอกว่าเนปาลไม่สามารถสร้างเสถียรภาพทางการเมืองได้ และโทษว่าเป็นต้นเหตุของเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการทุจริตคอร์รัปชันที่แพร่หลาย

'ความไร้ความสามารถของนักการเมือง’ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมกล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองเพื่อหยุดยั้งประเทศไม่ให้เสื่อมถอยต่อไป Thir Bahadur Bhandari วัย 72 ปี กล่าวกับสำนักข่าว Associated Press ว่า "เราอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนกษัตริย์อย่างเต็มที่และรวมตัวสนับสนุนพระองค์เพื่อให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้ง" 

ในบรรดาคนนับหมื่นที่มาครั้งนี้ มีช่างไม้วัย 50 ปีชื่อ Kulraj Shrestha ซึ่งเคยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านกษัตริย์เมื่อปี 2006 แต่เปลี่ยนใจแล้วและตอนนี้กลับมาสนับสนุนสถาบันกษัตริย์

“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับประเทศคือการทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่ และนักการเมืองที่อยู่ในอำนาจทุกคนไม่ได้ทำอะไรเพื่อประเทศเลย” Kulraj Shrestha ให้สัมภาษณ์กับ AP “ผมเข้าร่วมการประท้วงที่ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วยความหวังว่ามันจะช่วยประเทศได้ แต่ผมคิดผิด และประเทศชาติยิ่งตกต่ำลง ผมจึงเปลี่ยนใจ”

สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อข้อเรียกร้องให้คืนสถาบันกษัตริย์ แม้จะมีการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น แต่โอกาสที่พระองค์จะกลับคืนสู่อำนาจนั้นริบหรี่

Lok Raj Baral นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่าเขาไม่เห็นความเป็นไปได้ที่สถาบันกษัตริย์จะฟื้นคืนมา เพราะสถาบันกษัตริย์เป็น “แหล่งที่มาของความไม่มั่นคง”

“สำหรับกลุ่มที่ไม่พอใจบางกลุ่ม การกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นการส่งสัญญาณถอดใจ เนื่องจากความไร้ความสามารถของนักการเมืองที่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ความหงุดหงิดดังกล่าวได้แสดงออกมาผ่านการชุมนุมและการเดินขบวนดังกล่าว” เขากล่าว

กรุงปักกิ่ง เตรียมเปิดสอนหลักสูตร AI ในชั้นประถม-มัธยม สานเป้าหมายดันจีนสู่มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี AI

โรงเรียนในกรุงปักกิ่งเตรียมบรรจุหลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเรียนการสอนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตามเป้าหมายของจีนในการเป็นผู้นำด้าน AI

คณะกรรมการการศึกษาเทศบาลนครปักกิ่งระบุผ่านแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า ตั้งแต่ภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โรงเรียนในกรุงปักกิ่งจะต้องจัดการเรียนการสอนด้าน AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา โดยโรงเรียนสามารถเปิดเป็นวิชาเฉพาะ หรือบูรณาการเข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่แล้ว เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยาศาสตร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำนวัตกรรมด้าน AI มานานแล้ว แต่ภาค AI เพิ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลกเมื่อต้นปีนี้ หลังจากสตาร์ตอัปสัญชาติจีนอย่างดีปซีค (DeepSeek) เปิดตัวโมเดล AI ที่อ้างว่ามีประสิทธิภาพทัดเทียมกับโมเดลที่พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่ามาก

แผนการศึกษานี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่ประกาศในที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งมุ่งสนับสนุนการประยุกต์ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ ตลอดจนการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะรุ่นใหม่และอุปกรณ์การผลิต

หวย จิ้นเผิง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของจีน กล่าวเมื่อวันพุธ (5 มี.ค.) ระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติประจำปีว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI เปิดโอกาสสำคัญให้กับภาคการศึกษา พร้อมย้ำว่าจีนจะเผยแพร่สมุดปกขาวว่าด้วยการศึกษา AI ในปี 2568

จีน-รัสเซีย-อิหร่าน ประกาศซ้อมรบทางทะเล ยกระดับความร่วมมือทางทหาร กระชับอำนาจในอ่าวเปอร์เซีย

(11 มี.ค. 68) สำนักข่าว Sputnik รายงานว่า กระทรวงกลาโหมจีนประกาศว่า จีน, รัสเซีย และอิหร่าน จะร่วมกันซ้อมรบทางทะเลบริเวณน่านน้ำใกล้ท่าเรือจาบาฮาร์ของอิหร่าน ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้

แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ การเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเล การต่อต้านภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์ และการประสานงานทางทหาร ระหว่างกองทัพเรือของทั้งสามประเทศ ซึ่งถือเป็นการขยายความร่วมมือทางทหารที่สำคัญ

การซ้อมรบระหว่าง จีน-รัสเซีย-อิหร่าน เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศที่มีความตึงเครียด โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียเพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบครั้งใหญ่ "Ocean-2024" ในทะเลญี่ปุ่นร่วมกับจีน ขณะที่จีนและอิหร่านก็กำลังพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์มองว่าการซ้อมรบครั้งนี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณถึงชาติตะวันตกว่า พันธมิตรฝั่งตะวันออกกำลังแข็งแกร่งขึ้น และพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของตนในภูมิภาค โดยเฉพาะในบริเวณอ่าวเปอร์เซียและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจและการทหาร

ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการซ้อมรบ รวมถึงจำนวนกองกำลังและยุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วม ยังคงต้องรอติดตามจากแถลงการณ์เพิ่มเติมของทั้งสามประเทศ

'ท่าอากาศยานเจิ้งโจว' แหล่งลงทุนแห่งอนาคต พร้อมเชื่อมต่อเศรษฐกิจโลก เสริมศักยภาพศูนย์กลางโลจิสติกส์ครบวงจร

(11 มี.ค. 68) เขตนำร่องทดลองเศรษฐกิจท่าอากาศยานเจิ้งโจว (Zhengzhou Airport Economic Comprehensive Experimental Zone) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอหนาน กำลังก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางธุรกิจและโลจิสติกส์ระดับโลก พร้อมต้อนรับพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เครือข่ายคมนาคมที่ครอบคลุม และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

เขตเศรษฐกิจแห่งนี้โดดเด่นด้วยระบบ 'การเชื่อมโยงท่าทั้ง 4' ได้แก่ ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ ศูนย์ขนส่งทางถนน และท่าเรือบก ทำให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์กับเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ปัจจุบันสนามบินนานาชาติเจิ้งโจวซินเจิ้ง อยู่ที่ 40 อันดับแรกของโลกด้านปริมาณการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ และมีเส้นทางขนส่งสินค้าเชื่อมโยง 28 ประเทศ และ 62 เมืองทั่วโลก

นอกจากนี้ ศูนย์ท่าเรือบกนานาชาติเจิ้งโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปแห่งเดียวในภาคกลางของจีน คาดว่าจะสามารถรองรับ รถไฟ 10,000 ขบวน และสินค้ากว่า 10 ล้านตัน ภายในปี 2578

โดยเขตนำร่องเศรษฐกิจแห่งนี้กำลังกลายเป็น ศูนย์กลางการผลิตระดับสูง โดยมีอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย Foxconn, xFusion และ Loongson, อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ ขับเคลื่อนโดย BYD, Skyworth และ Geely, อุตสาหกรรมชีวการแพทย์ มีศูนย์กลางที่ Zhongyuan Medical Science City

อีกทั้งโรงงานของ Foxconn ในเจิ้งโจวได้ผลิตสมาร์ตโฟนไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านเครื่อง ทำให้กลายเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่ BYD ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ได้ถึง 545,000 คันในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 169.8%

ส่งผลให้เขตเศรษฐกิจแห่งนี้ยังพัฒนาไปสู่ เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ เช่น ดาวเทียมอวกาศ การกักเก็บพลังงาน และปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยศูนย์การคำนวณอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในจีนตอนกลางกำลังจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบภายในไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับในอนาคต เขตนำร่องเศรษฐกิจท่าอากาศยานเจิ้งโจวตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางใน 5 ด้าน ได้แก่ ศูนย์การผลิตขั้นสูง, ศูนย์โลจิสติกส์เพื่อธุรกิจ, ศูนย์นวัตกรรมและการประกอบการ, ศูนย์แฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ และศูนย์พัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้วยศักยภาพและนโยบายสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เขตเศรษฐกิจแห่งนี้จึงพร้อมเปิดรับ นักธุรกิจและนักลงทุนจากทั่วโลก ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ

‘เกาหลีใต้’ ประเทศที่เศรษฐกิจดีแต่คนไม่มีความสุข เหตุ ความมั่งคั่งอยู่ในมือไม่กี่ตระกูลใหญ่ - คนรุ่นใหม่ไม่สร้างครอบครัว

(11 มี.ค. 68) เพจ Business Backpacker by K-SME โพสต์ข้อความว่า เกาหลี = ประเทศที่ความสุขต่ำสุดในโลก

โดยระบุว่า มา Seoul ครั้งนี้, นี่คือสิ่งที่ได้ยินบ่อยๆ ทั้งจากข่าวจากคน 

แรกๆ ก็งงว่าเป็นไปได้อย่างไร, โดยเฉพาะกลุ่มเด็กรุ่นใหม่วัย 30 ปีลงมาที่เรียกบ้านเมืองตัวเองว่านรกบนดิน
ทั้งที่เกาหลีเป็นชาติพัฒนา, gpd ต่อหัวเกือบ 40000 usd [ต่อคนประมาณ 1.2 ล้านต่อปีหรือเดือนละแสนบาทไทย]

แต่ดูเหมือนว่าประชากรจะไม่มีความสุขเท่าไร 
หลักฐานแสดงออกมาใน Stat อื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน

เช่น 
- อัตราการเกิดของเด็กที่ต่ำสุดในโลก [ตกใจที่ต่ำกว่า Ukraine ด้วยซ้ำจาก Stat ปี 2024]
- การหย่าร้างที่ติดอันดับบนๆ 
- เดินถนนมีแต่คนแก่
- แต่ประเทศดันอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา [แถมยิ่งวันทั้ง Kim ทั้ง Trump ก็ดูบ้าๆ พยากรณ์อะไรไม่ได้...]
- ประชาชนทุกคนต้องเป็นทหาร 
- แต่ "ประชาชนทุกคน" ที่ว่าฯ ดันมีจำนวนเกิดใหม่น้อยลงๆ
- จากเดิมที่เคยทำนายว่าในเวลา 50 ปี, ถ้าเกาหลีใต้ยังคงเดินหน้าแบบนี้จะ "สิ้นชาติ" อาจเห็นผลในไม่ถึง 30 ปีหรือ 25 ปี
- เมื่อเมืองอื่นๆ ในเกาหลีมีเด็กเกิดใหม่น้อยลง, ธุรกิจในพื้นที่นั้นก็เริ่มตาย
- ยิ่งผลักให้เด็กจบใหม่มีทางเลือกเดียวคือเข้า Seoul 
- ต่างจังหวัดก็ยิ่งร้าง
- แต่เด็กจบใหม่เหล่านั้นเมื่อผ่านไปสี่ห้าปีก็เริ่มพบว่าต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ Own อะไรเลยในประเทศนี้
- ตึกสวยๆ สูงๆ ใน Seoul ที่ตนเคยใช้ภูมิใจอวดใส่คนต่างชาติ, ความจริงเจ้าของทั้งหมดก็คือสี่ห้านามสกุลที่แบ่งประเทศกัน
- ส่วนตัวเองทำได้แค่เลิกงานแล้วเดินทางกลับห้องเช่ารูหนูใต้ดินชายขอบของ Seoul [บ้านสมัยก่อนมักมีห้องใต้ดินเผื่อไว้เป็น Shelter หากเกิดสงคราม]
- ผ่านไปสิบปีเริ่มแก่ลงทุกทีๆ 
- ไม่มีปัญญาแม้จะ Own ห้อง Own ตึก Own บ้าน, ไม่มีปัญญาจะสร้างครอบครัวหรือมีเด็กเกิดใหม่ที่รัฐ [และไอ้สี่ห้าตระกูลนั้น] เคี่ยวเข็ญทุกวันว่าคนรุ่นใหม่ทำไมไม่มี ๆ ๆ
- ที่เห็นหนุ่มสาวชาว Seoul เดินหล่อๆ สวยๆ กัน, เป็นแค่ฝันที่ครั้งหนึ่งเกาหลีสร้างไว้ ก่อนสมัย Pandemic 

ฉันมาธุระรอบนี้, ออกมาดูพื้นที่รอบนอกของ Seoul ถัดออกมาอีกที 
มีต่างชาติส่งข่าวอันหนึ่งมาให้ดู
ว่าด้วย Older Se x Workers ในเกาหลี

คนชราหญิงวัย 6x - 7x ปีที่ออกมาเดินเร่ขายตัวกลางดึกเพื่อหาเงินกินข้าววันต่อวัน
ทั้งที่บางคนมีลูกหลาน
แต่ความจริงคือลูกหลานเหล่านั้นแค่เอาตัวเองให้รอดไปวันๆ ก็แทบจะไม่ไหว
ไม่มีความหวัง
ไม่มีความภูมิใจ
ไม่มีอนาคต

ตัวเลข gdp ที่เกิดจากสี่ตระกูลใหญ่อาจจะปั่นขึ้นไปๆ
แต่คนรุ่นจากนี้อาจจะเริ่มสงสัย
ว่าฉันยังควรจะภูมิใจที่เกิดเป็นคนเกาหลีไหม
ในเมื่อไม่มีสิทธิ Own อะไรในประเทศนี้เลย 

‘เซเลนสกี’ เยือนซาอุฯ เข้าเฝ้าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หารือความร่วมมือทวิภาคีท่ามกลางสงครามยูเครน-รัสเซีย

(11 มี.ค. 68) สื่อซาอุดีอาระเบียรายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ได้พบปะกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ที่พระราชวังอัล-ซาลาม ในเมืองเจดดาห์ เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (10 มี.ค.) โดยมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติ

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย ขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงรักษาบทบาทเป็นมหาอำนาจในตะวันออกกลางที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจในระดับโลก

สำนักข่าวของทางการซาอุดีอาระเบียระบุว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้หารือถึงแนวทางการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และพลังงานระหว่างสองประเทศ รวมถึงการสนับสนุนยูเครนในด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบของสงคราม

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงความพยายามในการหาทางออกทางการทูตสำหรับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่

แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย มีบทบาทสำคัญในเวทีโลกด้านพลังงาน และการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง โดยได้แสดงท่าทีสนับสนุนแนวทางสันติภาพ รวมถึงการแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการทางการทูตมาโดยตลอด

การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของทั้งสองประเทศในการกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกันในหลายมิติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของหลายประเทศ

‘โรดริโก ดูเตอร์เต’ ถูกจับกุมที่สนามบินนานาชาติมะนิลา ตามหมายจับศาล ICC จากกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด และการใช้ความรุนแรงเกินขอบเขต

(11 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกจับกุมที่สนามบินนานาชาติมะนิลา ขณะเดินทางกลับจากฮ่องกง ตามหมายจับที่ออกโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการสอบสวนของ ICC ที่ดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายสงครามปราบปรามยาเสพติดของดูเตอร์เตในช่วงดำรงตำแหน่ง ซึ่งได้มีการกล่าวหาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์การสังหารผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดโดยไม่มีการพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม

เมื่อเดือนกันยายน 2564 ศาลอาญาระหว่างประเทศ ได้เริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว หลังจากที่มีการกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก ในช่วงที่ดูเตอร์เตดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2559-2564 โดยเขาได้ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด 

หนึ่งในนโยบายของดูเตอร์เตคือการให้รางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมหรือสังหารผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด กลายเป็นก่อให้เกิด “สงครามยาเสพติด” นำไปสู่การเสียชีวิตของ 6,200 ราย ที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปราม

โดยก่อนหน้านี้ดูเตอร์เตจะประกาศถอนฟิลิปปินส์ออกจากการเป็นสมาชิกของ ICC ในปี 2560 แต่หลังจากที่ศาลเริ่มตรวจสอบนโยบายของเขา นำมาสู่การหมายจับที่ออกมาในครั้งที่นี้ยังคงมีผลบังคับใช้ และทางการฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการตามกระบวนการจับกุมอย่างเคร่งครัด

หลังการจับกุม ดูเตอร์เตถูกส่งตัวไปยังสถานที่คุมขังภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่คณะทนายความของเขากล่าวว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์ในเร็วๆ นี้ โดยยืนยันว่าอดีตประธานาธิบดีไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว และจะต่อสู้กับข้อกล่าวหานี้อย่างเต็มที่

การจับกุมดูเตอร์เตในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการเมืองภายในประเทศฟิลิปปินส์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและการดำเนินการของศาลฯ ICC

สาวนักวิ่งจากบรู๊กวิลล์ ไฮสคูล โดนคู่แข่งใช้ไม้คฑาวิ่งผลัดฟาดศีรษะ ออกจากการแข่งด้วยความเจ็บปวด ขณะที่มือทำยังปฏิเสธบอกเป็นเพียงอุบัติเหตุ

(11 มี.ค. 68) โลกโซเชียลแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างการแข่งขันวิ่งผลัด 4×200 เมตร หญิง ระดับไฮสคูลในรัฐเวอร์จิเนีย ของสหรัฐฯ รายการ 'เวอร์จิเนีย สเตท ไฮสคูล ลีก แชมเปี้ยนชิพส์' ซึ่งจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยลิเบอร์ตี้ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อหญิงสาวชื่อ เคเลน ทัคเกอร์ นักวิ่งจาก บรู๊กวิลล์ ไฮสคูล ถูกเพื่อนร่วมอาชีพ อาไลล่า เอฟเวอเร็ตต์ จากทีม ไอ.ซี. นอร์คอม ไฮสคูล ใช้ไม้คฑาวิ่งผลัดฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะ จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างเจ็บปวด

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทั้งสองทีมกำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ทัคเกอร์กำลังพยายามเบียดแซงเอฟเวอเร็ตต์ แต่ในขณะที่ทั้งสองเร่งความเร็วเข้ามาใกล้กันในช่วงทางโค้ง กลายเป็นเอฟเวอเร็ตต์กลับใช้ไม้ผลัดฟาดที่หลังศีรษะของทัคเกอร์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ทัคเกอร์เสียการทรงตัวและล้มลงนอกที่นอกลู่วิ่ง 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์และกรรมการรีบเข้ามาดูอาการของทัคเกอร์ ซึ่งเจ้าตัวมีอาการมึนงง ก่อนถูกหามออกจากการแข่งขัน ขณะที่ผู้จัดการแข่งขันกำลังดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการกระทำของเอฟเวอเร็ตต์ ซึ่งอาจถูกลงโทษในภายหลัง

เหตุการณ์นี้ทำให้การแข่งขันเวอร์จิเนีย สเตท ไฮสคูล ลีก แชมเปี้ยนชิพส์ ได้รับความสนใจจากผู้ชมคลิปไปทั่วโลก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมในสนามแข่ง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปมาตรการด้านความปลอดภัยในกีฬาระดับนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์ อาไลล่า เอฟเวอเร็ตต์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่น WAVY โดยเธอเล่าว่าการฟาดไม้ผลัดใส่ทัคเกอร์นั้นเป็นอุบัติเหตุ

“มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ฉันพยายามจะวิ่งแซงขณะจับที่ไม้ผลัด แต่ในช่วงที่ทั้งสองทีมเบียดกัน ฉันรู้สึกว่าไม้ผลัดของฉันอาจจะไปโดนเขาโดยไม่ตั้งใจ” เอฟเวอเร็ตต์ กล่าวพร้อมน้ำตา

ทั้งนี้เอฟเวอเร็ตต์ยังได้กล่าวขอโทษต่อทัคเกอร์และทีมของเขา พร้อมทั้งยืนยันว่าเธอไม่เคยมีเจตนาทำร้ายคู่แข่งและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้หากยูเครนต้องการสันติภาพกับมอสโก ต้องยอมสละดินแดนบางส่วนที่รัสเซียยึดครองมาตั้งแต่ปี 2014

(12 มี.ค. 68) สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) กล่าวถึง ยูเครนจำเป็นต้องยอมรับการสูญเสียดินแดนที่รัสเซียยึดครองตั้งแต่ปี 2014 เพื่อให้เกิดข้อตกลงสันติภาพกับมอสโก

รูบิโอระบุว่า การยอมรับความเป็นจริงทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยุติสงครามที่ยืดเยื้อและลดความสูญเสียเพิ่มเติม เขาเน้นย้ำว่าการคาดหวังให้ยูเครนได้ดินแดนกลับคืน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ผมคิดว่าทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ไม่มีวิธีแก้ไขด้วยกำลังทหารสำหรับสถานการณ์” นายรูบิโอกล่าว “รัสเซียไม่สามารถยึดครองยูเครนได้ทั้งหมด และจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับยูเครนที่จะผลักดันรัสเซียกลับไปเป็นเหมือนในปี 2014 ภายในระยะเวลาอันสมควร”

คำกล่าวของรูบิโอเกิดขึ้นก่อนการเจรจาสันติภาพที่กำลังจะมีขึ้นในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้ประสานงาน แต่ทว่า ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี จะไม่เข้าร่วมการเจรจาโดยตรง แต่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมแทน

นอกจากนี้ รูบิโอยังระบุว่า สหรัฐฯ อาจพิจารณากลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาในครั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐจะยุติการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองบางส่วนกับยูเครนแล้ว รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม แต่รูบิโอกล่าวว่าวอชิงตันยังคงให้ข้อมูลแก่เคียฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้เคียฟสามารถป้องกันตนเองจากการโจมตีของรัสเซียต่อไปได้ เขายังกล่าวอีกว่าไม่มีภัยคุกคามในการยุติการเข้าถึงโครงข่ายดาวเทียม Starlink ของยูเครน ซึ่งเป็นบริการอินเทอร์เน็ตจาก SpaceX ของมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk)

อย่างไรก็ตาม นักการทูตตะวันตกเตือนว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่มีแนวโน้มที่จะประนีประนอม และยืนยันที่จะรักษาดินแดนที่ยึดครองไว้ทั้งหมด

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงท่าทีของรูบิโอ ซึ่งเคยเป็นผู้วิจารณ์รัสเซียอย่างแข็งขัน แสดงถึงการปรับนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top