Thursday, 15 May 2025
World

'นายกฯ อิรัก' ลั่น!! ไม่ต้องการทหารสหรัฐฯ ในประเทศอีกต่อไป พร้อมระบุ!! อิรักสามารถรับมือกับกลุ่ม ISIS ได้ด้วยตนเอง

(17 ก.ย. 67) บลูมเบิร์ก รายงานว่า โมฮัมเหม็ด เชีย อัล-ซูดานี นายกรัฐมนตรีของอิรัก กล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ ไม่จำเป็นในประเทศของเขาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ในการปราบ ISIS และเขาวางแผนที่จะประกาศตารางเวลาการถอนกำลังทหารในเร็ว ๆ นี้

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทหารประมาณ 2,500 นายในอิรัก ซึ่งเป็นมรดกจากกองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อต่อสู้กับกลุ่มอิสลามที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ISIS แม้ว่ากลุ่มนี้จะอ่อนแอกว่าเมื่อทศวรรษที่แล้วมากก็ตาม

สำหรับคำกล่าวในครั้งนี้ของนายกฯ อิรัก เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของประเทศอีกครั้งในด้านความมั่นคง หลังจากเมื่อต้นปี สหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กองบัญชาการของกองกำลังระดมประชาชน (Popular Mobilization Forces) องค์กรร่ม (Umbrella Organization) ที่รัฐอิรักให้การสนับสนุน และประกอบด้วยกลุ่มก๊กติดอาวุธต่างๆ หลายสิบกลุ่ม จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งในเหตุโจมตีดังกล่าว ในนั้นรวมถึงมุชทาค ทาเลบ อัล-ไซดี ผู้นำกลุ่มฮะรอกัต ฮิซบุลเลาะห์ อัลนุจบา (Harakat Hezbollah al-Nujaba หรือ HHN) ที่วอชิงตันตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน

"กองกำลังระดมประชาชนเป็นตัวแทนในฐานะมีความเกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกับรัฐ ขึ้นกับกองทัพของเรา และเป็นส่วนสำคัญของกองทัพของเรา" นายกฯ อิรักเน้นย้ำ "เราขอประณามการโจมตีนี้ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานกองกำลังด้านความมั่นคงของเรา ซึ่งมีความสำคัญกว่าตัวอักษรและเจตนารมณ์ของคำสั่งจัดตั้งกองกำลังพันธมิตรนานาชาติ"

ขณะที่ เพนตากอน ได้เคยระบุถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นการกระทำที่จำเป็นและสมเหตุสมผล ท่ามกลางการโจมตีเล่นงานที่ตั้งทางทหารของอเมริการะลอกแล้วระลอกเล่าในภูมิภาค และแบกแดดเองเป็นฝ่ายเชิญกองกำลังอเมริกา ให้เข้าช่วยสู้รบกับกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) 

ทั้งนี้ นายอัล-ซูดานี ยังระบุอีกว่า กลุ่มไอเอส ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอิรักอีกต่อไป ขณะการเจรจายุติภารกิจต่อต้านกลุ่มไอเอสของแนวร่วมระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป

'เพจเจอร์' ระเบิดทั่ว 'เลบานอน' ดับ 11 เจ็บเกือบ 4,000 ราย ด้านอิสราเอลยังเงียบ ส่วนสหรัฐฯ ออกตัวปัดเอี่ยวทันที

(18 ก.ย. 67) เอเอฟพี รายงานว่า สหรัฐฯ ออกมายืนยันว่าพวกเขาไม่ทราบล่วงหน้าและไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุเพจเจอร์ที่ใช้งานโดยพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ เกิดระเบิดทั่วเลบานอน พร้อมเรียกร้องอิหร่านอดทนอดกลั้นอย่าคิดตอบโต้

พวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ ประกาศกร้าวว่าจะแก้แค้นอิสราเอล หลังกล่าวหารัฐยิวเป็นคนจุดชนวนเพจเจอร์จำนวนมากครั้งใหญ่ทั่วเลบานอนในวันอังคาร (17 ก.ย.) สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 11 ราย และบาดเจ็บกว่า 4,000 คน ในนั้นรวมถึงพวกนักรบและผู้แทนทูตอิหร่านประจำกรุงเบรุต และในนั้น 400 รายอาการสาหัส

แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "ผมบอกกับคุณได้ว่า อเมริกาไม่เกี่ยวข้อง อเมริกาไม่ทราบเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า และ ณ เวลานี้เราอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล"

มิลเลอร์ ปฏิเสธข้อสงสัยในวงกว้างว่าเหตุระเบิดลงมือโดยอิสราเอล ซึ่งยิงปะทะกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน นับตั้งแต่กลุ่มนักรบฮามาส พันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ บุกจู่โจมจากฉนวนกาซาเล่นงานอิสราเอล แบบไม่คาดคิด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน ซึ่งกระตุ้นให้ อิสราเอลเปิดปฏิบัติการแก้แค้นรุกรานกาซา สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 41,000 ราย

เหตุระเบิดมีขึ้นหลายสัปดาห์ หลังจากสหรัฐฯ ดำเนินการด้านการทูตแบบลับ ๆ ในความพยายามสกัดการเอาคืนครั้งใหญ่ของอิหร่านที่เล็งเป้าเล่นงานอิสราเอล แก้แค้นให้ อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำการเมืองของฮามาส ที่ถูกลอบสังหารระหว่างอยู่ในกรุงเตหะราน และกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล

มิลเลอร์ กล่าวว่าสารที่สหรัฐฯ ส่งถึงอิหร่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง "เราเรียกร้องอิหร่านอย่าใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ใด ๆ ในความพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพเพิ่มเติม และเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคให้มากไปกว่านี้อีก"

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน อามอส ฮอชสตีน ทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ได้พบปะกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และพวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลคนอื่น ๆ ในขณะที่เขาหาทางสกัดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน

"เราต้องการเห็นการแก้ปัญหาด้วยวิธีการด้านการทูต ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์" มิลเลอร์ระบุ "เราอยากเห็นชาวบ้านอิสราเอลหลายหมื่นคนที่ต้องโยกย้ายถิ่นฐานออกจากบ้าน และชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนที่ต้องพลัดถิ่นออกจากบ้าน สามารถกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนได้"

อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถูกสหรัฐฯ มองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย เป้าที่โจมตีได้โดยไม่ผิดกติกา แต่เขาไม่ยืนยันว่าอิสราเอลเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ "สมาชิกก่อการร้ายของเครือข่ายก่อการร้ายเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรมสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่เปิดปฏิบัติการกับพวกเขา"

'สวีเดน' ปลูกผักสดขายในห้าง 'ใช้น้ำน้อย-ไร้สารพิษ-ไม่ปล่อยคาร์บอนฯ' ลูกค้าเจอพืชผักถูกใจ เก็บใส่ตะกร้า แล้วนำไปจ่ายเงินได้ทันที

(18 ก.ย. 67) สื่อต่างประเทศรายงาน ว่า ‘SweGreen’ สตาร์ตอัปของสวีเดน ปลูกผักขายในซูเปอร์มาร์เก็ต สร้างแนวทางรับมือกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ พื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่เพียงพอ ลดการพึ่งพาภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก และเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการทำการเกษตร

การปลูกผักใบเขียวในท้องถิ่นจะช่วยลดการนำเข้าสินค้า ลดการปล่อยมลพิษจากการขนส่ง ทำให้เก็บได้นานขึ้น และปรับปรุงรสชาติของผักให้ดีขึ้น ซึ่ง SweGreen ได้ปลูกผักแนวตั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยกรรมวิธีไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นการปลูกผักในแร่ใยหินด้วยน้ำโดยไม่ใช้ดิน

ปัจจุบันแปลงผักของ SweGreen มีวางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าของสวีเดนและเยอรมนี เมื่อลูกค้าเจอพืชผักที่ถูกใจ พวกเขาก็สามารถเก็บผักต้นนั้นออกมาแล้วนำไปจ่ายเงินได้ทันที

ปิแอร์ มูห์ลิน ซีอีโอของ Swegreen กล่าวว่า “ผลตอบรับเป็นไปในเชิงบวกอย่างเหลือเชื่อ เป้าหมายของเราคือการสร้างระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในท้องถิ่น และการมีฟาร์มในซูเปอร์มาร์เก็ตถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว”

แปลงปลูกผักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการควบคุมและได้รับการปกป้องอย่างดี ให้ปลอดภัยจากศัตรูพืชและวัชพืช ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดวัชพืช มั่นใจได้ว่าจะได้ผักที่สด สะอาด ปลอดภัย มีกินตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ แปลงผักยังใช้ระบบน้ำหมุนเวียน ทำให้ใช้น้ำน้อยกว่าการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมมาก สามารถปลูกผักกาดหอม 1 กิโลกรัม โดยใช้น้ำเพียง 1 ลิตรเท่านั้น ซึ่งใช้น้ำน้อยลงกว่าการปลูกผักกาดหอมในพื้นที่กลางแจ้งถึง 99% ที่ต้องใช้น้ำประมาณ 250 ลิตร

เนื่องด้วยพืชผักถูกปลูกในห้างสรรพสินค้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องขนส่งสินค้าข้ามทวีป ไม่เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

สตาร์ตอัประบุว่า แพลตฟอร์มการเพาะปลูกแต่ละแห่งสามารถปลูกผักได้ในปริมาณที่เทียบเท่ากับพื้นที่เกษตรกรรมขนาด 30,000 ตารางเมตร และสามารถปลูกพืชได้มากถึง 100 สายพันธุ์ รวมถึงผักกาดหอม ผักชีลาว สะระแหน่ และผักชีฝรั่ง

เซเพอร์ มูซาวี หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมและหัวหน้า SweGreen X กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทกำลังจะเริ่มทดสอบปลูกไม้ผล และกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะปลูกสตรอว์เบอร์รี

>> ใช้ AI ช่วยทำฟาร์ม

การเจริญเติบโตของพืช ฤดูกาล และความต้องการของผู้บริโภคเป็นความท้าทายของคนที่ทำงานเกษตรกรรม และ SweGreen ก็เจอความท้าทายมากเข้าอีกจากการปลูกผักในห้าง ดังนั้นบริษัทจึงหันมาใช้เอไอเพื่อช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

“เรามีเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้ช่วย เพื่อให้พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะได้ผลผลิตตามที่ต้องการในแต่ละวัน” มูซาวีกล่าว

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของซูเปอร์มาร์เก็ตและความต้องการของลูกค้าด้วย โดยทางห้างสรรพสินค้าสามารถเลือกขนาดพื้นที่เพาะปลูกได้ ซึ่งขนาดมาตรฐานของฟาร์มแนวตั้งอยู่ที่ 45 ตารางเมตร ซึ่งมีกำลังการผลิต 300 ไร่ต่อวัน และสามารถลดขนาดพื้นที่เพาะปลูกลงให้เหลือ 12 ตารางเมตรและปลูกได้สูงสุด 116 ไร่ต่อวัน

ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่เพียงแห่งเดียวที่กำลังมองหาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร้านอาหาร โรงแรม มหาวิทยาลัย และเจ้าของทรัพย์สินต่างก็อยากได้เกษตรแนวตั้งด้วยเช่นกัน

Fotografiska Stockholm พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยด้านการถ่ายภาพ ศิลปะ และวัฒนธรรม ได้นำโซลูชันนี้มาใช้กับในร้านอาหารของพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ได้เมนูตามฤดูกาลและยั่งยืน

“พวกเราร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และเชฟของร้าน เพื่อหาว่าทางร้านควรปลูกพืชชนิดใดบ้าง สำหรับใช้ประกอบอาหาร เป็นผักตกแต่ง เพื่อให้คุณค่าทางโภชนาการ เพื่อรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับค็อกเทล รวมถึงมองหาอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีรสชาติดี และสามารถใช้เป็นจุดเด่นของจานอาหารได้อีกด้วย” มูซาวีกล่าว

SweGreen ได้รับรางวัลและเสนอชื่อเข้าชิงหลายครั้งในด้านการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ในปี 2023 บริษัทได้รับรางวัล IKANO Sustainability Award และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล FoodTech 500 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นรายชื่อระดับโลกที่เน้นถึงสตาร์ทอัพและบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกสำหรับอนาคตของอาหาร เทคโนโลยี และความยั่งยืน

‘เมตา’ ออกแถลงการณ์แบน ‘สื่อรัสเซีย’ หลัง ‘สหรัฐฯ’ อ้างตัวทำเป็นหน่วยสอดแนม

(18 ก.ย. 67) เมตา (Meta) บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่เจ้าของเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ออกประกาศเมื่อวันจันทร์ (16 ก.ย.67) ว่า ทางบริษัทกำลังแบน RT ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย หลังจากที่คณะบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวหาว่า RT เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยสอดแนมรัสเซีย

โดยทางด้านโฆษกของเมตา ได้ระบุในแถลงการณ์ว่า “หลังจากพิจารณาโดยละเอียดแล้ว เราได้เพิ่มการบังคับใช้มาตรการ ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้ต่อสื่อต่าง ๆ ของรัสเซีย โดย Rossiya Segodnya, RT และสื่ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงกิจการต่างประเทศ”

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะบริหารของ ปธน.ไบเดนประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ก.ย. 67) ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รายหนึ่ง เรียกสื่อดังกล่าวว่าเป็น ‘สมาชิกเต็มตัวของหน่วยข่าวกรองและการปฏิบัติการของรัฐบาลรัสเซีย’ สำหรับการสู้รบในยูเครน ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะกล่าวหาว่า RT แอบทำสงครามข้อมูลทั่วโลกในนามของหน่วยสอดแนมรัสเซีย

ด้าน เจมส์ โรบิน ผู้ประสานงานศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลก (GEC) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า “RT คือแหล่งรวมโฆษณาชวนเชื่อ ข้อมูลเท็จ และคำโกหกที่เผยแพร่ไปสู่ผู้คนนับล้านหรืออาจถึงพันล้านคนทั่วโลก”

ฟากทางการสหรัฐฯ ระบุว่า คณะบริหารของ ปธน.ไบเดน กำลังดำเนินการคว่ำบาตรสื่อที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐซึ่งกำกับดูแล RT, TV-Novosti และ Rossiya Segodnya ซึ่งเป็นสื่อของทางการ ตลอดจนผู้บริหารอย่าง ดมิทรี คิเซลยอฟ

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้กล่าวหารัสเซียว่า พยายามแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยก่อให้เกิดความขัดแย้งและความแตกแยก และในปี 2561 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ประกาศฟ้องชาวรัสเซีย 12 คน ฐานก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งมุ่งเป้าที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2559 รวมถึงการแฮกคอมพิวเตอร์ของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครตและการขโมยอีเมล

10 เหตุผล ที่บางพรรคพยายามหนุน 'เมียนมา' ให้มาอยู่ไทย แต่ทำไมไม่สนับสนุน 'ลาว' หรือ 'กัมพูชา' สักเท่าไร

(18 ก.ย. 67) หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมกลุ่มพรรคการเมืองบางพรรครวมถึงกลุ่ม NGO บางกลุ่มในไทย พยายามผลักดันผู้อพยพชาวเมียนมาให้มาอยู่ในไทยได้ แต่ทำไมไม่สนับสนุนลาวหรือกัมพูชาบ้าง วันนี้ เอย่า จะมาวิเคราะห์ให้ทราบกัน...

1. เครือข่ายเดียวกัน เราจะพบว่าผู้อพยพส่วนใหญ่คือ กลุ่มสามกีบพม่าที่เกลียดรัฐบาลทหาร ซึ่งคนพวกนี้จะสนับสนุนรัฐบาล NUG ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากตะวันตกเช่นเดียวกับ NGO และพรรคการเมืองบางพรรคที่น่าสงสัยว่ามีกลุ่มชาติตะวันตกให้การสนับสนุน

2. ถ้าเปรียบเทียบคนต่างด้าวที่มาอยู่ก่อนจะพบว่า คนพม่ามีประวัติดี มีจิตใจดี ขยัน ซื่อสัตย์อดทน ไม่เรียกร้องเหมือนลาวกับกัมพูชา

3. มีเครือข่ายสมาคม ชมรมในไทยที่เป็นคนชาติเดียวกันหรือชาติพันธุ์เดียวกัน พร้อมช่วยเหลือกันอย่างลับ ๆ พร้อมกับมีฝ่ายกฎหมายที่พร้อมจะโจมตีผู้เห็นต่าง

4. มีพวกพ้องไม่ใช่เฉพาะแรงงาน แต่รวมไปถึงเศรษฐีและผู้ประกอบการ

5. ประเทศไทยเป็นแหล่งพักเงินและจัดหาสิ่งต่าง ๆ สำหรับส่งให้ฝ่ายต่อต้านง่าย ทั้งเสบียงและอาวุธ

6. ในกลุ่มโซเชียลคนพม่าเองบอกว่า ข้าราชการไทยชอบเงิน ซื้อได้ทุกคน ขอแค่มีเงินจ่าย

7. ประเทศไทยเดินทางสะดวก ทั้งที่พม่าและประเทศอื่น หากกรณีจะออกไปต่อประเทศที่ 3

8. คนไทยอะไรก็ได้ คนไหนเคยผิดกฎหมายบ้านเมืองตัวเอง แต่หากทำดีกับคนไทยในชุมชนนั้น ๆ คนไทยก็พร้อมจะมองข้ามและปกป้องด้วยอีกต่างหาก

9. ประเทศไทยเปลี่ยนกฎหมายง่าย เมื่อเปลี่ยนผู้นำและมีนโยบายต่อคนต่างด้าวเป็นมิตร

10. คนไทยไม่สนใจอดีต แม้จะเคยเป็นต่างด้าวมาก่อน ก็สามารถรับราชการใหญ่โตในไทยได้ ทำให้คนที่แม้จะได้สัญชาติไทย แต่จิตใจยังเป็นชาติพันธุ์ จึงพยายามผลักดันให้กลุ่มชาติพันธุ์มีบทบาทมากกว่าคนไทย

'เลบานอน' อ้าง 'อิสราเอล' ฝังระเบิดไว้ในเพจเจอร์ 5,000 เครื่อง ตั้งแต่ขั้นผลิต ชี้!! ยากต่อการตรวจจับ และจะระเบิดเมื่อได้รับข้อความที่เป็นสัญญาณ

(18 ก.ย. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานข่าว อ้างอิงแหล่งข่าวด้านความมั่นคงระดับสูงของเลบานอนและแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า มอสซาด หน่วยงานด้านข่าวกรองและปฏิบัติการพิเศษของอิสราเอลฝังระเบิดไว้ในวิทยุติดตามตัว หรือ เพจเจอร์ ที่ใช้สำหรับการรับข้อความสั้น ๆ 5,000 เครื่อง ที่นำเข้าโดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอน หลายเดือนก่อนที่จะเกิดการระเบิดในวันอังคาร (17 ก.ย.)

ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นถือเป็นการเจาะระบบความมั่นคงของฮิซบอลเลาะห์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้เพจเจอร์หลายพันเครื่องระเบิดทั่วเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บเกือบ 3,000 คน รวมถึงนักรบของฮิซบอลเลาะห์และเจ้าหน้าที่การทูตของอิหร่านในกรุงเบรุต ของเลบานอน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอนระบุว่า เพจเจอร์เหล่านี้มาจากบริษัทโกลด์ อพอลโล ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในไต้หวัน แต่ทางบริษัทออกมาระบุว่า ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพจเจอร์ดังกล่าว แต่เพจเจอร์นี้ผลิตในบริษัทในทวีปยุโรปที่ได้สิทธิในการใช้ยี่ห้อของโกลด์ อพอลโล กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่มีอิหร่านหนุนหลังประกาศจะตอบโต้เอาคืนอิสราเอล ในขณะที่กองทัพอิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับการระเบิดของเพจเจอร์ แหล่งข่าวหลายแหล่งให้ข้อมูลกับรอยเตอร์สว่า แผนการครั้งนี้ใช้เวลาดำเนินการหลายเดือน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอนกล่าวว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ สั่งซื้อเพจเจอร์ 5,000 เครื่องจากบริษัทโกลด์ อพอลโล และมีรายงานว่า เพจเจอร์ที่สั่งซื้อนี้ถูกนำเข้ามายังเลบานอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซู ชิง-กวง ผู้ก่อตั้งโกลด์ อพอลโล กล่าวว่า เพจเจอร์ที่เกิดการระเบิดดผลิตโดยบริษัทแห่งหนึ่งในยุโรปที่ได้สิทธิในการใช้ชื่อแบรนด์ของบริษัท ซึ่งมีสำนักงานอยู่ไนไต้หวัน เขายืนยันว่า ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้เป็นของบริษัท เพียงแต่มีชื่อแบรนด์บนผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เขาไม่ได้เปิดเผยชื่อของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตเพจเจอร์แต่อย่างใด บรรดานักรบของฮีซบอลเลาะห์หันมาใช้เพจเจอร์ในการสื่อสารเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามของอิสราเอล

แหล่งข่าวกล่าวว่า เพจเจอร์มีการปรับแต่งฝังระเบิดโดยมอสซาดในระหว่างการผลิต ซึ่งแผงวงจรที่ใช้นั้น ยากต่อการตรวจจับ โดยเพจเจอร์ 3,000 เครื่องจะระเบิดเมื่อได้รับข้อความที่เป็นสัญญาณ บางแหล่งข่าวระบุว่า ระเบิดน้ำหนักราว 3 กรัม ถูกซ่อนไว้ในเพจเจอร์และผ่านการตรวจของฮิซบอลเลาะห์มาเป็นเวลาหลายเดือน

‘หลานม่า’ หนังครอบครัวน้ำตาซึม สะท้อนภาพวัฒนธรรมไทย-จีน ครองใจผู้ชมทั่วเอเชีย ขึ้นแท่นหนังทำเงินสูงของไทย ปี 2024

(18 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ไทยเนื้อหาสุดซึ้งกินใจผู้คนจนมีชื่อเสียงโด่งดังและกวาดรายได้มหาศาลตั้งแต่เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่ของจีนเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้มากกว่า 100 ล้านหยวน (หรอืประมาณ 500 ล้านบาท) และมีเรตติงอยู่ที่ 8.9 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนนจากผู้ชมภาพยนตร์กว่า 140,000 คนบนเว็บไซต์โต้วป้าน (Douban) แหล่งรวมรีวิวและคำวิจารณ์ภาพยนตร์สัญชาติจีน

นอกจากจะประสบความสำเร็จในจีนแล้ว ภาพยนตร์เรื่องหลานม่ายังได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดของไทยในปี 2024 และเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่อาสาขอดูแลยาย (อาม่า) ของตนที่ป่วยหนักในฐานะ ‘หลานชายที่แสนกตัญญู’ เพื่อหวังที่จะเป็นผู้ได้รับมรดกของยาย ทว่าสุดท้ายกลับพบคุณค่าที่แท้จริงของความสัมพันธ์ในครอบครัว

ผู้ชมชาวจีนส่วนมากพบว่าครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลแต้จิ๋วที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับครอบครัวของตน ทำให้พวกเขามีอารมณ์ร่วมไปกับภาพยนตร์จนน้ำตาซึม และนำมาสู่การถกเถียงเกี่ยวกับจริยธรรมของครอบครัวและปัญหาทางสังคมในวงกว้าง

‘พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์’ ผู้กำกับและผู้ร่วมเขียนบทของภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เราทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี สิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ‘หลานม่า’ ได้รับความนิยมและเข้าถึงผู้คน

‘หลานม่า’ เป็นผลงานภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวชิ้นแรกของพัฒน์ โดยในตอนเริ่มแรกบทภาพยนตร์นี้เขียนขึ้นโดยอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนบทอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแลย่าที่ป่วยในตอนที่ตนยังเป็นเด็ก ซึ่งผู้เขียนบททั้งสองคนได้ใช้เวลาถึง 2 ปีในการขัดเกลาบทภาพยนตร์ พร้อมเพิ่มรายละเอียดที่อ้างอิงจากผู้คนและเหตุการณ์จริงมากขึ้น

สำหรับพัฒน์ ผู้กำกับซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-จีน เปิดเผยว่าการสร้างภาพยนตร์โดยอิงจากองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นยายของเขา และสามารถนำภาพยนตร์มาเข้าฉายในจีนที่ซึ่งผลตอบรับของผู้ชม ‘เกินความคาดหมาย’ นั้นล้วนเป็นประสบการณ์ที่แสนพิเศษสำหรับเขา

ด้านทรงพล วงษ์คนดี ผู้อำนวยการฝ่ายขายและธุรกิจต่างประเทศของจีดีเอช 559 (GDH 559) ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องนี้ ระบุว่าการที่หลานม่าได้รับความนิยมในจีน เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของไทย โดยตลาดพลู ซึ่งเป็นตลาดในเขตธนบุรีของกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กลายมาเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแล้วในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ทรงพลยังหวังว่าผู้บริโภคชาวจีนจะเข้าใจภาพยนตร์ไทยมากขึ้นผ่านโอกาสในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในตลาดวัฒนธรรมที่กว้างกว่าเดิม

หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์และซีรีส์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติของไทย เปิดเผยว่าไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม อาทิ ชายทะเลและเกาะต่าง ๆ

หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรีเผยว่าไทยและจีนมีความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านภาพยนตร์และวัฒนธรรมอื่น ๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยมีทีมงานภาพยนตร์ชาวจีนเดินทางมาถ่ายทำที่ไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะภาพยนตร์และซีรีส์บางเรื่องที่มีกลิ่นอายของไทยได้รับความนิยมในตลาดขนาดใหญ่ของจีนเช่นกัน พร้อมเสริมว่าภาพยนตร์มีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และเราให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับจีนในด้านอุตสาหกรรมนี้

'FED' ใช้ยาแรงตามคาด ลดดอกเบี้ย 0.5% ฟาก 'ตลาดหุ้นสหรัฐฯ' เด้งรับก่อนปิดลบ

(19 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.5% เมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. 2567 ถือเป็นการเริ่มต้นวัฏจักรของการลดดอกเบี้ยอย่าง ‘เข้มข้น’ โดยการลดดอกเบี้ยถึง ‘ครึ่งเปอร์เซ็นต์’ แทนที่การลดดอกเบี้ย 0.25% ตามปกติ เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ส่งสัญญาณอ่อนเเรงมาก่อนหน้านี้

ขณะที่ผลการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในระยะยาว (Dot Plot) แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ 10 คนจาก 19 คน "สนับสนุนให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.5% ในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือของปี 2024"

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569

โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ลงมติ 11 ต่อ 1 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 4.75% - 5.0% หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษมาเป็นเวลากว่า 1 ปี 

การเคลื่อนไหวที่เด็ดขาดเมื่อวันพุธเน้นย้ำถึง ‘ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น’ ของผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับทิศทางตลาดการจ้างงานของสหรัฐ

เฟดระบุในแถลงการณ์ว่า "คณะกรรมการมีความมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวไปสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน และเห็นว่าความเสี่ยงในการบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สมดุล" และเสริมว่าเจ้าหน้าที่ "มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการจ้างงานสูงสุด" นอกเหนือจากการผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้กลับไปสู่เป้าหมาย

ทั้งนี้ เฟดลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดคือในปี 2563 (2020) ซึ่งลดไป 0.50% เมื่อวันที่ 3 มี.ค. และอีก 1.00% ในวันที่ 15 มี.ค. โดยถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0-0.25% ยาวต่อเนื่องจนเข้าสู่วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565-2566

>>หั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 2.0% 

นอกจากการปรับลดดอกเบี้ยแล้ว เฟดได้ ‘ปรับลด’ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2567 ลงเหลือ 2% โดยประมาณการว่าจีดีพีสหรัฐจะโตได้ระดับ 2.0% ในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2567- 2570 หลังจากก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่า จะมีการขยายตัว 2.1%, 2.0% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ 

นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับคาดการณ์การว่างงานในปีนี้ ‘เพิ่มขึ้น’ จาก 4.0% เป็น 4.4% 

เฟดปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในช่วง 4 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2567 - 2570 อยู่ที่ระดับ 4.4%, 4.4% และ 4.3% และ 4.2% ตามลำดับ หลังจากคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.0%, 4.2% และ 4.1% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ ส่วนอัตราว่างงานระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2%

ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2567- 2570 อยู่ที่ระดับ 2.6%, 2.2%, 2.0% และ 2.0% ตามลำดับ ‘ลดลง’ หลังจากคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.8%, 2.3% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ

>>'หุ้น-ทอง' พุ่งทุบสถิติใหม่!

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเขียวยกแผง โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวบวกขึ้นไปถึง 300 จุดในช่วงสั้นๆ หลังการประกาศผลประชุม ก่อนจะปรับลดลงมา ณ เวลาประมาณ 01.20 น. ตามเวลาในไทย Dow Jone บวกไปกว่า 174 จุด หรือราว 0.4% แตะสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างการซื้อขาย ส่วน S&P500 บวกราว 0.51% และ Nasdaq บวกได้ราว 0.74% ก่อนที่ทั้งสามดัชนีจะ ‘ปิดตลาดลบลงไปเล็กน้อย’

-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดลดลง 103.08 จุด หรือ -0.25% ปิดที่ 41,503.10 จุด
-ดัชนี S&P500 ปิดลบ 16.32 จุด หรือ -0.29% ปิดที่ 5,618.26 จุด
-ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 54.76 จุด หรือ -0.31% ปิดที่ 17,573.30 จุด 

ด้านสัญญาทองคำฟิวเจอร์ตลาด Comex ปิดตลาดวันพุธที่ 18 ก.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% ปิดที่ 2,598.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 6.2 ดอลลาร์จากวันก่อนหน้า ขณะที่ราคาทองสปอตทะยานไปแตะ 2,592.39 ดอลลาร์/ออนซ์ ระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนนี้

วิเคราะห์!! สถานการณ์ราคาน้ำมัน ตัวแปรดันราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม 'เหตุรุนแรงในตะวันออกกลาง-พายุเฮอร์ริเคน Francine'

เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.67) หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ได้เปิดเผย 4 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน ดังนี้...

1. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังเครื่องมือสื่อสารถูกแฮกและเกิดระเบิดขึ้นในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้กล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้และประกาศจะตอบโต้อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

2. การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Francine โดยยังคงมีการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับลดกว่า 12% จากปริมาณการผลิตปกติ 

3. นักลงทุนยังคงจับตาการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ FEDWATCH ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้

4. สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.96 ล้านบาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 ที่ผ่านมา อ้างอิง เวสต์เทกซัส (WTI) อยู่ที่ 71.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (+1.10) ส่วน เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 73.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (+0.95)

บึ้มอุปกรณ์สื่อสารรอบ 2 ในเลบานอน ตายอีก 20 เจ็บ 450 ผวา!! กระพือสงครามเต็มรูปแบบ 'ฮิซบอลเลาะห์-ยิว'

(19 ก.ย. 67) เอเอฟพี รายงานว่า เกิดระเบิดกับอุปกรณ์สื่อสารระลอก 2 ในฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ในวันพุธ (18 ก.ย.) สังหารผู้คนไป 20 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 450 คน หนึ่งวันหลังจากถูกเล่นงานด้วยระเบิดเพจเจอร์ ปลิดชีพนับสิบและบาดเจ็บหลายพัน โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบกับอิสราเอล

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ ระบุว่าเหตุระเบิดระลอกล่าสุดเกิดขึ้นกับวิทยุสื่อสารระยะสั้น Walkie Talkie ที่ใช้งานโดยสมาชิกของกลุ่มในกรุงเบรุต ขณะที่สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานว่าเหตุระเบิดลักษณะเดียวกันยังเกิดขึ้นในภาคใต้และภาคตะวันออกของเลบานอนด้วย

ภาพข่าวสถานีโทรทัศน์ AFPTV เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนวิ่งหนีหาที่กำบังหลังระเบิดลูกหนึ่งถูกจุดชนวนขึ้น ระหว่างพิธีศพของสมาชิกรายหนึ่งของนักรบฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ในช่วงบ่าย "ระลอกระเบิดของศัตรูมีเป้าหมายที่ walkie talkies สังหารผู้คนไป 20 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 450 คน" กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุในถ้อยแถลง

เหตุการณ์นี้มีขึ้น 1 วัน หลังจากเกิดเหตุเพจเจอร์หลายร้อยเครื่องที่ใช้งานโดยพวกฮิซบอลเลาะห์ เกิดระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน สังหารผู้คนไป 12 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,800 คน ทั่วเลบานอน ในเหตุโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล

ยังไม่มีความเห็นมาจากอิสราเอล ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเหตุโจมตีเมื่อวันอังคาร (17 ก.ย.) ได้แถลงขยายเป้าหมายในการทำสงครามกับพวกฮามาสในกาซา ในนั้นรวมถึงการสู้รบกับพวกฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรของกลุ่มนักรบปาเลสไตน์

อิสราเอลยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับเหตุระเบิด ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ตามสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับเป็นข่าวพาดหัวตามหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

อามอส ฮาเนรล จากหนังสือพิมพ์เอียงซ้าย Haaretz ชี้ว่าเหตุเพจเจอร์และ Walkie Talkie ระเบิด ได้ผลักอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์อยู่บนขอบเหวของสงครามเต็มรูปแบบ

ความกังวลดังกล่าวกระตุ้นให้ทำเนียบขาวออกมาเตือนทุกฝ่ายต่อสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายใด ๆ "เราไม่เชื่อใด ๆ เลยว่า หนทางที่จะคลี่คลายวิกฤตนี้คือการยกระดับปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม" จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว

พวกฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และเป็นพันธมิตรกับพวกฮามาส เปิดฉากยิงปะทะกับกองกำลังอิสราเอลแทบทุกวัน นับตั้งแต่พวกนักรบปาเลสไตน์บุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม โหมกระพือสงครามในกาซา

อับดุลเลาะห์ บัว ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอน เตือนว่าการโจมตีอธิปไตยและความมั่นคงของเลบานอนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นสถานการณ์ที่อันตราย ที่อาจกลายเป็นการส่งสัญญาณยกระดับสงคราม

ฮิซบอลเลาะห์บอกว่าอิสราเอลต้องรับผิดชอบโดยสิ้นเชิงต่ออาชญากรรมรุกรานนี้ และประกาศแก้แค้น

พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่าฝ่ายปฏิบัติการน่าจะซุกวัตถุระเบิดไว้ในอุปกรณ์เพจเจอร์ตั้งแต่ก่อนส่งมอบให้แก่ฮิซบอลเลาะห์ "ระเบิดพลาสติกขนาดเล็ก สามารถปิดซ่อนไว้อยู่ข้าง ๆ แบตเตอรี่ เพื่อจุดชนวนระเบิดระยะไกลผ่านทางสายเรียก" ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ จากสถาบันตะวันออกกลางให้ความเห็น

ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มีเด็กหญิงวัย 10 ขวบรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เธอเสียชีวิตในหมู่บ้านเบคา ทางตะวันออกของเลบานอน หลังเพจเจอร์ของพ่อระเบิด

การถูกโจมตีด้วยระเบิดระลอกล่าสุด ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งกังวลอยู่ก่อนแล้วต่อความปลอดภัยของการสื่อสาร หลังจากก่อนหน้านี้ได้สูญเสียเหล่าผู้บัญชาการคนสำคัญหลายราย ที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าเพจเจอร์เพิ่งถูกนำเข้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้และดูเหมือนว่าถูกลอบวางระเบิดมาตั้งแต่ต้นทาง

นิวยอร์กไทมส์ เป็นรายแรก ๆ ที่รายงานเมื่อวันอังคาร (17) โดยอ้างพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ต่างขอสงวนนาม ระบุว่า อิสราเอลได้แอบฝังวัตถุระเบิดเข้าไปในเพจเจอร์หลายพันเครื่องที่ส่งมายังเลบานอน โดยบริษัทโกลด์ อะพอลโล แห่งไต้หวัน

อย่างไรก็ดี ในวันพุธ ชู ชิงฮวง ผู้ก่อตั้งบริษัทไต้หวันแห่งนี้ออกคำแถลงยืนยันว่า บริษัทของตนไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพจเจอร์เหล่านี้ แต่ผู้ผลิตตัวจริงคือ บีเอซี ที่ตั้งอยู่ในกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี ซึ่งได้รับสิทธิให้ใช้แบรนด์ของบริษัท

ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค หลังสงครามกาซาลากยาวมานานเกือบ 1 ปี สายการบินลุฟท์ฮันซา และแอร์ฟรานซ์ แถลงระงับเที่ยวบินสู่เทลอาวีฟ เตหะรานและเบรุต จนกระทั่งวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.)

ขณะที่บรรดานักการทูตจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี จะพบปะกันในวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง ก่อนหน้าการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสประชาชาติ ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นในวันศุกร์ (20 ก.ย.)

อิสราเอลยิงปะทะกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน นับตั้งแต่กลุ่มนักรบฮามาส พันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ บุกจู่โจมจากฉนวนกาซาเล่นงานอิสราเอลแบบไม่คาดคิด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน ซึ่งกระตุ้นให้อิสราเอลเปิดปฏิบัติการแก้แค้นรุกรานกาซา สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 41,000 ราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top