Tuesday, 20 May 2025
World

‘จีน’ เผย ภาคการผลิตยานยนต์ครึ่งปีแรกโตต่อเนื่อง เพิ่มมูลค่าทางอุตสาหกรรม ดันรายได้-กำไรพุ่ง!!

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน รายงานว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 (มกราคม-มิถุนายน) อุตสาหกรรมการผลิตรถยานยนต์ของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการผลิต รายได้ และผลกำไร

รายงานระบุว่า มูลค่าเพิ่มทางอุตสาหกรรมของภาคการผลิตยานยนต์ในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมดของประเทศอยู่ 8.9 จุด

รายได้จากการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทในภาคส่วนนี้แตะที่ 4.49 ล้านล้านหยวน (ราว 21.86 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวปริมาณกำไรรวมของกลุ่มบริษัทในภาคส่วนนี้อยู่ที่ 2.17 แสนล้านหยวน (ราว 1.05 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

‘Apple’ ประกาศเปลี่ยนที่ชาร์จ จาก Lightning เป็น USB-C เริ่มต้นที่ ‘ไอโฟน 15’ ที่คาดว่าจะเปิดตัว เที่ยงคืน 13 ก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 ค่ายแอปเปิล (Apple) ได้ออกมายืนยันการจัดงานอีเวนต์เปิดตัวไลน์อัปผลิตภัณฑ์ใหม่ในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. ที่ สตีฟ จ็อบส์ เธียร์เตอร์ ในสำนักงานแอปเปิลพาร์ค ซึ่งตรงกับเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 13 ก.ย. (คืนวันที่ 12) ตามเวลาไทย ด้วยการส่งการ์ดเชิญไปยังสื่อทั่วโลกให้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัว

ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การเปิดตัวไอโฟน 15 ซีรีส์ (iPhone15) ซึ่งมีกระแสข่าวลือทางสื่อออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง โดยจะมี 4 รุ่นย่อยด้วยกัน iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ซึ่งเป็นตัวท็อป โดยครั้งนี้คาดหมายกันว่ารุ่นนี้อาจจะเปลี่ยนชื่อเป็น iPhone 15 Ultra

สรุปข่าวลือทั้งหมดก่อนการเปิดตัวสเปก iPhone 15 จอ 6.1 นิ้ว iPhone 15 Plus จอ 6.7 นิ้ว ทั้งสองรุ่นใช้ชิป A16 Bionic สำหรับ iPhone 15 Pro จอ 6.1 นิ้ว iPhone 15 Pro Max จอ 6.7 นิ้ว ทั้งสองรุ่นใช้ชิป A17 Bionic อัปเกรดกล้องหลักทั้งหมด 48 ล้านพิกเซล แบตใช้งานยาวนานขึ้นและรองรับ Dynamic Island ทุกรุ่น

รวมทั้งการเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนที่พอร์ต Lightning แต่ความเร็วในการโอนข้อมูลจะต่างกันโดยรุ่น Pro จะมีความเร็วเทียบเท่า USB 3.2 ส่วน iPhone 15 และ iPhone 15 plus จะเทียบเท่า USB 2.0

‘หมิง ชิ กัว’ นักวิเคราะห์จาก TF Interna tional Securities ระบุว่า iPhone 15 Pro Max อาจเป็นรุ่นเดียวที่มีกล้อง Periscope ที่มีเลนเทเลสำหรับซูมแบบออปติคอลได้ไกล 6 เท่า ซึ่งอาจจะมีราคาแพงกว่ารุ่นเดิม 100-200 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่คาดว่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดถึง 35-40% ของ iPhone 15 ซีรีส์

ขณะเดียวกัน มีข่าวด้วยว่านอกจากเลนเทเลแล้ว การออกแบบจะเปลี่ยนวัสดุกรอบเป็นไทเทเนียม จากสเตนเลส โดยก่อนหน้านี้ การผลิต iPhone 15 ซีรีส์มีปัญหาการขาดแคลนเซ็นเซอร์ภาพ CMOS แม้จะแก้ไขด้วยการแบ่งการผลิตให้ซัพพลายเออร์ไปแล้ว แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดส่ง iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ประมาณ 10-15%

สำหรับความท้าทายในการผลิตกรอบไทเทเนียมคือการประมวลผลได้ยากและการออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากแต่ได้รับการแก้ไขแล้วเช่นกัน จะทำให้มีน้ำหนักเบาลงและมีความแข็งแกร่ง โดย iPhone 15 Pro มีน้ำหนัก 191 กรัม เบากว่า iPhone 14 Pro ที่มีน้ำหนัก 203 กรัม iPhone 15 Pro Max หนัก 221 กรัม เมื่อเทียบกับ iPhone 14 Pro Max หนัก 240 กรัม

เว็บไซต์ iclarified.com ได้เผยแพร่เครื่องดัมมี่หรือเครื่องจำลองโดยระบุว่าจากการเปิดเผยของ Sonny Dickson ที่ทำการทวีตใน X ไปก่อนหน้า โดยเขาได้แชร์รูปภาพที่ดูคล้ายจะเป็น iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะมีสีฟ้าอ่อน, ดำ, เขียว, ชมพู และสีเหลือง ขณะที่เว็บดังกล่าวได้ระบุว่า iPhone 15 Pro จะมี 4 สีคือ สีน้ำเงิน, ดำ, เทาและสีเงิน

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คาดจะมีการเปิดตัวในวันดังกล่าวประกอบด้วย Apple Watch ซีรีส์ 9 Apple Watch Ultra รุ่นที่ 2 iPad รุ่นที่ 9 AirPods Pro พอร์ต USB-C แต่รอดูวันเปิดตัวว่าจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ ทีมข่าวไซเบอร์เน็ตจะร่วมเดินทางไปเกาะติดการเปิดตัว iPhone 15 ซีรีส์อย่างใกล้ชิดและนำมารายงานอย่างละเอียดต่อไป

คู่รัก ‘หญิง-หญิง’ ชาวเกาหลีใต้ให้กำเนิดลูกสาว ตอกย้ำ!! คู่รักเพศเดียวกันก็มีลูกได้

คู่รักหญิงเพศเดียวกันของเกาหลีใต้ ประกาศให้สังคมรับรู้ว่า “กำลังตั้งครรภ์” โดยถือเป็นคู่แรกของประเทศ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

หลังจากเป็นกระแสที่ถูกจับตามองในประเด็นของคู่รักเพศเดียวกันไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด ‘คยูจิน’ (31) และ ‘เซยอน’ (34) คู่รักเพศเดียวกันชาวเกาหลีใต้คู่แรก ซึ่งประกาศให้สังคมรับรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์และจะคลอดอีกไม่นานนี้ ก็เผยข่าวดี!!

สำหรับ ‘คยูจิน’ และ ‘เซยอน’ นั้น ทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสในเดือนพฤษภาคม 2019 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และแต่งงานกันที่เกาหลีในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน

จากนั้น ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว คยูจิน ก็ตั้งท้องจากการผสมเทียมด้วยสเปิร์มบริจาคจากโรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยากในเบลเยียม

ล่าสุดคู่รัก ‘หญิง-หญิง’ คู่แรกของเกาหลีได้คลอดลูกสาวแล้ว โดยพวกเธอตั้งชื่อสาวน้อยคนนี้ว่า ‘รานี’ มีน้ำหนักตัว 3.2 กก. เมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา

อย่างที่เราทราบกันดีว่า สังคมในประเทศเกาหลีใต้นั้น ยังคงปิดรับสำหรับเรื่องเพศที่หลากหลาย ดังนั้นนี่จึงเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง ภายหลังที่พวกเธอทั้งสองกล้าออกสื่อ เพื่อบอกให้รู้ว่าคู่รักเพศเดียวกันก็มีลูกได้

‘เซเลนสกี’ สั่งเด้ง ‘บิ๊กกลาโหม’ หลังถูกแฉปมคอร์รัปชัน ชี้!! ถึงเวลาต้องปรับโฉม ‘กลาโหม-กองทัพ’ ใหม่ทั้งระบบ

(4 ก.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเผยเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เขาได้ปลดนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในกระทรวงกลาโหมยูเครนครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เริ่มทำสงครามกับประเทศรัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวในวิดีโอเมื่อช่วงค่ำว่า “ผมได้ตัดสินใจที่จะปลดนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งท่ามกลางการทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบมานานกว่า 550 วัน ผมเชื่อว่ากระทรวงกลาโหมต้องการแนวทางใหม่ๆ และการมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ กับทั้งกองทัพและสังคมโดยรวม”

นายเรซนิคอฟ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครนมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และมีส่วนช่วยให้ยูเครนได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากชาติตะวันตก มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยทำสงครามกับรัสเซีย อาทิ รถถังจากประเทศเยอรมนี จรวดหลายลำกล้อง HIMARS และเตรียมที่จะได้รับเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ที่ผลิตในสหรัฐฯ อีกด้วย

อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมของเขากลับถูกกล่าวหาว่ามีการคอร์รัปชัน และถูกสื่อท้องถิ่นของยูเครนกดดันอย่างหนักมาตั้งแต่เดือนมกราคม หลังมีข้อกล่าวหาว่าทางกระทรวงทำการจัดซื้อเสบียงในราคาสูงเกินจริง ถึงแม้ว่านายเรซนิคอฟจะไม่เกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่นักวิจารณ์หลายคนให้ความเห็นว่าเขาควรแสดงความรับผิดชอบ และเมื่อเดือนที่ผ่านมา สื่อของยูเครนกล่าวหาว่า กระทรวงกลาโหมมีการคอร์รัปชันในเรื่องการจัดซื้อเสื้อกันหนาวให้กับกองทัพ ซึ่งตัวเขาออกมาแก้ต่างว่าเป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี

ทั้งนี้ เซเลนสกีระบุอีกว่า เขาจะขอให้รัฐสภาแต่งตั้งนายรุสเท็ม อูเมรอฟ ประธานกองทุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจสำคัญของยูเครน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนใหม่ในสัปดาห์นี้ โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีต้องส่งชื่อของนายอูเมรอฟให้กับรัฐสภา เพื่อพิจารณาก่อนมีการแต่งตั้ง

นายอูเมรอฟ ได้รับเสียงชื่นชมในประเทศยูเครน จากผลงานของเขาในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งควบคุมดูแลในเรื่องการแปรรูปกิจการของรัฐฯ ไปยังภาคเอกชน (privatisation) และพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานกองทุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจของยูเครน

‘โฆษกสภาความมั่นคง สหรัฐฯ’ ขู่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลัง ‘ผู้นำคิม’ จ่อพบ ‘ปูติน’ หารือหนุนอาวุธสู้ศึกยูเครน

(5 ก.ย. 66) สื่อสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ‘นายคิม จอง อึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือ มีแผนที่จะเดินทางเยือนรัสเซียในเดือนกันยายนนี้ เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดี ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ของรัสเซีย เกี่ยวกับความเป็นไปได้ ที่เกาหลีเหนือจะจัดหาอาวุธให้รัสเซีย เพื่อสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

อย่างไรก็ดี บีบีซีระบุว่า ยังไม่มีการแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว และสถานที่ของการพบกันที่แน่นอนก็ยังคงไม่มีความชัดเจนเช่นกัน แต่นิวยอร์กไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า มีแนวโน้มสูงมากที่สุดที่ผู้นำคิมจะเดินทางด้วยรถไฟหุ้มเกราะ

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า นายเซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย พยายามที่จะโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือขายกระสุนปืนใหญ่ให้กับรัสเซีย ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด

นายซอยกูซึ่งถือเป็นผู้แทนต่างชาติคนแรกที่นายคิม จอง อึน ให้การรับรองนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเข้าชมการจัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของเกาหลเหนือ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธฮวาซอง ซึ่งเชื่อว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวปตัวแรกของเกาหลีเหนือ ที่ขับเคลื่อนโดยใช้เชื้อเพลิงแข็ง

เคอร์บีกล่าวว่า นับตั้งแต่การเยือนของซอยกู ผู้นำคิมและปูตินได้แลกเปี่ยนจดหมายกัน เพื่อให้คำมั่นที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

“เราขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการเจรจาด้านอาวุธกับรัสเซีย และปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่จัดหาหรือขายอาวุธให้กับรัสเซีย” นายเคอร์บีกล่าว และเตือนว่า สหรัฐฯ จะดำเนินการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตร หากเกาหลีเหนือจัดหาอาวุธให้กับรัสเซียด้วย

ขณะเดียวกันก็มีความกังวลทั้งในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เกี่ยวกับสิ่งตอบแทนที่เกาหลีเหนือจะได้รับจากข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้มีการเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียมากขึ้น

ความกลัวอีกประการหนึ่งคือรัสเซียจะสามารถจัดหาอาวุธให้กับเกาหลีเหนือได้ในอนาคต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือต้องการอาวุธเหล่านี้มากที่สุด และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ‘คิม จอง อึน’ อาจขอให้ปูตินจัดหาเทคโนโลยีหรือความรู้เกี่ยวกับอาวุธ ที่มีความก้าวหน้าสูงให้กับเกาหลีเหนือ เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการสำคัญในโครงการอาวุธนิวเคลียร์

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองอาจเกิดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อก ริมชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของรัสเซีย โดยมีรายงานว่าเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านา เจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือได้เดินทางไปยังวลาดิวอสต็อกและมอสโก ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอภัยที่ดูแลเกี่ยวกับการเดินทางของผู้นำเกาหลีเหนือ จึงเป็นสัญญานที่ชัดเจนถึงการเตรียมการในเรื่องดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือและรัสเซียเคยออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า เปียงยางไม่ได้จัดหาอาวุธให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในสงครามยูเครน

ร้านกาแฟจีน Luckin จับมือเจ้าพ่อสุรา ‘เหมาไถ’ เสิร์ฟ ‘ลาเต้รสเหล้าขาว’ วันแรกโกย 5.42 ล้านแก้ว

(5 ก.ย.66) ลัคกิน คอฟฟี่ (Luckin Coffee) เครือร้านกาแฟเจ้าดังของจีน ประกาศจับมือบริษัทสุรา กุ้ยโจว เหมาไถ (Kweichow Moutai) ออกเมนู ‘กาแฟนมผสมเหล้าขาว’ หวังจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยหลังเปิดตัววันแรกเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ปรากฏว่าทำยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5.42 ล้านแก้ว

ลัคกิน แถลงว่า กาแฟนมผสมเหล้าขาวเพียงเมนูเดียวสร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 100 ล้านหยวนในวันจันทร์ (4 ก.ย.) ทุบสถิติเมนูยอดนิยมอื่น ๆ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เช่น cheese latte ซึ่งมียอดจำหน่ายในวันเปิดตัว 1.31 ล้านแก้ว และ coconut cloud latte ซึ่งขายได้ในวันแรก 660,000 แก้ว

กาแฟผสมเหล้าขาวซึ่งทางร้านตั้งชื่อว่า ‘sauce-flavoured latte’ เปิดจำหน่ายวันแรกในราคาเพียง 19 หยวน หรือลดจากปกติ 50% ซึ่งปรากฏว่ามีชาวจีนในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้แห่ไปต่อคิวรอซื้อจนขายหมดเกลี้ยงในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง

ลัคกิน และกุ้ยโจว เหมาไถ ระบุว่า sauce-flavoured latte มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมไม่เกิน 0.5%
สำหรับสุราเหมาไถนั้นได้รับยกย่องว่าเป็น ‘สุราแห่งชาติจีน’ โดยเป็นเหล้าขาวดีกรีแรงที่นิยมเสิร์ฟกันตามงานเลี้ยงต่างๆ และสำหรับ กุ้ยโจว เหมาไถ นั้นผู้ที่เคยดื่มส่วนใหญ่บอกว่ามีกลิ่นและรสชาติใกล้เคียงกับ ‘ซอสถั่วเหลือง’

รู้จัก Wegovy ยาลดน้ำหนักที่ ‘อีลอน มัสก์’ ยังลอง มาแรงถึงขั้นสร้างมูลค่าแซงหน้า ‘หลุยส์ วิตตอง’

(5 ก.ย. 66) เรื่องน้ำหนักตัว (อ้วน!!) เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ที่นอกจากจะมีผลกระทบกับสุขภาพแล้ว ยังลดทอนความมั่นใจสำหรับบางคนอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากมีใครสามารถคิดค้นสิ่งที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้อย่างได้ผล และปลอดภัยจริงๆ คงจะสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มหาศาลเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อรักษาโรคอ้วนที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมาก นั่นก็คือ บริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์กที่ชื่อ ‘Novo Nordisk’ ซึ่งได้พัฒนายา ‘Wegovy’ ซึ่งเป็นยาที่ช่วยในการควบคุมและรักษาโรคอ้วน หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Semaglutide’ โดยเพิ่งวางจำหน่ายยานี้อย่างเป็นทางการในอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย. 66) ที่ผ่านมา 

เจ้า ‘Wegovy’ นี้ ได้รับการรับรองแล้ว จากสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านสุขภาพ และการแพทย์แห่งอังกฤษ ให้สามารถใช้กับผู้ป่วยโรคอ้วน หรือ ‘ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย’ (BMI) เกิน 30 ในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ควบคู่กับการควบคุมอาหาร และ ออกกำลังกายได้

‘Wegovy’ เป็นยาควบคุมน้ำหนักที่ฉีดใต้ผิวหนัง มีคุณสมบัติในการระงับอาการหิว และทำให้ผู้รับยา บริโภคอาหารน้อยลงจากที่เคย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก และได้ทดสอบกับกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการโรคอ้วนจำนวน 304 คน คู่กับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก ร่วมกับการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ และ ออกกำลังกายมากขึ้นในระยะเวลา 104 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มทดลองที่ใช้ Wegovy มีน้ำหนักลดลงอย่างชัดเจนกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยา 

อีกทั้ง Novo Nordisk ยังอ้างว่าการใช้ Wegovy ช่วยลดความเสี่ยงจาก โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมองได้ และมีคนดังจำนวนมาก รวมถึง ‘อีลอน มัสก์’ เปิดเผยว่าใช้ยาตัวนี้ช่วยควบคุมน้ำหนักอยู่เช่นกัน ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งวันนี้ ที่มีการเปิดตัวจำหน่าย Wegovy ในอังกฤษ มูลค่าหุ้นของบริษัท Novo Nordisk ก็พุ่งทะยานถึง 4.28 แสนล้านเหรียญ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของยุโรป แซงหน้าหุ้นของ LVMH หรือ ‘หลุยส์ วิตตอง’ แบรนด์หรูของฝรั่งเศส ไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หุ้นของ Novo Nordisk ยังถูกคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปได้อีก เพราะความต้องการยาควบคุมน้ำหนัก Wegovy เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะเอาแค่เฉพาะในอังกฤษ ทางกรมดูแลสุขภาพแห่งชาติ ถึงกับเปิดเผยว่า น่าจะมีคนไข้ชาวอังกฤษที่รอรับยา Wegovy หลายหมื่นคน ไม่รวมคลินิกเอกชนอีกต่างหาก ในขณะที่ Wegovy ในคลังยามีอยู่อย่างจำกัด  

ประกอบกับรัฐบาลอังกฤษยังสนับสนุนงบประมาณในการทดสอบยานี้กับผู้ป่วยโรคอ้วน เพื่อดูประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่กินงบประมาณด้านสุขภาพของอังกฤษ มากถึง 6.5 พันล้านปอนด์ต่อปี 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ริชี ซูแน็ก’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังเชื่อเลยว่า Wegovy อาจเป็นจุดเปลี่ยนเกมของผู้ป่วยโรคอ้วน ที่ต้องเสี่ยงอันตรายจากภาวะโรคเบาหวาน ให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

จากปรากฏการณ์นี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมความต้องการยาควบคุมน้ำหนัก Wegovy ถึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งในอังกฤษ, ยุโรป และในสหรัฐอเมริกา จนดันมูลค่าหุ้นของ Novo Nordisk แซงหน้าบริษัทแบรนด์หรูได้ เพราะสุดท้าย สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคนเราก็คือ ‘สุขภาพ’ ของตัวเอง หาใช่ทรัพย์สินภายนอก

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘หัวเว่ย’ เปิดตัวสมาร์ตโฟน ‘Mate 60 Pro’ ใช้ ‘ชิป 7 นาโนเมตร’ ผลิตในจีน เร็วกว่า 5G!!

‘หัวเว่ย’ (Huawei) เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ Mate 60 Pro ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งาน โดย TechInsights บริษัทวิเคราะห์ระบุว่า สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดของหัวเว่ยใช้ชิป 7 นาโนเมตร ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งผลิตขึ้นเองในจีนทั้งหมด

TechInsights เผยว่า สมาร์ตโฟน Mate 60 Pro ใช้ชิป Kirin 9000 ที่ผลิตขึ้นในจีนโดยบริษัท Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรที่ทันสมัยที่สุดของ SMIC ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจีนกำลังมีความก้าวหน้าในความพยายามที่จะสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการพัฒนาชิปภายในประเทศ

การเปิดตัวสมาร์ตโฟนดังกล่าว ได้สร้างความคลั่งไคล้ขึ้นในผู้ใช้โซเชียลมีเดียของจีน และสื่อของรัฐฯ โดยผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือ Mate 60 Pro ของหัวเว่ยได้โพสต์วิดีโอแบบแยกส่วน และแชร์ข้อมูลของการทดสอบความเร็วในโซเชียลมีเดีย ซึ่งพวกเขาบอกว่า Mate 60 Pro มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงกว่าโทรศัพท์มือถือชั้นนำที่ใช้ระบบ 5G

บางคนตั้งข้อสังเกตว่า กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการเดินทางเยือนจีนของจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่ง ‘แดน ฮัตชิสัน’ นักวิเคราะห์จาก TechInsights บอกกับรอยเตอร์ว่า พัฒนาการที่เกิดขึ้นดังกล่าวเหมือนกับการ ‘ตบหน้า’ สหรัฐฯ เพราะไรมอนโดเดินทางมาจีน เพื่อหาทางทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น แต่ชิปตัวนี้เหมือนจะพูดว่า “ดูสิ่งที่เราสามารถทำได้สิ เราไม่ต้องการคุณ”

ตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา สหรัฐฯ จำกัดไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงเครื่องมือสร้างชิปที่จำเป็นสำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยที่สุด ซึ่งทำให้บริษัทเปิดตัวมือถือรุ่น 5G ได้เพียงจำกัดโดยใช้ชิปที่มีเก็บไว้เท่านั้น

อย่างไรก็ดี บริษัทวิจัยบอกกับรอยเตอร์เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า พวกเขาเชื่อว่าหัวเว่ยกำลังวางแผนที่จะกลับเข้าสู่อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน 5G ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ความก้าวหน้าของตนเองในการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ ควบคู่กับการผลิตชิปจาก SMIC

‘อินเดีย’ ส่งซิกอาจเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ‘ภารัต’ ในเวทีประชุม G20 ส่วนทางด้านรัฐบาลยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้

(6 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อินเดียอาจกำลังพยายามจะเปลี่ยนชื่อประเทศจากอินเดีย เป็น ‘ภารัต’ ซึ่งเป็นชื่อประเทศอินเดียในภาษาฮินดี

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อหลายคนพบเห็นป้ายคัตเอาท์ที่มีข้อความต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี 20 ที่อินเดียเป็นเจ้าภาพที่กรุงนิวเดลี ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ย. นี้ โดยใช้ชื่ออินเดียในภาษาอังกฤษ และ ภารัต หรือภารตะในภาษาฮินดี

นอกจากนี้ ในบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่ประธานาธิบดีดรูพาดี มูร์มู ของอินเดีย ส่งให้ผู้นำต่างชาติ ได้ระบุว่าเธอเป็นประธานาธิบดีแห่งภารัต ยิ่งทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลอินเดียกำลังดำเนินความพยายามที่จะเปลี่ยนชื่อประเทศอย่างเป็นทางการ จากอินเดีย เป็นภารัต อันเป็นภาษาฮินดีที่หมายถึงประเทศอินเดีย และมีที่มาจากชื่อกษัตริย์ภารตะที่เคยครอบครองดินแดนในแถบอินเดียทั้งหมด

รัฐบาลอินเดียยังไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้ ขณะที่เว็บไซต์ของทางการยังคงใช้ชื่อประเทศอินเดียอยู่ ด้านสมาชิกพรรคภารติยะ ชนตะหรือบีเจพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอินเดียพากันยกย่องและแสดงท่าทีเห็นด้วย เพราะมองว่าคำว่า ภารัต เป็นความภาคภูมิใจของชาวอินเดีย เป็นชื่อประเทศอินเดียแท้ๆ ไม่ใช่คำว่าอินเดียที่ถูกนำมาใช้ในยุคที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ และเป็นสัญลักษณ์แห่งระบบทาส ภายใต้การปกครองของอังกฤษนาน 200 ปี จนกระทั่งได้รับอิสรภาพในปี พ.ศ.2490 ขณะที่ พรรคฝ่ายค้านอินเดียวิพากษ์วิจารณ์ และแย้งว่าควรใช้ชื่ออินเดียและภารัตไว้ในฐานะชื่อทางการต่อไป

‘อังกฤษ’ จ่อขึ้นบัญชีดำ ‘Wagner’ กลุ่มทหารรับจ้างของรัสเซีย ชี้!! เป็นองค์กรก่อการร้ายที่มีความอันตรายเทียบเท่า ‘ISIS’

‘รัฐบาลอังกฤษ’ เตรียมที่จะขึ้นทะเบียน ‘Wagner PMC’ บริษัททหารรับจ้างเอกชนของรัสเซีย เป็นองค์กรก่อการร้าย นั่นหมายความว่าใครก็ตามที่เป็นสมาชิกขององค์กร Wagner หรือให้การสนับสนุน ถือว่าผิดกฎหมายก่อการร้ายของอังกฤษ

ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเตรียมผ่านชงเรื่องการขึ้นบัญชีดำกลุ่ม Wagner ผ่านสภาฯ ในวันพุธนี้แล้ว และหากประเด็นนี้ผ่านการพิจารณาในสภาฯ สำเร็จ รัฐบาลอังกฤษจะมีอำนาจในการยึดทรัพย์ อาญัติบัญชีทรัพย์สินของกลุ่ม Wagner และเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องในอังกฤษได้ทันที

‘ซูเอลลา บราเวอร์แมน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ กล่าวว่า “Wagner ถือเป็น กลุ่มที่ก่อความรุนแรง สร้างความหายนะทั้งในยูเครนและแอฟริกา เป็นเครื่องมือการทหารของ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย ที่ใช้ในการวางเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งบ่อนทำลายความมั่นคงของโลก ดังนั้น ตามกฎหมายก่อการร้ายของอังกฤษ (Terrorism Act 2000)  Wagner เข้าข่ายองค์กรก่อการร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย”

และด้วยกฎหมายก่อการร้ายฉบับปัจจุบันของอังกฤษ ได้มอบอำนาจให้กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษสามารถขึ้นบัญชีดำองค์กรใดๆ ก็ตามในโลกที่เข้าข่ายก่อการร้าย จากเดิมที่ครอบคลุมเพียงกลุ่มก่อการร้ายในไอร์แลนด์เหนือเท่านั้น และอังกฤษก็ได้ขึ้นทะเบียนผู้ก่อการร้ายมาแล้วหลายกลุ่มทั้ง อัลกออิดะห์, ISIS, ฮามาส, โบโก, ฮาลาม และล่าสุดคือ กลุ่ม Wagner

และหลังจากขึ้นทะเบียนกลุ่มก่อการร้ายเรียบร้อยแล้ว บุคคลที่เป็นสมาชิก ผู้ที่สนับสนุนกลุ่ม Wagner หรือแม้แต่การแสดงความเห็นในที่สาธารณะในเชิงสนับสนุน จัดกิจกรรมรวมกลุ่ม หรือแม้แต่ใช้โลโก้ ธง สัญลักษณ์ของ Wagner ในอังกฤษ จะถือเป็นความผิดในคดีอาญา มีโทษจำคุกถึง 14 ปี หรือปรับเงิน 5,000 ปอนด์

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษได้รับแรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้าน ให้เร่งขึ้นทะเบียนผู้ก่อการร้ายกับกลุ่ม Wagner มานานหลายเดือนแล้ว จากเหตุรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย ซึ่งกลุ่ม Wagner มีบทบาทสำคัญในการยึดครองพื้นที่ในยูเครน อีกทั้งยังมีหลักฐานการใช้ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย และสังหารประชาชนชาวยูเครน

แต่รัฐบาลอังกฤษเพิ่งเตรียมพิจารณาผ่านญัตติการขึ้นบัญชีดำกลุ่ม Wagner ในวันนี้ หลังจากที่กลุ่มได้สลายตัวไปหลังเหตุการณ์ Wagner ลุกฮือในรัสเซียเมื่อ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามด้วยการเสียชีวิตของ ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ หัวหน้าผู้ก่อตั้งองค์กร จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ยังเป็นปริศนาในอีก 2 เดือนต่อมาก็ตาม

ถึงจะทำช้า แต่ก็ทำนะ สำหรับการตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าเครือข่าย Wagner ยังคงอยู่ แม้ผู้นำจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่บทบาทจะยังคงเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนชื่อเป็นองค์กร หรือ รูปแบบอื่นๆ ไปแล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าขอบเขตกฎหมายของอังกฤษจะตามทันหรือไม่

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top