Tuesday, 20 May 2025
World

ชาวอเมริกันแบนขนมยี่ห้อดัง หลังเด็ก 14 เสียชีวิต เหตุจากการแข่งท้าชิมขนมรสพริกเผ็ดที่สุดในโลก 

ถือเป็นอุทธาหรณ์สำหรับชาวอเมริกัน ที่นิยมทำการตลาดที่เล่นกับความคึกคะนองของวัยรุ่น และการเสพติดกระแสโซเชียลอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ จากข่าวการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ เด็กชายวัย 14 ปี จากโรงเรียน Doherty Memorial High School ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังร่วมการแข่งขันท้าประลองกินขนมข้าวโพดทอดกรอบ Paqui รสเผ็ดจัด ที่ปรุงรสด้วยพริกแคโรไลนา รีเปอร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก ตามแคมเปญโฆษณาเชิญชวนของแบรนด์ 'One Chip Challenge'

สื่อท้องถิ่นในสหรัฐ รายงานว่า แฮริส โวโลบาห์ ได้เข้าร่วมท้าประลองชิมขนมดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนในช่วงเช้า แต่พอคาบบ่าย เขาต้องโทรกลับบ้านไปบอกแม่ว่าเขาปวดท้องอย่างรุนแรง จนถึงขั้นหมดสติในเวลาต่อมา ทางโรงเรียนต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันกาล สุดท้าย แฮริส โวโลบาห์ ก็เสียชีวิตลงในช่วงเย็นวันนั้นเอง

แม้ว่าจะยังไม่มีการสรุปถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ แต่ทางครอบครัวเชื่อว่าเกิดจากการที่ลูกชายร่วมแคมเปญท้าประลองกินแผ่นข้าวโพดรสเผ็ดจัดนี้อย่างแน่นอน อันเป็นเหตุให้เกิดกระแสเรียกร้องให้แบนขนมยี่ห้อดังทั่วสหรัฐ และหลายห้างดังทั้ง Amazon eBay และร้านค้าปลีก สั่งเก็บสินค้าออกจากชั้นวาง และช่องทางจำหน่ายบนหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดแล้ว

Paqui เป็นแบรนด์ขนมอบกรอบประเภทแผ่นข้าวโพดตอร์ติญ่า ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Hershey ผู้ผลิตขนมหวานชื่อดัง ต่อมาได้ผลิตแผ่นข้าวโพดรสเผ็ดจัด ที่ผสมพริกแคโรไลนา รีเปอร์ และ พริกนากา ไวเปอร์ ที่เผ็ดติดอันดับโลก มารวมกัน สร้างรสชาติที่เผ็ดอย่างร้อนแรงที่ไม่สามารถกินเพื่อความอร่อยได้เลย

แต่ทว่าทางบริษัทกลับใช้เทคนิคการตลาด สร้างแคมเปญท้าทายผู้บริโภค ประลองความอึดด้วยการกิน Paqui รสเผ็ดจัดในคราวเดียวโดยไม่มีการดื่มน้ำ หรืออาหารอย่างอื่นที่ช่วยลดทอนความเผ็ด ว่าจะสามารถกินได้หมดซองคนเดียวหรือไม่

ต่อมามีการสร้างกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะใน Tiktok มีวัยรุ่นอเมริกันแชร์คลิปปฏิกิริยาหลังได้ลองชิมขนมรสเผ็ดร้อนแรงกันเป็นจำนวนมาก ที่สนับสนุนการขาย Paqui ได้อย่างแพร่หลาย แม้จะมีคำเตือนบนหน้าซอง และเว็บไซต์ของทางบริษัทว่าแคมเปญนี้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ก็มีเด็ก และวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย ที่แข่งกินขนมผสมพริกที่ได้ชื่อว่าเผ็ดที่สุดในโลก เพื่อสร้างคอนเทนท์ลงโซเชียล

จนมีข่าวการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ หลังการกินขนมผสมพริกเผ็ดจัด ที่อาจทำให้ชาวอเมริกันเริ่มฉุกคิดถึงการทำการตลาดเชิงท้าทายเพื่อหวังกระแส และยอดขาย โดยไม่ใส่ใจความปลอดภัยของผู้บริโภค

ซึ่งอันตรายที่เกิดจากการกินพริกที่มีระดับความเผ็ดมากๆ อย่างพริกแคโรไลนารีเปอร์ ที่มีระดับความเผ็ด 1,569,300 สโกวิลล์ สูงกว่าพริกขี้หนูของไทยถึง 15 เท่า นอกจากจะมีผลเสียต่อกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว ยังพบว่าอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง จนถึงภาวะหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจหดตัวและภาวะหัวใจวาย ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ส่วนบ้านเรา แม้ Paqui จะยังไม่มีขายในไทย แต่ก็มีมันฝรั่งทอดกรอบ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่มีส่วนผสมของพริกที่มีความเผ็ดร้อนแรงมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ที่ผู้บริโภคควรใช้ความระมัดระวังในการลิ้มลอง

แม้คนไทยจะได้ชื่อว่านิยมอาหารรสเผ็ด แต่พริกที่เผ็ดระดับ พริกแคโรไลนา รีเปอร์, นากา ไวเปอร์ หรือแม้แต่ Ghost Pepper ที่เริ่มแพร่หลายในไทย ล้วนมีระดับความเผ็ดเกิน 1 ล้านสโกวิลล์ นับว่ามีอันตราย ไม่ควรรับประทานจำนวนมากในคราวเดียว แม้จะเป็นเซียนอาหารเผ็ดแค่ไหนก็ตาม  

เอาแล้ว!! จีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม ‘เมตาเวิร์ส’ พุ่งเป้าสู่เสาแห่ง ‘วิถีชีวิต-เศรษฐกิจดิจิทัล’

(11 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน และหน่วยงานอื่นๆ อีก 4 แห่ง ร่วมออกแผนปฏิบัติการ ระยะ 3 ปี (2023-2025) เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมของอุตสาหกรรมเมตาเวิร์ส (Metaverse)

แผนปฏิบัติการดังกล่าวกำหนดรายละเอียดมาตรการอันรวมถึงการสร้างเทคโนโลยีเมตาเวิร์สขั้นสูงและระบบอุตสาหกรรม โดยจีนจะมุ่งสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การประยุกต์ใช้ และด้านอื่นๆ เกี่ยวกับเมตาเวิร์ส รวมถึงทำให้เมตาเวิร์สกลายเป็นเสาแห่งการเติบโตที่มีนัยสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัล

นอกจากนั้นจีนตั้งเป้าหมายบ่มเพาะบริษัทเกี่ยวกับเมตาเวิร์สที่มีอิทธิพลระดับโลก 3-5 แห่ง และสร้างเขตกลุ่มอุตสาหกรรม 3-5 แห่ง พร้อมมุ่งยกระดับนวัตกรรมเชิงบูรณาการของเทคโนโลยีเมตาเวิร์สที่สำคัญ และวางพันธกิจขั้นต้นในอุตสาหกรรมเมตาเวิร์สและวิถีชีวิตดิจิทัล

‘UN’ ชี้!! ‘ยาไอซ์’ ใน ‘อัฟกานิสถาน’ ยุคตอลิบานพุ่ง ขึ้นแท่นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก แม้ไล่บุกทลาย

(11 ก.ย.66) เอพี ได้เปิดเผยว่า ทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations’ Office on Drugs and Crimes - UNODC) ได้เผยแพร่รายงานซึ่งระบุถึงประเทศอัฟกานิสถาน ที่ขณะนี้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีน หรือ ‘ยาไอซ์’ ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นผู้ผลิต ‘ฝิ่น’ และ ‘เฮโรอีน’ รายใหญ่ แม้รัฐบาลตอลิบานจะประกาศทำสงครามกับยาเสพติดหลังจากที่ยึดอำนาจปกครองเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2021 ก็ตาม

UNODC ระบุว่า ยาไอซ์ในอัฟกานิสถานส่วนใหญ่ผลิตจากสารตั้งต้นที่หาได้อย่างถูกกฎหมาย หรือสกัดมาจากต้นอีเฟดรา (ephedra) ซึ่งเป็นพืชที่พบในแถบจีน อินเดีย และปากีสถาน

รายงานของ UNODC ยังเตือนด้วยว่า การผลิตเมทแอมเฟตามีนในอัฟกานิสถานกำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและความมั่นคงทั้งในระดับชาติและภูมิภาค โดยมีรายงานว่าการตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนที่คาดว่ามีแหล่งที่มาจากอัฟกานิสถานได้ทั้งในสหภาพยุโรป (อียู) และแอฟริกาตะวันออก

เมทแอมเฟตามีนจากอัฟกานิสถานที่ถูกตรวจยึดได้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 100 กิโลกรัมในปี 2019 กลายเป็นเกือบ 2,700 กิโลกรัมในปี 2021 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการลักลอบผลิตในปริมาณที่มากขึ้น ทว่า UNODC ยังไม่สามารถประเมินมูลค่า ปริมาณการผลิต รวมถึงปริมาณการเสพภายในประเทศ เนื่องจากไม่มีข้อมูล

แองเจลา มี หัวหน้าแผนกวิจัยและวิเคราะห์เทรนด์ของ UNODC ให้สัมภาษณ์กับ AP ว่า กระบวนการผลิตเมทแอมเฟตามีน โดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน สามารถทำได้ง่ายดายกว่าการผลิตเฮโรอีนและโคเคนมาก

“คุณไม่จำเป็นต้องรอให้พืชอะไรสักอย่างโต... คุณไม่ต้องมีที่ดิน คุณแค่ต้องการคนปรุงที่รู้วิธีทำเท่านั้น ห้องแล็บผลิตยาไอซ์สามารถเคลื่อนย้ายได้ หลบซ่อนได้ง่าย และในอัฟกานิสถานมีต้นอีเฟดราซึ่งพบในแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีนใหญ่ที่สุดของโลกอย่างพม่าและเม็กซิโก พืชชนิดนี้ไม่ผิดกฎหมายในอัฟกานิสถานและมีขึ้นอยู่ทั่วไป เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณมากเท่านั้น” มี กล่าว

ด้าน อับดุลมาทีน กอนี โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถาน ยืนยันกับ AP ว่า รัฐบาลตอลิบานห้ามการปลูก ผลิต จำหน่าย และใช้สารเสพติดทุกประเภทในอัฟกานิสถาน และที่ผ่านมา ได้มีการทำลายโรงงานผลิตไปแล้ว 644 แห่ง รวมถึงที่ดินอีก 12,000 เอเคอร์ที่ใช้เพาะปลูก แปรรูป และผลิตสารเสพติด

ทางการตอลิบานยังส่งเจ้าหน้าที่บุกทลายแหล่งผลิตยาเสพติดอีกกว่า 5,000 กรณี และมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วราว 6,000 คน

“เราคงอ้างไม่ได้ 100% ว่ายาเสพติดหมดไปแล้ว เพราะอาจจะมีผู้ลักลอบผลิตกันอยู่บ้าง และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ยาเสพติดลดลงเป็นศูนย์ในระยะเวลาอันสั้น” กอนี กล่าว

“แต่เราได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีว่าจะทำให้ยาเสพติดทั่วๆ ไป โดยเฉพาะยาไอซ์ หมดไปจากประเทศนี้”

รายงาน UN ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วระบุว่า การปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นถึง 32% จากปีก่อนหน้านับตั้งแต่ตอลิบานกลับเข้าปกครองประเทศ อีกทั้งการประกาศห้ามปลูกฝิ่นในเดือน เม.ย. ปี 2022 ส่งผลให้ราคาฝิ่นในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้น โดยเกษตรกรผู้ปลูกฝิ่นในอัฟกานิสานมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จาก 425 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 มาอยู่ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 

‘บุอิจิ เทราซาวา’ เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในวัย 68 ปี ปิดตำนานนักเขียนการ์ตูนอมตะ ‘คอบร้า เห่าไฟสายฟ้า’

‘บุอิจิ เทราซาวา’ ซึ่งเคยผ่าตัดเนื้องอกในสมองมาก่อน เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อวันที่ 8 กันยายน สิ้นตำนานนักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงานอมตะอย่าง ‘คอบร้า เห่าไฟสายฟ้า’

บัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของ บุอิจิ เทราซาวา ผู้เขียนมังงะ Space Adventure Cobra เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่านักเขียนการ์ตูนระดับตำนานของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อวันที่ 8 กันยายน เขาอายุ 68 ปี

ในปี  2003 เทราซาวา เปิดเผยว่าเขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมองที่เป็นเนื้อร้ายในปี 1998 และเขาได้รับการผ่าตัด นอกจากนี้เขายังเปิดเผยว่าแม้จะได้รับรังสีและเคมีบำบัด แต่มะเร็งก็ยังกลับเป็นซ้ำ การผ่าตัดครั้งที่สองทำให้เขาเป็นอัมพาตที่ด้านซ้ายของร่างกาย

เทราซาวะเกิดในปี 1955 ที่ฮอกไกโด ในปี 1976 เขาย้ายไปโตเกียวเพื่อศึกษาการเขียนการ์ตูนกับนักเขียนระดับปรมจารย์ โอซามุ เทสึกะ

เทราซาวา ตีพิมพ์มังงะเรื่อง Cobra ในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ของสำนักพิมพ์ Shueisha ตั้งแต่ปี 1978 ถึง 1984 มังงะเรื่องนี้เล่าเรื่องของโจรสลัดอวกาศ ‘คอบบร้า’ เจ้าของปืน ‘ไซโคกัน’ ที่ซ่อนอยู่ในแขนซ้าย ที่ต้องหลบหนีจากทั้งเจ้าหน้าที่แห่งอวกาศ และองค์กรชั่วร้าย ๆ เนื่องจากความทรงจำของเขาที่ถูกลบทิ้งไปแล้ว

มังงะเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะทางโทรทัศน์และภาพยนตร์จำนวน 31 ตอนในปี 1982 ส่วนอนิเมะ The Space Adventure Cobra - The Movie เข้าฉายในเดือนกรกฎาคมปี 1982

เมื่อเดือน พ.ค. 2019 บุอิจิ เทราซาวา ยังได้เปิดตัวมังงะภาคต่อเรื่อง Cobra: Over the Rainbow บนเว็บไซต์ Comic Walker และ Nico Nico Manga ของ Kadokawa ด้วย

บุอิจิ เทราซาวา ยังมีผลงานมังงะเรื่อง Goku - Midnight Eye ในปี 1987 ที่ถูกสร้างออกมาเป็นนอนิเมะวิดีโอ (OVA) สองเรื่องในปี 1989

ในช่วงทศวรรษ 1980 เทราซาวา ได้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างมังงะ เขาเป็นผู้สร้างมังงะเรื่อง Kabuto และ Black Knight Bat นอกจากนี้เขายังสร้างมังงะ Takeru ซึ่งถือเป็นหนังสือการ์ตูนชุดแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก

'อังกฤษ' เปิดฉาก!! กล่าวหารัสเซียยิงขีปนาวุธเป็นชุด  โจมตีเรือสินค้าในทะเลดำ พังธัญพืชหล่อเลี้ยงชีวิตชาวยูเครน

(12 ก.ย. 66) กองทัพรัสเซียเล็งเป้าหมายโจมตีเรือสินค้าพลเรือนลำหนึ่งในทะเลดำ ด้วย ‘ขีปนาวุธหลายลูก’ เมื่อเดือนที่แล้ว แต่กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการยิงสกัด จากคำกล่าวหาเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ย.) ของสหราชอาณาจักรที่อ้างข้อมูลข่าวกรอง

จากคำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่าเรือลำหนึ่งในกองเรือทะเลดำของรัสเซีย ยิงขีปนาวุธหลายลูก ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธร่อนคาลิเบอร์ มุ่งหน้าสู่โอเดสซา เมืองท่าทางใต้ของยูเครน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

กระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักร (Foreign, Commonwealth & Development Office - FCDO) ระบุว่าข้อมูลข่าวกรองชั้นไม่เป็นความลับ เผยว่าเป้าหมายโดยเจตนาของการโจมตีดังกล่าวคือเรือสินค้าประดับธงลิเบียลำหนึ่ง ซึ่งเทียบท่าอยู่ที่นั่น

นอกจากนี้แล้วกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักร ยังบอกอีกว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถทลายการโจมตีที่มุ่งเป้าเล่นงานเรือพลเรือน โดยที่ไม่มีขีปนาวุธคาลิเบอร์ใดๆ ที่พุ่งโดนเป้าหมาย "แม้ประสบความล้มเหลว แต่มันพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า รัสเซียยังคงพยายามบีบรัดเศรษฐกิจของยูเครน" FCDO กล่าวในถ้อยแถลง

ในถ้อยแถลงยังกล่าวหาด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่แยแสต่อชีวิตพลเรือน และพยายามใช้อาหารและการค้าอันบริสุทธิ์เป็นอาวุธ ที่ทั่วทั้งโลกต้องเป็นฝ่ายชดใช้

ทะเลดำ กลายเป็นสมรภูมิที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้น หลังจากรัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชที่มีสหประชาชาติและตุรกีเป็นคนกลางเมื่อเดือนกรกฏาคม ในขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายรับประกันความปลอดภัยในการล่องเรือของเรือสินค้า

นับตั้งแต่นั้น มอสโกโจมตีโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือของยูเครนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในสิ่งที่เคียฟกล่าวหาว่าเป็นความพยายามก่อความเสียหายแก่การส่งออกของพวกเขา และบ่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารโลก

ในการพาดพิงคำกล่าวหาเกี่ยวกับเหตุโจมตีเรือพลเรือนเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ใช้โอกาสแถลงต่อรัฐสภา เกี่ยวกับการประชุมซัมมิตจี 20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่า ปูติน กำลังจนตรอกอย่างหนัก

เขาบอกด้วยว่าการโจมตีของรัสเซียที่เล่นงานสถานที่ต่างๆ ของยูเครน ได้ทำลายธัญพืชไปมากกว่า 270,000 ตัน ซึ่งมันเพียงพอสำหรับเลี้ยงดูประชาชน 1 ล้านคนเป็นเวลา 1 ปีเลยทีเดียว "ยูเครนมีสิทธ์ส่งออกสินค้าของพวกเขาผ่านน่านน้ำสากล และพวกเขามีสิทธิทางศีลธรรมที่จะส่งออกธัญพืชไปช่วยหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก" ซูแน็ก กล่าว

‘ลิเบีย’ ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลัง ‘พายุแดเนียล’ ถล่มหนักต่อเนื่อง รบ.เร่งให้ความช่วยเหลือ หวั่นดับทะลุ 2 พัน-สูญหายพุ่ง 6 พันคน

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวบีบีซี และเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศลิเบีย หลังเผชิญหน้ากับ ‘พายุแดเนียล’ พัดถล่มพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังโจมตีหลายประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงตุรกี บัลแกเรีย และกรีซ

อิทธิพลของพายุก่อให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง และน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้วอย่างน้อย 200 ราย

ขณะที่รัฐบาลฝ่ายลิเบียตะวันออกแถลงกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 2,000 รายแล้ว พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเร่งรับมือและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว และสั่งให้สถานศึกษาปิดการเรียนการสอน

รายงานระบุว่า พื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ครอบคลุมเมืองเบงกาซี เมืองซูสส์ เมืองเดอร์นา และเมืองอัล-มาร์จ ด้านหน่วยงานกาชาดลิเบียระบุว่า นอกจากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว บ้านเรือนหลายร้อยหลังยังพังถล่มเสียหาย เขื่อนอย่างน้อย 2 แห่งในเมืองเดอร์นา ซึ่งมีประชากรราว 100,000 คนพังทลายลงมา เป็นเหตุให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนและพื้นที่ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ

ด้าน นายกรัฐมนตรีโอซามา ฮาหมัด ผู้นำรัฐบาลฝ่ายลิเบียตะวันออก แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่ามีผู้ประสบภัยสูญหายหลายพันคน และเสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ย่านใกล้เคียงทั้งหมดในเมืองเดอร์นาถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดหายไปพร้อมกับชาวบ้าน

ขณะที่ รอยเตอร์ รายงานจากโฆษกกองทัพฝ่ายลิเบียตะวันออกระบุว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นกว่า 2,000 ราย และมีผู้สูญหายระหว่าง 5,000-6,000 รายเฉพาะในเมืองเดอร์นา

‘นักวิจัย’ เตือน!! กล่องพลาสติกอุ่นใน ‘ไมโครเวฟ’ อันตราย เสี่ยงได้รับ ‘ไมโครพลาสติก’ เข้าสู่ร่างกายแบบไม่รู้ตัว

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คาซี อัลบับ ฮุสเซน นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเนแบรสกา ในสหรัฐอเมริกา เผยรายงานการวิจัยเกี่ยวกับ ‘การใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร’ หลังทางทีม ได้ทดลองนำขวดนมพลาสติกของเด็กที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ บรรจุน้ำและสารละลายอื่น ๆ ที่ใช้เป็นตัวแทนอาหาร แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นนำไปให้เด็กดื่ม ผลปรากฏว่า เด็กได้รับไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย

ตามรายงานของ Henry Ford Health องค์กรด้านการดูแลสุขภาพ เปิดเผยว่า ในการศึกษาครั้งหนึ่ง 77 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้ารับการทดสอบถูกพบว่า มีไมโครพลาสติกในเลือด โดยบางเคส พบไมโครพลาสติกถึง 4 ล้านชิ้น ต่อตารางเซนติเมตร และ นาโนพลาสติกมากกว่า 2 พันล้านชิ้น ไมโครพลาสติกบางชนิดทำจากสารเปอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘สารเคมีตลอดกาล’ เนื่องจากใช้เวลานานในการย่อยสลาย รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า ชาวอเมริกันมากถึง 97 เปอร์เซ็นต์ มีสาร PFAS อยู่ในเลือด

ต่อมาทางผู้เชี่ยวชาญยังได้ทดลองนำเซลล์จากไต ไปสัมผัสกับสารไมโครพลาสติกที่ปล่อยออกมาระหว่างการทดลองใส่ขวดในไมโครเวฟ พวกเขาพบว่า ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของเซลล์เหล่านั้นถูกทำลาย ซึ่งมีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่า ไมโครพลาสติกอาจเป็นอันตรายต่อไตของมนุษย์

‘ไบเดน’ ปฏิเสธความพยายามโดดเดี่ยว - ควบคุมจีน อ้าง!! แค่ต้องการรักษาเสถียรภาพ - กฎระเบียบสากล

(12 ก.ย. 66) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามโดดเดี่ยวหรือควบคุมจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องกองทัพให้มีความพร้อมอยู่เสมอ และยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จีนกำลังเปลี่ยนกฎเกณฑ์ แต่ไบเดนไม่ได้บอกว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวคืออะไร ในระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวด้วยว่าเขาได้พบปะนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ในการประชุมสุดยอดประจำปี G20 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียก่อนหน้านี้

ไบเดนกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะควบคุมหรือโดดเดี่ยวจีน เพียงแต่สหรัฐฯ ต้องการรักษาเสถียรภาพตามกฎเกณฑ์และระเบียบสากล อีกทั้งไบเดนต้องการเห็นจีนประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจภายใต้กฎระเบียบสากล

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องให้กองทัพอยู่ในความพร้อมระหว่างตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ศูนย์ใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบตัวแทนของกองทัพ และถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นผู้นำจีนชื่นชมกองทัพและสารวัตรทหาร ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างกล้าหาญในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภูมิภาคทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของจีน 
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชื่นชมทหารที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่กองทัพ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้กองทัพยกระดับการเตรียมความพร้อม รวมถึงการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ พร้อมย้ำถึงการสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง และมีเอกภาพ

‘นักวิจัยออสเตรเลีย’ หัวใส!! ทดลองทำ ‘ฟาร์มทะเลลอยน้ำ’ เพื่อผลิตน้ำจืดสำหรับดื่ม-การเกษตร หวังแก้วิกฤตขาดแคลนน้ำ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, แคนเบอร์รา รายงานว่า คณะนักวิจัยจากสถาบันอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (UniSA) เปิดเผยการออกแบบ ‘ฟาร์มทะเลแบบลอยน้ำ’ ซึ่งสามารถผลิตน้ำจืดสำหรับดื่มและการเกษตร โดยฟาร์มทะเลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์นี้ อาจช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำจืดที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยที่เผยแพร่วันจันทร์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ระบุว่า ฟาร์มทะเลนี้จะทำให้น้ำทะเลระเหยกลายเป็นไอและรีไซเคิลเป็นน้ำจืดโดยใช้ห้อง 2 ห้อง ได้แก่ ห้องด้านบนที่คล้ายกับเรือนกระจก และห้องด้านล่างที่จะเก็บน้ำ ซึ่งจะถูกควบแน่นและลำเลียงไปยังห้องเพาะปลูกพืช

รายงานระบุว่า ‘สวี่ ฮ่าวหลาน’ และ ‘แกรี โอเวน’ คณะนักวิจัย ประสบความสำเร็จในการทดลองใช้ฟาร์มทะเลนี้เพาะปลูกบรอกโคลี ผักกาดหอม และกวางตุ้ง บนพื้นผิวน้ำทะเลโดยไม่ต้องดูแลหรือทดน้ำเพิ่มเติม

สวี่ ซึ่งเคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานจิง และสถาบันเซรามิกแห่งเซี่ยงไฮ้ สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ก่อนร่วมงานกับมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลียในปี 2011 กล่าวว่าฟาร์มทะเลนี้มีข้อได้เปรียบมากกว่าการออกแบบฟาร์มทะเลพลังงานแสงอาทิตย์อื่นๆ หลายประการ

สวี่ ชี้ว่าการออกแบบฟาร์มทะเลพลังงานแสงอาทิตย์อื่นๆ ติดตั้งเครื่องระเหยน้ำทะเลไว้ในห้องเพาะปลูก ซึ่งแย่งพื้นที่อันมีค่าที่อาจนำไปใช้เพาะปลูกพืชพันธุ์ ทั้งยังมีแนวโน้มทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปและพืชผลล้มตาย

สวี่ อธิบายว่าการออกแบบฟาร์มทะเลแบบใหม่ของพวกเขา ซึ่งกระจายตำแหน่งเครื่องระเหยและห้องเพาะปลูกในแนวตั้ง ช่วยลดการปล่อยความร้อนโดยรวมของอุปกรณ์ และเพิ่มพื้นที่สำหรับผลิตอาหาร รวมถึงทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ต้นทุนต่ำ และใช้งานง่ายมาก ใช้เพียงพลังงานแสงอาทิตย์และน้ำทะเล มาผลิตน้ำสะอาดและเพาะปลูกพืชผล

ด้าน โอเวน กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปคือการขยายขนาดของการออกแบบใหม่นี้ เพื่อมุ่งสู่การสร้างฟาร์มทะเลชีวนิเวศ (biodome) แบบลอยน้ำขนาดใหญ่มหึมาบนมหาสมุทร หรือการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กมากมายบนน่านน้ำทะเลขนาดใหญ่

‘ธ.กลางจีน’ เข้ม!! เสถียรภาพการแลกเปลี่ยน ‘เงินหยวน’ หวังเบรกบริษัทนักเก็งกำไร ทำค่าเงินหยวนเสื่อมราคา

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ได้มีแถลงการณ์จากธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางของจีน ระบุว่าจีนมีศักยภาพ ความเชื่อมั่น และเงื่อนไขในการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนโดยพื้นฐานให้มีเสถียรภาพ

ธนาคารฯ เผยว่าหน่วยงานทางการเงินจะดำเนินการในกรณีที่จำเป็น แก้ไขการดำเนินการด้านเดียวและการดำเนินนโยบายตามวัฏจักรเศรษฐกิจ จัดการกับการหยุดชะงักของคำสั่งซื้อของตลาด และป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นมากเกินไป (overshooting)

ทั้งนี้ แถลงการณ์เผยว่าการริเริ่มและการดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นทำให้เศรษฐกิจจีนกำลังสะสมแรงขับเคลื่อน ซึ่งสิ่งนี้เป็นรากฐานมั่นคงสำหรับการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้คงที่ในระดับที่เหมาะสมและสมดุล

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังธนาคารกลางจีน เริ่มเข้มงวดในการตรวจสอบการซื้อดอลลาร์จำนวนมากโดยบริษัทในประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สกุลเงินหยวนจีนเผชิญกับแรงกดดันด้านค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทต่างๆ ที่ต้องการซื้อเงินดอลลาร์ 50 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป จะต้องได้รับอนุมัติจาก ธนาคารกลางจีน ซึ่งจะมีการประชุมกับธนาคารพาณิชย์บางแห่งในช่วงสุดสัปดาห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปอีกด้วย
.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top