Saturday, 29 June 2024
TheStatesTimes

'ดร.สุวินัย' ออกบทความ 'ปลายทาง' ของนักปฏิกษัตริย์นิยมคืออะไร? พร้อมจุดจบผู้ตกกระไดพลอยโจน ที่โดนหลอกให้เชื่อเรื่องสถาบันฯ ผิดๆ

(26 มิ.ย. 67) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ปลายทางของนักปฏิกษัตริย์นิยมคืออะไร?' จากกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน จำเลยคดี 112 ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษาและถูกหมายจับ โดยมีเนื้อหา ดังนี้…

ปลายทางของนักปฏิกษัตริย์นิยมคืออะไร?

ตัวเองต้องตอบคำถามนี้ให้ชัดแจ้งให้ได้ก่อนที่จะริเป็นนักปฏิกษัตริย์นิยมในประเทศนี้

เพราะสุดท้ายแล้ว ปัจเจกต้องรับผิดชอบชีวิตของตนเองให้ได้ในทุกการตัดสินใจของตัวเองว่าจะเลือกเป็น ‘นัก…’ อะไร

ถ้าจับพลัดจับผลูกลายมาเป็น ‘นักปฏิกษัตริย์นิยม’ แบบตกกระไดพลอยโจน เพราะโดนหลอกให้เชื่อเรื่องสถาบันกษัตริย์อย่างผิด ๆ ด้วยข้อมูลที่บิดเบือน ยกตัวอย่างเช่น...

ทำทีเป็นตั้งคำถามลอย ๆ แซะ ๆ แบบว่า ‘ตระกูลไหนเนรคุณพระเจ้าตากสินหว่า? ’

ชุดคำตอบที่จริงและตรงตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ (จากเพจ ฤๅ - Lue History) คือ

(1) พระเจ้าตากกับรัชกาลที่ 1 ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน

คนที่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน สามเกลอ จีน ไทย แขก น่าจะอ่านมาจากนิยายของ กศร. กุหลาบ ที่เขียนเรื่องอภินิหารบรรพบุรุษเอาไว้สมัย ร.5

ตอนนี้ความจริงเปิดเผยออกมาหมดแล้ว มีแต่พวกฟังนิทานมาเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้

(2) คนก่อกบฏ คือ พระยาสรรค์กับเจ้ารามลักษณ์ หลานของพระเจ้าตาก ตอนนั้นรัชกาลที่ 1 อยู่เขมร

(3) พระยาสรรค์ปลดพระเจ้าตากออกจากกษัตริย์ แล้วบังคับให้ไปบวช ในเวลานั้นพระยาสรรค์คือรัฏฐาธิปัตย์ ที่ยังไม่ได้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์

(4) เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับมา พระยาสรรค์กลัวเลยไปกราบบังคมทูลเชิญพระเจ้าตากกลับมาเพื่อต่อสู้ แต่พระองค์ปฏิเสธ แปลว่าพระยาสรรค์ยังคงเป็นรัฏฐาธิปัตย์อยู่

(5) พระยาสรรค์ยอมแพ้ พระเจ้าตากบวชไม่ยอมสึก ไม่มีรัฏฐาธิปัตย์ ขุนนาง อำมาตย์ เลยกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เริ่มต้นราชวงศ์จักรี

(6) ส่วนเรื่องการชำระโทษนั้น มีรายละเอียดและเหตุผลที่รัชกาลที่ 1 ต้องทำตามบริบททางประวัติศาสตร์ในยุคนั้น

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ตัวอย่างเดียวเท่านั้น ที่สะท้อนความเป็นจริงว่า ...

- มีขบวนการปฏิกษัตริย์นิยมดำรงอยู่ในประเทศนี้จริง

- มีกระบวนการจัดตั้ง - ผลิตซ้ำความคิดปฏิกษัตริย์นิยมผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ จริง

- มีขบวนการบิดเบือนใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์จริงผ่าน "การเมืองแห่งเรื่องเล่า" ที่สร้างเรื่องเล่าในอดีตเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อย่างจงใจแหกตาผู้คนที่เสพสื่อรูปแบบต่าง ๆ จริง

- มีกลุ่มปัญญาชนอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ฝักใฝ่ในความคิดปฏิกษัตริย์นิยมจริง

- รวมทั้งมีนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เป็นพรรคปฏิกษัตริย์นิยมดำรงอยู่จริง แถมเป็นพรรคใหญ่ด้วย

ทีนี้ เราขอถามกลับพวกปฏิกษัตริย์นิยมบ้างว่า

"ตระกูลไหนเนรคุณในหลวงในสมัย ร.7, ร.8, ร.9 และ ร.10? "

ยุคนี้สามารถค้นหาคำตอบได้ไม่ยากเช่นกัน ขอเพียงผู้นั้น คิดเป็น-วิเคราะห์เป็น-แยกแยะเป็น ได้เท่านั้น

ปลายทางของนักปฏิกษัตริย์นิยมคืออะไร?

คนที่ค้นพบตัวตนแล้วและตระหนักว่า...ตัวเองอยากเป็น ‘นักปฏิกษัตริย์นิยม’ จริง ๆ อย่างยอมอุทิศชีวิตของตนให้ และยึดเอาการกระทำแบบปฏิกษัตริย์นิยม เป็นความสำคัญสูงสุดของชีวิตตน ...ก็จงเป็นนักปฏิกษัตริย์นิยมต่อไปเถิด สักวันอาจมีชื่ออยู่ในตำราประวัติศาสตร์ไทยก็เป็นได้ ถ้าเจ้าตัวมีบทบาททางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นพอ

แต่ถ้าเจ้าตัวยังมิได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตน เพียงแค่หลงในกระแสที่ถูกสื่อเสี้ยมสื่อปั่นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิตที่ฮอร์โมนพลุกพล่านจน ‘พร้อมบวกพร้อมปะทะกับอำนาจรัฐพันลึก’

ขอให้ตั้งสติ คิดให้ดีเถิด

ทุก ๆ การกระทำของเรา ล้วนมีผลตามมาที่ตัวเราต้องรับผิดชอบทั้งนั้น

ตอนนี้รู้แล้วรึยังว่าปลายทางของนักปฏิกษัตริย์นิยมคืออะไร?

ใครใฝ่ฝันจะเป็นนักปฏิกษัตริย์นิยมในประเทศนี้ ผมไม่ห้ามนะ แต่เจ้าตัวต้องยอมรับผลที่ตามมา รวมทั้งควรต้อง ‘รู้ทันความคิดปฏิกษัตริย์นิยม’ ก่อนที่จะสมาทานลัทธินี้ใส่สมอง ใส่จิตวิญญาณของตัวเอง

ด้วยความปรารถนาดี

'กรณ์' เฉลย!! ไทยไปต่อยังไง ในวันที่ภาคอุตสาหกรรมหลักเริ่มถดถอย แนะ!! ถึงเวลาลงทุนพัฒนาความรู้ความสามารถของคนไทยอย่างจริงจัง

(26 มิ.ย. 67) กรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยระบุว่า…

คุณผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่า ไทยเราจะสามารถพัฒนาเป็นประเทศที่รํ่ารวยด้วยการเน้นธุรกิจบริการได้หรือไม่?

คำถามนี้ผมว่าสำคัญ เพราะอย่างที่ Lee Kuan Yew เคยปรารภไว้ว่า ‘ไม่เคยมีประเทศไหนรํ่ารวยได้โดยไม่เป็นประเทศอุตสาหกรรม’

ไทยเราก็เหมือนกัน รายได้ต่อหัวประชากรไทยเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 10 ปีในยุค ‘โชติช่วงชัชวาล’ ที่มีต่างชาติลงทุนในภาคอุตสาหกรรมไทยมากมาย

แต่วันนี้ประเทศที่กำลังโตด้วย play book เดิมของเราคือเวียดนาม ส่วนเรากำลังถดถอยในแทบทุกอุตสาหกรรมหลัก (เช่น ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์)

สาเหตุที่ถดถอยเพราะเราขาด key components ที่จะแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นคน (ทั้งปริมาณและคุณภาพ) สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ วัตถุดิบ และเทคโนโลยี

แต่ดีที่เรายังมี อุตสาหกรรมบริการ โดยเฉพาะท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะแตกขยายเพิ่มเติมไปสู่ การบริการทางการแพทย์ การเสริมสวย หรือการดูแลผู้สูงวัย

ที่ท้าทายคือ ‘การส่งออกบริการ’ ยังยากกว่าการ ‘ส่งออกสินค้า’ และนี่คือส่วนหนึ่งของความยากในการสร้างความมั่งคั่งด้วยธุรกิจบริการ

บริการส่วนใหญ่ที่เราขายต่างชาติได้คือบริการที่ลูกค้าต้องบินมาหาเรา

หากเราดูอินเดียหรือฟิลิปปินส์ เขาส่งออกบริการผ่านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น IT service หรือ call centre และอุตสาหกรรมบริการที่สร้างมูลค่าสูงจริง คืออุตสาหกรรมบริการที่ส่งออกได้ ซึ่งเป็นประเภทบริการที่เรามีน้อย

ดังนั้น หากคนถามว่า เศรษฐกิจไทยจะไปทิศทางไหน ผมมองว่าโดยศักยภาพ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไปทางด้านบริการ และรวม food service เป็นหนึ่งประเภทการบริการด้วย

ส่วนเราจะมีอุตสาหกรรมบริการที่จะมีมาตรฐานคุณภาพที่ส่งออกได้นั้น คนของเราต้องเก่งขึ้นมาก เพราะสุดท้าย บริการที่ส่งออกได้จะต้องพึ่งความรู้ด้านเทคโนโลยีและภาษาเป็นตัวเชื่อมถึงลูกค้า
ดังนั้นนโยบายที่จำเป็นคือการลงทุนพัฒนาความรู้ความสามารถของคนไทย

Lee Kuan Yew ท่านตระหนักว่าสิงคโปร์เล็กเกินไปที่จะเป็นประเทศอุตสาหกรรม ท่านจึงมียุทธศาสตร์ตั้งแต่ยุค 1980’s ที่จะพัฒนาให้สิงคโปร์เป็นผู้ขายบริการ และอุตสาหกรรมที่เขาเลือกคือ ‘การเงิน’

เศรษฐีไทยเองใช้บริการกันอยู่แทบทุกคนครับ

'อิหร่าน' นั่งเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี กรอบความร่วมมือเอเชีย ACD ครั้งที่ 19 ตอกย้ำเวทีแห่งหลักประกันความเป็นมิตรที่ดี พร้อมเกื้อหนุนทุกมิติที่เป็นประโยชน์

ความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue – ACD) เป็นความคิดริเริ่มของไทย และได้ถูกยกขึ้นเป็นครั้งแรกในการประชุมระหว่างประเทศของพรรคการเมืองเอเชีย ครั้งที่ 1 ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 17 -20 กันยายน 2000 โดยประเทศไทยได้เสนอแนวคิดว่า เอเชียควรมีเวทีเป็นของตนเองเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับทวีปของเอเชีย ต่อมาไทยได้เสนอแนวคิดเรื่อง ACD อย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2001 และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ที่ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2002 ทำให้ ACD เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้น และเกิดขึ้นในปีนั้นเอง 

ปัจจุบัน ACD มีสมาชิก 35 ประเทศ คิดเป็น 56% ของประชากรโลก และ 35% ของ GDP โลก ประเทศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การพูดคุยและการเป็นหุ้นส่วนพัฒนาความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ เช่น การขนส่งและการสื่อสาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และน้ำ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และครอบคลุมและยั่งยืนโดย ACD เป็นเวทีหารือระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย รวมถึงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลก

วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 19 ณ กรุงเตหะราน อิหร่าน ซึ่งที่ประชุมฯ รับรองการเสนอตัวเป็นประธาน ACD วาระปี 2568 ของไทย และรับรองเอกสารสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ 1) ปฏิญญาเตหะราน (Tehran Declaration) 2) กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (Rules of Procedure) และ 3) แนวทางหลักในการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย (Guiding Principles) ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงโดย (1) ย้ำถึงบทบาทสำคัญของ ACD ในการกำหนดอนาคตของภูมิภาคเอเชีย และความสำคัญของความร่วมมือกันของประเทศสมาชิกเพื่อสร้างภูมิภาคเอเชียที่ครอบคลุมและยั่งยืน (2) แสดงเจตจำนงของไทยในการขับเคลื่อน ACD ผ่านการเสนอตัวเป็นประธาน ACD วาระปี 2025 (3) เสนอแนวทางการส่งเสริมพลวัตให้แก่ ACD ผ่านการจัดการประชุมทั้งแบบทางการและไม่ทางการ (retreat) และการจัดประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโลก การเสนอแนวความคิดการจัดตั้งกองทุน ACD รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ACD และกรอบความร่วมมืออื่นๆ

Ali Bagheri Kani รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้แถลงแสดงความอาลัยในการจากไปของประธานาธิบดี Raisi และดร. Amir-Abdollahian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองต่างให้การสนับสนุนการประชุม ACD ครั้งที่ 19 นี้ อย่างแข็งขัน ตามแนวคิดพหุภาคีที่สำคัญซึ่งทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันบุกเบิกเพื่อลดการผูกขาดปฏิสัมพันธ์และการพึ่งพาประเทศตะวันตกโดยมุ่งเน้นไปที่ประเทศตะวันออกด้วยกันเอง ด้วยการส่งเสริมเอกลักษณ์ของเอเชียและรับประกันความเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรที่ดี ตลอดจนส่งเสริมความสมบูรณ์ของภูมิภาคผ่านการเป็นสมาชิกของ ACD อย่างแข็งขันในองค์กรระดับภูมิภาคและระดับโลก

นอกจากนี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้กล่าวแสดงความรู้สึกเศร้าใจและตกตะลึงอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กระทำโดยอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นมานานกว่าแปดเดือนแล้ว และหวังว่าเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้จะยุติลงโดยเร็วที่สุด สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเข้าร่วม ACD ในปี 2003 และถือว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีความกระตือรือร้น ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 อิหร่านรับหน้าที่เป็นประธาน ACD โดยถือเอาการก่อตั้ง 'ประชาคมเอเชีย' ซึ่งเป็นหนึ่งในปณิธานของ ACD ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันมั่งคั่งและคุณค่าที่ยั่งยืนของเอเชียตลอดจนศักยภาพที่แข็งแกร่งของทวีปและรากฐานทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริง หากความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเอเชียที่เข้มแข็งขึ้นถูกสร้างขึ้นในหมู่ชาวเอเชียย่อมนำมาซึ่งประโยชน์มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย 

'ผู้กำกับแอนิเมชัน 2475' โต้!! 'จอมไฟเย็น' นักโทษหนีคดีที่ฝรั่งเศส แขวะแบบไร้หลักฐาน หวังให้คนเข้าใจผิดว่า 'หนัง' ได้รับทุนหนุนจากรัฐ

(26 มิ.ย. 67) จากกรณี จอมไฟเย็น ปฏิกษัตริย์นิยม ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “อะไรที่รับทุนรัฐมันจะมีข้อกำหนดห้ามเอาผลงานไปทำกำไรอยู่นะ - มิตรสหายท่านหนึ่ง - ”

ด้านเพจ ‘2475 Dawn of Revolution’ ก็ได้ออกมาไขข้อกระจ่าง ว่า “หนังหลายเรื่องรับทุนสนับสนุนของรัฐยังเอาไปหารายได้ได้เลยครับ อย่างแอนิเมชันเรื่อง นักรบมนตรา ก็ได้ทุนสนับสนุนส่วนหนึ่ง หนังนเรศวรก็ได้ ประเด็นคือเรื่องพวกนี้มันปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว คุณยังไปหลงเชื่อข้อความอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ…

“ผมมาทราบเรื่องการขอทุนสนับสนุนหนัง หลังจากที่เปิดตัวแอนิเมชันไปแล้วหนึ่งเดือน เขามีเงื่อนไขเพียง เป็นหนังที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนและพร้อมฉายในรอบปีงบประมาณนั้น…

“สส.มี กมธ.ก็มีนะครับ ขอข้อมูลภาครัฐได้ ถ้าจะกล่าวหาใคร ควรไปค้นหากันครับว่า แอนิเมชันเรื่องนี้ได้งบจากรัฐ หรือใช้เงินภาษีมาทำหรือไม่…

“พวกคุณถนัดแต่พูดลอย ๆ หวังให้คนคิดและเข้าใจไปเองผิด ๆ ต่อไปควรหัดใช้หลักฐานและตรรกะกันบ้างนะครับ”

‘ผอ.iLaw’ แจงปมแชตไลน์หลุดบังคับโหวตตามสั่ง  ยัน!! ไม่ได้ส่งใครลง สว.-ไม่เกี่ยวข้องกับการลงคะแนน

(26 มิ.ย.67) จากกรณี แชตไลน์หลุด ผู้สมัคร สว.ประท้วง อ้าง 'ไอลอว์' บังคับให้โหวตเทคะแนนเสียงเลือกคนของตัวเอง นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการ iLaw หรือ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า…

“เมื่อ 13 วันก่อน ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีผู้สมัครสว. สาย iLaw เราไม่ได้ส่งใครและเราไม่ได้ดันใคร สาเหตุที่ต้องโพสต์แบบนี้เพราะว่ามีพี่ผู้สมัครหลายคนมาเล่าให้ฟังว่า มีคนไปขอเขาลงคะแนนให้ตัวเอง โดยอ้างว่าตัวเองเป็นสาย iLaw วันนั้นก็เลยคิดว่าจำเป็นต้องประกาศให้ชัด เพื่อไม่ให้ใครเอาไปอ้างอะไรได้อีก”

“แต่ก็คิดว่าคงยังมีคนแอบอ้างอยู่บ้าง อาจจะป้องกันได้ไม่หมด แต่ได้ชี้แจงชัดแล้วเท่าที่ทำได้ ให้ทุกคนมีเครื่องมือ เอาไปยืนยันกันต่อได้”

“วันนี้ทั้งวัน เป็นวันสำคัญของการตกลงว่าใครจะลงคะแนนให้ใคร ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นเลย วันนี้ทุกคนที่ iLaw นั่งทำงานอยู่ออฟฟิศ และกลับบ้านให้เร็วเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า แต่ปรากฏมีผู้สมัครส่งไลน์ไปด่ากันว่า ไอลอว์ไปบังคับให้โหวตตามสั่ง แล้วก็มีนักข่าวเอาไปออกข่าวกันตอนดึก ๆ”

“ผู้สมัครคนนั้นคือใครก็ไม่รู้ ส่ง LINE ไปให้ใครก็ไม่รู้ แล้วใครไปสั่งให้เขาโหวตก็ไม่รู้อีก…”

“แล้วจะให้เขาโหวตให้ใครก็ไม่รู้อีก อยู่ดี ๆ แม่งด่ากูเฉยเลย???...”

“นักข่าวก็เอาไปเขียนข่าวอีก ไม่มีใครโทรมาถามสักคำ แต่ตอนนี้ดึกแล้วไม่ต้องโทรมาถามแล้วล่ะ นักข่าวที่ไหนอยากถามไปเจอกันที่อิมแพ็คพรุ่งนี้เลยครับ แต่ผมไม่ไปเร็วนะ เพราะกลัวพรุ่งนี้เลิกดึกแล้วจะไม่ไหว ใครไหวรอบเช้าไปก่อนเลยครับ”

‘ตร.ปปป.’ แจ้งข้อหายกก๊วน ‘ผอ.-คณะผู้บริหาร’ รร.พื้นที่หาดใหญ่ ‘ทุจริตอาหารกลางวัน-อุปกรณ์การเรียนเด็ก’ เสียหายหลายล้านบาท

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัฒน์ ผกก.6 บก.ปปป. พ.ต.ท.สมนึก ห่านทองสุขศรี รอง ผกก. (สอบสวน) กก.6 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการแจ้งข้อกล่าวหาแก่คณะผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยนายพิพัตน์ อายุ 56 ปี ผอ.โรงเรียน นางอุบล อายุ 55 ปี นางอัญชลี อายุ 64 ปี รอง ผอ.โรงเรียน และ นางถิระนันท์ อายุ 65 ปี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานงบประมาณ ในความผิดฐาน ‘ร่วมกันยักยอก’ และ ‘ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม’

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ได้มีคณะครูของโรงเรียนเข้ามายื่นเรื่องตำรวจ บก.ปปป ว่า มีการทุจริตภายในโรงเรียนเกิดขึ้น อาทิ งบอาหารกลางวัน รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ หลังรับเรื่องจึงนำกำลังลงพื้นที่ พร้อมตรวจยึดเอกสารงบประมาณต่าง ๆ ของโรงเรียนมาตรวจสอบ ก่อนพบว่า มีการทุจริตหลายกรณี โดยเฉพาะโครงการอาหารกลางวัน ที่มีการหักเงินส่วนนี้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ คงเหลือเงินที่จะใช้เป็นงบทำอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กเพียงแค่ 70 กว่า เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนที่เหลือนี้จะใช้เป็นค่าแรงแม่ครัวและค่าวัตถุดิบประกอบอาหาร

ส่วนต่อมาเป็นการทุจริต เงินสนับสนุนเครื่องแบบหรือ อุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน หลังพบว่ามีการนำเอกสารให้ผู้ปกครองเซ็นรับสิทธิ์ ก่อนนำไปเบิกหนังสือใหม่ตามปกติ แต่พอถึงเวลากลับนำหนังสือเก่ามาเวียนให้เด็กนักเรียนใช้ ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวมีเด็กนักเรียนประมาณ 1.7 พันคน แต่ละปีจะมีการทุจริตเงินงบสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนตกปีละ 1.2 ล้านบาท ขณะที่การทุจริตอาหารกลางวันจะอยู่ที่ปีละประมาณ 9 แสนกว่าบาท เชื่อว่าน่าจะทำมานานหลายปี เพียงแต่หลักฐานย้อนหลังที่เราตรวจพบมีอยู่เพียงแค่ 2-3 ปี

สำหรับเคสนี้เราสอบปากคำพยานมากกว่า 100 ปาก ค่อนข้างมีพยานหลักฐานแน่ชัด แต่เนื่องด้วยโรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนเอกชน จึงไม่เข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของ ตำรวจ บก.ปปป. จึงส่งสำนวนต่อให้ทาง บก.ป. เป็นผู้ดำเนินการ จนมีการแจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ยังคงยืนกรานปฏิเสธ

อย่างไรก็ตามสำหรับปัญหาลักษณะดังกล่าว ทางเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาตำรวจ ปปป. เองก็เคยจับกุมมาแล้วในพื้นที่ กทม. โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกำลังลงพื้นที่สุ่มตรวจตามโรงเรียนต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปราม ทั้งนี้อยากฝากไปถึงกระทรวงการศึกษาให้ช่วยเข้มงวดตรวจสอบ นอกจากนี้อยากฝากไปถึง เจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ ให้ช่วยดำเนินการปลด คณะผู้บริหารโรงเรียนคณะนี้ เพราะทราบว่าก่อนหน้านี้เคยปลดไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีการเจรจาขอกลับมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา หรือ ม็อบชาวบ้านประท้วงขึ้นมา
พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เคสดังกล่าวเคยมีการร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีหน่วยงานไหนแก้ไข นำมาสู่การร้องตำรวจ ปปป. จนมีการตรวจสอบพบการกระทำผิด อย่างไรก็ตามในส่วนของแม่ครัว เบื้องต้นให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงกันไว้เป็นพยาน ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า หลังกองปราบรับสำนวนต่อมาจาก บก.ปปป. ได้มีการสอบปากคำ พยาน ผู้ปกครอง นักเรียน ครู เจ้าหน้าที่รัฐ กว่า 150 ปาก จนพบว่ามีการให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสารไว้ ว่าได้รับเงินตามที่ระบุภายในเอกสาร ซึ่งการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายเป็นการปลอมเอกสาร ส่งผลต่อเรื่องการได้รับสิทธิ์ อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องเงินค่าอาหารกลางวัน ก็พบว่าเข้าข่ายความผิดฐาน ยักยอก ซึ่งอัตราโทษการทุจริตทั้ง 2 กรณีมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เพียงแค่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ

พ.ต.อ.สถาปนา กล่าวว่า สำหรับเอกสารหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้นั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องจัดทำงบประมาณ เงินอุดหนุนรัฐบาล แต่ละโครงการมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปอาทิ งบอุดหนุนรายบุคคล งบกลางวัน งบสนับสนุนอุปกรณ์ศึกษาและหนังสือเรียน อย่างรายละเอียดเงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็ก พบ มีการสนับสนุนงบให้นักเรียนตก 22 บาทต่อหัว แต่จากการสอบพยานต่างๆ พบว่ามีการหักส่วนต่างไป 5 บาท คงเหลือจ่ายแม่ครัว เพียงแค่ 17 บาท จนทำให้อาหารไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็น 

คนไทยเฮ!! 'รัฐบาล' ยัน!! 'การแพทย์สะดวก' เพื่อคนไทยทุกกลุ่ม พร้อมแล้ว!! 'เอื้อผู้พิการ - ร้านยาใกล้บ้าน - 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรปชช.ใบเดียว'

(26 มิ.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ขานรับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งการอำนวยความสะดวกจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Service (OSS) รวมไปถึงเชิญชวนคลินิกและร้านขายยาเข้าร่วมโครงการ ‘30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ ตั้งเป้าหมายให้มีคลินิกและร้านขายยาเอกชนร่วมโครงการฯ 5,000 แห่ง ภายในปี 2568

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยระบบดิจิทัล ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ รวมไปถึงการดึงคลินิกและร้านขายยาเอกชนให้เข้าร่วมโครงการ ‘30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนเข้ารับบริการโดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล 

นอกจากนี้ รัฐบาลร่วมกันบูรณาการส่งเสริมให้คนพิการสามารถเข้าถึงบัตรประจำตัวคนพิการ โดยจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Service (OSS) ภายใต้เเนวคิด ‘จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย’ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของคนพิการ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้พัฒนาฐานข้อมูลและแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการขึ้นทะเบียน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้...

- ระยะที่ 1 คือ การพัฒนาแพลตฟอร์มการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เชื่อมต่อกับระบบยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ 

- ระยะที่ 2 คือ ‘จุดเดียวจบครบถึงเบี้ย’ การเชื่อมโยงระบบบัตรประจำตัวคนพิการกับการยื่นขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ โดย พม. จะได้หารือถึงแนวทางการพัฒนาระบบยื่นคำขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้พิการสามารถดำเนินการยื่นขอสวัสดิการเบี้ยความพิการ และเข้าถึงสวัสดิการได้มากขึ้น 

พร้อมกันนี้ สภาเภสัชกรรม ดึงให้คลินิกและร้านขายยาเอกชนเข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้ารับบริการทางการแพทย์กรณีที่มีอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงหรือไม่ซับซ้อน แบ่งเบาภาระโรงพยาบาล และลดความแออัด โดยร้านยาในโครงการนี้จะเป็นร้านยาคุณภาพที่ผ่านการรับรองจากสภาเภสัชกรรม นับเป็นโอกาสให้ร้านยามีส่วนในการให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าถึงบริการได้น้อยก็สามารถเข้ามารับบริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการได้ที่ร้านยา ซึ่งจะเป็นการช่วยดูแลในเบื้องต้นได้มากขึ้นเช่นกัน 

นายชัย กล่าวว่า ปัจจุบันในโครงการฯ มีร้านยาเข้าร่วมแล้วกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ โดยให้การดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยไปแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง และติดตามผลการให้บริการภายหลัง 3 วัน ซึ่งร้านยาเป็นหน่วยบริการเดียวที่มีการติดตามผลการให้บริการ โดยกว่าร้อยละ 90 หายจากอาการที่เป็นอยู่ ถือเป็นความสำเร็จเบื้องต้นที่น่าพอใจ พร้อมตั้งเป้าหมายให้มีร้านยาเข้าร่วมให้ถึง 5,000 แห่ง ภายในปี 2568 เพิ่มสัดส่วนร้านยาที่ร่วมโครงการฯ ต่อประชากรเป็น 1:10,000 

“นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อประชาชน ให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายในทุกมิติ เพื่อความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงพร้อมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับคนด้อยโอกาสในสังคม ให้ได้รับการดูแลที่ทั่วถึง สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีเเละนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถเข้าใช้บริการได้ใกล้บ้าน” นายชัย กล่าว

‘แม่หมู พิมพ์ผกา’ ไม่ทน!! มอบทนายส่งใบเตือนสื่อ หลังโยงข่าวเลิก ‘นาย-ใบเฟิร์น’ จนได้รับความเสียหาย

(26 มิ.ย.67) จากข่าวลือหนาหู ถึงความสัมพันธ์ของ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก และ นาย ณภัทร ว่าถึงทางตันมีบางส่วนยังโยงไปถึง แม่หมู พิมพ์ผกา หรือแม่ของนาย ณภัทร จนทำให้เกิดความสับสนตามมา

ล่าสุด ทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ทนายเจมส์ LK’ ว่า คุณหมู พิมพ์ผกา สั่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับสื่อที่โยงเรื่องราวมั่ว

ทนายเจมส์โพสต์รูปภาพที่ระบุข้อความ “ควรแยกให้ออกระหว่าง Bio กับ Post Bio เขาอาจเขียนไว้นานแล้ว อย่าเพิ่งโยงมั่วนะสื่อ” แล้วกล่าวเพิ่มเติมว่า…

“คุณหมู พิมพ์ผกา สุดทนสั่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”

“ข้อความใน Bio กับ Post แตกต่างกันนะครับ บางสื่อเอาไปปั่นว่าเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของคุณหมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ ทั้งที่ Bio เป็นข้อความที่โพสต์ไว้นานแล้ว ไม่ใช่การ post ในปัจจุบันแต่อย่างใด”

“บางข่าวนำเอาคอมเมนต์ที่ถูกบันทึกไว้ 9 ชม. มาปั่นกระแสข่าว ซึ่งเป็นคอมเมนต์ที่ตอบแฟนคลับในกระทู้ที่โพสต์เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว”

“การนำเสนอข่าวทั้ง 2 รูปแบบ ล้วนเป็นการนำข้อความเท็จมาเผยแพร่ทั้งสิ้น เป็นเหตุให้ คุณหมู พิมพ์ผกา ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง”

“กรุณาอย่าจับโยงกันมั่วจนลืมจรรยาบรรณนะครับ โดยเฉพาะเรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบุคคลต้นเรื่องให้รอบด้าน ก่อนนำเสนอข่าวครับ”

“เคสนี้ คุณหมู พิมพ์ผกา มอบหมายให้ผมดำเนินการกับทุกสำนักข่าวที่โพสต์ ข้อความทั้ง 2 รูปแบบครับ”

“พรุ่งนี้โนติสออกเดินทางครับ…รอรับได้เลย…ขอบคุณเจ้าของโพสต์ที่เข้าใจครับ”

‘นายกฯ’ เปิดโครงการ ‘Phenix’ ศูนย์กลาง ‘อาหาร’ แบบครบวงจร เชื่อ!! ช่วยผลักดันไทยสู่ Hub ด้านอาหารของโลกอย่างแท้จริง

(26 มิ.ย. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Phenix จุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ได้รับเกียรติให้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ฟีนิกซ์” ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่รวบรวมผู้ประกอบการและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกัน  ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหาร ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการค้าของไทยทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีที่ AWC ได้ร่วมกับพันธมิตรส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหาร ที่ประกอบด้วย ศูนย์กลางการขายส่งอาหารของโลก และ International Pavilion (World’s Food Wholesale Hub และ International Pavilion) ตลอดจนฟูดเลานจ์ที่รวบรวมร้านอร่อยไว้ให้ผู้บริโภค พร้อมทั้งรองรับกิจกรรมส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านอาหารต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นในอนาคต ฟีนิกซ์ จะเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวนานาชาติ และเป็นอีกหนึ่งพลังของ Soft Powerด้านอาหารไทยที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Must Eatใน 5 Must Do in Thailand 

“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งครับว่าโครงการฟีนิกซ์จะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย 
ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สอดคล้องกับโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” (Thai Kitchen to the World) ของรัฐบาล เพื่อทำให้ประเทศไทยเราเป็น Hub ด้านอาหารของโลกอย่างแท้จริง ขอแสดงความยินดีกับ AWC กับก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนโครงการฟีนิกซ์ และมีส่วนร่วมในการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นหมุดหมายด้านอาหารและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลกต่อไป ผมขอเปิดโครงการฟีนิกซ์ จุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก” นายกรัฐมนตรีกล่าว

‘อดีตเจ้าของร้านอาหาร’ ผันตัวตระเวนตัดขนหมาจรนาน 12 ปี เผย!! ดีใจ-มีความสุขที่ได้แปลงโฉมหมาเน่าให้เป็นหมาสวย

(26 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกรียงไกร ธาตวากร หรือแอ็ดดี้ อายุ 48 ปีเจ้าของฉายาฮีโร่ของหมาจรจัด อดีตเจ้าของธุรกิจร้านอาหารโต๊ะจีนและร้านตัดขนสุนัขชื่อดังใน จ.ศรีสะเกษ ดีกรีปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ที่ผันตัวมาเป็นจิตอาสาตัดขนหมาจรจัดประเภทขนยาวฟรีทั่วประเทศ ด้วยเงินทุนส่วนตัว โดยตัดเฉพาะหมาที่มีขนยาว เป็นสังกะตัง เป็นกระจุก ที่อาศัยอยู่ตามวัด คอกพักพิงสุนัขจรจัด สถานที่ราชการ สวนสาธารณะหรือสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่มีเจ้าของ

วันนี้ได้เดินทางถึง จ.ตรัง พร้อมเปิดตัดขนสุนัขจรจัด ที่มีชาวบ้านนำมาจากวัดต่าง ๆ จำนวนหลายตัว เน้นตัวที่ไม่ดุ สามารถจับอุ้มได้หรือเชื่อฟังคำสั่ง บางตัวเป็นขี้เรื้อน จึงต้องมีการแปลงโฉมจากหมาเน่าให้เป็นหมาสวย พร้อมสอนวิธีทำยาแก้โรคเรื้อน ซึ่งมีส่วนผสมของผงขมิ้นชัน น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว ผลมะกรูด และกำมะถัน ผสมน้ำเปล่า ก่อนจะทาให้ทั่วตัวสุนัขทุก 3 วัน ไม่เกิน 1 เดือน ก็จะทำให้ทำสุนัขหายจากโรคเรื้อนและโรคผิวหนังได้อย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ยังแจกยาทาโรคเรื้อนให้กับชาวบ้าน นำไปรักษาสุนัขที่บ้านคนละ 1 กระปุกฟรีด้วย โดยสุนัขที่ตัดขนแล้ว มีหน้าตาที่สวยหล่อขึ้นผิดหู ผิดตาไปเลยทีเดียว ส่วนที่คอกพักพิงสุนัขจรจัดของเทศบาลนครตรัง พบมีสุนัขขนยาวเป็นสังกะตังจำนวน 5-6 ตัว แอ็ดดี้จึงจับมาแปลงโฉมใหม่ เพื่อเป็นหมาหล่อ หมาสวยขึ้นภายในเวลา 8-15 นาที เผื่อจะได้บ้านหลังใหม่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้รับความรัก ความอบอุ่นมากขึ้น

โดยปีนี้ ‘แอ็ดดี้’ ตระเวนตัดขนหมาจรจัดฟรีเป็นปีที่ 12 แล้ว เพื่ออุทิศส่วนกุศลจากการคิดดี ทำดีให้กับอดีตแฟนสาวที่เสียชีวิตไปแล้ว และมีความสุขทุกครั้งที่เห็นหมาเน่า เป็นหมาสวย สุขภาพดีขึ้น จึงตั้งใจจะเป็นจิตอาสาตัดขนหมาฟรีต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว โดยไม่ขอรับเงินบริจาคใด ๆ และอาศัยนอนวัดหรือคอกพักพิงสุนัข ไม่นอนโรงแรม เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับหมาจรจัดทุกที่ที่ไป ซึ่งเคยมีบ้างที่ถูกกัดจากการทำงาน แต่ไม่มากนัก

ขณะที่นางลาภมิตร สิทธิชัย อายุ 67 ปีชาวตำบลท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ชาวบ้านที่นำสุนัขจรจัดมาใช้บริการกล่าวว่า รู้สึกพอใจมาก และตนเพิ่งมาครั้งแรกหลังเห็นในโพสต์ โดยนำมา 2 ตัว ดูแล้วดี คนตัดได้บุญมากและอานิสงส์นี้ขอให้ไปถึงหมาจร เพราะตนดูแลอยู่ที่สวนสาธารณะ เอาข้าวให้กินทุกวัน พอเห็นโพสต์ก็ไปรับหมาจรที่สี่แยก อ.ต.ก ซึ่งตนเป็นคนให้ข้าวหมาจรอยู่ตลอดทุกวัน

ด้านนายเกรียงไกร ธาตวากร หรือแอ็ดดี้ จิตอาสาตัดขนสุนัขฟรี กล่าวว่า ตนเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือตัดขนหมาจรจัดที่เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อตัดขนหมาสายพันธุ์ขนยาว ตามบ้านพักพิงหมาจรจัดและมูลนิธิหมาจรจัด ที่มีกระจายอยู่เกือบทั่วประเทศ ซึ่งที่เจอส่วนมากเป็นโรคผิวหนัง เป็นเชื้อรา เห็บหมัด แต่ละตัวใช้เวลาตัดอยู่ที่สภาพของขน ถ้าไม่ได้เสียมากอยู่ที่ 8 นาที ไม่เกิน 10 นาทีเสร็จ 

แอ็ดดี้ ยังบอกอีกว่า เขาทำมานาน 12 ปีแล้ว มาตัดขนแล้วได้เห็นสภาพของหมาที่เป็นสังกะตัง และต้องเร่ร่อนอยู่ข้างถนนหรือศูนย์พักพิงที่มีจำนวนมาก ๆ ถ้าเป็นกลุ่มสายพันธุ์ขนยาวจะมีขนเสีย เป็นสังกะตังเต็มไปด้วยขี้เยี่ยว พอไปตัดขนให้พวกเขา โอกาสจะหาบ้านใหม่ก็มีสูงมาก ส่วนใครสนใจติดต่อตนได้ทาง FB เกรียงไกร ธาตวากร แต่ตนจะช่วยเหลือเฉพาะคนที่ช่วยเหลือหมาจรจัด ถ้าเป็นหมามีเจ้าของก็ให้เขาไปใช้บริการตามร้านตัดขนในท้องที่บ้านเขา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top