Tuesday, 30 April 2024
TheStatesTimes

‘ผู้ประกอบการหัวหิน’ หวั่น!! น้ำประปาไม่พอใช้ช่วงสงกรานต์ ด้าน ‘นายกฯ หัวหิน’ ปรับแผนบริหารน้ำประคองหยุดยาว

สถานการณ์การผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลเมืองหัวหินยังคงน่าเป็นห่วง เพราะความต้องการใช้น้ำมีปริมาณมากกว่าช่วงปกติ รวมทั้งสถานประกอบการต่าง ๆ ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงต้องว่างแผนบริหารจัดการน้ำแบบวันต่อวันขณะนี้

เมื่อไม่นานมานี้ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้ติดตามสถานการณ์น้ำที่โรงผลิตน้ำประปาหัวนา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปา 1 ใน 4 โรงของเทศบาลเมืองหัวหิน โดยพบว่าหลังจากงานนี้มีการผันน้ำจากโรงผลิตน้ำประปาเขาแล้ง ระบายน้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำโรงผลิตน้ำประปาหัวนา ประมาณ 6 ชั่วโมง ทำให้มีปริมาณน้ำในอ่างมากเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตเทศบาลเมืองหัวหินลดลงบางส่วนเท่านั้น แต่หลังจากหยุดการผันน้ำเข้ามาที่โรงผลิตน้ำประปาหัวนา ตั้งแต่เย็นวันที่ 10 เม.ย.ถึงเที่ยงวันที่ 11 เม.ย. โรงผลิตน้ำประปาหัวนาเดินหน้าผลิตน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบว่าโรงผลิตน้ำประปาหัวนา ซึ่งมีน้ำจากเขื่อนปราณบุรี ที่มาลงในอ่าง 2 ท่อ และเสริมอีก 1 ท่อนั้น ยังคงไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำที่มีความต้องการมากในแต่ละวันในช่วงนี้ ขณะที่ระดับน้ำก็เริ่มลดลงไปอีก แม้ในภาพรวมการผลิตน้ำประปาจาก 4 โรงจะได้เฉลี่ยวันละ 7 หมื่นกว่าคิว หรือเดือนละ 2 ล้านกว่าคิว แต่ขณะนี้มีปริมาณการใช้น้ำที่มากขึ้น

ดังนั้น อาจเป็นไปได้ว่าอาจต้องใช้ระบบการผันน้ำจากโรงผลิตน้ำประปา ลงมาอ่างน้ำที่หัวนา เพื่อเติมในช่วงกลางคืน เนื่องจากน้ำที่ส่งผ่านท่อจากเขื่อนเพชรบุรีที่ผ่านมาลงโรงผลิตน้ำของกองการประปาหัวหิน ก็มีปริมาณน้ำที่มาลดลงจากที่คาดว่าจะได้ 500 คิวต่อชั่วโมง แต่ตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 180 คิวต่อหนึ่งชั่วโมง เพื่อรองรับความต้องการน้ำของทั้งโรงแรม, รีสอร์ต, คอนโดฯ ห้างขนาดใหญ่ ร้านอาหารมีความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และต้องเตรียมพร้อมที่จะสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

ขณะเดียวกัน เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะโผนกิ่งเพชร ตอนนี้ได้มีการปรับการใช้น้ำเล่นสงกรานต์ในอุโมงค์น้ำเป็นรูปแบบของการใช้หัวสเปรย์ น้ำที่พ่นออกมาเป็นละอองน้ำเท่านั้น และบางส่วนใช้โฟมเข้ามาเสริม รวมทั้งงานประเพณีสงกรานต์คอกระเช้าที่ภาคเอกชนจัดขึ้นในช่วงเทศกาลวันแรก ก็ต้องงดการเปิดอุโมงค์น้ำออกไป และรวมถึงการใช้ระบบสเปรย์น้ำที่พ่นออกมาเป็นละอองน้ำก็ต้องจัดการให้ดีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทราบว่าทางผู้ประกอบการโรงแรม, รีสอร์ต, คอนโดฯ, ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งประชาชนต่างมีความเข้าใจและร่วมที่จะช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่หัวหินไปให้ได้

ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาอีกด้าน ทางเทศบาลเมืองหัวหิน ก็ได้จัดรถน้ำออกแจกจ่ายน้ำประปาให้บ้านเรือนประชาชนที่น้ำไหลน้อยและไม่ไหลในบางจุด ตามที่มีประชาชนแจ้งเข้ามาที่เทศบาลเมืองหัวหิน และจัดส่งรถน้ำให้บริการตามคิว ซึ่งชาวบ้าน และร้านค้าบอกตรงกันว่าปีนี้ช่วงฤดูแล้ง ปริมาณน้ำประปาที่ไหลเข้ามาตามบ้านเรือนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งบางครั้งต้องสั่งซื้อน้ำเข้ามาเพื่อสำรองน้ำเอาไว้ในช่วงที่ปริมาณน้ำไปเพียงพอต่อความต้องการ และเตรียมภาชนะไว้ใส่น้ำเอาไว้ให้เพียงพอ

ขณะเดียวกัน ผู้ที่ให้บริการรถน้ำที่โรงผลิตน้ำประปาหัวนา ยังคงมีการนำรถมารอรับน้ำทั้งขนาด 1 พันลิตร 2 พันลิตร ไปจนถึงรถใหญ่ ขนาด 1 หมื่นลิตร ที่มาจอดรอเข้าคิวรับน้ำตลอดทั้งวันจนถึงกลางคืน ซึ่งมีหัวจ่ายน้ำ 2 หัว หากมีรถน้ำของเทศบาลเมืองหัวหินเข้ามาจะสามารถรับน้ำได้ 1 หัวทันที ซึ่งผู้ให้บริการรับจ้างขนน้ำบอกว่าช่วงนี้โรงแรม รีสอร์ต คอนโดฯ ห้างสรพสินค้ามีความต้องการน้ำไว้สำรองเป็นจำนวนมาก รถน้ำแต่ละคันวันละไม่ต่ำกว่า 5 เที่ยว

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายนรเศรษฐ สองทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้ข้อมูลว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนปราณบุรียังคงจัดส่งน้ำได้เพียงพอไปจนถึงช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม ซึ่งหากยังคงมีน้ำใช้การในระดับ 90 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็จะยังคงเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค ทั้งนี้ในส่วนของน้ำที่ส่งมาตามท่อให้เทศบาลเมืองหัวหินใช้เฉลี่ยวันละประมาณ 3 หมื่นลูกบาศก์เมตร

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปีนี้ทางกรมฝนหลวง ก็ได้เริ่มปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหลังวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะใช้กองบินที่ 5 เป็นจุดขึ้นลงของเครื่องบินฝนหลวง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วยในการปฏิบัติการฝนหลวง 

‘นายกฯ หัวหิน’ บูรณาการน้ำ ‘เขาแล้ง-หัวนา-ไร่นุ่น’ ดันประปาทั่วถึง ประชาชนมีน้ำใช้ช่วงสงกรานต์

ไม่นานมานี้ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้เป็นประธานประชุมชี้แจงสถานการณ์น้ำประปาเทศบาลเมืองหัวหิน ที่ห้องดำเนินเกษม สำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน มีคณะผู้บริหารเทศบาล ปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567 ที่มีประชาชนเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว และนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก อีกทั้งจะมีกิจกรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ปีใหม่ไทยด้วย ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณการใช้น้ำมากกว่าปกติ

ภายหลังประชุม นายนพพร ได้กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำของหัวหินนั้น ตนได้เตรียมวางแผนไว้ประมาณ 7 - 8 ปีที่แล้ว ได้เห็นผลในการดำเนินการดังกล่าว เช่น หัวหินในอดีตนั้นมีแค่การประปาของเทศบาลอย่างเดียว แต่ปัจจุบันนี้มีการประปาส่วนภูมิภาคเข้ามาช่วยดำเนินการด้วย เรื่องของการเพิ่มน้ำดิบจากบ่อแขม มาที่เทศบาลเมืองหัวหินนั้น ก็ดำเนินการเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปัจจุบันนี้หน่วยงานรับน้ำ หมายถึงเทศบาลเมืองชะอำและเทศบาลเมืองหัวหิน ถือว่าเป็นหน่วยงานที่รับน้ำ หน่วยงานที่ส่งน้ำคือ เขื่อนเพชรของชลประทาน 

“ผมเชื่อว่าการรับน้ำจากคลองส่งน้ำมีปัญหาในช่วงหน้าแล้ง ทำให้น้ำจากบ่อแขมที่เรารับน้ำมาโดยตลอด มีปริมาณน้อยลง เนื่องจากคนมาใช้น้ำในคลองมากขึ้น เทศบาลฯ ก็ประสานงบประมาณจากสองรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นเงิน 1,045 ล้านบาท เพื่อให้หัวหินรับน้ำจากท่อขนาด 1,000 ขณะนี้ท่อเส้นนี้มาถึงหัวหินแล้ว ทำให้หัวหินมีการรับน้ำดิบจากท่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเพิ่งเชื่อมท่อเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง ส่วนอีกทางหนึ่ง ก็มาจากเขื่อนปราณบุรี ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานชลประทาน 14 ตอนนี้มีท่อน้ำใหม่มาอีกหนึ่งเส้น เท่ากับว่าในระยะเวลา 7 - 8 ปีนี้ เทศบาลฯ นำน้ำดิบมาเพิ่มจาก 3 ส่วนด้วยกัน เพื่อให้ช่วยกันผลิตประปาให้ประชาชนและภาคธุรกิจได้ใช้” 

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเทศกาลสงกรานต์นี้ นายนพพร มองว่า ปัญหาเรื่องของการผลิตที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นหน้าร้อน, คนมาเที่ยวหัวหินเยอะ และเป็นช่วงวันหยุดยาว ซึ่งโรงผลิตน้ำที่หัวนายังผลิตน้ำประปาตามปกติ แต่เมื่อผลิตออกไปตามเส้นทางของท่อ จะผ่านตามบ้านคน สถานประกอบการ อาคารชุด โรงแรม ซึ่งมีถังอยู่ใต้ดิน เพราะฉะนั้นน้ำที่อยู่ปลายทางก็ไปไม่ถึง เพราะข้างล่างน้ำยังไม่เต็ม นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหาว่า ทำไมถึงมีน้ำที่โรงผลิต แต่ทำไมที่บ้าน ที่โรงแรมน้ำจึงไม่ไหล

ดังนั้นการดำเนินการปิดน้ำที่เขาแล้ง เพื่อผันน้ำลงไปพื้นที่โรงผลิตน้ำหัวนาและไร่นุ่น ระยะเวลาจุดละประมาณ 3 ชั่วโมงนั้น จะให้มีน้ำดิบเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% โดยน้ำดิบช่วงนั้นที่ลงมา จะทำให้ผลิตน้ำประปาได้เพิ่มขึ้นสำหรับสองวันเต็ม ๆ พร้อมปล่อยต่อได้ 24 ชั่วโมงด้วย ซึ่งนี่เป็นวิธีในการนำน้ำดิบมาเพิ่มให้หัวหิน เพราะต้องยอมรับว่าน้ำดิบที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าปล่อยตามธรรมชาติ ยังไงก็จะมีผลกระทบเหมือนช่วงหลายวันที่ผ่านมา 

ฉะนั้นแนวคิดนี้จึงเหมือน ‘โครงการแกล้งน้ำ’ ที่เรานำน้ำดิบที่เขาแล้งปล่อยลงมาสู่ข้างล่างที่หัวนา ประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้บริเวณเขาแล้งเดือดร้อนช่วงหนึ่ง แต่พอพ้นจากช่วงนั้นไปแล้ว ก็จะได้รับน้ำปกติ และทำให้น้ำที่หัวนาเพิ่มมากขึ้น จนสามารถโยกน้ำที่หัวนา มาช่วยน้ำที่ดำเนินเกษม ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้น้ำในเมืองมีเพิ่มมากขึ้นตาม

จากแนวทางดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านที่ใช้น้ำจากเขาแล้งนั้น ตั้งแต่หัวนาซอย 102 หมู่บ้านสมอโพรงฝั่งทิศเหนือ หมู่บ้านบ่อฝ้ายทั้งหมด และถนนดำเนินเกษม ตั้งแต่แยกประมง แยกไฟแดงวังไกลกังวล จนถึงสนามบิน จะได้รับผลกระทบประมาณ 6 ชั่วโมง แต่หลังจากพ้นจาก 6 ชั่วโมงไปแล้ว ภาพรวมของน้ำประปาของหัวหินนั้นจะดีขึ้นเกือบทั้งเมือง เป็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำประปาในช่วงสงกรานต์นี้

ส่วนสถานการณ์การใช้น้ำและเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ อาจจะได้รับผลกระทบ แต่ไม่มาก ถ้ามีการบริหารจัดการแบบที่แจ้ง รวมทั้งเล่นน้ำสงกรานต์แบบพอเพียง แต่มั่นใจว่าทุกคนได้เล่นแน่นอน ทว่าตอนนี้ทางเทศบาลฯ ก็อยากจะขอใช้คำว่า ‘แบบพอเพียง’ จากเดิมที่เคยจัดสวนน้ำค่อนข้างจะใหญ่ ก็อาจะลดขนาดเล็กลง เรื่องของสวนน้ำ ก็อาจจะใช้ปาร์ตี้โฟมเข้ามาช่วยเสริม เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติตรงนี้ไปได้

“อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนได้สำรองน้ำไว้ใช้ล่วงหน้า เพื่อบรรเทาปัญหาในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้เทศบาลเมืองหัวหินได้บูรณาการรถบรรทุกน้ำจากหน่วยงานต่างๆ ส่งน้ำช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยสามารถแจ้งคำร้องได้ที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองหัวหิน โทร. 032-511666 หรือแจ้งโดยตรงที่นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน โทร. 092-789-3694 นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน โทร.066-146-5269 นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน โทร. 081-813-5529 และสามารถแจ้งผ่านสมาชิกสภาเทศบาลในเขตพื้นที่ได้รับผลกระทบ และต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้” นายนพพร กล่าว

‘นายกฯ หัวหิน’ ปรับกลยุทธ์ปัญหาน้ำหัวหินขาดแคลน ระดมรถบรรทุกน้ำกระจายแจก ประคองช่วงสงกรานต์

ไม่นานมานี้ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารเทศบาลฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ขาดแคลนน้ำประปาขณะนี้ว่า เนื่องจากในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ มีประชาชนเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว รวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่เพื่อเล่นน้ำสงกรานต์ ประกอบกับปัญหาน้ำดิบที่นำมาผลิตน้ำประปาที่มาจากเขื่อนปราณบุรี ซึ่งขณะนี้เหลือน้ำอยู่เพียง 26.51% และเขื่อนเพชรที่ส่งน้ำมาให้หัวหินผลิตน้ำประปาปริมาณน้อย แต่สภาพความต้องการใช้น้ำในเขตเทศบาลฯ ในช่วงหน้าร้อนนี้ มีผู้ใช้น้ำทั้งจากโรงแรม, รีสอร์ท, คอนโดฯ บ้านพัก และประชาชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณการใช้น้ำมากกว่าปกติ บางส่วนไม่เพียงพอ บางพื้นที่น้ำไหลน้อย และบางพื้นที่ปลายทางน้ำไม่ไหล ซึ่งขณะนี้สั่งให้กองการประปาเทศบาลเมืองหัวหิน บูรณาการน้ำระหว่างโรงผลิตน้ำเขาแล้ง กับโรงผลิตน้ำหัวนา และโรงผลิตน้ำไร่นุ่น

โดยทางเทศบาลฯ ได้บูรณาการรถบรรทุกน้ำจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งน้ำช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยแจ้งคำร้องได้ที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลหัวหิน โทร. 0-3251-1666 ซึ่งหลังจากผันน้ำเข้าสู่โรงผลิตน้ำประปาหัวนาเสร็จสิ้นลงแล้ว โรงผลิตน้ำประปาเขาแล้ง ก็จะดำเนินการผลิตน้ำประปาส่งเข้าระบบแจกจ่ายได้ตามปกติต่อไป พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตเทศบาลฯ และภาคประชาชน ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดในช่วงนี้ และมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์หัวหิน

“ก่อนหน้านี้ เราเจอปัญหาการหยุดจ่ายน้ำประปาที่โรงผลิตน้ำเขาแล้ง เพื่อผันน้ำให้กับโรงผลิตน้ำหัวนาและไร่นุ่น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้น้ำประปาไหลอ่อนและไม่ไหลในบางพื้นที่ในเขตเทศบาลฯ ได้แก่ ชุมชนทางรถไฟฝั่งตะวันตก, ชุมชนหนองแกฝั่งทางรถไฟตะวันตกถนนชมสินธุ์ฝั่งทิศใต้, ชุมชนสนามกอล์ฟ, ชุมชนสมอโพรงฝั่งทิศเหนือตั้งแต่ชลประทานซอย 1 ถึงหมู่บ้านเคียงนทีหรือแพไม้, ฝั่งตะวันออกถนนคันคลองและฝั่งตะวันตกตั้งแต่หัวหินซอย 2-ซอยชลประทาน 24 รวมถึงถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันออก ตั้งแต่หัวหินซอย 1-หัวหินซอย 35 ถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันตกตั้งแต่หัวหินซอย 2-หัวหินซอย 40/1 และชุมชนบ่อฝ้ายทั้งหมด” นายนพพร กล่าว

โจทย์ใหญ่ ‘นายกฯ หัวหิน’ หลังน้ำดิบผลิตประปาเริ่มขาดช่วง เร่งบริหารจัดการด่วน หวัง ‘หัวหิน’ ไม่ขาดน้ำช่วงสงกรานต์นี้

หลังจากสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงนี้ ได้ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และที่เหนื่อยหน่อย คือ เทศบาลเมืองหัวหิน ที่ดูจะต้องเร่งบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอเพื่อรองรับช่วงสงกรานต์และหลังจากนี้ ภายหลังพบน้ำประปาในเขตเทศบาล เริ่มไหลอ่อน และบางจุดไม่ไหล

แน่นอนว่า สิ่งที่ทางเทศบาลเมืองหัวหิน เร่งทำในตอนนี้เพื่อบรรเทาปัญหา คือ การให้รถรับจ้างบรรทุกน้ำขนาดตั้งแต่ 2,000 ลิตรไปจนถึง 7,000 ลิตร รอเข้าคิวรับน้ำที่โรงผลิตน้ำประปาหัวนา เทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปส่งตามสถานประกอบการต่าง ๆ รวมทั้งรับน้ำไปส่งตามบ้านเรือนประชาชน เพราะขณะนี้บ้านเรือนบางส่วนที่อยู่ปลายสายท่อ มีปริมาณน้ำไหลน้อยลง ทำให้ต้องกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้

เนื่องจากเมื่อช่วง 2 วันก่อน ตั้งแต่เวลา 09.30-15.30 น. โรงผลิตน้ำประปาเขาแล้ง ได้หยุดจ่ายน้ำประปา เพื่อผันน้ำให้กับโรงผลิตน้ำหัวนาและไร่นุ่น ส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อน และไม่ไหลในบางพื้นที่ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เช่น ชุมชนทางรถไฟฝั่งตะวันตก ถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันออก ตั้งแต่หัวหินซอย 1 ถึงซอย 35 ถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันตก ตั้งแต่หัวหินซอย 2 ถึงซอย 40/1 และชุมชนบ่อฝ้ายทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารและกองการประปาหัวหิน เพื่อแก้ปัญหาน้ำดิบที่นำมาผลิตน้ำประปา ซึ่งมาจากเขื่อนปราณบุรี ที่ขณะนี้เหลือน้ำเพียงร้อยละ 26.51 รวมทั้งจากเขื่อนเพชรบุรี ที่ส่งน้ำมาผลิตน้ำประปา ประกอบกับช่วงนี้อากาศร้อน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมีมากขึ้น ทั้งจากที่พักโรงแรม, รีสอร์ต รวมทั้งบ้านเรือนประชาชน อีกทั้งช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ทำให้น้ำที่ส่งมาผลิตน้ำประปาบางส่วนไม่เพียงพอ บางพื้นที่น้ำไหลน้อยหรือไม่ไหล 

ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ปริมาณการใช้น้ำในเทศบาลเมืองหัวหินมีมากขึ้น ทำให้กองการประปาเทศบาลฯ จำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้น้ำช่วงสงกรานต์นี้ 

‘สาทิตย์’ รับ!! สะพัด ‘ชวน’ ชวดลงสมัคร สส. หนาหู ชี้!! หากเป็นจริง กระทบความนิยม ปชป.ภาคใต้แน่

(12 เม.ย. 67) ที่บ้านวงศ์หนองเตย ถ.เทศบาล 5 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ 7 สมัย และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรัง เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่มีการพูดกันหน้าหูในคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันว่า คุณชวน หลีกภัย จะไม่ได้ลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ เรื่องนี้นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็หนาหูมาก ซึ่งตนเองก็ไม่สามารถไปตอบคำถามอะไรได้ เพราะเราไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านชวน ถ้าเกิดท่านอยากจะลงแต่ว่าด้วยเหตุผลกลใดที่ไม่ได้ลง ตนมองว่ามีผลกระทบต่อความนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.ตรัง และภาคใต้แน่นอน เพราะต้องตอบให้ได้ว่าท่านทำผิดอะไร ที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ตัดรายชื่อนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นทั้งอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ออกจากผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งหน้า

ในส่วนการเมืองท้องถิ่น ที่มีกระแสข่าวว่าตนเองมีความสนใจนั้น จริง ๆ ตนเองสนใจเรื่อง อบจ.ตรัง หลายครั้งที่มีส่วนเข้าไปช่วยหาเสียงตั้งแต่ยุคสมัย นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง พี่ชายนายชวน หลีกภัย ลงรับสมัคร เพราะตนมองว่า อบจ.เป็นจักรกลใหญ่ ที่เป็นตัวแทนคนตรังในการพัฒนาจังหวัด ครั้งที่แล้วนายสาธร วงศ์หนองเตย น้องชายตน ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ตรัง แต่ด้วยรัฐธรรมนูญ ตนไปช่วยหาเสียงไม่ได้ ก็น่าเสียดาย เลยได้ อบจ.ชุดใหม่มา ตอนนี้เป็นความกังวลมีการพัฒนามา 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตรังเรายังไปไม่ถึงไหนเลย และตามที่ อบจ.ตรัง ประกาศนโยบายเอาไว้ตั้งหลายข้อ ก็ยังมีคนถามว่าทำครบหรือยัง นอกเหนือจากถนนหนทางที่ทำกันไปทุกที่ โดยภาพรวมเราเทียบ จ.ตรัง กับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.กระบี่ โกอินเตอร์ เป็นจังหวัดท่องเที่ยวติดอันดับโลก ขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าตรัง อบจ.เขามีบทบาทสูงมากในการพัฒนาขึ้นมาได้ขนาดนี้ ส่วน จ.พัทลุง เขาไม่มีทะเลแต่ทุกวันนี้หาตัวตนพบ คน จ.ตรัง ขับรถพาพ่อแม่ลูกเมียไปเที่ยว จ.พัทลุง แล้ว จ.ตรัง เรามีจุดขายอยู่แค่เพียงชายหาดปากเมง ในส่วนแลนด์มาร์คอื่น ๆ ระยะเวลา 3 ปีกว่าตนยังไม่เห็นว่า อบจ.ตรัง จะทำให้ตรังเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศหรือทั่วโลก ส่วนเกาะกระดานนั้นมีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวมาเที่ยวอยู่แล้ว

ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร อบจ.ตรัง ที่มีวิสัยทัศน์ มองไปข้างหน้า ทำให้ตรังเศรษฐกิจเติบโต เพราะศักยภาพเรามีเยอะ มีทั้งทะเล ป่าไม้ ภูเขา มีทั้งประวัติศาสตร์ ของกิน อาหารที่โด่งดัง แต่เหมือนว่าเราไปไม่ถึงไหนสักที มันเป็นเพราะกลไกของ อบจ. ของจังหวัด ไม่ได้จับมือกัน ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตรังนั้นเติบโตหรืออย่างไร ตนคิดว่าที่สนใจคือใครจะมาลง ถ้ามีคนดีมาลงแล้วตนเห็นว่ามีแนวคิดที่ดีทำให้เศรษฐกิจตรังมันก้าวหน้า และเป็นการทลายการเมืองอิทธิพลในตรังตนจะสนับสนุน ซึ่งตนเองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะลงด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็พยายามกับพรรคพวกหลายฝ่ายหลายกลุ่มเฟ้นหาตัว หรือพยายามสดับรับฟังว่าใครที่จะสมัครลงเป็นนายก อบจ.ตรังบ้าง ก็บอกว่าถ้าเจอคนที่ดี ตั้งใจ มีวิสัยทัศน์ ทำให้ตรังเติบโตก้าวหน้าเศรษฐกิจดีขึ้น ชาวตรังอยู่ดีกินดีตนพร้อมที่จะสนับสนุน

ส่วนตัวหลังลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยังไม่ได้คิดจะวางมือ ก็ยังอยู่ในแวดวงการเมือง ตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นนักการเมืองของประชาชนต่อไป แม้จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังพูดคุยกับ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณกรณ์ จาติกวณิช และอีกหลายคน ต่างก็มีความเห็นร่วมกันว่า การเมืองยุคนี้เป็นการเมืองยุคฮั้วข้ามค่ายข้ามพรรค เป็นไปได้อย่างไรที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม นิยมทหารกับระบอบทักษิณจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งลักษณะนี้มันมีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับมีดีลลับจริง ๆ แล้วก็ถ้ามีลักษณะแบบนี้ภาพที่เราเห็นก็คือมีความพยายามที่จะทำให้ฝ่ายค้านมีบทบาทน้อยที่สุด อย่างที่คุณทักษิณ เคยทำมาสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือจะเป็นครั้งแรกก็ตาม

เพราะฉะนั้นข่าวเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ข่าวเรื่องจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นรัฐบาล ก็สะท้อนให้เห็นเจตนาของรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลก็คือคุณทักษิณ ที่พยายามทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอ คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน เพราะจะกลายเป็นว่าชนชั้นอภิสิทธิชน ประสานผลประโยชน์กันได้แล้วก็ฮั้วจับมือกัน พรรคประชาธิปัตย์เองถูกชวนไปร่วมรัฐบาลก็ไม่เห็นปฏิเสธอย่างแข็งขัน ฝ่ายค้านเองกรณีคุณทักษิณไม่ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว ตนก็ไม่เห็นว่าจะทำหน้าที่อย่างแข็งขันในสภา ก็มีแต่ คุณสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พูดชัดเจนมากเรื่องการปกป้องระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ เพราะฉะนั้นกลุ่มของเราก็คิดว่าถ้าการเมืองยังฮั้วกันอยู่แบบนี้ ประชาชนก็ยังจะถูกหลอกอยู่ร่ำไป

หากถามว่าคิดอย่างไรกับพรรคก้าวไกลในภาคใต้ ตนมองว่าเลือกตั้ง ปี 66 ที่ผ่านมา พื้นที่ภาคใต้ก้าวไกลมาเป็นที่ 1 ส่วน จ.ตรัง พรรคก้าวไกลคะแนนก็มาเป็นอันดับ 1 สะท้อนความรู้สึกของคนอยู่หลายทางเหมือนกันว่าอาจจะเห็นว่าพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถเป็นที่พึ่งหวังได้ ก็มีแต่พรรคก้าวไกลเป็นที่พึ่งหวังมีความตั้งใจที่จะทำหลายเรื่องกระแสก้าวไกลยังดีอยู่ ตนมองว่ากระแสในตอนนี้ก็ยังดีอยู่ และเชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในภาคใต้รวมทั้ง จ.ตรัง พรรคก้าวไกลจะกวาดไปได้หลายที่นั่ง 

จับตาหลังสงกรานต์ เข็นสุด 'ดิจิทัลวอลเล็ต' แม้ทุลักทุเล แต่ล่มไม่ได้ ส่วน 'ชลน่าน-สุทิน' ติดโผร่วง ดัน 'บิ๊กอ้วนคุมหมอ-ขอทหารให้นิด'

เข้าสู่เขตสงกรานต์ จะร้อนตับแล่บขนาดไหนใครต่อใครก็รู้สึกฉ่ำเย็นได้ หากได้สรงน้ำพระ ได้รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และได้กลับบ้านพบปะพี่น้อง...

เช่นเดียวกับการเมืองที่ว่าร้อน ๆ จากควันหลงที่มีมาตั้งแต่ศึกอภิปรายทั่วไป 3-4 เม.ย. ก็พลอยเจือจางบางเบาไปด้วย...ยกเว้นแต่ที่ทำท่าจะร้อนฉ่าขึ้นมาหน่อยก็เห็นจะเป็น...ควันศึก 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ที่รัฐบาลเพิ่งแถลงเมื่อ 10 เม.ย.

จบแต่ไม่จบ...ไม่ตรงปก ไม่สะเด็ดน้ำ มี 2-3 ประเด็นที่จะต้องเถียงกันคอเป็นเอ็น โดยเฉพาะประเด็นแหล่งที่มาของเงิน ก้อนที่ไปล้วงมาจาก ธ.ก.ส. 172,300 ล้านบาท...

รัฐบาลตีลังกายันบอกว่าถูกต้องตามกฎหมาย โดยอาศัยมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยทางการเงินการคลัง 2561 แต่อีกฝ่ายบอกว่าผิดวัตถุประสงค์ธนาคาร ธ.ก.ส. หากเดินหน้าต่อมีโอกาสเข้าคุกๆๆ กันเลยทีเดียว

ประสา 'เล็ก เลียบด่วน' แม้จะขัดหูขัดตาและผิดหวังกับพรรค 'คิดใหญ่ทำเป็น' อย่างเพื่อไทยที่เสียฟอร์มในโครงการนี้มาก แต่ต้องฟันธงว่าสุดท้ายก็จะเดินหน้าโครงการนี้ไปได้...แบบทุลักทุเล...ล่มไม่ได้

นโยบายนี้...เรือธง ห้ามเกยตื้นหรือชนหินโสโครกกลางทะเล...

เหนืออื่นใดมวลมหาสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ฟังกันเต็มสองรูหู กรณีนายใหญ่ประกาศผ่านคลิปสัมภาษณ์ที่เอามาเปิดวันประชุมใหญ่ 5 เม.ย.ว่า...พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ แต่เป็นพรรครีฟอร์ม...ทำแต่เรื่องใหม่ ๆ อย่าง 30 บาท รักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน...และที่กำลังทำคือ ดิจิทัล วอลเล็ต ต้องถือว่า 'โคตรใหม่' !!

ฟังกันดั่งว่าแล้ว มีหรือที่สมาชิกจะไม่ช่วยกันตีปี๊ปและตอบโต้คนที่ออกมาตั้งคำถาม ขัดขวางนโยบายเรือธง...ที่เพิ่งโดนหนักก็ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.ที่ออกมากระแทกว่า...การล้วงเอาเงิน ธ.ก.ส. มาใช้ ก็เป็น DNA เดียวกับโครงการรับจำนำข้าวที่ทำบ้านเมืองเสียหายยับเยินมาแล้วในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ยังติดหนี้อยู่ 2 แสนกว่าล้าน ฯลฯ

ข้ามมาที่รายงานข่าวแจ้งว่า...หลังสงกรานต์ จะเข้าเขตการเตรียมปรับ ครม.ที่ปล่อยข่าวประเภท 'ลับ-ลวง-ลือ' กันมานาน ซึ่งความเป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นหลังการผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วันที่ 5-6  มิ.ย. 

โดยการปรับ ครม.หนนี้ เป้าหมายของนายใหญ่มองไปถึงการตอบโจทย์รัฐบาล ตอบโจทย์พรรคเพื่อไทยและตอบโจทย์ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร ผู้เป็นลูกสาว...โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธกิจงานในตำแหน่ง...ประธานคณะกรรมการบริหารพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ...ที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ดูแล ยังขับเคลื่อนไม่ออก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเหตุผลการซัพพอร์ตของรัฐมนตรีว่าการ...หมอชลน่าน ศรีแก้ว ที่มีคุณหมอศรีภริยาเป็นเหมือนรัฐมนตรีเงาอยู่ด้วยนั่น ยังไม่เพียงพอ..!?

พลันจึงเกิดกระแสข่าวลือร้อน ๆ มาว่า ถ้าเป็นไปได้อาจหมุนเก้าอี้ว่าการตัวใหม่ให้หมอชลน่าน...แล้วโยก 'บิ๊กอ้วน' ภูมิธรรม เวชยชัย จาก รมว.พาณิชย์ มานั่ง รมว.สาธารณสุข แทน

ส่วนในรายของ สุทิน คลังแสง ข่าวกระแสแรงก็ระบุว่าจะต้องลุกจากเก้าอี้ รมว.กลาโหม เพราะนายกฯเศรษฐาจะลุกจาก รมว.คลัง มานั่งที่นี่...ส่วนรมว.คลังคนใหม่ยังไม่เป็นอื่น...พิชัย ชุณหวชิร...

กรณี สุทิน คลังแสง ถ้าลุกจากกลาโหม แล้วหาที่นั่งใหม่ไม่ได้ ก็ต้องนับว่าน่าเสียดายเป็นที่ยิ่ง..!!

สวัสดี!!

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

ชาวเน็ตแห่ชื่นชม ‘พีระพันธุ์’ ป้องกันกลุ่มทุนค้ากำไรเกินควร หลังประกาศให้ ‘ผู้ค้าน้ำมัน’ ต้องแจ้งต้นทุนธุรกิจเป็นครั้งแรก

ชื่นชมคนทำงานจริง!! ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ที่กล้าทำเพื่อประชาชน ป้องกันกลุ่มทุนค้ากำไรเกินควร หลังประกาศให้ ‘ผู้ค้าน้ำมัน’ ต้องแจ้งต้นทุนน้ำมันทั้งนำเข้า - ส่งออก เป็นครั้งแรก 

จากกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกประกาศกระทรวงให้ผู้ค้าน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมัน ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนน้ำมัน เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

โดยสาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าว ได้กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 รายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการบันทึกบัญชีรายวัน พร้อมทั้งแจ้งราคาต้นทุนเฉลี่ยและหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกไตรมาส และกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันปรับปรุงการบันทึกบัญชี หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล จะต้องแจ้งให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบภายใน 7 วัน โดยข้อมูลที่ได้รับมาจะถือเป็นข้อมูลลับของทางราชการและมีการเก็บรักษาเป็นความลับอย่างที่สุด

แน่นอนว่า ภายหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว เท่ากับว่า วันที่ 15 เมษายน นี้ ผู้ค้าน้ำมันจะต้องส่งรายงานต้นทุนน้ำมันให้กับทางภาครัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ภาครัฐไม่เคยทราบข้อมูลในส่วนนี้มาก่อนเลย ดังนั้น การที่ได้ทราบต้นทุนที่แท้จริง จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน และการกำหนดโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายในอนาคต

ทั้งนี้ ภายหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ปรากฏว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ได้แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจ นายพีระพันธุ์ ผ่านสื่อโซเชียลในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นายพีระพันธุ์ ถือว่ามีความกล้าหาญ และตั้งใจทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่เกรงใจกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานคนใดกล้าแตะเรื่องเหล่านี้เลย 

สำหรับตัวอย่างความคิดเห็นของชาวเน็ต ที่ส่งถึงนายพีระพันธุ์ เช่น...

“ขอบคุณลุงพีมากค่ะ ท่านเป็นรัฐมนตรีเพียงคนเดียวในรัฐบาลชุดนี้ทำงานเพื่อคนไทยอย่างจริงจัง”
“มีคนดีๆแบบนี้ควรสนับสนุน เป็นคนดีและเก่งอีกคนที่หายากมากครับ”
“ขอบคุณท่านพีระพันธุ์ครับ ประชาชนรอความหวังอยู่ครับ”
“ดีต่อใจ ขอให้ท่านพีระพันธุ์มีความสุข และกระทำการใดๆ ก็สำเร็จ”
“ขอให้ทำได้จริงเพื่อคนไทยนะครับ”
“ขอให้ท่านพีระพันธุ์ทำให้ได้ ประชาชนมองท่านอยู่”
“มันต้องแบบนี้พี่พี ทำเพื่อประชาชนโดยแท้”
“เกลือจิ้มเกลือ เฉียบขาดมันต้องอย่างนี้ ขอบคุณครับ ท่านพีระพันธุ์”
“คุณพีนี่แหละที่สมควรจะเป็นนายกมากกว่าใคร”
“ทำแล้ว ทำต่อให้เห็น พวกเราต้องช่วยท่านไปด้วยกัน”
“คิดดีทำดีทำได้เลยครับ ประชาชนจะสนับสนุนท่านเองตามผลงานที่ปรากฎ”
“ท่านทำงานแบบไม่ออกสื่อ ไม่เอาหน้า แต่ทำเพื่อประชาชน”
“ต้องแบบนี้สิถึงเรียกว่า พูดจริงทำจริง จะรอดูผลงานครับ”
“เยี่ยมครับท่านพี ทำดีทำต่อไปครับผม เป็นกำลังใจให้ท่านครับ”
“คนนี้แหละที่ชาติต้องการ”
“ไปถามดีๆ ไม่ยอมบอกก็ออกกฎซะเลย เก่งมากครับท่านพี”
“ขอสนับสนุนท่านและรอความหวังการแก้ปัญหาราคาพลังงานแพง”
“ขอให้ท่านทำได้จริงครับ ชาวบ้านจะได้มีกินมีใช้บ้าง”
“คนทำจริง แม้จะยากเย็น แต่ตั้งใจแก้ปัญหาให้ประชาชน คนจริงที่หายากในยุคนี้”
“ขอเป็น 1 กำลังใจให้ท่านพีระพันธุ์ มุ่งทำงานล้างระบบพลังงาน เพื่อประโยชน์ของประชาชน ชาวไทยทุกคนต้องรวมพลังเป็นกำลังหนุนให้สำเร็จให้ได้ครับ”

อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ ระบุว่า การกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งต้นทุนในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การปฏิวัติโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว และ ภายหลังจากนี้ จะเริ่มมีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้

คุ้มค่าหรือ? ‘รัฐบาล’ ทุ่ม 5 แสนล้านดัน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ‘นโยบายประชานิยม’ จะพาเศรษฐกิจไทยฟื้นหรือดิ่งเหว

ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ กับการแถลงข่าวเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 มีการ ‘ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัลวอลเล็ต) ครั้งที่ 3/2567’ ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุม

ประเด็นที่น่าสนใจคงไม่พ้น ‘แหล่งที่มาของงบประมาณ’ ในโครงการ โดยนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแหล่งเงินของโครงการฯ 500,000 ล้านบาท สามารถบริหารจัดการผ่านกระบวนการงบประมาณได้ทั้งหมด โดยจะใช้เงินจากงบประมาณจาก 3 ส่วน ได้แก่

1. เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ซึ่งได้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว

2. การดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร จำนวน 17 ล้านคนเศษ ผ่านกลไกมาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568

3. การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของรัฐบาล จำนวน 175,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณปี 2567 เพิ่งเริ่มใช้ จึงมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาว่ารายการใดที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงงบกลาง ก็อาจนำมาใช้เพิ่มเติมในส่วนนี้ถ้าวงเงินไม่เพียงพอ รวมวงเงินส่วนที่ 1-3 เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท

นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ที่นายกฯ เศรษฐา ได้เคยแถลงเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ยืนยันว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทำได้แน่นอน และไม่มีการกู้เงินมาแจก ในวันนี้ได้เห็นแหล่งที่มาของการใช้เงินแล้ว คงพอรับรู้ได้ว่า เป็นการ ‘กู้เงิน’ หรือไม่ ?

การเดินหน้าโครงการนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยแค่ไหน ก็คงตัดสินกันในตอนนี้ไม่ได้ ถึงแม้นักวิชาการหลายท่าน รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เคยให้ความเห็นติติงกันมาพอควรมาแล้ว

ทีนี้ มาลองดูโครงการใหญ่ ๆ จาก 3 ประเทศ ในเอเชีย ที่ใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาท ในช่วงนี้ มีเป้าหมายใช้งบประมาณในด้านใดบ้าง

เริ่มจาก ‘เกาหลีใต้’ ทุ่ม 2.5 แสนล้านเกาะกระแส AI หวังสร้างตำนานบทใหม่ สู่การเป็นมหาอำนาจเซมิคอนดักเตอร์ ประธานาธิบดี ยุน ซุก ยอล ของเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ว่ารัฐบาลจะลงทุน 9.4 ล้านล้านวอน (2.5 แสนล้านบาท) ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ 1.4 ล้านล้านวอน (3.8 หมื่นล้านบาท) สำหรับส่งเสริมบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ด้าน AI ภายในปี 2027 เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัย

โดยรัฐบาลเกาหลีใต้วางแผนที่จะขยายการวิจัยและพัฒนาชิป AI เช่น หน่วยประมวลผลประสาทเทียม (NPU) และชิปหน่วยความจำแบนด์วิธสูงรุ่นต่อไป นอกจากนี้ ยังจะส่งเสริมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) และเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งอนาคตที่เหนือกว่ารุ่นที่มีอยู่ และตั้งเป้าที่จะทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในสามประเทศชั้นนำในด้านเทคโนโลยี AI รวมถึงชิป และครองส่วนแบ่งในตลาด system semiconductor ทั่วโลกให้ได้ 10% หรือมากกว่าภายในปี 2030

ถัดมา ‘เวียดนาม’ ทุ่มลงทุน 9.6 แสนล้าน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกฯเวียดนาม เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ว่า เวียดนามเตรียมจัดสรรเม็ดเงินลงทุนภาครัฐราว 657 ล้านล้านดอง (กว่า 9.6 แสนล้านบาท) ในปี 2567 โดยมุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมเป็นส่วนใหญ่ พร้อมเน้นย้ำว่า เมื่อโครงการด้านการคมนาคมเริ่มดำเนินการแล้ว จะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และยกระดับศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับองค์กรต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การบริการ และชุมชนเมือง

และอีก 1 ประเทศ ที่มีการลงทุนหลักแสนล้าน ‘มาเลเซีย’ ทุ่มเกือบ 3 แสนล้านขยายท่าเรือใหญ่สุดในประเทศ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เวสต์พอร์ทส์ โฮลดิงส์ ผู้ให้บริการท่าเรือรายใหญ่สุดของมาเลเซียกำลังมองหานักลงทุนจากภายนอกเพื่อระดมเงินลงทุนขยายท่าเรือ 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 299,539 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ศักยภาพของท่าเรือขยายเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือใหญ่อันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การขยับขยายท่าเรือจะเพิ่มศักยภาพเป็น 27 ล้านตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต จากปัจจุบันอยู่ที่ 14 ล้าน ตลอดอายุสัมปทานซึ่งจะอยู่จนถึงปี 2082

การขยายท่าเรือเวสต์พอร์ทส์สะท้อนความพยายามในการขยายท่าเรือของประเทศเพื่อนบ้านตามแนวช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

การลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ดึงต่างชาติมาลงทุน เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของ 3 ประเทศข้างต้น เปรียบเทียบกับงบประมาณที่รัฐบาลไทย จะทุ่ม 500,000 ล้านบาท ตามนโยบายประชานิยมที่เคยหาเสียงไว้ คุ้มค่าหรือไม่? บางทีอาจเป็นคำถามที่ไม่ต้องการผลลัพธ์เพื่อตอบคำถามนี้ 

เรื่อง: The PALM

'พีระพันธุ์' สร้างระบบน้ำมันสำรอง ช่วย 'ราคาพลังงานไทย' ไม่ผันผวน

(15 เม.ย.67) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 'Kookkai Kookkai' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

สงครามตะวันออกกลาง ประเทศไทยกระทบเต็มๆ

เมื่อวานดูข่าวสถานการณ์ในตะวันออกกลาง จากช่อง อัลจาซีรา ของประเทศกาตาร์ เจอข่าว อิหร่าน ยิงขีปนาวุธ และโดรนติดหัวรบ ใส่อิสราเอล ตอบโต้อิสราเอล

ความก่อนหน้านี้ อิสราเอล ก็เล่นถล่มสถานทูตอิหร่านในอิสราเอล ในประเทศซีเรีย ก่อนนี่นา

แต่ที่วิตกแทน คือ วันนี้เปิดตลาดซื้อขายน้ำมัน นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันโลกพุ่งแน่นอน แต่จะไปตกราคาเท่าไรอยู่ที่สถานการณ์

เดาว่าดังนี้...

1.ถ้าอิสราเอล วิเคราะห์ว่าไปถล่มอิหร่านก่อน อิหร่านเอาคืนสมควรแล้ว หยุดตอบโต้ ราคาน้ำมันก็ไม่พุ่ง

2.ถ้าอิสราเอล ตอบโต้อิหร่านคืน รับรองว่าอิหร่าน คงให้กองกำลังใต้ดิน ถล่มอิสราเองยืดเยื้อ ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดแน่นอน

ประเทศไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมัน และก๊าซ คงหนีราคาพุ่งไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อน ไม่รอดแน่นอน

ย้อนมานึกถึง นโยบาย รมว.พลังงาน และรองนายก คนปัจจุบัน คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เคยบอกว่าจะทำนโยบาย ยุทธศาสตร์สำรองน้ำมัน เออ!! น่าสนใจดี เพราะดูแล้ว มันก็ไม่ยากอะไร แต่ถ้าทำจริงน่าจะยากหน่อย

หลักคิดของ รมว.พลังงาน เท่าที่ทราบ คือ...

1.เราเป็นผู้นำเข้า ยังไงต้องซื้อราคาที่ผู้ผลิตขาย ข้อนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้

2.ทำยังไงราคาอย่าขึ้นลงผันผวนแบบตลาดหุ้น

3.ยามวิกฤติสงคราม คนไทยต้องมีสำรองใช้อย่างน้อย 90 วัน

4.ประเทศต้องไม่ขาดแคลนน้ำมัน ทั้งเอกชน รัฐ ประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สังกัด กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่น

วิธีคิดและทำ ของรมว.พลังงาน น่าติดตามทีเดียว ถ้าทำได้ ประเทศรอดจากวิกฤติแน่นอน

วิธีแก้ไขของท่าน คือ...

1.ประเทศไทย ต้องมีน้ำมัน และก๊าซสำรอง เป็นของรัฐเอง อย่างน้อย 90 วัน

2.ปัจจุบัน มีสำรองแล้วจริง แต่เป็นของเอกชนทั้งหมด ประมาณ 25 วัน แต่รัฐไม่มีกฏหมายบังคับใช้ สรุปคือเป็นของเอกชน

3.ปัจจุบัน เวลาขนน้ำมันมาขาย ต้นทุนคือ 30 วันที่แล้ว แต่เวลาขายจริง เป็นไปตามตลาดสิงคโปร์ หรือ เอกชนอยากขาย ไม่ใช่ราคาที่ซื้อมา 30 วันที่แล้ว  ประชาชนเสียเปรียบ แบบโดนมัดมือชก

4. อ้างจากข้อ 3 รมว.พลังงาน จะทำให้ราคาที่ขายให้ประชาชน คือราคาที่ซื้อมาจริง ไม่ขึ้นราคาตามใจชอบ แบบวันต่อวัน แบบตลาดหุ้น

5.แนวคิดท่าน ทำ SPR หรือ Strategic Petroleum Reserve หรือการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ จะมีผลดี คือ ราคาน้ำมันไม่ผันผวน เอกชนเอาเปรียบขึ้นราคาไม่ได้แน่นอน และยามมีภัยสงคราม ประเทศไทยมีน้ำมันสำรองยามฉุกเฉินได้ทันที 3 เดือนเต็ม ซึ่งเป็นระดับเดียวกับมหาอำนาจ อย่าง ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้, รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เลยทีเดียว

อ้าว!! แบบนี้ น่าเชียร์ การเมืองเอาออกไปก่อน สลิ่ม, แดง, ส้ม, เหลือง ได้ประโยชน์ทุกคน จริงมั้ย?

ขีดเส้นใต้ 'ปรับครม.-ดิจิทัลวอลเล็ต-ปูกลับบ้าน-พลิกขั้ว' สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง อาจพาประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เปลี่ยนบรรยากาศขอมัดรวมสถานการณ์ด้านการเมือง ที่เป็นแก่นแกนสถานการณ์ ควรแก่การขีดเส้นใต้ให้คอการเมืองได้ติดตามสถานการณ์กันอย่างพินิจ ใคร่ครวญ...ต่อไป...

1) ถ้าไม่ยืดย้วย ภายในเดือน เม.ย.กรรมการดิจิทัล วอลเล็ต จะสรุป-เสนอรัฐบาลเรื่องให้ครม.พิจารณาอนุมัติ ซึ่งขณะนี้ประเด็นสำคัญที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดคือ การใช้งบประมาณของ ธกส.โดยอาศัย มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่? ขัดกับกฎหมายการจัดตั้ง ธกส.หรือไม่? ... ประเด็นนี้แบงก์ชาติและนักวิชาการแสดงความกังวล

อีกประเด็นคือ วิธีการใช้จ่ายเงิน ทำไมไม่ใช้ระบบเงินสดตั้งแต่รอบแรก มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ รวมทั้งการพัฒนาแอปฯ 'ทางรัฐ' ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีกเท่าไหร่?

2) ทักษิณ ชินวัตร ได้เปล่งบารมีเป็นศูนย์กลางอำนาจตัวจริงของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ขณะไปปักหลักเชียงใหม่ห้วงเทศกาลสงกรานต์ มีเพียงรัฐมนตรีของพรรค 4 คนที่ติดภารกิจเท่านั้นที่ไม่ไปร่วมคือ เศรษฐา ทวีสิน, ภูมิธรรม เวชยชัย, ปานปรีย์ พหิทธานุกร และ จักรพงษ์ แสงมณี

สายข่าวแจ้งว่า การปรับครม.น่าจะเกิดในช่วงเดือนพ.ค.หรืออย่างช้าหลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ผ่านวาระแรกในเดือน 5-6 โดยวัดจากอุณหภูมิในขณะนี้ รัฐมนตรีที่ไข้ขึ้นสูงถึงขั้นต้องพักผ่อนคือ นายสุทิน คลังแสง และไชยา พรหมมา ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ถ้าจะโยกจาก รมว.สธ.ไปสภาฯ ก็ตีความกันว่า ต้องไปเป็นประธานสภาฯ แทนท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา เท่านั้น

แต่คำถามมีอยู่ว่า...ท่านวันนอร์จะยอมไหม? ถ้ายอม..แล้วไม่กลัว 'พ่อมดดำ' สุชาติ ตันเจริญ ที่ยอมกลืนเลือดมา 7-8 เดือนจะโวยวายบ้างเหรอ?? งานนี้ยุ่งตาย....

3) สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามความปลอดภัยในนาทีที่ดูเหมือนบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการปรับ ครม.และ ดิจิทัล วอลเลต ก็คือ...ความรู้สึกอึดอัดของผู้คนจำนวนไม่น้อยกับตัวละครคนสำคัญของ 'ดีลลับ' คือ 'ทักษิณ' ที่ยังเป็นจำเลยสังคมกรณีความเป็นนักโทษเทวดาและพักโทษ...ซึ่งล่าสุดได้พูดชัดเจนกรณีน้องสาว 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ที่หนีคดีจำนำข้าวว่า จะได้กลับบ้านอย่างแน่นอนภายในปีนี้ หรือมาทำบุญกรานต์ปีหน้าร่วมกัน...

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สถาบันนิด้าคนดัง โพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 15 เม.ย.67 ตอนหนึ่งว่า...

"สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังตั้งเค้า เป็นเงาทะมึนดำ -ท้องฟ้ากำลังสาดฉายแสงฉานสีแดงอมส้ม-การเปลี่ยนแปลงใดๆ ย่อมรอคอยสถานการณ์และเงื่อนไขที่สุกงอม-แต่สิ่งที่ประวัติศาสตร์สอนเราเสมอมาคือ ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย..ฯลฯ.."

'เล็ก เลียบด่วน' อ่านทางเดาใจ ดร.อานนท์ สรุปแล้วอาจารย์น่าจะคาดหมายว่า...ในอีกไม่นานพรรคส้มกับพรรคแดงคงจะร่วมรวมกันจับมือกัน...แล้ววันนั้นอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมให้บ้านเมืองพลิกข้างเปลี่ยนโฉมไปมากขนาดนั้นแน่...อันตราย!!

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top