Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ประกาศแต่งตั้ง ‘ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล’ นั่ง ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ได้แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ แทนศาสตราจารย์อุดม รัฐอมฤต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เนื่องจากที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และยังเป็นแคนดิเดตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนใหม่

โดยผลการหยั่งเสียงในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ศาสตราจารย์ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ คณะรัฐศาสตร์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 26 ส่วนงาน รองศาสตราจารย์พิภพ อุดร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 12 ส่วนงาน ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญาได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 5 หน่วยงาน จากทั้งหมด 51 หน่วยงาน

ยูเครนเดือด!! สวนกลับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส  หลังประมุขคาทอลิกแนะ 'เลิกอาย-ยอมยกธงขาว'

(11 มี.ค.67) รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ตอบโต้เสียงเรียกร้องของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ให้แสดงความกล้าหาญที่จะยกธงขาวและเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย โดยระบุในวันอาทิตย์ (10 มี.ค.) เคียฟจะไม่มีวันยอมจำนน พร้อมเหน็บแนมว่าเป็นวาติกันเองที่ต้องชดใช้เป็นพิเศษ ต่อบทบาทของวาติกันในสงครามโลกครั้งที่ 2

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้แสดงความคิดเห็นระหว่างทรงประทานสัมภาษณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพระองค์ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง ซึ่งตรัสว่า "เมื่อคุณเห็นสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปด้วยดี สำหรับฝ่ายหนึ่งของความขัดแย้ง คุณก็ต้องมีความกล้าที่จะเจรจา คุณอาจละอายใจ แต่สุดท้ายจะมีผู้เสียชีวิตกี่คน? อย่าละอายที่จะเจรจา"

ด้าน ดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า “บุคคลที่เข้มแข็งในความขัดแย้งใดๆ จะยืนหยัดอยู่ฝ่ายดี แทนการพยายามผลักพวกเขาอยู่บนพื้นฐานเดียวกันและเรียกร้องให้เจรจา ธงของเราเป็นสีเหลืองน้ำเงิน เขากล่าวอ้างถึงสีธงชาติยูเครน ที่คือธงจากชีวิต ความเสียและชัยชนะของเรา เราจะไม่มีวันชักธงอื่นๆ"

ดมิทรี คูเลบา ยังย้อนอดีตเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่างๆ ที่สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ล้มเหลวในการดำเนินการใดๆ กับเผด็จการนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 "ในขณะเดียวกัน พอเป็นเรื่องของการยกธงขาว เรารู้ถึงยุทธศาสตร์ของวาติกันแห่งนี้ จากช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ผมเรียกร้องวาติกันให้หลีกเลี่ยงซ้ำรอยความผิดพลาดต่างๆ ในอดีต และสนับสนุนยูเครนและประชาชนชาวยูเครน ที่แค่เพียงกำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเอง"

คำพูดดังกล่าวเป็นการพาดพิงถึงประเด็นโต้เถียงกันมาช้านาน กรณีที่พระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ไม่ดำเนินการใดๆ แม้มีหลักฐานปรากฏขึ้นระหวางสงครามเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวอย่างกว้างขวาง โดยหนังสือฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว จากจดหมายเหตุวาติกัน เผยให้เห็นว่า พระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ทราบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของนาโตในการกำจัดชาวยิว ตั้งแต่ช่วงปี 1942

ยูเครนไม่สามารถขับไล่กองกำลังรัสเซียพ้นไปจากดินแดน นับตั้งแต่ถูกมอสโกเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อ 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงปฏิเสธการเจรจา หลังถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนไปได้ราว 20%

แผนสันติภาพของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เรียกร้องให้ถอนทหารรัสเซียออกจากดินแดนทั้งหมดของยูเครน และฟื้นฟูสถานะตามแนวชายแดน แต่เครมลินปฏิเสธการเจรจาสันติภาพใดๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยเคียฟ

คำสัมภาษณ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่พระองค์ใช้คำว่า ‘ธงขาว’ และ ‘พ่ายแพ้’ ระหว่างการตรัสเกี่ยวกับสงครามยูเครน แม้ในอดีตพระองค์เคยตรัสหลายครั้งเกี่ยวกับความจำเป็นของการเจรจา

โฆษกของวาติกัน ออกถ้อยแถลงชี้แจงว่า การที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงใช้วลี ‘ธงขาว’ นั้น หมายถึงสิ่งที่สัญลักษณ์ของการยอมจำนนในสนามรบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหมายถึงการยุติความเป็นศัตรู และการหยุดยิงด้วยความกล้าหาญเพื่อการเจรจาต่อไป

‘พปชร.’ เดินหน้าวางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน หวังเป็นที่ยอมรับของ ปชช. เตรียมให้ สส.ลงพื้นที่มากขึ้น - จ่อเป็นคนกลางเชื่อมการเมือง 2 ฝ่าย

(11 มี.ค. 67) สิ้นเสียงของ ‘ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ประกาศปรับลุคเคลื่อนทัพทางการเมืองใหม่ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถูกสังคมส่องสปอตไลต์ตลอด ไปถอดรหัสผ่านมุมมองของนักการเมืองระดับเก๋าเกม โลดแล่นอยู่บนถนนเส้นนี้กว่า 30 ปี โดย นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการ พปชร. และแกนนำอีกคนของ พปชร. สะท้อนให้เห็นถึงจุดประสงค์ของการประกาศดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับผู้สนับสนุนพรรค พปชร.

ขณะนี้กำลังวางยุทธศาสตร์ทำให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น ทั้งฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้า พปชร. เป็น รมช.สาธารณสุข พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา พปชร. เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะ 2 กระทรวงหลัก เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายนำเสนอไปแล้วถูกใจประชาชนหรือไม่ แต่ไม่ได้ทิ้งด้านเศรษฐกิจ พลังงาน ท่องเที่ยว

ซึ่งมีผู้มีประสบการณ์ผ่านมาแล้วหลายกระทรวง มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เข้ามาดูควบคู่กันไป อาจเรียกได้ว่าด้านเศรษฐกิจมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยไปกว่าพรรคอื่น ไม่อยากพูดว่าเหนือกว่าพรรคอื่น

บนเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งให้ พปชร. เพื่อกลับมาในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อม ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพราะไม่มั่นใจการเมืองในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ถึงขั้นว่าพร้อมวันนี้

ฉะนั้นเป้าหมายปี 67 ทำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมคิดนโยบาย ปี 68 ประกาศชัดเจนเดินไปข้างหน้าอย่างไรให้ประชาชนยอมรับมากขึ้น

โดยให้ผู้สมัคร สส.ที่ไม่ได้รับเลือก ติดพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน หลายเขตเป็นผู้ที่มีศักยภาพ มีโอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้า และ สส. 39 เขต กระจายทั่วทุกภาค ไปขยายฐานเพิ่ม

โดยเฉพาะความเห็นที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว ยังมองไม่เห็นคนกลางที่สามารถเชื่อมทั้ง 2 ฝ่าย และอาจมีฝ่ายที่ 3 ที่คิดว่าทั้ง 2 ขั้วก็ไม่ถูกต้อง

แต่รัฐบาลมีความตั้งใจ ถ้าไม่สำเร็จ ขอแค่ได้เริ่มสัก 50%

วางให้ชัดเจนในส่วนที่สามารถยอมรับกันได้ โดยเฉพาะการแก้ไขรธน. กติกาในการ บริหารประ เทศที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแค่ไหน

ทั้งนี้ การสลายขั้วทางการเมืองกับการแสดงความคิดเห็นต้องแยกกัน สลายขั้วอาจเป็นพรรค และผู้สนับสนุน แต่สลายขั้วทางความคิด อาจเป็นเรื่องยาก

ฉะนั้นความคิดต่างกันได้ แต่ต้องยอมรับกติกาเลือกตั้ง ปล่อยฝ่ายชนะได้บริหารประเทศ ฝ่ายแพ้ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ยกเว้นเกิดทุจริต คงต้องปล่อยให้ระบบจัดการ

ขณะนี้เริ่มเห็นปรากฏการณ์ที่ฝ่ายค้าน และรัฐบาลยอมรับในบางเรื่องที่ถูกต้อง ยอมรับความเห็นของพรรคตรงข้าม ตรงนี้ขึ้นอยู่กับสังคมที่สามารถชี้นำ และบีบฝ่ายที่ไม่มีเหตุผลหรือทำไม่ถูกต้อง

ภาพรวมรัฐบาลอยู่ตลอดรอดฝั่งครบเทอม 4 ปี หรือไม่ นายวราเทพ บอกว่ารัฐบาล พรรคการเมือง สส. ล้วนอยากให้อยู่ครบวาระ รวมถึงผมด้วย เพื่อทำให้การเมืองต่อเนื่อง

เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นสภาฯ และรัฐบาลได้ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน มากกว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเร่งด่วนในขณะนี้

“ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อน 4 ปี พรรคร่วมรัฐบาลยังสามัคคี ไม่มีความขัดแย้ง

แต่ปัจจัยภายนอกที่คนเห็นอยู่ และคิดได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยโครงสร้างปัจจุบันบอกว่าพรรคการเมืองยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะพรรคแกนนำมีเสียงไม่เกินกว่าครึ่งหนึ่ง”

‘รัฐบาลสลายขั้ว’ ตรงกับนโยบาย พปชร. ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ทั้งรัฐบาล และ พปชร.ต้ องปรับบทบาทอย่างไร เพื่อให้เดินไปสู่รัฐบาลสลายขั้ว สร้างความปรองดอง นายวราเทพ บอกว่า เราเป็นพรรคอันดับ 3 สนับสนุนเต็มที่ และมีจุดยืน ทำให้สังคมเกิดความสงบ

แต่การขับเคลื่อนต้องรอพรรคเพื่อไทย แกนนำอันดับ 1 โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่กำลังดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการแก้ รธน.หรือการทำประชามติแก้ รธน.

การเคลื่อนไหวของ ‘ลุงป้อม’ ยังถูกจับตามีโอกาสกลับมาเป็นรองนายกฯ เพราะตามโควตาพรรค พปชร.เหลืออีก 1 เก้าอี้รัฐมนตรี นายวราเทพบอกว่า มองเชิงการเมืองอาจคาดการณ์ได้ อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์

แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้า พปชร. และต้องหารือตกลงร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำ ที่ยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ หรือเป็นกิจจะลักษณะ

กระแสที่จะกลับมาเป็นนายกฯ ช่วงหลังวุฒิสภาอภิปรายทั่วไปรัฐบาล นายวราเทพบอกว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมี อาจมีคนคิด แต่ในส่วนของ พปชร.ผมไม่เคยได้ยิน

เพราะทางการเมืองกำลังจะเกิดปรากฏการณ์ยุบ 2 พรรค มีการทาบทาม สส.ของทั้ง 2 พรรคเข้าร่วมงานกับพรรค พปชร.อย่างไร นายวราเทพ บอกว่า เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากความเป็นทางการ
ผมยังไม่ได้ยินกรณีนี้ มีหรือไม่มี เราพูดยาก อาจมีก็ได้ แต่เขาคงไม่อยากให้มีการพูดถึง มันเป็นเรื่องอนาคต ยังไม่รู้ผลจะเป็นอย่างไร

‘ลุงป้อม’ เคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะนี้ ได้รับสัญญาณพิเศษอะไร นายวราเทพ บอกว่า ไม่มีสัญญาณพิเศษ แต่อยากเห็นพรรคต่างจากในอดีต เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วทิ้งงานของพรรค ไม่มีใครรับผิดชอบ พอยุบสภาฯ ถึงกลับมาหาประชาชน หากผลงานรัฐบาลดีอาจได้รับการรับเลือก แต่ถ้าผลงานไม่ดีอาจแพ้เลือกตั้ง

คราวนี้เราต้องทำงานคู่ขนานกับการร่วมรัฐบาล พปชร.ต้องเคลื่อนไหวตลอดให้ประชาชนสัมผัสได้

ผลสำรวจพบ UK เป็นชาติที่มีความทุกข์มากสุดอันดับ 2 ของโลก สุขภาพจิตดำดิ่งตั้งแต่โควิดระบาด ยังไม่พบเห็นสัญญาณการฟื้นตัว

(11 มี.ค.67) สหราชอาณาจักรกลายเป็นชาติที่ไร้ความสุขมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จากผลสำรวจที่จัดทำโดย Sapien Labs กองทุนประสาทวิทยาศาสตร์ โดยผลสำรวจพบ สุขภาพจิตของชาวสหราชอาณาจักรดำดิ่งนับตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และยังไม่พบเห็นสัญญาณการฟื้นตัว

รายงานประจำปี ‘สถานะทางจิตของโลก’ Mental State of the World ของ Sapien Labs ซึ่งปีนี้จัดทำเป็นปีที่ 4 ได้ทำการประเมินสุขภาวะทางจิต (Mental Wellbeing) ของผู้เข้าร่วมทางอินเทอร์เน็ต 419,175 คน จาก 71 ประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ได้ให้ภาพอันมัวหมองของโลกที่พูดภาษาอังกฤษ โดยใน 71 ประเทศ บรรดาชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (Anglophone) ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย.และนิวซีแลนด์ อยู่ในลำดับล่างๆ โดยเฉพาะพลเมืองสหราชอาณาจักรที่มีความสุขมากกว่าประชาชนชาวอุซเบกิสถานเท่านั้น

ผลสำรวจจัดให้สหราชอาณาจักร ตามหลัง เยเมน 8 อันดับ และตามหลังยูเครน 12 อันดับ ในแง่ของสุขภาพจิตโดยรวมของประชาชน โดยประชาชนชาวสหราชอาณาจักรราว 36% บอกกับ Sapien Labs ว่าพวกเขาทั้ง "เป็นทุกข์และกำลังประสบปัญหา" ลดลงเพียงแค่ 0.7% จากปีที่แล้ว ครั้งที่พวกเขารั้งที่สุดท้าย ในการจัดอันดับ

เพื่อสรุปถึงสุขภาพจิตโดยรวมของประชาชนในแต่ละชาติ กองทุนแห่งนี้ได้ถามคำถามแต่ละคน 47 คำถาม เกี่ยวกับ ‘อารมณ์และทัศนะ’ ของพวกเขา อัตมโนทัศน์ด้านสังคม (Social-Self) แรงผลักดันและแรงจูงใจ การปรับตัวและความยืดหยุ่น เช่นดียวกับอื่นๆ แม้ Sapien Labs คำตอบของคำถามเหล่านี้เป็นลักษณะคำตอบแบบอัตนัย แต่รายงานต่างได้ผลสรุปออกมาคล้ายๆ กัน

ท่ามกลางมาตรฐานการดำรงชีพที่ตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักรเผยแพร่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน พบว่า ชาวสหราชอาณาจักรมีความสุขและความพึงพอใจส่วนบุคคลลดลงในช่วงขวบปีสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีก่อน และจากรายงานที่เผยแพร่ในนิตยสารทางการแพทย์ The Lancet เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าประชาชน 1.8 ล้านคน ปัจจุบันกำลังรอการเข้ารับการรักษาด้านสุขภาพจิต

ทั้งนี้ Sapien Labs ระบุว่า ระดับความผาสุกทางจิตของโลกที่พูดภาษาอังกฤษดำดิ่งลงระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และภาวะตกต่ำนี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่พบเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น รายงานพบว่าความผาสุกทางจิตใจลดต่ำลงในประเทศต่างๆ ที่รับประทานอาหารแปรรูปโดยทั่วไป เด็กๆ มีสมาร์ทโฟนตั้งแต่อายุยังน้อย และความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเหินห่าง ซึ่งประเทศต่างๆ ที่พูดภาษาอังกฤษทำคะแนนได้ค่อนข้างน้อยในมาตรวัดทั้ง 3 นี้

สาธารณรัฐโดมินิกันรั้งอันดับสูงสุดในบัญชีประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ส่วนอันดับ 2 เป็นของศรีลังกาและแทนซาเนีย ตามมาเป็นอันดับ 3 โดยทุกประเทศที่ติดอันดับท็อปเท็นมาจากแอฟริกา เอเชีย หรือไม่ก็ละตินอเมริกา "รูปแบบดังกล่าวบ่งชี้ว่าความมั่งคั่งและเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วไม่จำเป็นต้องนำมาซึ่งความผาสุกทางจิตใจ" Sapien Labs ระบุ

'EGCO Group' แต่งตั้ง 'กัมปนาท บำรุงกิจ' ดำรงตำแหน่ง 'รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่'

(11 มี.ค. 67) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศแต่งตั้ง นายกัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานปฏิบัติการ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ และทำหน้าที่รักษาการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมทั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดย่อย ได้แก่ กรรมการลงทุน กรรมการกำกับความเสี่ยง และกรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าคณะกรรมการบริษัทจะแต่งตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่

ทั้งนี้ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการกำกับความเสี่ยง ซึ่งจะมีผลในวันที่ 14 มีนาคม 2567 แต่ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการลงทุน และกรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืนของบริษัท

‘จอห์น ซีนา’ ทำถึง!! ‘แก้ผ้า’ ขึ้นเวทีออสการ์ 2024 เพื่อประกาศรางวัลสาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม

(11 มี.ค.67) เป็นที่จับตาดูอยู่ตลอดในการประกาศรางวัลต่างๆ ฝั่งฮอลลีวูดว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรที่ทำให้ตาค้างได้หรือไม่ ล่าสุดกับงานประกาศรางวัลออสการ์ 2024 ก็ทำเอาผู้ชมตะลึงไปตามๆ กันเมื่อผู้ประกาศรางวัลมาในชุดวันเกิด เปลือยทั้งตัว

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างประกาศผลรางวัลก่อนการถ่ายทอดสด จอห์น ซีนา นักแสดงดังได้ปรากฏตัวบนเวทีที่ทรงเกียรติที่สุดของฮอลลีวูดเพื่อประกาศรางวัลสาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม

ทำเอาพิธีกรอย่าง จิมมี คิมเมล ถึงขั้นย้อนความหลังไปเมื่อปี 1974 ที่เคยมีชายคนหนึ่งวิ่งแก้ผ้าข้ามเวทีออสการ์พร้อมกับชูสองนิ้ว แต่มาวันนี้เมันเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว

ซึ่ง จอห์น ซีนา ที่ยืนแอบอยู่มุมเวที ได้ตะโกนออกมา “ผมเปลี่ยนใจ ไม่อยากวิ่งเปลือยในที่สาธารณะแล้ว

“มันเป็นงานที่หรูหรามากนะ บอกตรงๆ ตอนนี้คุณควรละอายที่แนะนำไอเดียที่ไร้รสนิยมแบบนี้กับผม เรือนร่างผู้ชายไม่ใช่เรื่องตลก”

งานนี้ จิมมี คิมเมล เลยรีบแย้งบอกว่า “แต่ของผมตลกนะ” พร้อมบอก จอห์น ซีนา ที่เป็นทั้งนักแสดงและนักมวยปล้ำ WWE ด้วยว่า เขาขึ้นต่อสู้แบบร่างนู้ดอยู่แล้วจะอายอะไร ซึ่งทำเอา จอห์น ซีนา รีบสวนทันที “เพื่อน ผมไม่ได้ปล้ำทั้งๆ ที่เปลือย ผมใส่กางเกงสามส่วน” ทำเอาผู้ชมหัวเราะออกมา ซึ่ง จิมมี ได้โต้กลับว่า “กางเกงสามส่วนแย่กว่าเปลือยอีก ออกมาเถอะน่า”

ก่อนที่จะตะลึงเมื่อได้เห็น จอห์น ซีนา ขยับร่างมาบนเวทีพร้อมซองประกาศผลไซส์ยักษ์เพื่อเอาไว้ปิดบังความเป็นชาย ก่อนจะพูดใส่ไมค์ว่า

“เครื่องแต่งกายเป็นสิ่งสำคัญ บางทีน่าจะสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้“

งานนี้ จิมมี คิมเมล ได้จับ จอห์น ซีนา ซ่อนในผ้าม่านก่อนจะประกาศผลรางวัล ผู้ชนะในสาขานี้ได้แก่ ทีมคอสตูมจากเรื่อง ‘Poor Things’

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า จอห์น ซีนา ดูเหมือนจะเปลือยอยู่บนเวที แหล่งข่าวที่มีความรู้บอกกับ CNN ว่าเขา “ถูกแปะกันโป๊บริเวณขาหนีบและร่องก้น ส่วนซองจดหมายก็มีตีนตุ๊กแกแปะไว้ให้เขาอีกทีเพื่อกันโป๊”

'ธนาธร' ไม่สะเทือน หาก ‘ก้าวไกล’ ถูกปิดฉาก รอโกยคะแนนเห็นใจ ปิดปาก 'แม้ว' กลับเชียงใหม่

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ร้านพริ้มเพลิน จังหวัดปทุมธานี ในการสัมมนาของกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะวิทยากร ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ว่า สส.พรรคก้าวไกล มีวิจารณญาณ โดยตนเองคิดว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณาและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีข้อมูลเพียงพอที่จะอภิปรายเพื่อเสนอแนะให้รัฐบาลแก้ไขในด้านต่างๆ

เมื่อถามว่ามั่นใจในพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่าข้อมูลอภิปรายจะแน่นพอในการตรวจสอบรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสภาชุด 2566 มา ตนเองเห็นแต่คุณภาพของ สส. พรรคก้าวไกล เทียบพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 กับก้าวไกล ปี 2566 สส.มีคุณภาพกว่าเยอะมาก อยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการประชุมสภา เพื่อดูว่า สส. ที่เลือกมาแต่ละคนทำผลงานมากน้อยเท่าไหร่ หากฟังทุกสิ่งที่ สส.ก้าวไกล เสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการในด้านต่างๆ ตนเองเชื่อว่าจะเห็นความมุ่งมั่นทำงานที่หนักหน่วง มีคุณภาพ “ดังนั้น ผมไว้เนื้อเชื่อใจ สส.ชุดนี้ครับ”

เมื่อถามว่ามองว่าในการอภิปรายควรมีประเด็นใดบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ตนเองไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายอะไรบ้าง แต่เชื่อว่า นายชัยธวัช พิจารณาถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่ประเด็นเกมการเมือง แต่เน้นคุณภาพ

เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเริ่มพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกลสัปดาห์นี้ มองเรื่องนี้อย่างไรในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ก็เคยถูกยุบ นายธนาธร ระบุว่า การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เพราะพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว เชื่อว่าผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ

เมื่อถามว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ นายธนาธร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า แล้วแต่ประชาชน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล มุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนประเทศให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี

ส่วนประเด็นเรื่อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไป จ.เชียงใหม่ มองว่าเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ นายธนาธร พูดทันทีว่า “โห ผมไม่มีความเห็นคิดในเรื่องนี้” เคยตอบไปแล้ว การบังคับใช้กฎหมายต้องเสมอภาค มีนักโทษคดีการเมืองเป็นพันคน เข้าใจว่ามีหลายสิบคนที่ยังอยู่ในคุก พวกเขาไม่ใช่เป็นคนที่ลักขโมยหรือฆ่าข่มขืนใคร พวกเขาเป็นนักโทษทางความคิด การพูดคิดอ่านเขียนไม่ควรเป็นอาชญากร

เมื่อถามว่า มีประชาชนไปรอต้อนรับ นายทักษิณ จะเป็นเป้าให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวสั้นๆ ว่า “ขอให้ไปถามพรรคเพื่อไทยดีกว่า”

“เชียงราย”ทัพเจ้าตากปะทะเดือดกลางป่าชายแดนแม่ฟ้าหลวงตรวจยึดยาบ้าจำนวน1,600,000 เม็ด”

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลังพลจาก กองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 ปฏิบัติภารกิจ เฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามแนวชายแดน บริเวณ บ้านปูนะ ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 7 - 8 คน เจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา  และเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ฝ่ายเราปลอดภัย เนื่องจากเป็นห้วงเวลากลางคืน ทำให้ ไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ได้ จึงได้จัดกำลังเพิ่มเติม จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ วางกำลังควบคุม พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อรอการพิสูจน์ทราบเมื่อสามารถตรวจการณ์ได้

จนกระทั่งเมื่อเวลา 06.30 นาฬิกา ของวันที่ 11 มีนาคม 2567 จึงได้จัดกำลัง เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจพบเป้สะพายหลังดัดแปลง จำนวน 8 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมจำนวนประมาณ 1,600,000 เม็ด

ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา พันเอก มีชัย  นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย กองบังคับการควบคุมผาแด่น หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้กับสถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

Shaun King 'นักเขียน-นักวิเคราะห์' ข่าวชาวสหรัฐฯ เข้าถึงแก่น เปลี่ยนจากศาสนาเก่า รับศาสนาอิสลาม

(11 มี.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Syedmubarak Husaini' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ข่าวดีต้อนรับเดือนรอมฏอน Shaun King นักเขียนและนักวิเคราะห์ข่าวชาวสหรัฐได้เปลี่ยนศาสนาและเข้ารับศาสนาอิสลาม ณ เมืองเท็กซัส เมื่อเช้าวันนี้

หากจำกันได้ Shaun King เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ที่โด่งดังและมีผู้ติดตามหลายล้านคน และแชร์บทสัมภาษณ์ของผมกับ Sky News ลง IG ท่าน จนมีผู้ชมมากกว่า 20 ล้านวิว และหลังจากสงครามที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ ท่านได้เห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์และเริ่มศึกษาอิสลามอย่างจริงจัง จนมาวันนี้ท่านและภรรยาของท่านได้เปลี่ยนศาสนาและนับถืออิสลามแล้ว เมื่อเข้ารับอิสลาม IG ของท่านถูกมารศาสนาปิดถาวรตามธรรมเนียม

ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า...

“การสังหารผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์โดยรัฐเถื่อน การยืนหยัดท่ามกลางลูกระเบิดของชาวปาเลสไตน์ จะทำให้ชาวตะวันตกตื่นตัวว่า อัลกุรอานสอนอะไรที่ทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ และจะทำให้พวกเขาศึกษาอัลกุรอานและท้ายที่สุดพวกเขาจะมีศรัทธาต่ออิสลาม”

รู้จัก ‘กมลพรรณ’ จิตอาสาผู้รักและหวงแหนผืนป่า  สู่เจ้าหน้าที่ตัวจริงของอุทยานเขาคิชฌกูฏ

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช’ โพสต์ข้อความแนะนำ ‘กมลพรรณ วงค์วิจิตร์’ เจ้าหน้าที่ตัวจริงของอุทยานเขาคิชฌกูฏ ผู้มีจิตใจรักและหวงแหนผืนป่า โดยระบุว่า…

พามารู้จัก ‘น้องกมลพรรณ’ อดีตผู้เข้าร่วมโครงการนักเรียน นักศึกษา ช่วยปฏิบัติงานอุทยานแห่งชาติ สู่เจ้าหน้าที่ตัวจริงของอุทยานเขาคิชฌกูฏในปัจจุบัน

นางสาวกมลพรรณ วงค์วิจิตร์ ได้เข้าร่วมโครงการนักเรียน นักศึกษาช่วยปฏิบัติงานอุทยานแห่งชาติ เมื่อปีงบประมาณ 2557 ขณะนั้นศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ หลังจบโครงการฯ น้องเข้าศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะศิลปศาสตร์​ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเข้าทำงานที่ จ.เชียงใหม่ เป็น Operator ของบริษัทเอกชน 5 ปี ก่อนมาทำงานที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตำแหน่ง พนักงานธุรการ

และเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 67 ได้มีแถลงข่าวตัวโครงการนักเรียน นักศึกษาช่วยปฏิบัติงานอุทยานแห่งชาติ กมลพรรณ วงค์วิจิตร์ ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและเส้นทางก่อนจะได้เป็นมาเจ้าหน้าที่ของอุทยานเขาคิชฌกูฏว่า…

"โครงการนักเรียน นักศึกษา ช่วยปฏิบัติงานอุทยานแห่งชาติ เป็นโครงการที่ดี นอกจากจะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แล้วยังสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำงานเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย พี่ ๆเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ใจดี ตนรู้สึกอบอุ่นใจ ช่วงนั้นก็ได้ทำงานหลายอย่างเพราะพี่ ๆ อยากให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติไปด้วย ทั้งงานบริการ งานเอกสาร งานปรับปรุงภูมิทัศน์ เรียกได้ว่าช่วยแบ่งเบางานของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ หลังจบโครงการก็กลับไปศึกษาต่อจนจบ และก็ได้ทำงานในบริษัทเอกชน ก่อนกลับมาอยู่บ้านที่จังหวัดจันทบุรี” 

“ต่อมาอุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฏรับสมัครงาน จึงเข้ามาสมัครงาน พอได้เข้ามาทำงานก็ได้นำประสบการณ์จากที่เคยช่วยงานกับอุทยานฯ ในครั้งนั้นมาปรับใช้ในการทำงาน สิ่งที่แตกต่างจากครั้งนั้นคือได้รับผิดชอบงานเฉพาะทางมากขึ้น แต่ที่นี่ยังอบอุ่นเหมือนเดิมค่ะ" กมลพรรณ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top