Saturday, 7 June 2025
TheStatesTimes

13 มีนาคม พ.ศ. 2553 'ในหลวง ร.9' พระราชทานชื่อ ‘ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย’ เทิดพระเกียรติน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ ’สมเด็จย่า‘

ท่าอากาศยานเชียงรายเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2535 สังกัดกรมการบินพาณิชย์ (บพ.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘สนามบินบ้านดู่’ ต่อมา บพ.ได้ถูกโอนมาขึ้นอยู่กับการบริหารของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2541 และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ภายใต้ชื่อ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2545 ถึงปัจจุบัน

ต่อมา คณะกรรมการ ทอท. มีมติเห็นชอบให้เพิ่มชื่อท่าอากาศยานเชียงรายเป็น ‘ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย’ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีที่มีต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตามที่ได้มีการร้องขอจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในจังหวัดเชียงราย ดังนั้น ทอท. จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา

ตรรกะเดียวกันของพวกหลงตัวไม่ต่างจาก 'วัวลืมตีน' ต่างอยู่ในโลกที่มีผิวขรุขระ คล้ายผลส้มเหมือนกัน

คำว่า 'วัวลืมตีน' บันทึกไว้ว่าไม่ใช่คำหยาบ แต่จะเรียกว่าเป็นสำนวน หรือสุภาษิตไทยก็ตามแต่ ความหมายก็ประมาณว่า...

"คนที่พอได้ดีแล้วก็ลืมฐานะเดิม ลืมที่มาของตนเอง ที่หนักหน่อยก็ลืมหน้าที่ ลืมว่าที่สมควรต้องทำนั้นคือสิ่งใด จะมึนงงหลงทางบาป ผยองอยู่ในร่างกลวง ๆ ที่ไร้น้ำหนัก ไร้แก่นสาร ที่ยังไปต่อได้รายวันก็เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย 'หลงยกหาง' ให้เห่าหอนพ่นพิษสู่สังคมรายวัน"

คนจำพวกนี้ นอกจากจะมองไม่เห็นสิ่งที่ดีงามที่ดำรงอยู่มาช้านาน แต่จะคิดตรงกันข้าม จะแก้ จะทำลายให้สูญหายไป โดยไม่เคยดูว่าตนเองนั้นมีคุณค่ามากพอจะคิดจะทำสิ่งนั้นได้หรือไม่? 

ฉากหน้านอกจากไม่สวย ไม่สง่างาม ฉากหลังยังรอวันถูกกระชากให้ 'สังคมที่ยังไร้ปัญญา' ได้มองเห็นกระจ่างชัดในอีกไม่ช้าไม่นาน 

หนึ่งนั้นคือ 'ไอ้หนู' ในคราบ สส. ในสภา ที่คนอายุมากกว่าเรียกขานด้วยความใกล้ชิดเอ็นดู ยังตีความไปในทาง 'ต่ำถ่อย' เสมือนความคิด จิตใจ และการกระทำของตัวเอง 

แต่เรื่องที่ 'ต่ำสถุน' และน่ารังเกียจกว่านั้นมากมาย เช่น การแอบรับเงินต่างชาติมาสร้างความปั่นป่วนในแผ่นดินถิ่นอาศัยของตัวเอง ไอ้หนูตัวเดิมกลับเบือนหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง สิ่งใดที่หลักฐานยังโผล่ไม่สุด สังคมยังไม่เห็นถนัด ไอ้หนูก็ยังรอดพ้น 'ลูกกรงขังหนู' ยังพอมีเวลาแต่งสูทฟอกตัวตบตาบรรดา 'คนสมองน้อย' ได้อีกหลายทิวาราตรี 

แต่ไม่ได้หมายความว่า กรรมที่กำลังไล่ล่าจะไม่ได้มาก่อนกาล อยู่ที่ 'บุญของไอ้หนู' แต่ชาติปางก่อน สะสมไว้มากแค่ไหน 

จบเรื่องของไอ้หนู มาต่อเรื่องครูสามกีบที่แอบสอดใส่ความคิดความอ่านอันตื้นเขิน ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยอคติ เพื่อให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายเกิดความรู้สึกมั่นใจไปในทางที่ผิดเพี้ยน แฝงสอนให้เด็กกล้าหาญ กล้าแสดงออก ในขณะที่ยังขาดความรู้ ความจริง ไม่ลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปก่อน กลับผลักให้เอนเอียงไปในทางเกลียดชังสิ่งต่าง ๆ คล้ายสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในหัวใจของครู

ทั้งไอ้หนู และครูสามกีบ คือ ผลผลิตเดียวกัน มีตรรกะและวิธีคิดเดียวกัน อยู่ในโลกที่มีผิวขรุขระ คล้ายผลส้มเหมือนกัน ถ้าปล่อยกลิ้งไปมากับพื้นก็จะหมุนไปแบบเอียง ๆ ด้วยผิวสัมผัสนั้นไม่เรียบ ข้างนอกถ้าดูไกล ๆ อาจจะเห็นความสวย ถ้าเพ่งมองใกล้ ๆ จะเห็นรอยคล้ำดำ มีตำหนิมากมาย 

ทำท่าว่ากำลังจะเน่าในอีกไม่นาน

‘จีน’ ผุดมาตรการแก้ปัญหา ‘การชำระเงินแบบไร้เงินสด’ หลัง นทท.ประสบพบเจอ เล็งทำให้สะดวก-ราบรื่นยิ่งขึ้น

(12 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ซุนเย่หลี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน กล่าวถ้อยคำดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ ระหว่างชี้แจงถึงมาตรการต่างๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อทำให้การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในจีนสะดวกสบายและราบรื่นยิ่งขึ้น เมื่อวันจันทร์ (11 มี.ค.) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ซุนเย่หลี่ ย้ำถึงปัญหาการชำระเงินที่นักท่องเที่ยวขาเข้าประสบพบเจอ โดยพวกเขาไม่ได้รับความสะดวกสบายจากการชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านโทรศัพท์มือถือที่พบเห็นได้ส่วนใหญ่ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ในจีน ตั้งแต่โรงแรมไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ

ซุนเย่หลี่ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังปิดการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติประจำปีว่านี่เป็นปัญหาใหม่ที่คาดไม่ถึงอย่างแท้จริง เนื่องจากการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทว่าหน่วยงานส่วนกลางให้ความใส่ใจอย่างมากต่อปัญหานี้และได้จัดตั้งกลไกการประสานงานเพื่อแก้ไขแล้ว

ซุนเย่หลี่ กล่าวว่า จีนกำลังดำเนินมาตรการโดยละเอียด อาทิ การติดตั้งและอัปเกรดอุปกรณ์ของจุดชำระเงินหน้าร้านใหม่ เพื่อรับประกันว่าเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวจีนจะสามารถใช้บัตรธนาคารได้ในหลายพื้นที่ อาทิ โรงแรม สนามบิน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และแหล่งชอปปิง โดยพวกเขายังสามารถเลือกได้ว่าจะชำระเงินแบบสแกนรหัสคิวอาร์ (QR code) หรือใช้เงินสด

นอกจากนี้ กลุ่มแพลตฟอร์มและบริษัทการชำระเงินในจีนได้ทำงานร่วมกันเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าต้องลงทะเบียนเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันการชำระเงินของจีน และสั่งการให้สถานที่ด้านการบริโภคทั้งหมดรับสกุลเงินจีนแบบเงินสด

โดยซุนเย่หลี่ กล่าวว่า จีนกำลังเพิ่มประสิทธิภาพแต่ละขั้นตอนของกระบวนการท่องเที่ยวขาเข้า ปรับปรุงขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การขอวีซ่าไปจนถึงการจัดเตรียมเที่ยวบิน การเช็กอินโรงแรม การชอปปิง และการเที่ยวชมสถานที่ ซึ่งการปรับใช้มาตรการเหล่านี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนจีนได้รับความสะดวกสบายในด้านที่พัก การคมนาคม และการชอปปิ้งระดับเดียวกับนักท่องเที่ยวในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ซุนเย่หลี่ ทิ้งท้ายว่าเรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมชมจีน เพลิดเพลินไปกับมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมจีน ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของจีน และสัมผัสความมีมิตรไมตรีจิตจากชาวจีน

‘ไอติม’ ขออย่าเพิ่งด่วนสรุป หลัง กกต. ยื่นศาล รธน. ‘ยุบก้าวไกล’ ลั่น!! เตรียมแผนไว้พร้อม ซ้ำ!! ทีม กม.สู้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

(12 มี.ค.67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งสำนวนยุบพรรคก้าวไกล ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างไรบ้างนั้น ว่า พรรคก้าวไกล และทีมกฎหมายได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ ไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทีมกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องไม่ให้เกิดการยุบพรรค และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ประเด็นนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ชะตากรรมและอนาคตของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ ว่าสิ่งที่พรรคทำไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเราทำได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในอนาคต 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางพรรคเองเข้าใจดี การถูกยุบพรรคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับหลายพรรค เราไม่อยากให้พรรคการเมืองถูกยุบเป็นเรื่องปกติ ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเป็นพรรคที่มีคดีถูกยุบพรรคอยู่ อย่างกรณีพรรคภูมิใจไทยที่สังคมความสนใจอยู่ แม้จะมี สส. พรรคก้าวไกลเป็นผู้เปิดโปง เรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นกับบริหารพรรค แต่บทลงโทษที่เหมาะสมคงไม่ใช่การยุบพรรค ควรลงโทษที่ผู้บริหารพรรค 

เมื่อถามว่ามีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความจริงเท่าที่จะทำได้ จนถึงวันที่จะเกิดการวินิจฉัยคำตัดสินออกมา สส. และทีมงานของพรรคก็ยังทำงานเต็มที่ในการผลักดันกฎหมายความเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร แต่ทางผู้บริหารพรรค ได้เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เรามีการวางแผนทุกฉากทัศน์ ตนยืนยันเหมือนที่ได้ยืนยันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกความคิด ทุกนโยบาย ที่เราพยายามจะผลักดัน อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนชุดความคิดต่อไปในการเมืองไทยแน่นอน ไม่อยากให้เราด่วนสรุป ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบ จนกระทั่งมีคำวินิจฉัยศาลออกมา แต่สำคัญกว่านั้น ก็ไม่อยากให้เราตั้งค่านิยม การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ลูกพรรคจะเสียขวัญ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ยุบพรรค ก็มีสถานการณ์ผึ้งแตกรัง นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่านิยมของการเมืองไทย ถ้าพูดถึงขวัญกำลังใจ หรือความทุ่มเทของสมาชิกพรรค ตนคิดว่าเราเดินหน้าต่อเต็มที่อยู่แล้ว

"สิ่งที่เรากังวลมากกว่า คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อค่านิยมของการเมืองไทย เพราะยิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นพรรคการเมืองในอดีตด้วย กลายเป็นว่าเรากำลังไปสร้างค่านิยม หรือวัฒนธรรมทางการเมือง ที่การยุบพรรคกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เราควรจะสร้างนิเวศทางการเมือง ที่ทุกพรรคการเมืองสามารถเติบโตเป็นสถาบันการเมืองได้ ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ เป็นศูนย์รวมคนที่มีชุดความคิดแบบเดียวกัน" นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะจับมือกันแน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ ว่าคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. มี 2 อย่างที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเปลี่ยนแปลงสังคม และสภาวะนิติสงครามไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งแม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เกินจินตนาการ ตนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ 

เมื่อถามว่าในช่วงที่มีความอ่อนไหว จะไม่มี สส. ย้ายพรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหา มีชุดความคิดตรงกัน และมีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง ตัวอย่างเช่น การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ถ้าใครที่ติดตามการประชุมสภา จะเห็นว่าทุกสัปดาห์ มีกฎหมายที่ถูกเสนอโดยสส.พรรคก้าวไกล อย่างน้อย 1 ฉบับ ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ ตนมองว่าเป็นมิติใหม่ของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการดึงหรือบีบรัฐบาลให้ความสำคัญกับวาระที่เรามองว่าสำคัญ 

เมื่อถามว่า คดียุบพรรคจะทำให้เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่เสียสมาธิแน่นอน ตั้งแต่เริ่มทำงานสภาชุดนี้มา พรรคไกลก็เดินคู่ขนานอยู่แล้วทีมกฎหมายก็ทำเต็มที่ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วน สส. ก็ทำงานในสภา โดยเดินหน้าต่ออย่างไม่เสียสมาธิ 

ส่วนจะยังเข้มข้นอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เข้มข้นเหมือนเดิม เราก็ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงที่เรารับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ

นายพริษฐ์ กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายในมาตรา 152 ว่า จะมีการเปิดให้ สส. ยื่นความจำนง ว่าจะอภิปรายในประเด็นอะไร ก่อนที่จะมีการคัดเลือก ยืนยันว่าข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน ละเอียด ทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว ซึ่ง สส. ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลและทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว

‘BWG-ETC-GULF’ ปิดดีลใหญ่ 2 หมื่นล้านบาท ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตฯ-ผลิตเชื้อเพลิง

‘BWG-ETC’ บิ๊กดีลผนึกร่วมลงทุน GULF ลุยลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ-ผลิตเชื้อเพลิง SRF 20,800 ล้านบาท ประกาศขึ้นแท่นผู้ดำเนินโครงการ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเบอร์1ของประเทศ

(12 มี.ค. 67) บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน หรือ BWG, บมจ.เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ หรือ ETC, และบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ร่วมลงนามลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 12 โครงการ และโครงการลงทุนโรงงานผลิตเชื้อเพลิง SRF จำนวน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 20,800 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเบอร์ 1 ของประเทศ

นายศุภวัฒน์  คุณวรวินิจ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ร่วมลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ GWTE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 12 โครงการ และโครงการลงทุนโรงงานผลิตเชื้อเพลิง SRF จำนวน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 20,800 ล้านบาท ดังนี้

1.การลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทเก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด หรือ GGP ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 10 โครงการ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้ารวม 80 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50:50 ซึ่ง GWTE มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจพร้อมทั้งมีศักยภาพทางการเงิน เนื่องจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 10 โครงการใช้เงินลงทุนถึง 15,000 ล้านบาท

2.การลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง BWG กับ GWTE เพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (CC) ผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) จำนวน 3 โครงการ ในสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 เช่นกัน มูลค่าโครงการรวม 2,600 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) ให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 12 โครงการ

3.การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) เพื่อให้ ETC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) โดยการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบัน GWTE และ WTX ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 51.00 และ 49.00 ตามลำดับ ซึ่งภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ ETC อยู่ที่ 33% GWTE อยู่ที่ 34% และ WTX อยู่ที่ 33% ซึ่งปัจจุบัน SIP มีการดำเนินการ ไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

ด้าน นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG กล่าวว่า ความร่วมมือกับ GULF ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำการเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเบอร์ 1 ของประเทศ โดยการดำเนินธุรกิจด้านโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรมของ BWG รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมของ ETC และบริษัทในเครือถือเป็นการให้ความสำคัญด้านการลงทุนที่สร้างโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจหมุนเวียนตามนโยบายภาครัฐ Bio-Circular-Green Economy (BCG) โดยการนำขยะอุตสาหกรรมมาแปรรูปเพื่อเป็นพลังงานนี้ จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดปริมาณของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านพลังงานสีเขียว และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

“BWG มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ในการเป็นผู้ให้บริการด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม (ขยะอุตสาหกรรม) อย่างครบวงจร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นของเสียอันตรายเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้า (SRF) และ ETC เป็นผู้ที่มีความชำนาญในการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมและขยะ ชุมชนที่มีมาตรฐานสูง”

ล่าสุดบอร์ดเคาะอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 540,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท (Par) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 6 (BWG-W6) จำนวน 900,199,539 หน่วยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินที่ได้รองรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมกับผู้ร่วมทุนอื่นจำนวน 10 โครงการ และ 2 โครงการ จากการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน)

'หมอเหรียญฯ' เล่าเหตุการณ์สู้คดีช่วงถูกร้านบะหมี่ 3 นิ้ว ฟ้องหมิ่น ลั่น!! หลังศาลยกฟ้อง ก็ถึงเวลาที่โจทก์ต้องกลายเป็นจำเลย

(12 มี.ค. 67) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เหรียญทอง แน่นหนา' ระบุว่า… 

เมื่อต้น ธ.ค.66 ปีที่แล้ว ผมเป็นจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์เป็นเจ้าของร้านบะหมี่ ฟ้องศาลอาญาโดยมีทีมทนายความที่ดูคล้าย ๆ ทีมทนายความสิทธิมนุษยชนนี่แหละครับมาช่วยโจทก์ทำ

ทีมทนายนี่ดูเหมือนจะฉลาดเอามากๆ เลยนะครับ ซักถาม ซักค้านแต่ละคำถามจนผมตกอกตกใจว่า ทำไมถึงถามผมอย่างนี้ คำถามอย่างกับโจทย์คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษา 1 + 1 เท่ากับเท่าไหร่ อย่างไรอย่างนั้นเลยแหละครับ

ทนายความแต่งกายดูเนี้ยบเป๊ะ แต่ก็ดูเป็น 'เสี่ยว' ดีนะครับ (เสี่ยว เป็นภาษาอีสาน แปลว่า เพื่อน นะครับอย่าเข้าใจผิดว่าผมดูถูก) ท่าทางก็ดูห้าวหาญ เสียงดัง ดุดัน ดูน่าตกใจสำหรับคนไม่เคยดูตัวตลกนั่นแหละครับ

จะเอาผมเข้าคุกทั้งที แถมจะให้ผมเสียเงินล้านให้โจทก์เจ้าของร้านบะหมี่ ดันทะลึ่งไปเอาประมวลกฎหมายอาญาทหารสำหรับศาลทหาร มาสู้คดีบนศาลอาญา มันคนละศาลกันนะจ๊ะ 

ไอ้ผมมันก็เป็นอดีตผู้อำนวยการกองกำลังพลซึ่งต้องใช้กฎหมายทหารอยู่เป็นประจำ ก็เลยถามทนายโจทก์ว่าความหมายของคำว่า 'ราชศัตรู' ที่ทนายโจทก์นำมาซักผมนั้นเป็นกฎหมายปี พ.ศ.ไหน ทนายโจทก์ก็ตอบไม่ได้ครับ 

ผมก็เลยเรียนให้ศาลทราบว่าเป็นกฎหมายโบราณมากในสมัยรัตนโกสินทร์ศก ร.ศ.131 หรือ พ.ศ.2456 หรือกฎหมายเมื่อ 110 ปีที่แล้วใช้บังคับทหารเมื่อขึ้นศาลทหาร

ถึงแม้ผมจะเป็นแค่ตาแป๊ะหลักสี่ แต่ก็เป็นทหารเก่าและเป็นทหารแท้ ดังนั้นเสียงดังดุดันของคุณทนาย ผมจึงรู้สึกตลก เป็นที่ประทับใจ จึงเอามาพูดสนุกสนานให้มิตรรักแฟนคลับทราบทั่วกันว่าผมเป็นจำเลยไปขึ้นศาลอาญาแต่ดันไปเจอทนายโจทก์เล่นตลกหน้าบัลลังศาล จนเมื่อปลายเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมา ศาลอาญายกฟ้องโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบะหมี่แพ้ แถมถูกศาลยึดเงินค่าธรรมเนียมศาลไปหลายหมื่นบาทอีกต่างหาก

หลังจากนี้โจทก์จะต้องกลายเป็นจำเลยจากการเบิกความเท็จต่อหน้าศาลแล้วนะจ๊ะ หากเป็นไปได้อย่าลืมเอาทนายชุดเดิมมาสู้คดีกันอีกนะจ๊ะ ดูฉลาดแถมอีโก้สูงอีกต่างหาก ชอบครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
จำเลยผู้ชนะ

‘ญี่ปุ่น’ ทำแบบสำรวจ ใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไปที่ดีที่สุดจาก ‘8 ตัวเต็ง’  ผลปรากฏ!! ไม่มีผู้สมัครคนไหนได้รับคะแนนสนับสนุนมากกว่า 1 ใน 3


ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวมาจะส่งผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่น เพราะมีโอกาสน้อยมากที่พรรคอื่น ๆ ของญี่ปุ่นจะสามารถเอาชนะพรรคเสรีประชาธิปไตย (พรรค LDP) ได้

โดยผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่นและสิงคโปร์ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา มีพรรคที่ชนะการเลือกตั้งและมีอำนาจทางการเมืองเพียงพรรคเดียวโดยตลอด ช่วงเวลานี้แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่การจัดอันดับในค่าดัชนีความเป็นประชาธิปไตยนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยญี่ปุ่นอยู่ลำดับที่ 26 และสิงคโปร์อยู่ลำดับที่ 86 ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของการคำนวณในการจัดลำดับของค่าดัชนีความเป็นประชาธิปไตย

ทั้งนี้ แบบสำรวจของ Mainichi Shimbun ในคำถามที่ว่า “ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไปได้ดีที่สุด” มีชาวญี่ปุ่นผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 1% เท่านั้นที่เลือก Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดยตัว Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่นกำลังดิ้นรนอย่างหนัก จากการสำรวจล่าสุดจาก Mainichi Shimbun สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นได้ถามคำถามกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจว่า ใครสมควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปที่ดีที่สุดในบรรดาผู้สมัคร 8 คนจากพรรครัฐบาล (พรรค LDP) 

ซึ่งคำตอบก็คือ…

- Shigeru Ishiba อดีตเลขาธิการพรรค LDP ได้ 25%
- Yoko Kamikawa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ 12%
- Sanae Takaichi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ได้ 9%
- Shinjiro Koizumi อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ได้ 9%
- Taro Kono รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ได้ 7%
- Seiko Noda อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร ได้ 2%
- Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้ 1%
- Toshimitsu Motegi เลขาธิการพรรค LDP ได้ 1% 

และไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนสนับสนุนมากกว่า 1 ใน 3 หรือ 34%

'สรวุฒิ' รับฟัง 'ผู้พิการ' หาทางแก้ปัญหาการเดินทาง 'เครื่องบิน-รถสาธารณะ' ส่งสัญญาณสายการบินไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น

'เลขานุการ รมว.คมนาคม' รับฟังความคิดเห็นกลุ่มคนพิการ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาการเดินทางโดยเครื่องบิน-รถสาธารณะ หวังให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวก

(12 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สายการบินไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกหนังสือตักเตือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้นั้น

ในวันนี้ (12 มี.ค. 67) ได้มีการประชุม และรับฟังความคิดเห็นกับกลุ่มคนพิการ นำโดย นายกฤษนะ ละไล พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้น-ยาว โดยขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานกระทรวงคมนาคม จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งจะประกอบไปด้วย...

1. บุคลากรระดับสูงจากกระทรวงคมนาคมจำนวน 9 ท่าน 
2. บุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 12 ท่าน และ ตัวแทนกลุ่มผู้พิการจำนวน 5 ท่าน เพื่อร่วมบูรณาการแผนงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิผลที่ควรจะเป็นในระดับสูงสุด 

ทั้งนี้เตรียมสั่งการให้สายการบินแจ้งรายละเอียดและประชาสัมพันธ์ถึงกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ต่อผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ซึ่งหากกฎมีความก้ำกึ่ง สายการบินไม่สามารถปฏิเสธ ผู้โดยสารได้ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น แต่หากมีความเข้าข่ายและจะส่งผลกระทบระหว่างการบิน ต้องแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า โดยแนวทางเบื้องต้นนั้นต้องการให้ทุกสายการบิน เพิ่มช่องทางให้ใส่รายละเอียด ของกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ในการจองตั๋วเดินทาง เพื่อให้สายการบินสามารถเตรียมการได้อย่างเหมาะสม 

ขณะที่ทาง นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการเพิ่มแนวทางอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้านอากาศ สำหรับกลุ่มผู้เปราะบางแล้ว ยังมองว่าการขนส่งทางบก มีความสำคัญอย่างมาก ต่อกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยล่าสุดได้เตรียมหารือกับทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อหาแนวทางในการลดหย่อนภาษี รถขนส่งมวลชนสาธารณะที่มีการดัดแปลงสำหรับผู้พิการ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนั้นยังเตรียมเข้าปรึกษาหารือกับทางหน่วยงาน กทม. เพื่อผลักดันให้กลุ่มผู้เปราะบางมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

‘พี่หม่ำ’ แจ้งความอดีตลูกน้อง ยึดเพจเฟซบุ๊ก 1.7 ล้านผู้ติดตาม หวั่น!! เอาไปทำเรื่องไม่ดี หลังดีดภรรยาตนออกจากแอดมิน

(12 มี.ค.67) นายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก นักแสดงตลกชื่อดัง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สุรศักดิ์ สังข์แก้ว สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ หม่ำ มด จ๊กมก แฟนคลับ ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.7 ล้านคน ของภรรยา ถูกอดีตลูกน้องคนสนิท ซึ่งเป็นแอดมินเพจร่วมกับภรรยายึดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวไป พร้อมเปลี่ยนแปลงด้วยการดีดชื่อภรรยาของตน ซึ่งเป็นเจ้าของเพจร่วมออกจากการเป็นแอดมินเพจด้วย ทำให้ตนกับภรรยาเกรงว่า จะถูกอดีตลูกน้องรายนี้นำเพจไปใช้หลอกประชาชน หรือนำไปสร้างความเสียหายประเภทชักชวนเล่นการพนัน ชวนขายของออนไลน์ หรือไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย จึงมาเข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ก่อนในเบื้องต้น

หม่ำ จ๊กมก กล่าวว่า ตนกลัวว่าอดีตลูกน้องคนนี้จะเอาเพจดังกล่าว ซึ่งมียอดผู้ติดตามถึง 1.7 ล้านคน ไปแอบอ้างทำอย่างอื่น กลัวจะเอาไปชักชวนเล่นการพนัน ชวนขายของออนไลน์ หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ตนกับภรรยาเดือดร้อนในวันข้างหน้า จึงต้องป้องกันตัวเองด้วยการมาแจ้งความไว้ก่อน โดยอดีตลูกน้องรายนี้เคยเป็นลูกน้องมาก่อน ก่อนจะไปเป็นแอดมินเพจให้กับภรรยา ต่อมาเขาเปลี่ยนแปลงเพจด้วย แถมยังดีดภรรยาตนออกจากการเป็นแอดมินร่วมกัน แล้วนำเพจดังกล่าวไปทำเองเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่ภรรยาเป็นเจ้าของเครื่องที่ใช้ตั้งเพจนี้

แม้ว่าตนจะเคยบอกให้อดีตลูกน้องลบเพจเฟซบุ๊กนี้ออกไป แต่อดีตลูกน้องรายนี้ก็ไม่ยอมลบเพจทิ้ง ทั้งที่ตนได้ตักเตือนไปแล้ว จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันตัวเองกับภรรยาเอาไว้ก่อน แม้ว่าในตอนนี้อดีตลูกน้องจะยังไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายก็ตาม

ระยะหลังมีคนมาแจ้งข่าวให้ทราบว่า อดีตลูกน้องรายนี้ไปโพสต์อะไรของเขาไม่รู้ จนทำให้มีคนเข้าผิดว่าเป็นภรรยาของตนเป็นคนโพสต์ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า อดีตลูกน้องยึดเพจดังกล่าวไปดูแลเอง และทำการเปลี่ยนแปลงเพจด้วยการดีดภรรยาออกจากการเป็นแอดมินเพจร่วมกันมานานเกือบปี

🔎ส่อง 6 ผลงาน ‘รมว.ท็อป’ แห่ง พม.

รมว.ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ตลอดการเข้ารับตำแหน่งเจ้ากระทรวง พม. ภายใต้รัฐบาล ‘เศรษฐา 1’ ได้สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนคนไทย ได้แก่

✨โครงการ 'ปฏิบัติการคนไทยไม่ไร้ที่พึ่ง' ช่วยเหลือคนไร้บ้าน พัฒนาครัวเรือนเปราะบางในภาวะวิกฤต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยดำเนินงานเชิงรุกผ่านศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ตลอด 24 ชม.

✨เบี้ยเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า ดูแลตั้งแต่เกิดจนถึง 6 ปี จำนวน 2,288,337 ราย รับเงินอุดหนุน 600 บาท และขยายจาก 6 เดือน ถึง 3 ปี มาเป็น 3 เดือนจนถึง 3 ปี

✨ปรับเบี้ยผู้สูงอายุโดยจ่ายแบบขั้นบันไดถ้วนหน้า เดือนละ 1,000 บาททุกคน เบี้ยคนพิการ 1,000 บาท (เดิม 800 บาท) ตอบแทน ผู้ช่วยฯ ชม.ละ 50 เป็น 100 บาท

✨สร้างบ้านมั่นคงเฟสใหม่ ได้แก่ 1.ชุมชนเพิ่มทรัพย์พัฒนา 2.น้อมเกล้า 3.ทรัพย์สินเก่าใต้ แนวคิด 'บ้านมั่นคงชุมชนเข้มแข็งใต้ร่มพระบารมี' บนที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

✨แถลงผ่าน Asia Pacific Population Conference (APPC) ครั้งที่ 7 เรื่องประชากรในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกรับมือสู่สังคมสูงวัยและช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

✨สนับสนุนผู้พิการทางการได้ยิน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียม ด้วยการบริการล่ามภาษามือทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดข่าวสารจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top