Friday, 6 June 2025
TheStatesTimes

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการ Ai ลงรหัสโรค พบเพิ่มประสิทธิภาพเวชระเบียนได้ถูกต้อง – สมบูรณ์

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามผลการดำเนินงานในโครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1)

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ และเจ้าหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

โครงการมีวัตถุประสงค์ ในการพัฒนาโปรแกรมต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของการใส่รหัสโรคให้แก่ภาควิชาศัลยศาสตร์ และสามารถนำโปรแกรมต้นแบบไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระดับโรงพยาบาลและสาธารณสุขของประเทศต่อไป

โดยมีผลการดำเนินโครงการในการพัฒนาต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำงานร่วมกับนักลงรหัสโรคได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากการทดลองใช้งานระบบทดสอบกับเวชระเบียนจากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถแนะนำการให้รหัสโรค (ICD-10) และรหัสหัตถการ (ICD-9) ในกระบวนการทำงานของนักวิชาการเวชสถิติผู้ให้รหัส (Coder) แพทย์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานต่อจำนวนเวชระเบียนได้อย่างมาก รวมถึงการแนะนำรหัสที่มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ตามข้อกำหนดของ สปสช.

โครงการภายใต้การพัฒนา นำโดยคณะแพทย์ จากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ นักพัฒนาระบบ จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศฯ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และคณะที่ปรึกษาจาก สปสช.
 

‘ชาวเน็ต’ จวก!! ‘เพลงถ้าไม่รักจะปล้ำ’ เนื้อหาคุกคามทางเพศ ด้าน ‘นาย คอมเมเดี้ยน’ ไม่สะท้าน ถามกลับ “ดรามา จริงดิ?”

ทำเอาโซเชียลวิจารณ์สนั่น กับเพลง ‘ถ้าไม่รักจะปล้ำ’ ของตลกดัง ‘นาย คอมเมเดี้ยน’ และ ‘วงวันดรีม’ ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมและไม่สร้างสรรค์ แถมยังส่อไปในทางคุกคามทางเพศ อย่างท่อนที่ว่า ‘ถ้าน้องไม่รักระวังโดนปล้ำ’ โดยชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งใน ยูทูบ ติ๊กต็อก และทวิตเตอร์ (X) อาทิ นี่มันยุคไหนแล้ว ทำไมยังมีคนทำเพลง ทำคอนเทนต์แบบนี้อีก ทั้งที่เขารณรงค์เรื่องนี้กันอยู่, ลองนึกว่าคุณมีลูกสาว แล้วเด็กวัยรุ่นแถวบ้านมาชอบลูกคุณ แต่ลูกคุณไม่เล่นด้วย แล้วเขาเลยส่งเพลงนี้มาให้อ่ะ คุณคิดว่าเขาสื่อถึงอะไร, เนื้อเพลงนี้กลั่นออกมาจากสมองแล้วจริงดิ? เป็นต้น

แต่งานนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สะทกสะท้าน เพราะได้แคปข้อความท้วงติงต่าง ๆ มาลงต่อ และใส่ข้อความว่า “คืออะไรครับเนี่ย” ก่อนจะใส่แคปชั่น “ไปกันใหญ่แล้วเด้อ” พร้อมใส่แฮชแท็กชื่อเพลงละชื่อวงตามปกติ ก็เลยโดนทัวร์ลงยับอีกรอบ ว่าเตือนขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกเหรอ จนล่าสุดโพสต์ดังกล่าว…ได้หายไปจากติ๊กต็อกของเจ้าตัวแล้ว

โดยเพลงนี้ได้ปล่อยออกมาเกือบ 1 เดือนแล้ว แต่กลับมีเป็นประเด็นอีกรอบ เพราะว่ามีการทำชาเลนจ์ในติ๊กต็อก ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มาคนเข้าไปท้วงอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข แถมยังแคปคอมเมนต์ที่บอกว่า “ในขณะที่ในประเทศ มีคดีแนวนี้เยอะเป็นว่าเล่น แต่คุณกลับเอามาทำเพลง รอเลยครับเพลงเป็นกระแส น่าจะมีข่าวแน่ๆ” มาลงพร้อมใส่ข้อความว่า “ดรามา…จริงดิ…เพลงนี้อะนะ”

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วน ที่เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แถมมองว่าเป็นสื่อเพื่อความบันเทิงอย่าคิดเยอะ ถ้าฟังแล้วไปก่อคดีก็อยู่ที่ตัวบุคคลแล้วแหละ ซึ่งเจ้าตัวก็เข้าไปตอบกลับคอมเมนต์นั้นๆ ด้วยอีโมจิ 3 ตัว ได้แก่ หัวใจสีแดง รูปพนมมือไหว้ และหน้าหัวเราะ “❤️🙏🏻😂”

‘แม่จูน’ วอนชาวเน็ตหยุดด่า ‘เปิ้ล นาคร’ ปมถูกยกเลิกเงินสนับสนุน ลั่น!! สามีตั้งใจเป็นกระบอกเสียงให้นักกีฬาทุกคน ไม่ใช่แค่ลูกตัวเอง

(4 ก.ย. 66) กลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ หลังนักแสดงชื่อดัง ‘เปิ้ล นาคร’ ออกมาแจ้งเรื่องเงินอัดฉีดนักกีฬาเจ็ตสกีประเทศไทย ว่านักกีฬาทุกคนร่วมถึงลูกชายของตนเอง ‘น้องออก้า นครา’ จะไม่ได้เงินสนับสนุนในการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีแล้ว ทำให้โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปกลายเป็นประเด็นดรามาจี้ถามผู้เกี่ยวข้อง

ก่อนจะมีการเปิดกฎระเบียบข้อบังคับการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬาและสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า แห่งประเทศไทย ซึ่งสาเหตุที่ไม่ได้เงินอัดฉีด เพราะการแข่งขันไม่เข้าหลักเกณฑ์ เนื่องจากต้องมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 6 ประเทศ แต่ในการแข่งขันของ น้องออก้า ที่คว้าเหรียญทองมาได้ มีแค่ 2 ประเทศ คือ ไทย กับทีมสโมสรในประเทศสหรัฐอเมริกา มีจำนวนเรือทั้งหมด 6 ลำ แถมยังไม่ใช่นักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยอีกด้วย

งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก ส่งผลให้ เปิ้ล นาคร โดนกระแสตีกลับอย่างหนัก ทำให้เจ้าตัวต้องออกมาโพสต์คลิปชี้แจงประเด็นดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุแคปชั่นด้วยว่า “อย่าเพิ่งด่ากันนะ…ป๊าตั้งใจทำเพื่ออนาคตของลูกหลานนักกีฬาไทยทุกประเภทที่ตั้งใจทำเพื่อชาติสืบต่อไป…..จากใจจริงครับผม…เปิ้ลนาคร..(แก้นิดนึง..กฎไกด์ไม่ได้หมายถึงเรือเร็วแห่งประเทศไทยนะคับ)”

ล่าสุดในอิสตาแกรมส่วนตัว ‘แม่จูน กษมา’ ขอออกมาช่วยซัพพอร์ตสามีกับลูกชายอีกแรง ด้วยการแคปโพสต์ของนักกีฬาเจ็ตสกีคนอื่นๆ ที่การแข่งเข้าเกณฑ์ แต่ต้องถูกยกเลิกเงินอัดฉีดเหมือนกัน ระบุข้อความว่า “นักเจ็ตสกีคนอื่นเขาโดนกันทั่วหน้าค่ะ ก่อนใครจะด่า หยุดคิดสักนิด ว่านั่นด่าคนไทยด้วยกัน ด้อยค่าลูกหลานกันไปอีก เขาทำเพื่อประเทศ ที่พี่เปิ้ลเขาออกมาเป็นกระบอกเสียง ก็ทำให้รุ่นลูกรุ่นหลานเด้อ ให้กับนักกีฬาด้วยกัน

คนอื่นเขาออกมาพูดมันไม่ดัง พูดแล้วก็เงียบ นักกีฬาเขาท้อกันหมดแล้ว ไม่ใช่แต่กีฬาเจ็ตสกีอย่างเดียว กีฬาประเภทอื่นด้วยโดนกันทั่วหน้า..!!! ที่พี่ๆ ด่ากันเต็มเพจอะ หยุดด่าค่ะ ยิ่งด่าคนที่เขาเห็นค่า เขาก็ยิ่งสงสาร เพราะตอนนี้สปอนเซอร์เข้าให้น้องออก้าเพิ่มมาอีก 2 ตัวแล้ว ขอบคุณนะคะ โดนด่าแล้วได้ดี มันเป็นอย่างงี้นี่เอง #4ออ4แสบแสบปวดกระบาล #3ออ3แสบแสบปวดกระบาล #ดรามา #เจ็ตสกี”

‘สมาคมแท็กซี่ไทย’ แนะ 5 ข้อ ‘ผู้หญิงไม่ควรทำบนแท็กซี่’ ด้าน ‘ชาวเน็ต’ จวกเละ ชี้!! สิ่งที่ควรปรับคือจิตสำนึกของคนขับ

(4 ก.ย. 66) กลายมาเป็นกระแสในโซเชียลและถูกชาวเน็ตรุมจวกหนักมาก สำหรับภาพอินโฟฯ ของเพจ ‘สมาคมแท็กซี่ไทย’ ที่โพสต์ไปเมื่อวันที่ 28 ส.ค. โดยมีเนื้อหาประชาสัมพันธ์แนะนำ 5 ข้อห้ามสำหรับผู้หญิง สิ่งที่ไม่ควรทำในการใช้บริการบนรถแท็กซี่ โดยทางเพจระบุข้อห้าม ‘5 ไม่’ เพื่อความปลอดภัย ดังนี้

1. ไม่นั่งหน้า
2. ไม่นั่งหลับ
3. ไม่นุ่งสั้น
4. ไม่ชวนคุย
5. ไม่บอกว่าไม่รู้เส้นทาง
หากพบเห็นคนขับไม่น่าไว้ใจ สายด่วน 1584

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อ 3 ไม่นุ่งสั้น โดยการนุ่งสั้นมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล สิ่งสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ จิตสำนึกคนขับแท็กซี่ที่ต้องมีการอบรมวินัย รู้จักควบคุมตนเอง ทำหน้าที่บริการรับ-ส่งให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

‘บัณฑิตสาว’ ซึ้งใจ หลังมือกราฟิกโซเชียลโชว์ความเทพ สานฝันให้เป็นจริง เนรมิตรูปรับปริญญาคู่กับคุณพ่อที่จากไป

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Siriwan Chumhattha’ ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม แต่งภาพ ‘lightroom cc’ พร้อมระบุข้อความว่า “อยากให้พ่อมายืนให้ไหว้แบบในรูปค่ะ” และกลายเป็นไวรัลเมื่อชาวเน็ตเข้ามาช่วยตัดต่อรูปเพียบ

ล่าสุดวันที่ 4 ก.ย. 66 น.ส.สิริวรรณ ชุ่มหัตถา หรือ ‘อีม’ อายุ 26 ปี เปิดเผยว่า ตนเรียนจบมาแล้วหลายปี และตนได้เป็นสมาชิกกลุ่ม แต่งภาพ lightroom cc มานานแล้ว และคิดว่าอยากให้สมาชิกในกลุ่มช่วยตัดต่อรูปให้ แต่ก็ไม่กล้าโพสต์เพราะกลัวว่าโพสต์ไปแล้วจะไม่มีคนทำให้จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 66 ตนได้ตัดสินใจโพสต์ลงในกลุ่มดังกล่าว และคอยติดตามโพสต์ทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครช่วยตัดต่อให้

นอกจากนี้ ยังมีแจ้งเตือนกลุ่มแจ้งว่ายังเหลืออีกประมาณ 3,000 คิว จนตนนั้นลืมไปแล้ว ต่อมาได้มีแจ้งเตือนเข้ามาในเฟซบุ๊ก ตนจึงเข้าไปดูก็พบว่ามีคนเข้ามาช่วยตัดต่อรูปให้จำนวนมาก ตนจึงขออนุญาตนำรูปทุกรูปไปลงบนเฟซบุ๊กตนและไม่คิดว่าจะกลายเป็นไวรัลขนาดนี้

น.ส.สิริวรรณ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ตนได้มีรูปคู่กับพ่อแล้ว เพราะในวันที่ตนประสบความสำเร็จพ่อไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทำได้เพียงแค่ถือรูปพ่อ และตอนแรกที่เห็นภาพตนก็ร้องไห้ พร้อมคิดว่าหากมีพ่ออยู่ตรงนั้นก็คงจะดี ทั้งนี้ในตอนแรกตนอยากได้เป็นรูปครอบครัว แต่ด้วยความเกรงใจ และไม่มีใครทำให้ จึงขอแค่รูปคู่กับพ่อเท่านั้น

เพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่ตนเอง 8 ขวบ จึงไม่มีรูปคู่กับคุณพ่อเลย แต่ตอนนี้ตนมีรูปกับพ่อแล้ว มีทั้งรูปคู่ รูปอุ้ม ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ทั้งนี้เมื่อก่อนตอนที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยขนาดนี้ ตนได้นำรูปครอบครัวไปสัก เพื่อที่จะได้ระลึกถึงคุณพ่อ และอยากให้รูปนี้อยู่กับตัวตลอด

น.ส.สิริวรรณ กล่าวว่า รูปที่ตนชอบมากที่สุดคือผลงานของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Alen Maretouch ที่ตัดต่อออกมาได้สมจริงมาก ลักษณะรอยยิ้มเหมือนพ่อตนมาก ๆ ชื่นชมเลย พี่เขาเก่งมาก ๆ ทั้งนี้ตนได้ทักไปขอบคุณแล้ว รวมถึงขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ช่วยสานฝันตน ใจจริงอยากได้รูปเฉย ๆ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้รูปทีได้มาทุกรูปล้วนมีความหมายกับตนทุกรูป

หลังจากนี้ตนจะนำรูปไปใส่กรอบเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีคนเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ เก่งมาก พ่อต้องภูมิใจในตนอยู่แล้ว ที่ประสบความสำเร็จ

‘นายกฯ เศรษฐา’ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมหารือ ‘รมต.เพื่อไทย’ นัดแรก กำชับ!! อะไรทำได้ก่อนต้องรีบทำ ทุ่มเทให้สมกับที่ ปชช.ไว้ใจ

(4 ก.ย. 66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการของพรรคเพื่อไทยอีก 16 คน ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนโยบายการทำงาน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย. 66) จะมีการเข้าถวายสัตย์ฯ ก่อนหน้านี้ตนเองเคยพูดไม่ถูกว่าเราเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย แต่ตอนนี้อยากให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน และพรรคร่วม 11 พรรค ซึ่งต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย จึงฝากเอาไว้ด้วย

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ช่วงที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีและมีการแต่ตั้งคณะรัฐมนตรี ทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้พูดไว้หลายหนว่าเรามาด้วยต้นทุนที่สูง ตนอยากจะขอเปลี่ยน เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ต้นทุนที่สูง แต่พรรคเพื่อไทยเราเทหมดหนน้าตัก การทำงานครั้งนี้ ตนเชื่อว่าเราเองก็มีท่านผู้มีเกียรติในที่นี้ที่ได้รับเกียรติจากพี่น้องประชาชน เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนเข้ามาดูแลบ้านเมือง เราเองก็มีหลายท่านที่อยากจะเข้ามาตรงนี้ แต่ท่านได้ถูกคัดสรรมา

“การที่เราเทหมดหน้าตักนี้ เรื่องของการที่เราจะต้องทุ่มเทการทำงานของเราเพื่อพี่น้องประชน ผมเชื่อว่าทุกท่านตระหนักดีว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ณ ช่วงเวลานี้ เรื่องการทำงาน เรื่องของระยะเวลา เรื่องของขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ ผมไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณหรือว่าการที่เราได้เข้ามาบริหารช้าไป จึงจะได้ใช้งบประมาณจริงๆในต้นปีหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่างบประมาณเป็นขีดจำกัดในการที่จะไม่ให้เราทำงาน ผมเชื่อว่ามี ‘Quick Win’ (นโยบายเร่งด่วน) หลายๆอย่างเราสามารถทำได้ เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน หรือแม้กระทั้งการยกระดับของพี่น้องประชาชนก็สามารถทำได้  เรื่องอะไรที่เราทำได้ก่อนก็ทำ” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เข้าใจว่าแต่ละกระทรวง ทบวง กรม มีแผนงานที่มากมาย บางอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณ บางอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะต้องมีขีดจำกัดทางด้านเวลา หรือทางกฎหมาย ถ้าเกิดว่าอะไรทำได้ อะไรที่เป็นควิกวิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าเราได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ตนอยากให้นำออกมาทำก่อน เวลาที่เราออกไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชน อย่าอธิบายว่าอะไรที่เราทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“รัฐบาลของประชาชนเราต้องลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารกับพี่น้องประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ ตรงนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่เป็นมิติใหม่ ในการทำงานของรัฐบาลนี้ ซึ่งถ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับพรรคร่วมอีกก็จะเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง” นายเศรษฐา กล่าว

‘เต๋า สมชาย’ โพสต์ภาพร่วมเฟรม ‘อั้ม-นัท’ เผย ดีใจที่ได้เจอ พร้อมอวดคลิป ‘อั้ม’ โชว์พลังอุ้มเมียรีบไปขึ้นคอนเสิร์ต

(4 ก.ย. 66) ‘เต๋า สมชาย’ โพสต์ลงโซเชียลเช็กอิน เวียงจันทร์ สปป.ลาว พร้อมเปิดภาพประทับใจแฟนๆ ร่วมเฟรมพร้อม ‘ยุ้ย ภรรยา’ และคู่สามีภรรยา ‘อั้ม อธิชาติ’ และ ‘นัท มีเรีย’ โดยทักทายสบายดีแคปชันว่า “ดีใจ… ที่ได้เจอกัน นะครับผม”

โดยมีทั้งเพื่อนคนบันเทิงและแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ อาทิ โอ้ยยยย ดีงามมาก น่ารักมากเลย, น่ารักมากครับพี่ๆ ทั้ง 4 คน, ฝากความรักให้ทุกคน จากแฟนคลับเมืองลาวนะครับ, น่ารักมากๆ ค่ะ เป็นต้น

ด้าน อั้ม โพสต์คลิป (มีคลิป) โชว์พลังเห็น นัท ภรรยา เดินลงบันไดด้วยส้นสูงลำบาก เลยอุ้มเมียเรียกรอยยิ้มก่อนขึ้นคอนเสิร์ตที่เวียงจันทน์ เจ้าตัวโพสต์คลิปพร้อมแคปชันว่า “เมื่อส้นสูงเป็นปัญหาในการเดินลงบันได ใช้ใจเป็นตัวช่วยให้คุณก้าวเดิน ยกเหล็กมาเพื่อสิ่งนี้ #เบื้องหลังก่อนขึ้นคอนเสิร์ต #เวียงจันทน์”

ขณะที่ภรรยาเข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “เป็นบุญเจงๆ ได้ย่นระยะทางในการลงบันไดด้วยส้นสูง 4 นิ้ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เพลงต้องขึ้น show” ด้านคนบันเทิงและแฟนคลับเข้ามาแซวว่าน่ารักและอิจฉากันเป็นแถว อาทิ ชอบโมเมนท์นี้, น่ารักกกกก, น่าร๊ากกกกกกกกกกก, บอดี้การ์ดที่รัก, โอ๊ยยย ทำบุญใส่สังฆทานมาด้วยอะไรน๊า เป็นต้น

‘ท่านอ้น’ เข้าร่วมสมาคม ‘Mad Hogs’  ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในสหรัฐฯ

หลังจาก ‘ท่านอ้น’ วัชรเรศวร วิวัชรวงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เดินทางมาประเทศไทยในรอบ 27 ปี และได้เดินทางกลับสหรัฐอเมริกา ซึ่งท่านก็ได้อัปเดตชีวิตให้คนไทยได้ทราบอยู่เสมอ

และล่าสุด ‘ท่านอ้น’ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ได้รับเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคม Mad Hogs ชาวไทยในอเมริกาที่นิยมรถ Harley-Davidson ขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในสังคมไทยในอเมริกา”

ซึ่งเมื่อโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีประชาชนคนไทยเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า ยินดีด้วยนะครับ, ดูแล้วน่าสนุกกันจังเลยค่ะ, Oh yes ผมขอเข้ากลุ่มด้วยนะครับ, เท่มากค่ะท่าน, เปรี้ยว เท่ ละมุน ชาร์ป ครบทุกรสชาติ ‘ชื่นใจ’ จริง ๆ ค่ะ, ยินดีต้อนรับท่านประธานกิตติมศักดิ์ของกลุ่ม Mad Hogs ครับ กราบขอบพระคุณท่านชายอ้นเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติกับกลุ่มคนรักสองล้อ Mad Hogs MC ‘Born to Ride’ ครับ

‘OKMD’ ผนึก ‘ธรรมศาสตร์’ ปั้นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัป  พัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา ยกระดับไทยเท่าทันสากล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมกับ 88 SANDBOX มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างโอกาสในการพัฒนา นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการเรียนรู้และการศึกษาไทย เพื่อยกระดับความสามารถและศักยภาพในการประกอบอาชีพของประชาชน ภายใต้ ‘โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อสังคมด้านการศึกษา (LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program)’ พร้อมระดมกูรูในระบบนิเวศการศึกษา และเทคโนโลยีร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ต่อยอดไอเดียตั้งแต่เริ่มต้น สู่เป้าหมาย เชื่อมต่อนักลงทุนคู่ค้า ที่มีศักยภาพต่อไป  

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD กล่าวว่า “ในยุคปัจจุบันการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ ต้องควบคู่ไปกับการลงมือทำ ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยให้กระบวนการเรียนรู้สะดวกขึ้น และทำให้ให้การลงมือปฏิบัติสำเร็จง่ายขึ้นอย่าง Education Technology หรือ EdTech หรือนวัตกรรมการศึกษา จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญและเหมาะสมกับโลกยุคใหม่ ในสมัยก่อนเรามี EdTech ในรูปแบบการศึกษาผ่านระบบดาวเทียม ต่อมาเป็นการเรียนรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย ที่ผู้คนสามารถเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต ถัดมาเป็นเทคโนโลยีใหม่อย่าง Zoom Meeting จนมาถึงตอนนี้นักเรียนนักศึกษาสามารถทำ Report จาก AI กันได้แล้ว OKMD จึงต้องดำเนินงานส่งเสริมและสร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้ ที่ควบคู่ไปกับ EdTech เพื่อช่วยให้การเข้าถึงความรู้และการเรียนรู้เป็นเรื่องง่าย ๆ”  

ดร.ทวารัฐ กล่าวต่อไปว่า “ความร่วมมือระหว่าง OKMD และ 88 SANDBOX ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการบ่มเพาะกลุ่มสตาร์ตอัปด้านนวัตกรรมการเรียนรู้และการศึกษา ให้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ และเท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ รวมทั้งเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับประเทศไทย และเป็นก้าวที่สำคัญในการส่งเสริมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะในอนาคต รวมทั้งการส่งมอบประสบการณ์และการบูรณาการจุดเด่นของทั้ง 2 หน่วยงาน ในรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพต้นทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความรู้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติต่อไปครับ”

ด้าน รศ.ดร.พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยถึงความคาดหวัง ในการร่วม มือในโครงการ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program ว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงความรู้อย่างกว้างขวางและรอบด้าน ด้วยโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการเรียนรู้และการศึกษาให้กับประเทศไทย โดยการสร้างและส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการศึกษาที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ และการศึกษาในสังคมให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งการบ่มเพาะผู้ประกอบการทุกคนที่ต้องการสร้างไอเดียจากศูนย์สู่ความสำเร็จ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้กับประเทศไทย

“ปริญญาในโลกอนาคตไม่ค่อยมีความหมาย องค์กรยุคใหม่ไม่สนใจว่าเราจบอะไรมา เท่ากับทำอะไรเป็น เพราะฉะนั้นเวลาคัดเลือกคนเข้าทำงาน จะพิจารณาจากความสามารถในการแก้ปัญหา การจัดการสถาน การณ์ที่ยากซับซ้อน การทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program จะเป็นพื้นที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทุก ๆ คน ตั้งแต่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ไปจนถึงนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และบุคคลทั่วไป ให้ได้รับการสนับสนุนต่อยอดไอเดียธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมและมีศักยภาพในการนำออกสู่ตลาดในระดับนานาชาติต่อไป” รศ.ดร.พิภพ กล่าว

โครงการ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program จะเริ่มบ่มเพาะธุรกิจด้านการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ในรูปแบบของ 1) Training & Workshop เพื่อพัฒนาธุรกิจ ด้านต่างๆ รวมถึงการเพิ่มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการพัฒนาธุรกิจด้านการศึกษาของตนเอง โดยในกระบวนการจะมี Workshop จากวิทยากรทั้งด้านการศึกษา และด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

2) Education Experts เพื่อเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านการศึกษา ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของครู นักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในระบบนิเวศการศึกษา

และ 3) Community Activities เพื่อเชื่อมต่อกับนักลงทุน คู่ค้า และลูกค้าที่มีศักยภาพ ช่วยผู้ประกอบการสร้างความสัมพันธ์และทำให้ธุรกิจเติบโต 

โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 100 ทีม (237 คน) และผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นจำนวน 20 ทีม (76 คน) โดยจะได้รับการบ่มเพาะทางด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและเปิดมุมมองทางด้านการศึกษาอย่างเข้มข้น จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุนกว่า 30 คน อาทิ รศ.ดร.พิภพ อุดร, ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) วรุตม์ นิมิตยนต์ (Co-Founder,Deschooling Game) โตมร ศุขปรีชา (OKMD) และมีเงินรางวัลรวมกว่า 2 แสนบาท มอบให้กับ 5 ทีมสุดท้ายทีได้รับการคัดเลือก

ในวันร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ‘โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อสังคมด้านการศึกษา (LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program)’ ระหว่าง 88 SANDBOX ภายใต้การดูแลของฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ OKMD ภายในงานยังมีกิจกรรมการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

• DMii, For Future Education Model โมเดลการจัดการเรียนรู้ในยุค ‘ความรู้อายุสั้น แต่คนอายุยาว’ โดย รศ. ดร. พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

• Learnovation to Learnlab จากนวัตกรรมการศึกษา สู่พื้นที่แห่งการสร้างโอกาสด้านการศึกษาแห่งอนาคต โดยโตมร ศุขปรีชา ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และนวัตกรรมการเรียนรู้, OKMD

• 88 SANDBOX พื้นที่ผลักดันขีดจำกัดการศึกษาไทย ให้มุ่งสู่ Better Life, Better Society

• Discover the Future of Education ค้นหา และค้นพบศักยภาพของการศึกษาแห่งอนาคต

• Innovative Edtech Lab Lab นอกห้องเรียน ที่พาคุณไปทดลอง และทำจริง กับนวัตกรรมการศึกษาแห่งอนาคต

• Integrated Education Platform บูรณาการของ 5 องค์กรนวัตกรรมชั้นนำ เชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับนวัตกรรม

• Master from Failure เชี่ยวชาญให้สุด จาก ‘ความล้มเหลว’ แบบเฮียๆ โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

 

5 กันยายน พ.ศ. 2515 สังหารหมู่นักกีฬาอิสราเอล 11 คน โศกนาฏกรรมในมหกรรมโอลิมปิกมิวนิค

ครบรอบ 51 ปี เหตุการณ์ ก่อการร้ายโอลิมปิกมิวนิค โดยกลุ่มก่อการร้าย ‘Black September’ ได้สังหาร นักกีฬาและเจ้าหน้าที่อิสราเอลเสียชีวิตไปถึง 11 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมในความทรงจำของกีฬาโอลิมปิกที่ยากจะลบเลือน

ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ในปี 1972 (พ.ศ.2515) ผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ ที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มกันยายนทมิฬ (BLACK SEPTEMBER) จำนวน 8 คน พร้อมอาวุธปืนและลูกระเบิด ได้บุกเข้าไปในบ้านพักนักกีฬา และสังหารนักกีฬาอิสราเอลเสียชีวิต 2 คน พร้อมกับจับตัวนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชาวอิสราเอล 9 คนไว้เป็นตัวประกัน

สาเหตุของการจับตัวประกันครั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อการร้ายต้องการให้ปล่อยตัวสมาชิกของกลุ่มจำนวน 236 คน ที่ถูกจองจำอยู่ทั่วโลก แต่อิสราเอลปฏิเสธข้อเรียกร้อง ผู้ก่อการร้ายจึงสังหารตัวประกันทั้ง 9 คน โดยผู้ก่อการร้ายถูกยิงเสียชีวิตไป 5 คน ยอมมอบตัว 3 คน และมีตำรวจเยอรมนีเสียชีวิต 1 คน จากการยิงต่อสู้เพื่อช่วยเหลือตัวประกัน

หลังเกิดเหตุ นักกีฬาอิสราเอลที่เหลือเดินทางกลับประเทศทันที แต่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของนักกีฬาที่มาร่วมแข่งขัน ขณะที่ธงโอลิมปิกถูกลดลงครึ่งเสา เพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้เสียชีวิต ตลอดจนการแข่งขันเสร็จสิ้น นับเป็นโศกนาฏกรรมในความทรงจำของกีฬาโอลิมปิกที่ยากจะลบเลือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top