Thursday, 5 June 2025
TheStatesTimes

‘ปู ไปรยา’ ขอบคุณ ‘อิงฟ้า’ ที่ให้กำลังใจและมองเห็นคุณค่า ลั่น!! ผู้หญิงที่ไม่แข่งขันกัน-คอยชื่นชม นับเป็นพลังงานที่ดีมาก

(4 ก.ย. 66) ‘ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก’ บุกเซอร์ไพร์ส ‘อิงฟ้า วราหะ’ ในรายการ ‘HELLO ENGFA อิงฟ้ามาหานะเธอ’ งานนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับกรี๊ดลั่น และเขินอายสุดๆ เพราะแอบปลื้ม ‘ปู ไปรยา’ มานานแล้ว โดยในรายการว่าที่เจ้าสาวสุดเซ็กซี่ ‘ปู ไปรยา’ ได้เผยถึงวินาทีถูกขอแต่งงานว่า

"ปูผ่านมาทุกช่วงทุกเวลากับชีวิตแล้ว เป็นคนที่เมื่อก่อนจะอินกับความรักมาก และผิดหวังกับความรักมาตลอด ชอบเลือกอะไรที่ยากตอนเด็กๆ อะไรที่ง่ายจะไม่เลือก คนที่เข้ากับเราง่ายๆ ก็ไม่เลือก คนที่เลือกจะต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เมื่อก่อนชอบวิ่งตามคน แต่ตอนนี้เวลาเราเลือกคนที่แต่งงานสำคัญที่สุด คือเลือกคนที่เขาเลือกเรา คนที่ทุกวันเขาตื่นมา เขามองว่าเราคือสิ่งที่ดีที่สุด และเราดูออกว่าเขาชื่นชมเราให้เกียรติ แล้วเป็นเหมือนเพื่อนเป็นตัวของตัวเองได้ ที่ผ่านมาปูรู้สึกว่าคบใครแล้ว ต้องเป็น ปู ไปรยา ตลอดเวลา เหมือนต้องสวย มันไม่ใช่มนุษย์มันไม่จริง แต่พอเราอายุเยอะขึ้นคิดว่าสุดท้ายสิ่งภายนอกมันไม่ได้อยู่ตลอดแต่ข้างในคือสิ่งที่อยู่ตลอด แล้วคนที่เห็นเราผ่านรูปลักษณ์ภายนอกและเห็นเราจริงๆและรักตรงนั้น นั่นแหละคือคนที่เราควรแต่งงานด้วย บอกตรงๆนะปูก็ไม่คิดว่าจะเจอ แต่พอเราเลิกหาจะโผล่มาเอง บางทีพอเราไม่คาดคิด ไม่บังคับ และปล่อยให้มันเกิดขึ้นเอง จักรวาลมันจัดสรรเอง

วินาทีที่ถูกขอแต่งงานเขาไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรเลย การขอครั้งแรก คือเขานั่งดื่มกาแฟตอนเช้าแล้วบอกว่าชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะแต่งงานกับใคร แต่เวลาฉันอยู่กับเธอ ฉันมีความสุขที่สุด เธอว่ายังไงอยากแต่งงานกับฉันไหม ปูก็แบบโอเค แล้วเขาก็เลยไปออกแบบแหวนเองใช้เวลา 4 เดือน ก็เดินมาหาปูแล้วก็คุกเข่า บอกว่าทุกวันที่ตื่นมาแล้วเห็นหน้าปู ได้มีชีวิตที่ทำให้ปูมีความสุข แค่นี้เขาก็รู้สึกว่าเกิดมาแล้วคุ้ม"

จากนั้น ‘ปู ไปรยา’ ได้มอบของขวัญให้ ‘อิงฟ้า’ กลางรายการทำเอา ‘อิงฟ้า’ ถึงกับตื้นตันน้ำตาไหล และ ‘ปู ไปรยา’ ได้เผยความในใจทั้งน้ำตาว่า

"อยู่วงการมาหลายปีแล้ว คนมักจะมองว่าทุกอย่างคือการแข่งขัน แต่สุดท้ายแล้วมันมีคนที่ก็เจอเรื่องเหมือนเราแหละ ถ้าอิงฟ้าไม่มีใครคุยด้วย FaceTime หาปูได้นะ ขอบคุณจากใจที่มาให้กำลังใจปู เห็นคุณค่าของปู ผู้หญิงที่ไม่แข่งขันกัน ชื่นชมกันมันเป็นพลังงานที่ดีมาก เวลาที่อิงฟ้าพูดว่าชอบปู ปูก็คิดในใจว่าแม้แต่ในวันที่เราไม่ชอบตัวเอง แต่ยังมีอิงฟ้าที่แบบชื่นชมและชอบ มันเป็นกำลังใจที่ดีมากจริงๆ"

‘ปชป.’ โต้ ‘ก้าวไกล’ หลังเปรย มีการทุจริตเลือกตั้งซ่อมระยอง  ท้างัดหลักฐานมาพิสูจน์ต่อ กกต. ยัน!! ไม่ใช่ประชาธิปัตย์แน่นอน

(4 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ระบุว่าการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ระยอง เริ่มมีบางพรรคการเมืองทุจริตด้วยการเก็บบัตรประชาชน ว่า ไม่ทราบว่าเป็นพรรคใด เพราะจากการที่ตนลงพื้นที่กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัคร สส.ของพรรค พร้อมด้วยนายบัญญัติ บรรทัด สส.บัญชีรายชื่อ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ดี โปร่งใส ไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน พรรคฯ ยึดมั่นในการหาเสียงชูนโยบายพรรคการเมือง เดินเคาะประตูบ้าน

เพราะฉะนั้น การกล่าวหาลอยๆ ว่ามีการเก็บบัตรประชาชนหรือการเลือกตั้งจะไม่โปร่งใส ก็ขอให้พรรคก้าวไกลระบุมาว่าเป็นใคร หากมั่นใจว่ามีหลักฐานพอ ขอให้ไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดระยอง (กกต.จังหวัด) อย่าพูดเพื่อหวังผลคะแนนเสียงในวันเลือกตั้งเช่นนี้

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ การพูดลักษณะนี้มีความตั้งใจพุ่งเป้ามายังพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ต้องไปถามพรรคก้าวไกลว่าคิดอย่างไร การแข่งขันครั้งนี้แข่งกัน 3 พรรคการเมืองเราจะไปมองว่าพรรคที่ 3 ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขันไม่ได้ ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลมีหลักฐานหรือคลิปวีดีโอก็ให้มาเปิดแล้วนำไปยื่นต่อ กกต.เลย ทางเรายินดีให้ตรวจสอบ และยืนยันว่าไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
 

เนย - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ ราชินีนักบู๊ดีกรีไทยซูเปอร์โมเดล 2015 อัปโฉมใหม่สุดปัง!!

ซุ่มเงียบหลังจากคลอดลูกสาวคนแรก (น้องพีโอนี่) เนย - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ ราชินีนักบู๊ดีกรีไทยซูเปอร์โมเดล 2015 เชื่อคำโบราณ  ‘มือก็ไกว (เปล) ดาบก็แกว่ง (สู้)’ นอกจากให้นมลูกด้วยตัวเอง ยังเร่งฟิตหุ่นให้กลับมาเฟิร์มเหมือนเดิมภายในเดือนเดียว ล่าสุดซุ่มเงียบไปอัปหน้าใหม่ หน้าผากใหม่ จมูกใหม่ ปรับโหงวเฮ้งรับทรัพย์ปัง ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เพื่อเตรียมตัวกลับคืนวงการแบบเต็มตัว ก่อนมีผลงานใหม่เร็วๆ นี้

'พีระพันธุ์' เตรียมเสนอปรับราคา 'น้ำมัน-ไฟฟ้า' ลดค่าใช้จ่าย ปชช. พร้อมเปิดทางนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี ในราคาที่เป็นธรรม-เหมาะสม

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการลดราคาพลังงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายดังกล่าวอย่างชัดเจนว่า ความจริงแล้วนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยอยู่แล้วและตนได้แจ้งต่อที่ประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการประชุมทำนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนไม่ใช่เฉพาะแค่ราคาพลังงานแต่รวมไปถึงค่าครองชีพอื่น ๆ ด้วย เพราะพลังงานเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค การปรับลดราคาพลังงานให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมจึงเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดนโยบายดังกล่าวไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้วเช่นกัน และมั่นใจว่า เมื่อนโยบายตรงกันทั้งในส่วนของนโยบายรัฐบาลและนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ตนรับผิดชอบอยู่ด้วยก็จะทำให้นโยบายนี้เกิดเป็นรูปธรรมได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินการในเรื่องราคาพลังงานนั้นมีเรื่องหลัก ๆ ที่ต้องเร่งดำเนินการคือ ราคาน้ำมัน และ ราคาไฟฟ้า ซึ่งมีองค์ประกอบของราคาหลายอย่าง เช่น เรื่องภาษี เรื่องค่าการตลาด เรื่องภาระการเงินและเงินกู้ และอีกหลายเรื่องที่มาประกอบกัน บางองค์ประกอบเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ต้นทุนของก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า หรือต้นทุนของราคาน้ำมันดิบ เป็นต้น แต่สิ่งที่สามารถพิจารณาดำเนินการได้คือ โครงสร้างและองค์ประกอบที่มารวมกันจนเป็นราคาขายของพลังงานเหล่านี้ จะต้องมาดูว่าส่วนไหนที่สามารถตัดทิ้ง หรือปรับลดลงได้ก็จะทำทั้งหมด และเมื่อค่าใช้จ่ายลดลง ราคาของพลังงานต่าง ๆ ก็จะสามารถปรับลดลงได้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน

ในขณะเดียวกันยังมองถึงเรื่องของราคาน้ำมันราคาถูกพิเศษสำหรับประชาชนบางกลุ่ม เช่น ปัจจุบันกลุ่มชาวประมง สามารถซื้อน้ำมันที่เรียกว่า น้ำมันเขียวในราคาพิเศษ จึงเห็นว่า น่าจะดำเนินการเช่นเดียวกันนี้กับกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เช่น กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวต่อว่า นโยบายหลักสำคัญอีกประการหนึ่ง ตนเห็นว่า ควรจะให้โอกาสเสรีในการหาน้ำมันสำเร็จรูป ที่ไม่ใช่การนำน้ำมันดิบเข้ามากลั่นจนทำให้มีต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ควบคุมลำบาก แต่หากเป็นการนำน้ำมันสำเร็จรูปที่ ไม่ต้องมีค่าการกลั่น หรือค่าใช้จ่ายอื่น เพราะราคาทุกอย่างคำนวณจบแล้ว และถ้าหากใครสามารถนำพลังงานราคาถูกเข้ามาได้ ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำได้ โดยภาครัฐควรจะเป็นผู้กำกับดูแลให้การจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว ไม่ใช่วางกฎกติกาจนทำไม่ได้

นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าจะทำงานด้านกฎหมาย แต่ก็มีความสนใจเรื่องของพลังงานของไทย และศึกษาหาข้อมูลเรื่องพลังงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันของประเทศไทยมีประวัติน่าสนใจและได้รับรู้เรื่องราวของพลังงานมาจากบิดาคือ พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงเศรษฐการ (ปัจจุบันคือกระทรวงพาณิชย์) และเจ้ากรมการพลังงานทหาร ที่ได้รับมอบหมายจาก จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม และจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตชต์ ให้ไปสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย

กระทั่งค้นพบแหล่งน้ำมันที่ อ.ฝาง จ. เชียงใหม่ สามารถขุดเจาะน้ำมันขึ้นมาและสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของไทยขึ้นมากลั่นน้ำมันดิบนั้น จนประสบความสำเร็จโดย นอกจากจะจัดหาน้ำมันให้กับหน่วยงานของรัฐแล้ว ยังสามารถขายน้ำมันราคาถูกให้กับประชาชนด้วย นำมาสู่การก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหาร  ซึ่งปัจจุบันองค์การเชื้อเพลิงของกรมการพลังงานทหารและปั๊มน้ำมันสามทหารได้ถูกแปรเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และเป็น บริษัท ปตท.จำกัด ในปัจจุบัน

“ที่มาของพลังงานในประเทศไทยมี 2 เรื่อง คือเรื่องความมั่นคงของประเทศ และ การหาน้ำมันราคาถูกให้ประชาชนใช้ ผมจึงคิดว่าภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลและของกระทรวงพลังงานวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจน้ำมันแต่เป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการหาพลังงานให้ประชาชนในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม ส่วนเรื่องการทำธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของกระทรวง แต่กระทรวงพลังงานมีหน้าที่กำกับดูแล ให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมถูกต้องแล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าถึงการหาพลังงาน หาน้ำมัน หาเชื้อเพลิงมาใช้ได้อย่างเสรี จะต้องไม่ปิดกั้นต้องให้โอกาสเพื่อให้ราคาถูกลงให้ได้ เป็นการลดต้นทุน เพราะพลังงานเป็นต้นทุนต่าง ๆ ในชีวิต ถ้าสามารถลดต้นทุนตรงนี้ลงได้ ค่าครองชีพก็จะลดลงตาม ฉะนั้นผมจึงคิดว่านี่คือภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ” นายพีระพันธุ์กล่าว

‘ราชบุรี’ จัดเต็ม!! ต้มยำกุ้ง 4 พันตัว ปรุงในกระทะยักษ์ 3 เมตร แจกให้ชิมฟรี ในงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ ตั้งแต่ 3-11 ก.ย.นี้

(5 ก.ย. 66) ที่บริเวณเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ริมแม่น้ำแม่กลอง เทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้มีการจัดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ จังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 3 – 11 กันยายน 2566

โดยหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกับ ภาครัฐ และเอกชน กลุ่ม YEC (Young Enterpreneur chamber of commerce) นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจ โดยนำร้านค้าทั้งในชุมชน และกลุ่มภาคธุรกิจต่างๆ ร้านค้าชื่อดังทั้งสื่อโซลเชียล facebook สื่อ Tiktok และ ร้าน ที่มีชื่อออกผ่านรายการทีวี นำของฝาก ของที่ระลึก สินค้าเครื่องอุปโภค บริโภค ของกินขึ้นชื่อ มาออกร้าน ที่มีมากกว่า 300 ร้านค้า ตลอด 9 วัน 9 คืน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดราชบุรี ตลอดจนกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้กลับมาคึกคัก

โดยเมื่อวันที่ 4 กันยายน เป็นคืนที่ 2 ของการจัดงาน นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี และนายโกมล ตันติวรนุกูล กรรมการหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกันเปิดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี’ อย่างเป็นทางการ

พร้อมทั้ง ร่วมกันปรุงต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ ซึ่งใช้วัตถุดิบจากทั้ง 10 อำเภอในจังหวัดราชบุรี อาทิ กุ้งก้ามกราม จาก อ.บางแพ, ผักชี มาจาก อ.ปากท่อ, พริก มาจาก อ.เมืองราชบุรี, เห็ดฟาง มาจาก อ.บ้านโป่ง, ข้าวสารจาก อ. บ้านโป่ง, ต้นข่า มาจาก อ.ปากท่อ, ใบมะกรูด มาจาก อ.บ้านคา, มะนาว จาก อ.ดำเนินสะดวก, พริก มาจาก อ.จอมบึง, ตะไคร้ มาจาก อ.วัดเพลง และ เห็ดหอม มาจาก อ.สวนผึ้ง นำมาปรุงรสในกระทะยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร หนัก 3 ตัน พร้อมใช้น้ำจำนวน 600 ลิตร กุ้งสดจำนวน 100 กิโล ประมาณ 4,000 ตัว

โดยร่วมกันใช้ตะหลิวขนาดใหญ่ คนให้เข้ากัน ซึ่งต่างคนต่างก็วาดลีลาในการปรุงต้มยำกุ้งกันอย่างเต็มที่ โดยมี ‘น้องโอลีฟ’ เจ้าของวลีเด็ด “โตเกียวเนยกรอบไหมคะ” แม่ค้าเซ็กซี่โนบราขายโตเกียวเนยกรอบคนดังมาร่วมปรุงรสต้มยำกุ้ง เพื่อสร้างสีสันทำเอาเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับ และหนุ่มๆ ที่มายืนเชียร์

สำหรับการทำต้มยำกุ้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที ต้มยำกุ้งกระทะยักษ์สุก ได้รสชาติ พร้อมเสิร์ฟ โดยให้เจ้าหน้าที่ได้ตัดข้าวใส่ถ้วยแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยว และชาวราชบุรีที่มาเดินเที่ยวงานได้ชิมฟรี สำหรับต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ครั้งนี้ หากคิดเป็นตัวเลขมีมูลค่าประมาณ 50,000 บาท นับเป็นการส่งเสริมกิจกรรมในงานหอการค้าแฟร์ให้เป็นที่น่าสนใจ

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักของดี โดยเฉพาะ ‘กุ้งก้ามกรามบางแพ’ เป็นสินค้า GI ของจังหวัด โดยปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามบางแพแล้วกว่าหนึ่งพันราย สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี และการส่งออกมากที่สุดของประเทศไทย

ส่วนบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัด เดินทางมาเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ร้านค้าต่างๆ หลายร้านสินค้าหมดก่อนตั้งแต่ช่วงค่ำ นอกจากนี้นยังมีร้านค้าที่น่าสนใจหลากหลาย

อาทิ ร้านปังเวอร์ ที่โด่งดังในเรื่องของขนมปังใส้ครีมฮอล และ ขนมปังใส้แน่น , ข้าวเกรียบเห็ดหอม ข้าวเกรียบ โนริสาหร่าย ที่มีลูกค้าต่อคิวซื้อ, กาละแมแม่สุนันท์ กาละแมของดีจาก อ.เขาย้อย เพชรบุรี ที่นำกาละแมรสชาติใหม่มาเปิดตัว รสชาไทย ที่ทานกาละแมแล้วนึกถึงดื่มชานมเย็น และรสกาแฟ ที่ให้รสชาติหอมหวานถึงรสกาแฟ, ร้านทะเลดองซีอิ้ว, ปังแลบลิ้น ขนมปังใส้แน่นนุ่มอร่อยพอดีคำ นอกจากนี้ ยังมีร้านของดีของเด่นอีกกว่า 300 ร้านค้า

นายศักด์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่า งานหอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี ในปีนี้คึกคักเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของและเดินเที่ยวงานกันจำนวนมาก เกินความคาดหมาย อีกทั้งผู้จัดยังได้ยกทัพร้านเด็ดร้านดังทางโซลเชียล และรายการทีวีมาตั้งภายในงาน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างก็ให้ความสนใจ พากันเดินทางมาเดินเที่ยวกันจำนวนมาก ส่งผลให้ 2 วันเงินสะพัดจากการจับจ่ายซื้อของภายในงานสูงกว่า 5 ล้านบาท

ตนจึงยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวในงาน โดยงานจะสิ้นสุดในวันที่ 11 กันยายนนี้

BYD แถลงผลตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้าควันพุ่งขณะชาร์จ พบความเสียหายบริเวณชุดสายไฟเชื่อมแบตฯ-น้ำยาแอร์รั่ว

(5 ก.ย. 66) จากกรณีเหตุรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 มีควันบริเวณฝากระโปรงหน้า ขณะจอดชาร์ตแบตเตอรี่อยู่บริเวณจุดจอดชาร์ตหน้าห้างแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี...ล่าสุด บริษัท เร-เว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้อัปเดตการตรวจสอบฉบับที่ 2 โดยข้อสรุปเบื้องต้นจากทีมวิศวกร BYD ระบุว่า…

ขอเรียนแจ้งความคืบหน้ากรณีรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 มีควันเกิดขึ้นบริเวณฝากระโปรงหน้า ขณะกำลังชาร์จไฟ DC อยู่ที่สถานีชาร์จไฟนั้น ในวันนี้ทางทีมวิศวกรบีวายดีและเรเว่ ได้เร่งทำการตรวจสอบทุกระบบ ทุกอุปกรณ์เพื่อหาสาเหตุจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างเต็มที่

ข้อสรุปเบื้องต้นจากทีมวิศวกรมีวายดีและเรเว่ ที่ได้ตรวจเช็คจากสภาพภายนอก บริเวณพื้นที่ใต้ฝากระโปรงรถด้านหน้า พบความเสียหายบริเวณชุดสายไฟที่เชื่อมต่อไปยังแบตเตอรี่ 12 โวลต์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อน ส่งผลไปยังท่อแอร์ได้รับความเสียหายจนทำให้น้ำยาแอร์รั่วออกมา และเกิดควันจากน้ำยาแอร์ที่ผสานกับความร้อนในบริเวณดังกล่าวแต่ไม่เกิดเปลวไฟแต่อย่างใด

ในส่วนของระบบอื่น ๆ เช่น Control Module ที่ใช้ควบคุมกระแสไฟ ชุดสายไฟและจุดเชื่อมต่อสายไฟที่ควบคุมแบตเตอรี่แรงดันสูง ช่องเสียบชาร์จไฟ และตัวแบตเตอรี่แรงดันสูง ไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ทางทีมวิศวกรของบีวายดีและเรเว่กำลังเร่งตรวจสอบหาข้อพิสูจน์เพิ่มเติมในทุกระบบของรถให้มั่นใจอย่างครบถ้วน

ขั้นตอนต่อจากนี้ ทางบีวายดีและเรเว่เตรียมนำชื้นส่วนอะไหล่ใหม่ เปลี่ยนและทดแทนส่วนที่ได้รับความเสียหาย จนรถสามารถเข้าโหมด ON พร้อมเปิดใช้งานตามปกติ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือพิเศษตรวจวิเคราะห์การทำงานของรถอย่างละเอียดต่อไป

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการรถโมบายสโตรคยูนิต ช่วยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้รักษารวดเร็ว

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามผลการดำเนินงานในโครงการพัฒนาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยใช้รถโมบายสโตรคยูนิตเชื่อมต่อกับระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจรสำหรับทุกคน ของศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1)

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ และเจ้าหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน “โครงการพัฒนาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยใช้รถโมบายสโตรคยูนิตเชื่อมต่อกับระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจรสำหรับทุกคน” ของ ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

โครงการมีวัตถุประสงค์ ในการพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบที่ใช้ในการรักษาบนรถโมบายสโตรคยูนิตรวมทั้งระบบการปรึกษาทางไกลของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผ่านระบบ Telestroke ให้กับพื้นที่เป้าหมายใน 6 จังหวัดนำร่อง คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ราชบุรี กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงราย และนครพนม และพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์ ก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล หรือหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ในเขตพื้นที่บริการ ให้เป็นต้นแบบในการให้บริการการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันโดยใช้รถโมบายสโตรคยูนิตและการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจร เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและลดอัตราความพิการของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ปัจจุบันมีผลการดำเนินงานในโครงการในการพัฒนาระบบเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างการเก็บผลการให้บริการจริงในพื้นที่เป้าหมายต่าง ๆ พบว่า ผลเป็นที่น่าพอใจ การดำเนินการให้บริการของรถโมบายสโตรคยูนิตในการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินโรคหลอดเลือดสมอง ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยประสานกับหน่วยส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน สพฉ. ในการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินมาที่รถโมบายสโตรคยูนิต ที่สามารถให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ในวินิจฉัยโรคและการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบ Telestroke ตลอดจนการส่งต่อข้อมูลภาพถ่ายผลการสแกนสมองที่แม่นยำเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยในการใส่สายสวนหรือการให้ยาสลายลิ่มเลือดได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดอัตราการสูญเสียชีวิตและลดอัตราความพิการของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้ ก่อนนำส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลเครือข่ายต่อไป 

‘เฒ่าสามนิ้ว’ ลั่น!! บัดนี้เลิกใส่ ‘เสื้อสีน้ำเงินเข้ม’ แล้ว โลกนี้มีเสื้อสีอื่นให้เลือกอีกเยอะ จะไปแคร์ทำไม?

(5 ก.ย. 66) นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Suchart Sawadsri’ ระบุว่า…

“กองทัพมีผลงานอะไร? กองทัพมีผลงาน 99 ศพ!!”

“ครั้งหนึ่งมี ‘หญิงเสื้อแดง’ คนหนึ่งถามผมว่า เมื่อตอนเขาฆ่าคนเสื้อแดง ปี 53 ปัญญาชนคนชั้นกลางเช่นผมทำอะไรอยู่ ผมตอบไปด้วยความจริงใจว่า ผมกำลังวาดรูปอยู่ และนี่คือความจริง ผมไม่ใส่ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อส้ม แต่ใส่เสื้อ ‘นํ้าเงินเข้ม’ มาตลอด ในแทบทุกวาระ และบัดนี้ ผมคิดว่าผมจะเลิกใส่ ‘นํ้าเงินเข้ม’ แล้ว ใส่ ‘นํ้าเงินเข้ม’ มานานก็เบื่อ โลกนี้มีสีต่างๆ ให้เลือกมากมาย จะไป Care ทำไม ไม่มีหลานให้เลี้ยง อยากแบกอะไรก็แบก”

‘ดร.พร้อมพงศ์’ ปลื้มใจ!! ‘แดง-เหลือง’ ร่วมโต๊ะชื่นมื่น เปรย!! ยุคศิวิไลซ์ กลิ่นความสุข ความเจริญมาถึงแล้ว

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 66) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก ‘ดร.พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ - Dr. Prompong Nopparit’ ทีมงานพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. นำโดย นายนพดล พรหมภาสิต และนางกัลยาณี จูปรางค์ หรือป้าอยุธยา นัดกินข้าวกับมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง และนายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ ที่ร้านอาหารแซ่บไบรท์ ย่านถนนบางกรวย-ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดยมีข้อความระบุว่า "รัฐบาลสลายขั้ว ประชาชนสลายสี ยุติขัดแย้ง แดง เหลือง ทานข้าวกระชับมิตร บรรยากาศที่ดี กลิ่นความสุข ความเจริญ มาแล้วครับ"

นายพร้อมพงศ์ระบุอีกด้วยว่า "ศึกระหว่างสีเกือบ 20 ปี ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน เสียเวลาทำมาหากิน เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ หมดยุคการค้าความขัดแย้ง ถึงยุคศิวิไลซ์ คนไทยรักกัน เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรครับ"

ปส. ลุยกวาดล้าง จับกุม 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,470 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์  สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธรรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้า  ยาเสพติด 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,320 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก

โดยรายแรก ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายแสง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “โอปอ” จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไอซ์ และคีตามีน จำนวนมาก โดยซุกซ่อนมากับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ทะเบียน ฒธ 52xx กรุงเทพมหานคร จากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 เวลาประมาณ 18.30 น. ตำรวจชุดสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่ ถนนหมายเลข 1 บ้านสันทรายปู่ยี่ หมู่ 4 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบรถยนต์เป้าหมายจอดอยู่บริเวณไหล่ทาง จึงได้เข้าทำ การตรวจสอบไม่พบบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์ ตรวจค้นเบื้องต้น พบว่าภายในรถกระบะบรรทุกมีแม็กไลน์เนอร์ ซึ่งมีลักษณะได้รับการติดตั้งใหม่ พบรอยเชื่อมของกระบะบรรทุกมีระดับความสูงของกระบะผิดปกติ จึงตรวจสอบโดยละเอียด พบไอซ์ 22 กิโลกรัม และคีตามีน 50 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับดัดแปลงสำหรับซุกซ่อนยาเสพติดใต้กระบะบรรทุกของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด  ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายสุรพงษ์ ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากเครือข่าย กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ในพื้นที่ อ.ภูซาง และ อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับพืชผลทางการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ เพื่ออำพรางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวเทาน้ำเงิน ทะเบียน 70-86xx ลำปาง ในการลำเลียงยาเสพติด ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 03.00 น. ตำรวจ ปส.3 พบรถเป้าหมาย ขับมาจากทาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา มุ่งหน้าไปทาง อ.เมือง จ.พะเยา สังเกตมีผ้าใบคลุมส่วนท้าย และใช้ถนนเส้นทางรองเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจ ต่อมาเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์เป้าหมายได้ขับไปจอดที่บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนถนนสายเอเชีย อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น พบกระดาษแข็งมัดอัดเป็นก้อนอยู่เต็มภายในกระบะบรรทุก พบช่องลับมีถุงพลาสติก สีดำบรรจุกระดาษแข็งปิดไว้ สอบถามนายสุรพงษ์ รับสารภาพว่า มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ จึงควบคุมตัวนายสุรพงษ์ พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ ไปที่ด่านตรวจ พยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตรวจค้นโดยละเอียดพบยาบ้าจำนวน 30 กระสอบ ประมาณ 6,000,000 เม็ด ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 3 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมนายสือ กับพวก พร้อมของกลางยาบ้า 4,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา  จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบว่ายังมีกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นชาติพันธุ์ม้ง ชื่อนายสัตยา กับพวก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม มีพฤติการณ์รับจ้างกลุ่มนายทุนยาเสพติดลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลางเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.30 น. สามารถจับกุมนายสัตยา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน บร 74XX กำแพงเพชร ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พร้อมของกลางยาบ้า 1,000,000 เม็ด และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะและภายในห้องโดยสารด้านหลัง ต่อมา เวลา 10.40 น. สามารถจับกุมนายวิวัฒน์ และนางดี พร้อมรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 74XX ตาก ซึ่งใช้ในการขับขี่นำทาง/ สำรวจเส้นทาง/คุ้มกัน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายจิตวัต มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้างในเขตพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่งวันที่ 18 ส.ค.66  เวลาประมาณ 02.45 น. พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ CHEVROLET สีเทา ทะเบียน 1ฒบ 76XX กทม. จอดรถทิ้งไว้ข้างทางบริเวณถนนในหมู่บ้าน ม.7 ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ไม่พบผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จากการตรวจค้น พบยาบ้า 1,900,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณภายในห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ ต่อมา เวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน สามารถติดตามจับกุมนายจิตวัต ได้ที่บริเวณ ริมคลอง ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และสามารถยึดรถยนต์ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 31XX อุทัยธานี ได้ที่บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ม.8 ต.บางปะมุง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้หลบหนีการจับกุม ของเจ้าหน้าที่ระหว่างทำการจับกุม ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายชาญชัย และนายบุญหลา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน กับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ นำมาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่ง วันที่ 18 ส.ค.66 เวลาประมาณ 17.00 น. สามารถจับกุมนายชาญชัย พร้อมของกลางยาบ้า 6,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะบรรทุกด้านหลังรถบรรทุก ยี่ห้อ HINO สีขาว ทะเบียน 70-73XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการซุกซ่อนและลำเลียง ยาเสพติด และสามารถขยายผลจับกุมนายบุญหลา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน ผธ 81XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการคุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณด่านตรวจยาเสพติดพยุหะคีรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และขยายผลจับกุมนายโจ ขับรถยนต์ HONDA สีขาว ทะเบียน 3กพ 45XX กทม. ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายธนพนธ์ นั่งมาด้วย  และน.ส.ภาณุมาศ ขับขี่รถยนต์ TOYOTA สีดำ ทะเบียน 3ขถ 61XX กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายเสกสรร และนายภูมินันท์ นั่งมาด้วย ได้ที่บริเวณทางคู่ขนาน ถ.พหลโยธินขาออก ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 6 ตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติด กระทั่งทราบว่าวันที่ 13 ส.ค.66 จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้รถกระบะแบบมีตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. ซุกซ่อนยาเสพติด ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตาม จนพบว่ามีการนัดส่งมอบยาเสพติด ด้านหลังตลาดไอยรา จ.ปทุมธานี จากการเฝ้าสังเกตการณ์พบมีผู้ชาย 3 คน ช่วยกันยกกล่องลังโฟมสีขาวจากรถบรรทุก ทะเบียน 70-xxxx ลำปาง ไปใส่รถกระบะแบบตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. หลังจากนั้น ได้ขับมุ่งหน้าออกไปทางถนนคลองหลวง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจอดส่งนายศิรากร ที่บริเวณปาก ซ.เทศบาล 3 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน 9กล xxxx กทม. ขับมารับ ต่อมารถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายอนุชาติ เป็นคนขับ และนายนคเรศ นั่งโดยสารมาด้วย ได้ขับเข้าไปจอด หน้าธนาคารกรุงเทพ อ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบสิ่งของหลังรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบไอซ์ 500 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียวภายในกระสอบสีขาวในกล่องลังโฟม สีขาว และได้ติดตามจับกุมนายศิรากร ได้ที่บริเวณร้านค้าในพื้นที่  อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top