Wednesday, 26 June 2024
TheStatesTimes

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (11 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 11 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,180 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 15 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,903 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 217 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 11 ราย เป็นสวีเดน 1ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย โปรตุเกส 1 ราย เกาหลีใต้ 1ราย บาห์เรน 2 ราย ซาอุดีอาระเบีย 2ราย เมียนมา 3 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 356 ราย รักษาหายแล้ว 307 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.93 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.87 แสน เสียชีวิต 18,171 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 28 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 76,265 ราย รักษาหายแล้ว 65,124 ราย เสียชีวิต 393 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.03 แสน ราย รักษาหายแล้ว 81,715 ราย เสียชีวิต 2,174 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.46 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.09 แสน ราย เสียชีวิต 8,701 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,297 ราย รักษาหายแล้ว 58,188 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,385 ราย รักษาหายแล้ว1,225 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กาพรรคไหนดี!! หากวันนี้ต้องเลือกตั้ง

ซุปเปอร์โพลชี้ชัด กระแสรัฐบาลกระเตื้อง หลังผู้ชุมนุมหยาบคายและข้อเรียกร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทำดรอป

จากผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ‘การเมืองใหม่ หรือ เก่า สาดสี’ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 5,260 ตัวอย่าง ที่ดำเนินโครงการระหว่าง 1 มิถุนายน  – 10 ตุลาคม พ.ศ.2563 ชี้ค่อนข้างชัดว่า

พฤติกรรมของผู้ชุมนุมที่หยาบคายและข้อเรียกร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผ่านมาทำให้คะแนนนิยมที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ในขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งตัดสินใจกลับลำ "กราบ" และถอนตัวจากการขบวนการดังกล่าวได้ทันก็คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นทันทีเช่นกัน ส่วนพรรคก้าวไกลคะแนนนิยมลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา

อย่างไรก็ตามหากโพลดังกล่าวมีความถูกต้องและแม่นยำจริง แสดงว่าข้อเรียกร้องทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และยุทธวิธีก้าวร้าวหยาบคายของคณะราษฎร 2563 ไม่น่าจะนำไปสู่ชัยชนะในยุคนี้ได้เลย

ทั้ง ๆ ที่โพลระบุก่อนหน้านี้ว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคือเสียงข้างมากของคนในประเทศ แต่ตอนนี้เสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลแล้ว

แต่ต้องการทางเลือกใหม่...พรรคการเมืองใหม่!!

AirPods Max คุ้มค่าแค่ไหน ถามใจเธอดู

เปิดตัวให้ได้ซี้ดซ้าดกันไปเมื่อหลายวันก่อน สำหรับ AirPods Max หูฟังครอบหูหรือเฮดโฟนแบบไร้สายตัวแรกของแอปเปิ้ล งานนี้เปิดตัวมาในราคา 19,900 บาท มีเสียงลอยมาเบาๆ แต่ได้ยินช้าดชัดว่า "แพงจุง" อ่ะ! ตัวเลขราคาอาจจะสูง แต่หูฟังตัวนี้มาด้วยฟีเจอร์มากมาย 

ไม่ว่าจะเป็น EQ ที่ปรับแต่งเสียงให้พอดีกับหูฟัง โดยวัดสัญญาณเสียงที่ส่งออกมา และปรับความถี่ต่ำและกลางแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้เสียงที่เต็มอิ่มครบทุกรายละเอียด แถมยังมีโอกาสที่เสียงจะเพี้ยนน้อยมาก อยู่ที่ 1 เปอร์เซนต์ เนื่องจากมีชิ้นส่วนของมอเตอร์วงแหวนแม็กเน็ตนีโอไดเนียมคู่ที่ออกแบบมาอย่างดีและมีคุณภาพ ต่อให้เปิดเสียงดังสุดแค่ไหน เสียงก็ยังคมชัดเป๊ะ 

ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อกับ Device อื่น ๆ อาทิ  iPhone iPad หรือเครื่องคอมพ์ Mac ก็หายห่วง ผู้ใช้สามารถสลับอุปกรณ์ไปมาระหว่าง Device ได้เลย AirPods Max ตัวนี้สามารถสลับการเชื่อมต่อได้โดยอัตโนมัติ หรือหากจะแชร์เสียงระหว่าง AirPods 2 ชุด บน iPhone iPad iPod touch หรือ Apple TV 4K ก็เพียงแค่นำ AirPods Max มาใกล้กับอุปกรณ์และเชื่อมต่อด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวก็เป็นอันเรียบร้อย

เอาจริง ๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาของ AirPods Max ตัวนี้ก็คูลได้ใจแล้วล่ะ แถมมาในสีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีสเปซเกรย์, สีเงิน, สีสกายบลู, สีเชียว และสีชมพู โทนแต่ละสีไม่ได้เปรี้ยวปรู้ดปร้าด แต่ดูเท่ ๆ เฉี่ยว ๆ ตามสไตล์อุปกรณ์ค่ายแอปเปิ้ลนั่นเอง ถึงตรงนี้ ย้อนกลับไปดูที่ราคา ถ้า...ถ้าจะลงทุนกับหูฟังดี ๆ แล้วใช้งานกันไปยาว ๆ ไม่งอแง ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าลงทุน  

 

4 ปัจจัยที่แท้ทรู!! มุมมองใหม่ "คนรวย" ยุค 2021 เมื่อ "คนมีทรัพย์" จะไม่ใช่คนที่มีเงินสดเยอะอีกต่อไป

ในอดีตการออมหรือการเอาเงินไปฝากธนาคาร เพื่อให้เงินในบัญชีมีมากๆ พอมีมากๆ ก็เท่ากับมีเงินสดเยอะ พอมีเงินสดเยอะ ใคร ๆ ก็บอกว่า "รวย"

แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนที่เงินเยอะ อาจจะไม่ถูกเรียกว่าคนรวยอีกต่อไปก็ได้

ลองย้อนไปมองดูปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นขึ้นทำจุดสูงสุดไปเรื่อย ๆ ทั้งที่โควิดก็ยังอยู่ แม้เศรษฐกิจตกต่ำก็ยังไม่ลดลงแบบบ้าคลั่งตามสถานการณ์ที่ร้ายแรง

เหตุผลของเรื่องนี้เป็นเพราะระบบการเงินในโลกหลาย ๆ ส่วนเริ่ม "รวน"

ฉะนั้นการมองว่า "เงิน" คือสินทรัพย์ที่ต้องเกาะเอาไว้กับตัวแล้ว "มั่งคั่ง - ร่ำรวย" อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกทั้งหมดอีกต่อไป

แล้วสินทรัพย์แบบไหนถึงจะตอบโจทย์ ความปลอดภัยและยกระดับให้เกิดความมั่งคั่ง จนถึงขั้นเรียกว่า "รวย" สไตล์ใหม่ได้บ้าง?

มีอยู่ 4 ปัจจัยง่าย ๆ แต่ไม่รู้ทำได้ง่ายไหมมาแนะนำ!!

ปัจจัยแรก "จับสินทรัพย์ถูกตัว"

สังเกตได้จาก "การพิมพ์เงิน" อย่างบ้าคลั่งของรัฐบาลโลก ส่งผลให้ "เงินลดมูลค่า" ของตัวเองลง แต่สิ่งที่ตามมา คือ สินทรัพย์ต่าง ๆ ราคาขึ้น หมายความว่า คนที่จะรวยมหาศาลในยุคนี้ ก็คือ คนที่จับสินทรัพย์ถูกตัว ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน หุ้น หรือแม้แต่เงินดิจิทัล และ กล้าที่จะถือผ่านความผันผวนของราคา ที่เรียกว่า "อดทนรวย" นั่นแหละ

ปัจจัยที่ 2 คือ "หาเงินเก่ง ไม่สำคัญเท่าลงทุนเป็น"

เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน ส่งผลให้หาเงินยาก คู่แข่งเยอะ แต่ในด้านการลงทุน ถ้าถูกตัว ถูกจังหวะ มันจะเติบโตแบบไม่คิดชีวิต "ขึ้นแหลก!!" เห็นได้จากปรากฏการณ์หุ้น Tesla ที่ทำให้ Elon Musk ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่ธุรกิจยังไม่ได้ทำเงินมหาศาลเลย

ปัจจัยที่ 3 "สินทรัพย์เสี่ยง น่าลงทุนกว่าสินทรัพย์ไม่เสี่ยง"

ในเมื่อคนส่วนใหญ่ วิ่งหาความชัวร์ ความมั่นคง ในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่ สินทรัพย์ไม่เสี่ยง จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนแย่งกันซื้อ จนราคาแพง บางครั้งแทบไม่คุ้มที่จะซื้อด้วยซ้ำ ตรงข้ามกัน สินทรัพย์เสี่ยงบางอย่าง กลับถูกเกินความจริง และ สามารถสร้างเศรษฐีได้ในอนาคต

ปัจจัยที่ 4 "ตลาดทุนและการระดมทุน เปิดกว้างและหลากหลายขึ้น"

เป็นโอกาสการสร้างตัวแบบก้าวกระโดดในยุคนี้ การทำธุรกิจเพื่อหาเงินอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เพราะยุคนี้ การทำธุรกิจเพื่อเข้าตลาดหุ้น สามารถระดมเงินได้มากกว่า โตได้เร็วกว่า ใช้เงินตัวเองน้อยกว่า และ โตได้ไกลกว่า

ที่ว่ามานี้ น่าจะพอให้เห็นภาพว่ากระแสเงินสด อาจจะไม่ได้สรุปถึงคนรวยอีกต่อไป แต่คนรวยในยุคต่อไป อาจจะเป็นคนที่มีสินทรัพย์แห่งอนาคต ที่ผ่านการซื้อสะสมแบบต่อเนื่อง

ในวันที่มูลค่าเงินสดมีแต่ลดลง หากเลือกสินทรัพย์ที่ให้โอกาส เช่น ที่ดิน หุ้น สินทรัพย์แห่งอนาคต เช่น เงินดิจิทัล...เราจะได้อิสรภาพทางการเงินแถมไปด้วย


ที่มา: Pawawit Stock Comment

ที่มาภาพ: https://www.mic.com/articles/180662/smart-things-to-buy-as-an-investment-in-your-future-from-bitcoin-ether-litecoin-and-stocks-to-bonds-and-more

ควบรวม FWD - SCBLIFE เห็นผล เบี้ยรับใหม่แซงขึ้นเบอร์ 1

การระบาดของไวรัส COVID-19 แม้จะทำให้คนตื่นตัวในเรื่องการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น แต่เมื่อดูในภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิต กลับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน

เมื่อมองย้อนกลับไปในรอบเกือบ 10 ปี จะเห็นว่า ธุรกิจประกันชีวิต เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ถดถอยเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา จากตัวเลขการเติบโตติดลบเป็นปีแรกที่ -2.63% และในปีนี้ยังมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดนพิษ COVID-19 กระหน่ำซ้ำอีก

จากตัวเลขคาดการณ์โดยสมาคมประกันชีวิตไทย เมื่อต้นปีที่ประเมินว่าปี พ.ศ.2563 ธุรกิจประกันชีวิต จะไม่เติบโตจากปีที่แล้ว โดยตัวเลขจะอยู่ราว 6.1 แสนล้านบาท แต่จากรายงานสถิติเบี้ยประกันภัยล่าสุดของธุรกิจประกันชีวิต 10 เดือนแรก พบว่า เบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิต มีทั้งสิ้น 477,220.39 ล้านบาท หรือ ติดลบ 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562

ส่วนเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ของธุรกิจประกันชีวิตทั้งระบบ 10 เดือนแรก รวมทั้งสิ้น 127,411 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรก 82,477.43 ล้านบาท ติดลบ 3% และเบี้ยประกันภัยแบบชำระครั้งเดียว (ซิงเกิลพรีเมี่ยม)  44,934.12 ล้านบาท ติดลบถึง 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี พ.ศ.2562

แต่ที่น่าสนใจ คือ โดยบริษัทเอฟดับบลิวดีประกันชีวิต (FWD) มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่สูงสุดอันดับ 1 จำนวน 25,031.91 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 19.65%

ทั้งนี้ ข้อมูลเบี้ยประกันภัยข้างต้นของบริษัท เอฟดับบลิวดี (ภายใต้นิติบุคคลใหม่) มาจากการควบรวมระหว่างบริษัท ไทยพาณิชย์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (SCB LIFE) และบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)(FWD) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา จากเดิม SCB LIFE อยู่อันดับ 4 และ FWD อยู่อันดับ 6 ณ สิ้นปี 2562

การขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ของ เอฟดับบลิวดี ดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกที่มีบริษัทอื่น นอกจากเอไอเอ และเมืองไทยประกันชีวิต ที่สามารถสอดแทรกขึ้นมาได้

โดย 5 อันดับแรกของธุรกิจประกันชีวิต ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่สูงสุด 10 เดือนแรก ปี พ.ศ.2563 ประกอบด้วย

อันดับ 1 เอฟดับบลิวดี จำนวน 25,031.91 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 19.65%

อันดับ 2 เอไอเอ จำนวน 21,953.31ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 17.23%

อันดับ 3 เมืองไทยฯ จำนวน 17,104.07 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 13.42%

อันดับ 4 ไทยประกันชีวิต จำนวน 16,324.49 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 12.81%

อันดับ 5 กรุงไทย-แอกซ่า จำนวน 9,616.04 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 7.55%

ส่วน 5 อันดับแรกที่มีเบี้ยรับรวมสูงสุด

อันดับ 1 เอไอเอ จำนวน 111,990.54 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 23.47%

อันดับ 2 ไทยประกันชีวิต จำนวน 69,899.96 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 19.65%

อันดับ 3 เอฟดับบลิวดี จำนวน 67,337.85 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 14.11%

อันดับ 4 เมืองไทยฯ จำนวน 60,239.38 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 12.62%

อันดับ 5 กรุงไทย แอกซ่า จำนวน 44,078.34 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 9.24%

ทั้งนี้ ต้องติดตามดูว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม ซึ่งถือเป็นช่วงที่ธุรกิจประกันชีวิตทำยอดขายได้สูงสุดในรอบปี จะช่วยทำให้ตัวเลขธุรกิจประกันชีวิตติดลบได้น้อยกว่า 3% หรือไม่ และเอฟดับบลิวดี จะยังสามารถเข้าป้ายเป็นอันดับ 1 ในแง่เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน

12 ธันวาคม พ.ศ. 2533 วันเกิดครบรอบ 30 ปี "ซึงรี" อดีตสมาชิก BIGBANG

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของ "ซึงรี" หรือ "อีซึงฮยอน" อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ชื่อดังอย่าง BIGBANG แถมเขายังเป็นสมาชิกที่มีอายุน้อยที่สุดของวงอีกด้วย สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของ BIGBANG จะทราบดีว่า ซึงรีมีความโดดเด่นในเรื่องการเต้น ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ BIGBANG ซึงรีเคยเป็นหัวหน้าและสมาชิกเต้นในวงที่ชื่อ II Hwa มาก่อน 

ซึงรี และ BIGBANG เปิดตัวผลงานของพวกเขาในช่วงราวปี ค.ศ. 2006 และหลังจากนั้น พวกเขาาก็โด่งดังแบบเปรี้ยงปร้าง ไม่ใช่แค่เฉพาะในเกาหลีใต้ แต่ดังไกลไปทั่วโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "Revolutionary Group of Hallyu Wave"

แต่แล้วเมื่อปี ค.ศ. 2019 ซึงรีก็ทำให้แฟน ๆ ของเขาต้องช็อก เมื่อมีออกมาว่า เขามีส่วนพัวพันกับการค้าประเวณี จัดหาหญิงสาวให้นักธุรกิจต่างชาติ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยมีธุรกิจผับ Buning Sun ซึ่งเจ้าตัวมีหุ้นส่วนอยู่เป็นฉากหน้า รวมไปถึงการมีชื่ออยู่ในกรุ๊ปแชตสุดฉาว ก่อนจะถูกจับกุมในเวลาต่อมา 

ภายหลังที่ตกเป็นข่าวครึกโครม ซึงรีได้ประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกวง BIGBANG และต้องต่อสู้กับคดีความอีกมากมายที่ดาหน้าเข้ามา กระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2020 หลังจากเคลียร์คดีความต่าง ๆ ให้จบลง ซึงรีก็เข้าสู่กรมทหาร เพื่อเข้ารับการฝึกการเป็นทหาร แม้ความเป็นซูเปอร์สตาร์ของเขาจะจบลงไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ได้ชื่อว่า เป็นศิลปินที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและความยิ่งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว

วันนี้ครบรอบอายุ 30 ปี ไม่ว่าแฟน ๆ จะยังรัก หรือจะชิงชังในข่าวคราวของเขา อย่างไรก็ต้องขอกล่าวคำว่า แฮปปี้เบิรธ์เดย์ ทู ซึงรี!!

 

พบแท่งประหลาดผุดขึ้นในหลายประเทศ ลือหนักว่าเป็นเสาเอเลี่ยนจากนอกโลก สุดท้ายเกมพลิก คาดว่าเป็นโฆษณาสินค้าบางอย่าง

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ที่สร้างความฉงนให้คนทั้งโลก เมื่อเกิดแท่งเสาโลหะทรงประหลาดและยังไม่ทราบที่มา ผุดขึ้นในหลายประเทศ และที่แปลกใจก็คือหลังจากที่มีข่าวว่าค้นพบแท่งเสาประหลาด หลังจากนั้นไม่กี่วัน มันก็หายไป

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ อยู่ที่กลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ทีมนักสำรวจธรรมชาติกำลังบินเฮลิคอปเตอร์สำรวจเขตพื้นที่ในทะเลทราย ก็มาพบเสาโลหะสีเงิน สูงราว ๆ 3 เมตร ตั้งอยู่ในหุบเขากลางทะเลทราย ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ซึ่งเสาทรงประหลาดนี้ ชวนให้นึกถึงเสาเอเลี่ยนจากหนังไซไฟเรื่องดัง 2001: A Space Odyssey ที่ไม่ทราบทั้งที่มา และวัตถุประสงค์ว่าตั้งไว้เพื่ออะไร

แต่เสาประหลาดตั้งอยู่เพียงไม่กี่วัน ก็หายไป แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้พบเสาลักษณะเดียวกันนี้ ที่ Batca Doamnei Hill ในประเทศโรมาเนีย และพบอีกต้นที่เมือง Atascadero รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คล้ายกับเสาที่พบในยูทาห์ คือตั้งอยู่ไม่กี่วันก็หายไป

ห่างไปอีกไม่กี่วัน ก็มีผู้พบเสาเอเลี่ยนผุดขึ้นอีกหลายที่ ทั้งในอังกฤษ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สเปน โคลัมเบีย จนตอนนี้ผู้คนเริ่มสนใจว่าเจ้าเสาประหลาดนี้จะไปโผล่ต่อที่ไหน พร้อมกับทฤษฎีลี้ลับที่ผุดขึ้นมากมาย

แต่มาวันนี้ ก็มีผู้ที่ออกมาประกาศตัวว่า เสาโลหะประหลาดนี้เป็นผลงานของเขาเอง

บุคคลผู้อาจหาญชาญชัยคนนั้นมีชื่อว่า นายแมทตี้ โม เจ้าของสตูดิโอ The Most Famous Artist ตั้งอยู่ในเมือง ซานตา เฟ รัฐนิว เม็กซิโก ได้ออกมาโพสต์ภาพที่ทีมเขากำลังผลิตเสาโลหะ รูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายกับเสาที่กำลังเป็นข่าวดังใน Instragram ของร้าน แถมประกาศขายด้วย ในราคาต้นละ 45,000 เหรียญ ผ่านเว็บไซท์รับงานที่ www.monolith-at-a-service.com

แต่เมื่อมีสำนักข่าวขอติดต่อสัมภาษณ์ เจ้าตัวก็ปฏิเสธที่จะออกอากาศ และบอกว่าเสาต้นแรกที่พบในยูทาห์ไม่ใช่ผลงานของเขา

สำนักข่าวบางแห่งก็ว่า น่าจะเป็นการเล่นตลกเพื่อหวังกระแสด้านการตลาดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เกิดจุดสนใจก่อนปล่อยสินค้าจริง

บางคนก็ว่า น่าจะเป็นแคมเปญล้อเลียนเสียดสีสังคม ที่เปรียบมนุษย์เราไม่ต่างจากฝูงลิง แบบในหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey

แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เสาโลหะต้นนี้ก็กลายเป็นทั้งจุดสนใจว่า เป้าหมายของผู้สร้างนั้นคืออะไร และต้องการคำตอบอะไรจากสังคม หรือจะยังคงปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นปริศนาคาใจชาวโลกต่อไป ให้เราได้สืบค้นหาประหนึ่งหลักฐานของการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้


แหล่งข่าว

https://www.newsweek.com/how-many-monoliths-every-location-mysterious-objects-appeared-1552834

https://www.independent.co.uk/news/world/why-monoliths-where-around-globe-b1767403.html

https://www.dailymail.co.uk/news/article-9022119/New-Mexico-artist-collective-claims-mysterious-steel-monoliths.html

วิเคราะห์ศึกผ่าเมือง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ใครจะเป็นผู้ชนะ?

โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง กับศึกผ่าเมืองแมนเชสเตอร์ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ งานนี้สนุกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ผลสกอร์ออกหน้าไหนก็เป็นไปได้หมด

ภาพรวมของทั้งสองทีมช่วงนี้ นิยามเบา ๆ ได้ว่า "ทรง ๆ" ขยายความต่อมาคือ กำลังหาทรงอยู่นั่นเอง ผ่าม!! ไม่ช่าย ทรง ๆ คือ ฟอร์มไม่ถึงกับดีมากมาย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก โดยเฉพาะผีแดง - แมนฯ ยูฯ  ทำผลงาน 5 นัดในลีกหลังสุด ชนะ 4 แพ้ 1 อยู่อันดับ 7 ส่วนแมนฯ ซิตี้ หายใจรดต้นคอมาติดๆ อยู่อันดับ 8 ผลงาน 5 นัดหลังสุด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 

อย่างที่บอกไปว่า ทรง ๆ กันทั้งคู่ ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฤดูกาลนี้ยังไม่ลงตัวสักที ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเต็งลุ้นแชมป์ แต่ภาพรวมกว่า 10 เกม ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ก็ยังไม่แจ่มนัก โดยเฉพาะแผงกลางไปถึงหลัง ไม่ลงตัวเหมือนเที่คยเป็นมา 

ส่วนปีศาจแดง ในการทำทีมของน้าโอเล่ - โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพิ่งพาแมนฯ ยูฯ ตกรอบแบ่งกลุ่มในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาหมาดๆ โดยมิตรรักสหายผีแดงวิจารณ์ซะเละเทะ แต่ภาพรวมในลีกก็ยังพอรับได้ ค่อยๆ เก็บคะแนนไล่ตามจ่าฝูงอย่างสเปอร์ตอนนี้เหลือแค่ 5 แต้ม แถมยังมีนัดตกค้างเหลืออีก 1 นัด

ฉะนั้น นัดนี้ที่ปีศาจแดงได้เล่นในบ้าน ยังไงน้าโอเล่ต้องเน้นกับลูกทีมสุด ๆ เพราะถ้าชนะ นั่นหมายถึง คะแนนจากอันดับ 7 อาจกระโดดข้ามขึ้นไปอีก ซึ่งปีนี้แต่ละทีมคะแนนไล่เบียดคู่คี่กันมาก 

ตามสถิติทั้งสองทีมพบกันมากว่า 159 นัด โดยเป็นแมนฯ ยูฯ ที่เอาชนะไปได้ 64 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ ชนะไป 48 ครั้ง และออกผลเสมอกัน 47 ครั้ง ผลงานเจอกัน 6 นัดหลังสุดก็คู่คี่พอ ๆ กัน โดยทั้งสองทีมสามารถเอาชนะกันไป 3 ครั้งเท่า ๆ กัน แต่กับฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านมา แมนฯ ยูฯ ดูจะทำผลงานได้ดีกว่าซิตี้นิดๆ สามารถเอาชนะได้ทั้งแมทซ์เหย้าและเยือน

ผลที่น่าจะเป็นของคู่นี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะออกเสมอกัน แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น แต่หากจะมองว่าทีมใดที่มีโอกาสคว้า 3 แต้มมากกว่า ด้วยความสม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นของแมนฯ ซิตี้ ยังเหนือกว่าแมนฯ ยูฯ ในเวลานี้ ถ้าจะหาผู้ชนะในเกมนี้ ก็คงต้องเลือกจิ้มไปที่ทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯ ซิตี้ นี่เอง 

ส่วนสกอร์ของคู่นี้ ตามสถิติที่เคยเป็นมา ถ้าไม่ยิงกันเยอะ ก็ไม่ยิงกันเลย แต่เชื่อว่านัดนี้น่าจะสกอร์เกิน 2 ลูกแน่นอน และน่าจะเป็นเกมที่สนุก เปิดหน้าเล่นเกมบุกใส่กัน เพราะอย่างที่บอก ผู้ชนะได้ 3 แต้ม มีผลต่ออันดับที่จะกระโดดขึ้นไปอย่างแน่นอน 

เพราะฉะนั้น คืนนี้เวลา 00.30 น. หรือเที่ยงคืนครึ่ง ตามเวลาในประเทศไทย จะรักผี หรือเชียร์เรือใบ หรือจะแช่งทั้งคู่ ก็ไม่ควรพลาดแมทซ์ 5 ดาวนี้ด้วยประการทั้งปวง ง่วงยังไงก็ต้องเจอกันนะ ปู๊น ๆ

 

จับตาค่าเงินบาท - ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า

ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์หน้า (14 - 18 ธันวาคม พ.ศ.2563) โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 29.80 - 30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ 

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทของธปท. ผลการประชุมนโยบายการเงินของ Fed (15-16 ธ.ค.) เช่นเดียวกับกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนปัจจัยทางการเมืองและสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ 

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตาม ได้แก่  ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟด สาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค. ข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และ BOE การเจรจาข้อตกลง BREXIT ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซนและอังกฤษเช่นกัน 


ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า จะมีแนวรับที่ 1,470 และ 1,455 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,500 และ 1,530 จุดตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ประเด็นการเมืองของไทย การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ สัญญาณตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนประเด็น Brexit เช่นเดียวกับข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ

นายกเตรียมเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมทดลองนั่งรถไฟฟ้าไร้คนขับสายสีทอง เที่ยวแรก 16 ธ.ค. 63 นี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการเปิดบริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง 

โดยนายกรัฐมนตรีและสื่อมวลชน จะได้ร่วมโดยสารรถไฟฟ้าสายสีทองที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีกรุงธนบุรี ไปยังสถานีคลองสาน เพื่อเป็นการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีทอง เที่ยวปฐมฤกษ์ ในวันพุธ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้ 

ด้วยการพัฒนาระบบรถขนส่งมวลชนแบบไร้รอยต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองนี้ ทำให้สามารถเชื่อมการเดินทางของประชาชนถึง 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพิ่มทางเลือกในการเดินทางสำหรับประชาชน รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีทองยังเป็นระบบรถไฟฟ้าล้อยางไร้คนขับสายแรกของประเทศไทย ช่วยลดมลพิษและประหยัดพลังงานอีกด้วย

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพิ่มจำนวน 7 สถานี (สถานีพหลโยธิน59 สถานีสายหยุด สถานีสะพานใหม่ สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สถานีแยกคปอ. และสถานีคูคต)

ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย เป็นผลให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประสบความสำเร็จ ในการเปิดให้บริการครบทุกสถานี  ตลอดเส้นทาง ทั้ง 59 สถานี รวมระยะทางกว่า 68 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อรวมกับเส้นทางที่เปิดสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500,000 เที่ยว/คนต่อวัน  

ขณะที่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นโครงการขนส่งมวลชนขนาดรอง ระยะที่ 1 มีระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ประกอบด้วย 3 สถานี คือ กรุงธน - เจริญนคร - คลองสาน  เป็นระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ Automated Guideway Transit (AGT) หรือรถไฟฟ้าระบบ Automated People Mover (APM)  คาดการณ์ผู้โดยสาร 42,000 เที่ยวคน/วัน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบล้อ ราง รวมทั้งการเดินทางด้วยเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้ง 14 สาย ระยะทางกว่า 553.41 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 9 เส้นทาง และตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในทุกๆ ปี เช่น พ.ศ.2564 ได้แก่ สีแดงเข้ม (บางซื่อ-รังสิต) สีแดงอ่อน (บางซื่อ–ตลิ่งชัน) ปี พ.ศ.2565 สีชมพู (แคราย-มีนบุรี)  สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ ปี พ.ศ.2566  สีแดงเข้ม (รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต)  สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) - สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศิริราช) เป็นต้น  

"ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีการลงทุนพัฒนาระบบราง ทั้งรถไฟฟ้า​  รถไฟ​ทาง​คู่ รถไฟ​ทางสาย​ใหม่​ และ​รถ​ไฟความเร็ว​สูง​ที่อยู่รหว่างการดำเนินสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นแกนหลักการเดินทางและขนส่งของประเทศ ยกระดับการเดินทางของประชาชนในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน" โฆษกรัฐบาลกล่าวย้ำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top