Thursday, 16 May 2024
TheStatesTimes

"ชื่อฉัน" นั้นไพเราะที่สุด เรื่องเล็ก ๆ ที่ Starbucks "เสก" ให้เป็นเรื่องใหญ่ได้

เคยแอบสงสัยเล็ก ๆ เวลาไปสั่งกาแฟที่ร้าน Starbucks กันหรือไม่ว่า...ทำไมพนักงาน Starbucks จึงต้องถามชื่อเราว่าชื่ออะไรคะ? ชื่ออะไรครับ? แล้วก็จรดชื่อไว้บนแก้วกาแฟที่สั่ง

ถ้าคิดแบบคนยุคใหม่ ความคิดลึกซึ้ง และลึกล้ำ..."นี่ฉันกำลังจะได้โปรโมชั่น หรือฉันกำลังถูกเก็บข้อมูลป่ะ?"

จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอก พนักงานก็คงแค่ตั้งใจเขียนชื่อลูกค้าบนแก้วเพื่อจัดการออเดอร์จำนวนมากให้เป็นระเบียบเท่านั้น

เพียงแต่ในเชิงของธุรกิจ เรื่องเล็ก ๆ ของชื่อบนแก้ว Starbucks นั้น มีนัยยะบางอย่างที่สะท้อนการต่อยอดให้เกิดความผูกพันต่อแบรนด์ Starbucks กับผู้คน จนกลายเป็น "เรื่องใหญ่" ที่น่าศึกษาอยู่ไม่น้อย

นัยยะแรก!! ลูกค้าโปรโมท Starbucks ให้ฟรีๆ

ก่อนหน้านี้ถ้าจำกันได้จะมีเหตุการณ์แบบว่า ลูกค้าหลายรายชอบการเห็นชื่อตัวเองบนแก้ว Starbucks แล้วก็ตัดสินใจถ่ายรูปลงโพสต์ในโซเชี่ยลมีเดียไปอวดเพื่อน ๆ

บางคนถึงกับเล่นตลก แกล้งบอกชื่อปลอมกับพนักงาน เพื่อให้เขียนเป็นชื่อดารา คนดัง คนสวย คนหล่อ และอื่นๆ แล้วตัวเองก็เอาไปโพสต์ ให้เกิดเป็นบทสนทนาสนุกๆ ในโลกออนไลน์

ขณะเดียวกัน ในบางครั้งการที่พนักงานเขียนชื่อลูกค้าผิด ซึ่งมีอยู่บ่อยครั้งในต่างประเทศ เช่น จาก Jessica เป็น Gezzika จาก John เป็น Gaun นั้น ทาง Starbucks ก็เคยแอบคิดว่าลูกค้าต้องโกรธแน่ ๆ

แต่ในความเป็นจริง ลูกค้ากลับชอบและยิ่งโพสต์ชื่อแปลกๆ ของตัวเองลงโซเชียลกันมากกว่าเดิม สรุปนอกจากจะไม่โกรธแล้ว พวกเขายังมองว่านี่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของประสบการณ์ที่ร้าน Starbucks อีกด้วย

ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการโพสต์รูปแก้ว Starbucks ที่มีชื่อตัวเองลงไปสารพัดแบบในโลกออนไลน์นั้น ถือเป็นการกระจายความรับรู้แบรนด์ Starbucks ในยุคที่ร้านกาแฟแข่งเดือดได้อย่างมาก เรียกได้ว่า Starbucks ไม่ต้องทุ่มงบโฆษณาสักบาท ก็มีคนมาช่วยโปรโมทแบรนด์กาแฟของพวกเขาให้ฟรี ๆ

นัยยะที่สอง!! ความภูมิใจที่ฉันคือเจ้าของเพียงหนึ่งเดียว

อีกเรื่องที่น่าสนใจมาก คือ การเขียนชื่อลูกค้าลงบนแก้ว ค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกให้ลูกค้าคิดว่า แก้วกาแฟของฉันนั้น "น่าอวด" 

เพราะเดิมคุณค่าของแบรนด์ Starbucks นั้นก็สูงอยู่แล้ว จากราคาต่อแก้วที่สูงกว่าท้องตลาดทั่วไป (เดี๋ยวนี้เริ่มมีกาแฟราคาใกล้เคียงเยอะขึ้น) ทำให้การดื่ม Starbucks หรือควงแก้ว Starbucks ไปไหนต่อไป ก็ได้อารมณ์ยังกะหิ้วหลุยส์หรือชาแนล

ยิ่งมีชื่อตัวเองลงไปบนแก้ว Starbucks ยิ่งทำให้รู้สึกว่า "แก้วนี้ทำมาเพื่อฉันคนเดียวในโลก" ซึ่งไอ้ความรู้สึกเหล่านี้ มันสำคัญมากกว่าราคาหลักร้อยต่อแก้วที่ต้องจ่าย เพราะสิ่งที่ลูกค้าจ่ายมันได้รสนิยมที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้พ่วงกลับมา จนลูกค้าเก่าต้องกลับมาซื้อซ้ำ ส่วนลูกค้าใหม่ก็อยากลองสัมผัสประสบการณ์นี้

นัยยะสุดท้าย!! สายใยที่เกิดขึ้นจากคนแปลกหน้า

เป็นเรื่องปกติที่ทุก ๆ ร้านกาแฟ มักจะมีการถามว่า "เอาหวานน้อย หวานปกติ รับแก้วไซส์ไหน ใส่วิปครีมไหมคะ"

แต่การเขียนชื่อลงไปบนแก้วนั้น จะทำให้พนักงาน Starbucks จำชื่อลูกค้าที่เข้าร้านเป็นประจำได้ ทำให้ครั้งต่อไปสามารถทักทายลูกค้าด้วยชื่อโดยไม่ต้องถามได้อีกด้วย

และยิ่งไปกว่านั้น ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การเรียกชื่อใครได้แบบคุ้นเคย ยังถือเป็นการทำลายกำแพงของความแปลกหน้า ที่สามารถเปลี่ยนคนไม่คุ้นตามาเป็นคนคุ้นเคยแบบคนในครอบครัว Starbucks ได้ง่ายกว่าเดิม

เหล่านี้คือเรื่องเล็กๆ ที่เริ่มจากการเขียนชื่อลูกค้าลงบนแก้วกาแฟ Starbucks ที่ค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็น "ประสบการณ์สไตล์ Starbucks" ที่ยากจะหาใครเลียนแบบ

ความรู้สึกนี้มันช่างหอมหวานมิได้ด้อยกว่ารสชาติกาแฟเลยจริงๆ 

ก็อย่างว่า "ชื่อของเรา" มันช่างไพเราะสุด ๆ @Starbucks นินา!!

ชุดนักเรียน...กับที่มาของแต่ละประเทศ

คอลัมน์ "ข้างครัวริมแม่น้ำบริสเบน"

หลายวันมานี้ แว่วหูมากับข้อเรียกร้องของผู้ไม่จำนนต่อกฎระเบียบว่า....

“หนูจะไม่ยอมใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอีกแล้ว” คำถามที่ตามมา คือ แล้วหนูจะใส่ชุดอะไรไปเรียนคะ ?

ราตรีสั้น ราตรียาว บิกินี่ หรือ กิโมโนดี ? เอาเวลาคิดว่าจะใส่อะไรไปโรงเรียน ไปทำการบ้านให้เสร็จทันส่งครูดีกว่าไหม ?

ยกตัวอย่างง่าย ๆ วันนี้มีชั่วโมงพละศึกษา นักเรียนทุกคนต้องลงสนามเล่นบาสเกตบอล ทุกคนอยู่ในชุดพละศึกษา แต่ถ้าหนูจะมาในชุดราตรียาว หนูจะวิ่งไล่ลูกบาสยังไง?

ไอ้ที่ร่ายยาวมาก็แค่เกริ่นขำ ๆ เรามาดูประวัติชุดนักเรียนในแต่ละประเทศกันดีกว่า

ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎให้นักเรียนต้องสวมเครื่องแบบ บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุในช่วงปีค.ศ.1222 สัญลักษณ์โรงเรียนและรูปแบบบางอย่างถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายที่นี่ซึ่งทำให้นักเรียนแตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษเครื่องแบบยังเป็นแหล่งแห่งความภาคภูมิใจ แจ็คเก็ต กางเกงขายาว เนคไท และแม้แต่ถุงเท้าไม่ควรเบี่ยงเบนไปจากประเพณีที่กำหนดไว้ นี่ไม่ใช่แค่การละเมิด แต่ยังเป็นการดูหมิ่นสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะ

ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 3 เดือนมกราคม ปีค.ศ.1996 ประธานาธิบดี บิลล์ คลินตั้น กล่าวกับสภาคองเกรสว่า "If it means that teenagers will stop killing each other over designer jackets, then our public schools should be able to require their students to wear school uniforms." จากนั้น กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกาก็ออกคู่มือพิเศษเกี่ยวกับชุดนักเรียนซึ่งระบุถึงประโยชน์ของเครื่องแบบ อธิบายถึงการทดลองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแนะนำแบบฟอร์มในบางโรงเรียน ซึ่งผลจากนโยบายยังทำให้การก่ออาชญากรรมในโรงเรียนน้อยลงและวินัยทางการศึกษาทั่วไปก็ดีขึ้น

ในประเทศไทยการแต่งกายด้วยชุดนักเรียนมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ.2428 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทำสยามให้ทันสมัยทัดเทียมชาติตะวันตก โดยกำหนดให้เครื่องแบบนักเรียนต้องมีหมวกฟาง เสื้อราชปะแตนสีขาว กางเกงขาสั้น และรองเท้าสีดำ

ประเทศญี่ปุ่น การปลูกฝังเรื่องเครื่องแบบนักเรียนมีขึ้นในช่วงยุคปฏิวัติเมจิ (ในช่วงปี ค.ศ.1868 - 1912) ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นพยายามพัฒนาทั้งชาติด้วยการศึกษา ยุคนี้เป็นช่วงหนึ่งของยุคลัทธิจักรวรรดินิยมแบบนานาชาติ ไอเดียการใส่เครื่องแบบนั้นได้รับความนิยมในญี่ปุ่นอย่างมากเนื่องจากในหลายพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น ประชาชนยังพยายามถีบตัวเองจากสถานะความเป็นไพร่พล ด้วยเหตุนี้เองเครื่องแบบนักเรียนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรับผิดชอบและความทันสมัยของเยาวชนในช่วงยุคเมจิ แล้วก็เพราะเหตุนี้เอง เครื่องแบบนักเรียนในยุคแรกของญี่ปุ่น จึงเป็นการสะท้อนภาพความฝันและความหวังของผู้ปกครองด้วย

ชุดนักเรียน นักศึกษา คือ ความภาคภูมิใจของผู้มีการศึกษาในอังกฤษ คือการลดปัญหาความรุนแรงในอเมริกา คือการประกาศก้าวว่าเราทันสมัยทัดเทียมต่างชาติในไทย คือความหวังความฝันของผู้ปกครองในญี่ปุ่น เครื่องแบบธรรมดาที่ทุกคนสวมใส่เหมือนกัน ยังบ่งบอกถึงความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน บ่งบอกถึงวัยแห่งความฝัน ฉะนั้น เมื่อยังมีโอกาสสวมใส่มัน ก็จงสวมใส่อย่างภาคภูมิใจเสีย อย่ารอให้หน้าแก่หนังเหี่ยวแล้วคิดจะมาใส่ เพราะถึงเวลานั้นมันไม่ใช่วัย เดี๋ยวจะหาว่าป้าไม่เตือน

ในออสเตรเลียก็เช่นกัน โรงเรียนแห่งหนึ่งมีเด็กเพิ่งกลับจากเที่ยวต่างประเทศย้อมผมและตัดผมแฟชั่น โรงเรียนไม่ให้เข้าเรียนจนกว่าจะทำผมให้กลับเป็นเหมือนเดิม แม้จะมีการถกเถียงเรื่องการใส่ชุดนักเรียนและระเบียบวินัยต่างๆในโรงเรียน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ออสเตรเลียก็ยังคงกฏระเบียบชุดนักเรียนไว้ตามเดิม เพราะนอกจากจะความเป็นระเบียบวินัยแล้ว ยังช่วยลดความรุนแรงในสังคม "เมื่อพวกเขาสวมใส่ชุดนักเรียน นั่นบ่งบอกว่าเขามีชื่อเสียงของโรงเรียนอยู่กับตัวเขา จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงโรงเรียน รวมถึงเมื่อมีใครสักคนของเราโดนรังแก เราก็สามารถรู้ได้ทันทีและเข้าช่วยเหลือได้ทัน" เจ้าหน้าที่โรงเรียนแห่งหนึ่งได้กล่าวไว้

แหล่งข้อมูล

https://www.carondeleths.org/resources/uniforms/

https://taleb.com.au/cumberland-high-school-uniform-shop/


แพร

อดีตผู้ประกาศข่าว สำนักริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ชีวิตดิ้นรนมาเป็นเชฟในเมืองบริสเบน  รัฐควีแลนด์ประเทศออสเตรเลีย  สรรหามุมมองเรื่องเล่าจากดินแดนดาวน์อันเดอร์ มาให้อ่านกันบ่อยๆ

 

๕ ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ

๕ ธันวาคม ๒๕๖๓

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท เดอะสเต็ทส์ไทม์ จำกัด


 

Assalamualaikum ...อัสลามมุอะลัยกุม จากประเทศปากีสถาน

ตอนนี้ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ

หนูอยู่ในเมือง Passu ประเทศ Pakistan เป็นเมืองทางภาคเหนือ อยู่ในเขตGB (Gilgit Baltistan) มีเขตชายแดนติดต่อประเทศจีน เส้นทางสายไหมโบราณ โดยมีถนนคาราโครัมย์ ไฮเวย์ (ถนนไฮเวย์ลอยฟ้า ที่สูงที่สุดในโลก) เป็นตัวเชื่อม 2 ประเทศ

หนูมีอาชีพทำทัวร์ปากีสถาน เป็นผู้จัดทัวร์และเป็นไกด์ผู้หญิงของเส้นทางนี้ ทำงานเส้นทางคาราโครัมนี้มาเข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ

และปลายปีที่แล้ว ผู้เขียนได้แต่งงานกับผู้ชายพาสสุ ชื่อคุณทันเวียร์ อาหมัด เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ hunzavalleyexperience และเจ้าของร้านอาหาร Glacier Breeze Restaurant เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของครอบครัว และเปิดมายาวนานถึง 17 ปี มีเค้กแอปริคอทที่โด่งดังมาก ๆ ใครผ่านไป ผ่านมาก็ต้องแวะที่ร้านของเราค่ะ

และครอบครัวของเราทำทัวร์นำเที่ยวปากีสถาน

เส้นทางท่องเที่ยวสวยงามมาก มีภูเขาหิมะสูงใหญ่ มี3เทือกเขาสวยงามระดับโลก คือเทือกเขาหิมาลัย คาราโครัม และฮินดูกูซ และทะเลสาบสีฟ้ามากมาย และตามรอยเส้นทางสายไหม

คนไทยมาเยือนที่นี่พอสมควร

เดือนธันวาคม ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวค่ะ อากาศทางเหนือหนาวมาก ๆ และมีหิมะตกหลายที่

หนูจะนำเรื่องราวและรูปภาพจากประเทศปากีสถานมาฝากเรื่อย ๆ นะคะ

หนูเป็นคนไทย คนเดียวในเมืองพาสสุ ที่นี่ต้องเป็นคนชอบธรรมชาติจริง ๆ ถึงจะอาศัยอยู่ได้ เพราะช่วงหน้าหนาว หนาวมาก-10 ถึง -25 องศา และที่นี่ไฟฟ้าไม่เสถียร บางช่วงไฟดับ 1 - 2 วัน

และช่วงหน้าหนาว น้ำปะปาของเราก็แทบไม่มีเพราะน้ำในท่อเป็นน้ำแข็ง

หลาย ๆ ท่านจากไทย เคยถามหนูว่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

นั่นสิคะ ?!!

พวกเราอยู่กับธรรมชาติจริงๆ และที่เมืองนี้ไม่มีโควิดนะคะ ที่เมืองนี่ไม่เคยมีผู้ติดเชื้อโควิดเลยค่ะ

ฝากติดตามชีวิตของพวกเรา จากปากีสถานด้วยนะคะ


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

เลียม กัลลาเกอร์ ฟร้อนแมนโอเอซิส สตรีมมิ่งไลฟ์คอนเสิร์ต

พรุ่งนี้ FC เลียม กัลลาเกอร์ นักร้องนำแห่งวงร็อกโอเอซิส เตรียมเฝ้าหน้าจอรอชมการสตรีมมิ่งไลฟ์คอนเสิร์ตของเขากันได้เลย นี่ถือเป็นการไลฟ์การแสดงดนตรีผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวหนแรกของร็อกเกอร์คนดังอีกด้วย

งานนี้เจ้าตัวได้บันทึกการแสดงดนตรีครั้งนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเตรียมปล่อยลงสู่โลกออนไลน์เพื่อให้เหล่าแฟนๆ ได้ชมกันในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้ ซึ่งเวลาที่จะได้รับชมนั้น มีความแตกต่างกันไปตามโซนแต่ละทวีป เริ่มที่อังกฤษ และฝั่งยุโรป ก่อนจะไปที่อเมริกา และตามมาด้วยฟากฝั่งออสเตรเลีย ส่วนเอเชียและประเทศไทยนั้น จะได้ชมกันในวันที่ 6 ธันวาคม ตามมาติด ๆ

ส่วน set list หรือรายชื่อเพลงในคอนเสิร์ตออนไลน์ Down by the Thames River จะมีทั้งบทเพลงจากอัลบั้มเดี่ยว  และเพลงคลาสสิกของ Oasis ที่เลียมแทบไม่เคยหยิบมาเล่นอีกเลย อย่าง "Hello" ซึ่งถือว่ากลับมาเล่นอีกครั้งในรอบ 18 ปีเลยทีเดียว รวมถึง "Columbia" และ "Fade Away" ที่หาฟังยากมากๆ และแน่นอนว่า ไฮไลต์คือการเปิดตัว "All You're Dreaming Of" ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปล่อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

รายชื่อเพลงอื่น ๆ ที่จะได้ชมกันมีดังนี้

- Hello

- Wall of Glass

- Halo

- Shockwave

- Columbia

- Fade Away

- Why Me? Why Not

- Greedy Soul

- The River

- Once

- Morning Glory

- Cigarettes & Alcohol

- Headshrinker

- Supersonic

- Champagne Supernova 

- All You're Dreaming Of

ใครที่สนใจ สามารถซื้อบัตรเข้าชมกันได้ที่ http://liamgallagher.com/ และขั้นตอนการซื้อบัตร https://bit.ly/2JoNYRr งานนี้แฟน ๆ เลียมและโอเอซิส ไม่ควรพลาด ของดีไม่มีบ่อย ๆ แน่นอน


ขอบคุณข้อมูล: เพจ All About RKID

 

ทวงบังลังก์ ‘แชมป์ข้าว’ ในรอบ 4 ปี ข้าวหอมมะลิไทย ครองแชมป์สุดยอดข้าวโลก 2563

หลังจากเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกไปให้เวียดนาม และกัมพูชา ล่าสุดไทยทวงบัลลังก์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกกลับมาได้ในรอบ 4 ปี


จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ขณะนี้ข้าวหอมมะลิของไทย ได้รับรางวัล World’s Best Rice Award ประจำปี พ.ศ.2563 หรือ รางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลก จากเวทีการประชุมข้าวโลก หรือ World Rice Conference ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้จัดงานขึ้นในลักษณะของออนไลน์ วันที่ 1 – 3 ธันวาคม พ.ศ.2563
โดยรางวัลชนะเลิศครั้งนี้ ถือเป็นผลงานร่วมกันของคนไทยทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เกษตรกร โรงสี ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาล


ผลดีที่เกิดขึ้นจากการที่ไทยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวโลกครั้งนี้ จะเป็นผลดีต่อเกษตรกร และระบบการค้าข้าวของไทย อีกทั้งยังเป็นการยกระดับความเชื่อมั่นด้านคุณภาพข้าวของไทยในตลาดโลก และการส่งออกข้าวของไทยต่อไปในอนาคต
สำหรับรางวัลนี้ยังถือเป็นการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคมนี้อีกด้วย หลังจากพระองค์ทรงมีคุณูปการเป็นอย่างยิ่งกับวงการข้าวไทย และเป็นพระบิดาแห่งการวิจัยและการพัฒนาข้าวไทย


อีกทั้งยังเป็นการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี พ.ศ.2563 - พ.ศ.2567 ที่มีการตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยจะต้องเป็นผู้นำการผลิตการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลกให้ได้

 

๙ คำที่พ่อสอน

9​ คำที่พ่อสอน
.
พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต

ทางออกธุรกิจเพื่อสังคม!! กู้ที่ไหนไม่ได้...ให้มาออมสิน

แม้ธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) จะเป็นแนวคิดของการทำธุรกิจที่ดีต่อการแก้ไขปัญหาพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ของสหประชาชาติ

แต่ปัญหาสำคัญที่จะเรียกว่าปัญหาใหญ่เลยก็ว่าได้ของธุรกิจเพื่อสังคม คือ ความยากในการเข้าถึง "แหล่งเงินทุน" ที่จะนำมาใช้ต่อยอดและหมุนเวียนระบบธุรกิจ

เพราะด้วยเป้าหมายของการสร้างธุรกิจ SE โดยธรรมชาติ จะไม่ได้มองในเรื่องผลกำไรมาเป็นอันดับแรก ทางสถาบันการเงินส่วนใหญ่ จึงปล่อยกู้ให้ยาก แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะได้เห็นธุรกิจแนวนี้เติบโตในระยะยาว จึงเป็นเรื่องยากด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็มี ธนาคารออมสิน ที่กำลังออกมาอุดช่องโหว่ตรงนี้ ตามนโยบายที่ต้องการเพิ่มบทบาทการเป็นธนาคารเพื่อสังคมอย่างแท้จริงตามยุทธศาสตร์ขององค์กร

ล่าสุดธนาคารออมสิน ได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับโครงการโดยเฉพาะได้แก่ "สินเชื่อธุรกิจ ออมสินขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง หรือเพื่อต่อเติมซ่อมแซมสถานที่ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกิจการ" ออกมา

.

โดยสินเชื่อดังกล่าวตอบโจทย์ธุรกิจ SE ดังนี้

  • ให้วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย มีทั้งเงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 2.99% ต่อปี ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MOR ต่อปี (ปัจจุบัน MOR ของธนาคารฯ = 5.995%)
  • ขณะที่เงินกู้ระยะยาวให้กู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปีแรกไม่ต้องชำระเงินต้น คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 2.99% ต่อปี ส่วนปีที่ 3-10 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี (ปัจจุบัน MLR ของธนาคารฯ = 6.150%)

.

เงื่อนไข

  • วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ใช้บุคคลค้ำประกันร่วมกับ บสย.
  • วงเงินกู้ 3-10 ล้านบาท ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันได้

.

วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า "ปัจจุบันทางออมสินได้มีการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมไปแล้วรวมกว่า 17 ล้านบาท และนอกเหนือจากนั้น ทางธนาคารยังได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย (Social Enterprise Thailand Association: SE Thailand) เพื่อช่วยสนับสนุนบริษัทสมาชิก ทั้งด้านการให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ และช่วยสร้างองค์ความรู้เพื่อยกระดับกิจการให้สามารถช่วยเหลือชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย"

ศูนย์วิจัยกสิกร...ชี้!! เม็ดเงินปีใหม่สะพัด 3 หมื่นล้าน

เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ทุกครั้ง บรรยากาศของการออกมาจับจ่ายใช้สอยจะเป็นภาพที่เห็นกันโดยปกติ เพียงแต่บรรยากาศในปีนี้อาจจะไม่คึกคักจากผลพวงของเศรษฐกิจที่ได้รับการกระทบจากโควิด-19

อย่างไรก็ตามจากแรงหนุนของภาครัฐในการกระตุ้นนโยบายด้านเศรษฐกิจหลาย ๆ ประเภทออกมา ก็เริ่มทำให้บรรยากาศการจับจ่ายของคนไทยเริ่มฟื้นตัวและเป็นอีกตัวแปรที่จะทำให้เม็ดเงินในช่วงปีใหม่นี้สะพัดมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท

รายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 คาดคนกรุงเทพฯจะมีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 อยู่ที่ประมาณ 30,050 ล้านบาท ซึ่งจำนวนตัวเลขนี้จะมีความใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้

เหตุผลเพราะแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเจอกับปัญหาด้านกำลังซื้อ และบรรยากาศทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่ผู้บริโภคเองก็ยังอยากรับสิทธิประโยชน์ที่ช่วยลดหย่อนค่าใช้จ่ายจากภาครัฐอยู่

อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงปีใหม่ พ.ศ.2564 ของศูนย์วิจัยกสิกรนั้น เชื่ออีกว่า คนส่วนใหญ่จะลดงบฉลองปีใหม่จากปีที่แล้ว โดยกว่า 42.5% จะเลือกฉลองในกรุงเทพฯ เพราะต้องการหนีปัญหารถติดและเลี่ยงมาฉลองกันตั้งแต่ต้นเดือนธันวาที่มีวันหยุดยาวแทนไปเลย

ส่วนเรื่องจับจ่ายจะมีการวางแผนกิจกรรมและการใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงปีใหม่อย่างระมัดระวังมากขึ้น เช่น มีการทยอยใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ ตั้งแต่ช่วงแคมเปญลดราคาอย่าง 11.11 และ 12.12 และใช้สิทธิ์การท่องเที่ยวผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเหล่านี้เป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด

ทั้งนี้ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังเผยอีกว่า ค่าใช้จ่ายรวมในช่วงปีใหม่ พ.ศ.2564 หากไม่มีมาตรการกระตุ้นของรัฐใดๆ ไปมากกว่านี้ จะเฉลี่ยอยู่ที่ 5,300 บาทต่อคน เพราะคนเริ่มกังวลกับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top